บทที่ 1480 การปรนนิบัติชั้นยอด
เสี้ยวขณะนี้ เจ้าสวรรค์เสนอข้อเสนอที่มากพอที่จะทำให้คนจิตใจหวั่นไหว ตำแหน่งทูตสวรรค์ พลังฝึกตนจอมเทพขั้นสามถึงราชาเทพ เลือกสิบอันดับแรกของหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ!
ถึงแม้ค่าตอบแทนของเงื่อนไขพวกนี้จะมหาศาล แต่เอามาแลกกับเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าที่มีเพียงหนึ่งเดียว ทั้งหมดก็ล้วนคุ้มค่า
ฟู่! จ้าวเฟิงสูดหายใจลึก สงบจิตใจลงเล็กน้อย
หากไม่ใช่ว่าเขามีไพ่ตายหลบหนี อาจจะหวั่นไหวกระทั่งใช้เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าแลกทั้งหมดนี้มาด้วยซ้ำ แน่นอน ตอนนี้เขาไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างทันควัน มิฉะนั้นเจ้าสวรรค์จะพบสิ่งผิดปกติ
หากเปลี่ยนเป็นคนที่ไม่มีทางหนี เห็นทีจะไม่ปฏิเสธผลประโยชน์ยั่วยวนใจเช่นนี้
“ให้เวลาข้าคิดสักหน่อยก็แล้วกัน” จ้าวเฟิงแกล้งแสดงสีหน้าหนักใจและลังเล
“ไม่มีปัญหา เจ้าอาศัยอยู่ที่นี่ก่อนแล้วกัน ต้องการอะไรบอกคนอื่นได้เลย!”
เมื่อได้ยินคำตอบของจ้าวเฟิง เจ้าสวรรค์พูดอย่างเรียบนิ่ง สีหน้าไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ
จากนั้นเจ้าสวรรค์ก็จากไป
“คนคนนี้ไม่ธรรมดาเลย!” จ้าวเฟิงทอดถอนใจ
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าต้องการเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ามาก แต่ท่าทีของเจ้าสวรรค์กลับไม่ทุกข์ไม่ร้อน
ความบุ่มบ่ามคือปีศาจร้าย เจ้าสวรรค์สามารถรักษาความสงบเยือกเย็นไว้ได้ทุกเมื่อ วิเคราะห์ทุกอย่างไว้ในใจ คนเช่นนี้ทำให้จ้าวเฟิงยิ่งเพิ่มความระวังรอบคอบขึ้น
หลังออกจากห้องลับไป
“เป็นอย่างไรบ้างท่านเจ้าสวรรค์?” ผู้คุมกฎถามเสียงอ่อน
“เจ้าคนนี้ตกอยู่ในอันตราย แต่ท่าทีค่อนข้างสงบเยือกเย็น ยิ่งรู้ถึงความสำคัญของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า ก็ยังอดทนต่อความเย้ายวนของผลประโยชน์ต่างๆ ที่ข้าเสนอไป!”
สีหน้าของเจ้าสวรรค์พลันเปลี่ยนมาปราดเปรื่องล้ำลึก
“ต่อไปพวกเราควรจะทำเช่นไร?” ผู้คุมกฎขอคำแนะนำ
“เจ้าเตรียมพิธีชิงเนตรเทพเจ้าเอาไว้ก่อนเลย จากนั้นค่อยเตรียม ‘ค่ายกลลวงสวรรค์’ หากสุดท้ายเขายังไม่ยินยอมอีก ก็ใช้ไม้แข็งชิงเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ามา!”
เจ้าสวรรค์มอบคำตอบให้ทันที ราวกับว่าในใจมีข้อสรุปเอาไว้แล้ว
ค่ายกลลวงสวรรค์คืออุปกรณ์พิเศษที่เผ่าความลับสวรรค์สร้างขึ้นจากการนำค่ายกลมาผสานกับการติดตั้งอุปกรณ์ สามารถทำให้ความคิดของผู้แข็งแกร่งขั้นจอมเทพตกอยู่ในห้วงความฝันโดยไม่ทันรู้ตัว และสูญเสียแรงต่อต้านใดๆ
หากจ้าวเฟิงยินยอมร่วมมือ ก็ไม่ต้องใช้งานค่ายกลลวงสวรรค์ แต่หากไม่ยินยอม ก็ต้องใช้อุปกรณ์นี้ชิงเนตรเทพเจ้ามา ถึงแม้อัตราความสำเร็จจะไม่สูง แต่ก็เป็นเพียงวิธีเดียวเท่านั้น
พิธีชิงเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ารวมกับค่ายกลลวงสวรรค์ใช้เวลาเตรียมทั้งหมดสองปีอย่างช้าที่สุด สองปีหลังจากนี้ก็จะได้เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ามาไว้ในมือแล้ว
หลังจากนั้นสามวัน เจ้าสวรรค์มายังห้องลับที่จ้าวเฟิงอยู่อีกครั้ง
ตอนนี้จ้าวเฟิงกำลังฝึกฝนอยู่ในชุดคลุมมิติ แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงการมาเยือนของเจ้าสวรรค์
“วิชาของเจ้าพอใช้ได้ แต่ก็ประคับประคองให้เจ้าฝึกฝนจนถึงขั้นหนึ่งสุดยอดเท่านั้น พลังเสวียนอ้าวของเจ้าถึงจะมาก แต่เนื่องจากระดับเสวียนอ้าวไม่สม่ำเสมอ พลังเทพที่สำแดงออกมาจึงไม่ใช่สภาพที่ดีที่สุด…”
เจ้าสวรรค์พลันเอ่ยปาก
จ้าวเฟิงจบการปิดด่านทันที
มีมิติชั้นหนึ่งกั้นเอาไว้ แต่เจ้าสวรรค์ก็ยังมองเห็นสภาพการฝึกฝนของจ้าวเฟิง ทั้งยังมองสภาพความเป็นจริงของวิชาออก ชี้บอกข้อบกพร่องของเขาในรวดเดียว
จ้าวเฟิงทั้งตกใจทั้งนับถือ
“เสวียนอ้าวที่ข้าฝึกฝนมีหลายชนิดเกินไป ขาดทรัพยากรบางอย่าง ไม่รู้ว่าท่านเจ้าสวรรค์จะมอบให้บ้างได้หรือไม่?” จ้าวเฟิงถามหยั่งเชิง
ในเมื่ออีกฝ่ายชี้แนะเขา คำร้องขอนี้น่าจะตกลงกระมัง
“ไม่มีปัญหา เจ้าต้องการอะไรก็บอกข้ามาเถอะ” เจ้าสวรรค์พยักหน้าตอบตกลง
จ้าวเฟิงอึ้งตะลึง เขาคิดว่าเจ้าสวรรค์จะถือโอกาสพูดถึงเรื่องเนตรเทพเจ้าอีกครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลงอย่างไม่เกี่ยงงอนเลยสักนิด
วันที่สอง มีผู้อาวุโสสองคนมาเยือนที่นี่
หนึ่งในนั้นคือเป่ยหมิงฮุย
“นี่คือทรัพยากรที่เจ้าต้องการ”
เป่ยหมิงฮุยหยิบมิติเก็บของออกมา
จ้าวเฟิงตะลึงไปเล็กน้อย เรื่องเล็กแค่นี้ เจ้าสวรรค์ถึงกับส่งทูตสวรรค์มาจัดการด้วยตัวเอง
หลังจากรับมิติเก็บของมา จ้าวเฟิงก็กวาดประสาทสัมผัสเทพผ่าน ของที่เขาต้องการไม่ขาดไปเลยสักอย่าง
“นี่ท่านทั้งสองจะทำอะไร?” จ้าวเฟิงมองไปยังทูตสวรรค์ทั้งสอง หลังจากพวกเขามอบมิติเก็บของแล้วก็ไม่จากไป
“ช่วงนี้ท่านเจ้าสวรรค์ยุ่งมาก เจ้าต้องการอะไรบอกพวกเรามาได้เลย!”เป่ยหมิงฮุยกลอกตามองจ้าวเฟิงแวบหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะท่านเจ้าสวรรค์บัญชามา เขาไม่มีทางมาทำเรื่องพรรค์นี้เด็ดขาด
จ้าวเฟิงอ้าปาก ตกใจเล็กน้อย การปรนนิบัติดูแลจะดีเกินไปหน่อยแล้วกระมัง อีกทั้งหากไม่ใช่ว่าเจ้าสวรรค์มีธุระ ก็อาจจะมาที่นี่เป็นเพื่อนตนทุกวัน
“ข้าต้องการวัตถุดิบที่ทำให้ศูนย์กลางของอาณาจักรเทพมั่นคงจำนวนหนึ่ง!”
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จ้าวเฟิงก็บอกความต้องการของตัวเองอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย การยึดครองห้วงฝันบรรพกาลใกล้จะสำเร็จแล้ว แต่เนื่องจากอาณาจักรเทพกว้างใหญ่เกินไป ศูนย์กลางอาจจะไม่มั่นคงได้
สายตาของทูตสวรรค์ทั้งสองตกใจเล็กน้อย พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะหน้าหนาไร้ยางอาย เอ่ยเรียกร้องทันทีจริงๆ
วัตถุดิบทำให้อาณาจักรเทพมั่นคงล้ำค่ายิ่งนักที่โลกภายนอก ศูนย์กลางของอาณาจักรเทพก็เป็นตัวตัดสินคุณสมบัติของอาณาจักรเทพ
ฟุ่บ! เป่ยหมิงฮุยจากไปทันที
หนึ่งชั่วยามหลังจากนั้น เขาก็นำ ‘โลหิตศักดิ์สิทธิ์กำเนิดสวรรค์’ ของล้ำค่าในการทำอาณาจักรเทพให้มั่นคงมาให้ชิ้นหนึ่ง
“ขอบคุณมาก!” จ้าวเฟิงหยิบ ‘โลหิตศักดิ์สิทธิ์กำเนิดสวรรค์’ ไปอย่างไม่เกรงใจจากนั้นก็เข้าไปในห้วงฝันบรรพกาล
ณ โลกภายนอก เมื่อจ้าวเฟิงจู่ๆ ก็หายไป ทูตสวรรค์ดวงตาส่องประกายเล็กน้อย
“เอ๋? อาณาจักเทพอย่างนั้นรึ?” ตาของเป่ยหมิงฮุยจ้องไปในห้องลับ
“วางใจเถอะ ต่อให้เป็นราชาเทพที่เชี่ยวชาญกฎเกณฑ์มิติ ก็ไม่อาจใช้เคลื่อนย้ายมิติออกไปจากที่แห่งนี้ได้!” ทูตสวรรค์อีกคนไม่สนใจนัก
ในห้วงฝันบรรพกาล จ้าวเฟิงใกล้จะยึดครองและทำให้ศูนย์กลางมั่นคงได้แล้วเต็มที
วันต่อมา เขาใช้ทรัพยากรก่อนหน้านี้ฝึกฝนเสวียนอ้าวอื่นๆ ทุกครั้งที่ทรัพยากรใช้หมด เขาก็จะบอกความต้องการไป และจอมเทพทั้งสองก็จะรีบสนองความต้องการของจ้าวเฟิงทันที
เวลาครึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ช่วงนี้จ้าวเฟิงยกระดับขึ้นไม่น้อย ก่อนหน้านี้เขาเตรียมตัวว่าหลังจากที่ได้ข้อมูลและรายงานบางอย่างก็จะไปจากที่นี่ แต่เจ้าสวรรค์ให้การดูแลที่ดีกับเขาเช่นนี้ ช่างทำให้จ้าวเฟิงทำใจจากไปไม่ได้เสียจริงๆ
“ช่วงนี้เสวียนอ้าวของข้าพัฒนาไปมาก ขอเชิญจอมเทพเป่ยหมิงเป็นคู่ฝึก ชี้แนะให้ข้าสักหน่อย!”
วันนี้ จ้าวเฟิงเอ่ยความต้องการอีก
“เจ้าจะสู้กับข้า?” เป่ยหมิงฮุยอดหัวเราะขึ้นไม่ได้
ตนเองเป็นจอมเทพขั้นสามสุดยอด เป็นสายเลือดเผ่าทำนุฟ้าที่อยู่อันดับหกของหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ต่อให้เสวียนอ้าวทั้งหลายของจ้าวเฟิงยกระดับทั้งหมด พออยู่ในมือของเขาก็ยังไม่มีแรงต้านทานแม้แต่น้อย แต่กับคำขอที่จ้าวเฟิงเอ่ยออกมา เป่ยหมิงฮุยจำต้องตอบรับไป
แน่นอน จ้าวเฟิงยังตั้งข้อจำกัดไว้ด้วย นั่นก็คือเป่ยหมิงฮุยห้ามใช้พลังเทพ เพราะตอนนี้เขาฝึกฝนเพียงพลังของตัวเองเท่านั้น ไม่คิดใช้พลังเนตรเทพมายา
“เปลี่ยนที่เถอะ!” เป่ยหมิงฮุยขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วหมุนตัวจากไป
ต่อมา ทั้งสองก็มาถึงห้องฝึกฝนโดยเฉพาะห้องหนึ่ง มิติข้างในแข็งแกร่ง ต่อให้เป็นจอมเทพขั้นสามก็ยากจะทำลายได้
“เริ่มได้เลย!” จ้าวเฟิงคำรามเสียงต่ำ
“หึ!” เป่ยหมิงฮุยไม่พูดพร่ำทำเพลง โคจรพลังเทพมืดหม่นผสมปนเปโจมตีออกไป
การต่อสู้ที่ไร้ความหมายเช่นนี้ เป่ยหมิงฮุยไม่ยินดีเป็นอย่างมาก ตอนนี้เขาเริ่มรังเกียจจ้าวเฟิงขึ้นมานิดหนึ่งแล้ว
“พลังของจอมเทพขั้นสาม!” ม่านตาจ้าวเฟิงหดลง ก่อนจะโคจรพลังเทพรวมศูนย์หลอมรวมกระบี่เทพออกมา
ตอนนี้นอกจากในพลังเทพรวมศูนย์ของเขาจะมีกฎเกณฑ์มิติแล้ว ยังมีเสวียนอ้าวอื่นๆ อีก ทั้งหมดล้วนเป็นขั้นเก้า เขาเสริมข้อบกพร่องตามที่เจ้าสวรรค์ชี้แนะให้
ครืน บึ้ม! กระบี่ของเขาฟาดฟันไปบนพลังเทพที่เป่ยหมิงฮุยซัดออกมา
แขนของเขาสั่นไหว รู้สึกชาไร้ความรู้สึกไปชั่วขณะหนึ่ง เขารีบขับเคลื่อนพลังเทพรวมศูนย์ให้มากยิ่งขึ้นแล้วปลดปล่อยออกไป
ครืน บึ้ม ตูม! พลังเทพของเป่ยหมิงฮุยถูกเขาฟันสลายไป แต่กระบี่เทพรวมศูนย์ที่เขารวมขึ้นก็แหลกไปเช่นกัน
“เยี่ยม!” สีหน้าจ้าวเฟิงฉายแววลิงโลด
พลังเทพรวมศูนย์ของเขาก่อนหน้านี้เท่ากับพลังเทพของจอมเทพขั้นสองทั่วไปเท่านั้น แต่จากการฝึกฝนและศึกษาค้นคว้าในช่วงนี้ พลังเทพของเขาสามารถสร้างผลกระทบให้กับพลังเทพของจอมเทพขั้นสามได้แล้ว
แน่นอนว่าเมื่อครู่เป่ยหมิงฮุยก็แค่ลงมือไปตามอารมณ์เท่านั้น ยังไม่ได้สำแดงพลังอีกหลายส่วน
เป่ยหมิงฮุยที่อยู่ไกลออกไปมีสีหน้าอึ้งตะลึง
‘พลังเทพของมันคล้ายกับพลังเทพรวมศูนย์ของข้า!’
แววตาของเป่ยหมิงฮุยเคร่งเครียด ถึงแม้เขาจะเหม่อลอย แต่เหตุการณ์เมื่อครู่เขาเห็นชัดเจนดี
คุณสมบัติพลังเทพรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงคล้ายกับพลังที่ปั่นป่วนของเขา
เมื่อครู่ กระบี่เทพรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงยังกัดกินพลังปั่นป่วนของเขา ด้วยเหตุนี้จึงมีแรงต้านทานต่อพลังปั่นป่วนอยู่เล็กน้อย
‘เจ้าเด็กนี่ฝึกฝนพลังเทพเช่นนี้ออกมาได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ!’ เป่ยหมิงฮุยค่อนข้างตกใจ
หลังจากศึกษาแลกเปลี่ยนวิชาไปสิบกระบวนท่า เป่ยหมิงฮุยก็ค่อยๆ ออกแรง เมื่อจ้าวเฟิงพ่ายแพ้ล่าถอยมา ก็กลับไปย่อยทำความเข้าใจการต่อสู้ ฝึกฝนยกระดับพลัง
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ใจของเป่ยหมิงฮุยก็เกิดคลื่นอารมณ์ขึ้นมา นี่เพิ่งจะครึ่งปีเท่านั้น พลังของอีกฝ่ายกลับเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย
ต่อจากนั้น ทุกครั้งที่ผ่านไประยะหนึ่ง จ้าวเฟิงก็จะไปหาเป่ยหมิงฮุยเพื่อฝึกฝน
เป่ยหมิงฮุยรู้สึกหงุดหงิดนัก เขาต้องมาเป็นคู่ฝึกให้กับเจ้าเด็กนี่ ช่างเป็นเรื่องอัปยศในชีวิตของเขาเสียจริง
ในช่วงระยะนี้จ้าวเฟิงก็ยังคงเอ่ยปากขอทรัพยากรฝึกฝนมากมาย
ในวันนี้ เป่ยหมิงฮุยมาหาผู้คุมกฎ
“ท่านผู้คุมกฎ จ้าวเฟิงนั่นไม่เห็นที่นี่อยู่ในสายตาเลยสักนิด เอ่ยคำขอไม่สมเหตุสมผลต่างๆ ใช้ข้ากับสหายตงฟางไปมา ข้าว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ได้คิดจะมอบเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ามาหรอก!” เป่ยหมิงฮุยกล่าวโทษของจ้าวเฟิงออกมาทีละอย่าง
“นี่คือคำบัญชาของท่านเจ้าสวรรค์!” ผู้คุมกฎไม่คิดเลยสักนิด พูดตอบทันที
ทูตสวรรค์ทั้งสองก็เงียบลงเช่นกัน เครือข่ายขั้วอำนาจขนาดมหึมานี้สามารถพัฒนามาจนถึงขั้นนี้ได้ ก็เพราะการวางแผนต่างๆ ของท่านเจ้าสวรรค์
“ท่านเจ้าสวรรค์ทำเช่นนี้จะต้องมีเหตุผลของเขาแน่นอน!” ผู้คุมกฎพูดคลุมเครือ
เจ้าสวรรค์มีทางเลือกให้จ้าวเฟิงสองทาง แต่ไม่ได้อธิบายอะไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับจ้าวเฟิงเอง หากจ้าวเฟิงยินยอม สิ่งที่จ่ายออกไปพวกนี้ล้วนคุ้มค่า อีกทั้งถึงตอนนั้นจ้าวเฟิงก็จะกลายเป็นคนของพวกเขา หากหลังจากนี้สองปีจ้าวเฟิงไม่ยินยอม เช่นนั้นก็มีเพียงความตายรออยู่เท่านั้น
ส่วนวิธีพวกนี้เท่ากับลดการป้องกันของจ้าวเฟิงลง ทำให้อัตราส่วนความสำเร็จของแผนช่วงชิงเนตรเทพเจ้าสูงมากขึ้นอีก
สรุปแล้ว ผู้คุมกฎเชื่อในแผนการของเจ้าสวรรค์
เป่ยหมิงฮุยจึงกลับไปเฝ้าจ้าวเฟิงยังห้องลับกับจอมเทพอีกคนหนึ่งต่อ
ในวันนี้ เจ้าสวรรค์มาเยือนที่นี่
“ท่านเจ้าสวรรค์!” เป่ยหมิงฮุยและจอมเทพอีกคนหนึ่งทำความเคารพอย่างนอบน้อม
ในตอนนี้จ้าวเฟิงยังฝึกฝนอยู่ในชุดคลุมมิติ
เขาใช้จิตใจเดียวทำหลากหลาย ความคิดส่วนหนึ่งนำมาฝึกฝนเสวียนอ้าวและกฎเกณฑ์ อีกส่วนหนึ่งนำมาศึกษาวิชาดวงตา
“จ้าวเฟิง ความลึกซึ้งด้านวิชาดวงตาของเจ้าไม่เลว แต่ก็ยังมีที่ติเล็กน้อย!”
ดวงตาล้ำลึกของเจ้าสวรรค์จ้องไปยังจ้าวเฟิงที่อยู่ในชุดคลุมมิติ
สีหน้าของจ้าวเฟิงเปลี่ยนไป ก่อนจะจบการปิดด่านทันที
ตอนนี้จ้าวเฟิงสนใจเจ้าสวรรค์ กระทั่งนับถืออีกฝ่ายเป็นอย่างมากที่สร้างขั้วอำนาจสุดยอดเช่นนี้ขึ้นได้
วู้ม! นัยน์ตาของเจ้าสวรรค์ทะลักพลังดวงตาเลือนรางแต่แข็งแกร่งออกมา
“สายเลือดดวงตางั้นรึ?” จ้าวเฟิงตกใจ
เขาเข้าใจมาตลอดว่าเจ้าสวรรค์เป็นคนของเผ่าความลับสวรรค์ หรือเขาจะมีสายเลือดดวงตาอีก?
อีกทั้งเจ้าสวรรค์กระตุ้นสายเลือดดวงตาขึ้นในตอนนี้เพื่ออะไรกันแน่?