บทที่ 1487 โจมตีกระเด็นในกระบวนท่าเดียว
ยามเห็นจ้าวเฟิงทะยานเข้าไปในมิติลับมังกรเหลือง ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ตามหลักแล้ว คนของเขาคลื่นเงาบุกมา จ้าวเฟิงควรจะช่วยพวกเขาร่วมกันต้านทานศัตรูก่อน หลังจากศัตรูแพ้พ่ายล่าถอยไปแล้ว ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ก็สามารถเปิดมิติลับมังกรเหลืองให้จ้าวเฟิงได้อีก ตอนนี้จ้าวเฟิงหนีไปคนเดียว พวกเขาทั้งสามเกรงว่าคงยากที่จะจัดการกับจอมเทพทั้งสี่ของเขาคลื่นเงาได้
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์แปลกใจก็คือ หลังจากที่จอมเทพเขาคลื่นเงาทั้งหลายมาถึงที่นี่ก็ไม่ได้ลงมือโจมตี
“เจ้าพวกโง่เง่า ปล่อยให้คนนอกเข้าไปใน ‘มิติลับมังกรเหลือง’ อย่างนั้นรึ!”
ผู้อาวุโสเขาวัวสบถด่าออกมาอย่างฉุนเฉียว
มีสมบัติล้ำค่าถึงเพียงนี้ซ่อนอยู่ในขั้วอำนาจของตัวเอง แต่ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์กลับไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย ทั้งยังปล่อยให้คนนอกเข้าไปข้างใน
“หรือข้างในจะมีความลับอะไร?” เจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์รีบถามขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงเงื่อนงำบางอย่าง
จ้าวเฟิงเดินทางมาไกลถึงที่นี่ บอกว่ามีเรื่องบางอย่างต้องการสืบ สุดท้ายกลับเข้าไปในมิติลับมังกรเหลืองแล้ว ท่าทีและคำพูดต่างๆ ก่อนหน้านี้ของเขาคลื่นเงาก็ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบมาพากล
“เจ้าโง่ ในมิติมังกรเหลืองของพวกเจ้ามีความลับและสมบัติของเผ่าทำนุฟ้าที่อยู่ในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณซ่อนไว้!”
ผู้อาวุโสเขาวัวไม่ปิดบัง พูดออกมาตรงๆ
จุดประสงค์แท้จริงที่พวกเขาโจมตีตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ก็เพื่อของล้ำค่าของเผ่าทำนุฟ้า ทำลายตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์เป็นเรื่องรอง
ตอนนี้มีคนเข้าไปในมิติลับก่อนแล้ว พวกเขาจะต้องรีบตามเข้าไป
ดังนั้นตอนนี้จึงไม่ใช่เวลามาสู้เอาเป็นเอาตายกับตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ หากมัวแต่เสียเวลาปล่อยให้จ้าวเฟิงได้ของล้ำค่าเผ่าทำนุฟ้าก็สายเกินไปแล้ว อีกทั้งการเปิดมิติลับมังกรเหลืองอีกครั้ง พลังของตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์เป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้ ผู้อาวุโสเขาวัวจึงไม่อ้อมค้อม บอกความลับนี้กับตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์
“อะไรนะ ของล้ำค่าของเผ่าทำนุฟ้า?” เจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์อึ้งอยู่กับที่ราวกับถูกฟ้าผ่า สีหน้าของจอมเทพอีกสองคนก็เหม่อลอยไปเช่นกัน
เผ่าทำนุฟ้าเป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานที่อยู่ในอันดับหกของรายชื่อมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ พลังบริสุทธิ์ที่เผ่าพันธุ์นี้ครอบครองยิ่งแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แทบจะไม่ถูกพลังใดควบคุมอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าในมิติลับระดับต่ำแห่งนี้จะซ่อนความลับเช่นนี้เอาไว้
หากเปลี่ยนเหตุการณ์ปกติ เขาคลื่นเงาพูดเช่นนี้ พวกเขาไม่เชื่อแน่นอน
แต่ตอนนี้เขาคลื่นเงาโจมตีมาแล้วจู่ๆ กลับหยุดมือ รวมกับเมื่อครู่ที่จ้าวเฟิงทะยานเข้าไปข้างในมิติลับมังกรเหลืองโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น เมื่อสรุปรวมเบาะแสพวกนี้แล้ว ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์เลยต้องเชื่อ
ที่จริงแล้ว ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสในตำหนักเคยบอกพวกเขาเรื่องมิติลับมังกรเหลือง พูดว่ามีอัจฉริยะเทพแท้จริงตายอยู่ข้างใน แต่หลังจากที่ผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบก็สืบอะไรไม่เจอ
แต่ในฐานะที่เป็นจอมเทพ พวกเขาก็ขี้เกียจจะสนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ในตอนนั้นยังรู้สึกว่าเทพโบราณในตำหนักไร้ความสามารถ เรื่องเล็กเช่นนี้ยังจัดการให้ดีไม่ได้
คาดไม่ถึงว่าข้างในจะมีความลับยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
“รีบเปิดมิติลับอีกครั้งเร็วเข้า หากให้เจ้านั่นชิงของล้ำค่าไปได้ ข้าว่าพวกเจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ได้กลายเป็นตัวตลกของทั้งเขตปราการหยั่งรู้แน่!”
ผู้อาวุโสเขาวัวเสียดสีเสียงเย็น
จอมเทพตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ทั้งหลายปรายตามองพวกเขาคลื่นเงา
ถึงแม้เขาคลื่นเงาจะบอกเรื่องนี้กับพวกเขา แต่ถึงอย่างไรเขาคลื่นเงาก็เป็นศัตรูคู่อาฆาต จะต้องป้องกันเอาไว้
สุดท้ายขั้วอำนาจทั้งสองก็ได้ข้อตกลง เขาคลื่นเงาจะไม่โจมตีตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์เป็นการชั่วคราว แต่ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ต้องเปิดมิติลับให้พวกเขาเข้าไปข้างใน
“พวกเจ้าถอยออกมาจากเขตพื้นที่ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์!” ผู้อาวุโสเขาวัวบัญชาให้เทพโบราณของเขาคลื่นเงาทั้งหมดถอยไป ต่อมา จอมเทพทั้งหลายของสองขั้วอำนาจก็ร่วมมือกันเปิดมิติลับออกอีกครั้ง
ในการเปิดมิติลับทุกครั้ง การเปิดครั้งต่อไปต้องใช้เวลาช่วงหนึ่ง ภายในหนึ่งวันเปิดติดต่อกันสองครั้งเช่นวันนี้จะยากมากนัก ด้วยเหตุนี้ จอมเทพทั้งหมดของสองขั้วอำนาจเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันถึงจะเปิดมิติลับได้อีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน เจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ก็นำจอมเทพทั้งสองเข้าไปในมิติเก็บของ ส่วนผู้อาวุโสเขาวัวก็นำจอมเทพของเขาคลื่นเงาและจอมเทพอวิ๋นเยวี่ยไปไว้ในมิติอื่น เพราะหลังจากเส้นทางที่นำไปสู่มิติลับเปิดออกจะถูกสุ่มส่งออกไป หากเป็นวิธีนี้จะสามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เช่นนั้นได้
“จ้าวหวาง ไม่คิดเลยว่าเจ้าแฝงตัวเข้ามาก็เพื่อชิงของล้ำค่าของตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไม่เกรงใจเจ้าแล้ว!”
เจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ส่งเสียงอย่างแค้นเคือง ก่อนจะกระโดดเข้าไปในเส้นทาง
ในมิติลับมังกรเหลือง จ้าวเฟิงปรากฏตัวขึ้นที่บึงแห่งหนึ่ง
เสี้ยววินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ในบึงเบื้องล่างก็มีกลิ่นอายของสัตว์วิเศษระดับประมาณเทพแท้จริงขั้นห้าแผ่กระจายมาหลายกลุ่ม
โฮก~ ในบึงสีดำพลันมีจระเข้ยักษ์เกราะดำหลายตัวปรากฏขึ้น หมอกดำทะมึนทั่วตัวของมันพุ่งไปยังจ้าวเฟิงติดๆ กัน
วู้ม~ ตราผนึกฟ้าประสานบนร่างของจ้าวเฟิงอ่อนกำลังลงหลายส่วน กลิ่นอายแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งเผยออกมา
จระเข้ยักษ์เกราะดำสัมผัสถึงกลิ่นอายกลุ่มนี้ก็ส่งเสียงร้องพลางมุดกลับลงไปในบึงทันที เนื้อตัวมันสั่นเทา ร้องขอให้จ้าวเฟิงไว้ชีวิต
จ้าวเฟิงขี้เกียจจะสนใจเรื่องพวกนี้
‘มรดกของเผ่าทำนุฟ้าน่าจะซ่อนอยู่ในมิติลับนี่ แต่คนของตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์กลับสัมผัสไม่ได้มาโดยตลอด พิสูจน์ได้ว่าที่แห่งนั้นซ่อนอยู่มิดชิดมาก!’
จ้าวเฟิงคาดเดาในใจ แต่สำหรับเรื่องหาของล้ำค่าเช่นนี้ เขาค่อนข้างมั่นใจอยู่
วู้ม! ก่อนอื่น เขาแผ่กระจายประสาทสัมผัสเทพของจอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอดออกมา และเริ่มการค้นหา
มิติแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่ ประสาทสัมผัสเทพของจ้าวเฟิงไม่อาจครอบคลุมได้ทั้งหมด จากนั้นจ้าวเฟิงกระตุ้นตาซ้ายเล็กน้อย ใช้พลังมองทะลุผ่านทำการสำรวจ
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ร่างของเขากะพริบต่อเนื่อง เดินหน้าค้นหาแบบปูพรม ใช้พลังมองทะลุผ่านของตาซ้ายและประสาทสัมผัสเทพพร้อมๆ กัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผลอะไร
“ท่าทางข้าดูถูกที่ซ่อนของล้ำค่าเกินไปแล้ว!”
จ้าวเฟิงหยุดลง
แต่ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างคือข้อมูลผิดพลาด มิติแห่งนี้ไม่ได้มีจุดพิเศษอะไรอยู่แล้ว ทว่าความเป็นไปได้นี้น้อยมาก
“ใช่แล้ว พลังบริสุทธิ์!” จ้าวเฟิงพลันนึกได้ ก่อนหน้านี้จู่ๆ พลังบริสุทธิ์ของเขาก็เกิดปฏิกิริยาบางอย่างขึ้น
พลังบริสุทธิ์ที่เขาหลอมรวมออกมาใกล้เคียงกับของเผ่าทำนุฟ้ามาก บางทีอาจจะใช้พลังกลุ่มนี้ค้นหาที่ซ่อนของล้ำค่าได้
วู้ม~ จ้าวเฟิงยื่นมือข้างหนึ่งออกไป พลังปั่นป่วนขมุกขมัวกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นบนนั้นช้าๆ เสี้ยวขณะที่พลังนี้ปรากฏขึ้น พลังฟ้าดินที่รวมตัวในบริเวณนั้นก็ถูกมันดูดมาทันใดนั้น พลังบริสุทธิ์กลุ่มนี้ก็กะพริบเบาๆ เกิดความเคลื่อนไหวแปลกประหลาดขึ้นเพียงชั่วพริบตา จ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ถึงแรงฉุดดึงกลุ่มหนึ่ง
“อยู่ทางนี้!” ใบหน้าของจ้าวเฟิงฉายแววยินดี บินเลาะไปตามทิศทางที่ถูกดึงไป
ไม่นานนักเขาก็มาถึงป่าทึบแห่งหนึ่ง
ที่แห่งหนึ่งในป่า ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ต้นไม้ก็เติบโตเร็วขึ้นจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ผืนดินบริเวณนั้นก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานนักก็กลายเป็นเนินเขาเล็กๆ
“พลังบริสุทธิ์ เปลี่ยนแปลงสรรพสิ่ง!” แววตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย
พลังบริสุทธิ์สามารถสูบกินพลังอื่นๆ และสามารถพัฒนาพลังธาตุอื่นได้ด้วยเช่นกัน เมื่อสังเกตุอย่างละเอียด จ้าวเฟิงพบรอยแยกเล็กๆ ในพื้นที่ที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน
เขาจำได้ว่าตอนผ่านที่นี่ก่อนหน้านี้ไม่มีรอยแยกมิติแห่งนี้อยู่ แต่หลังจากปล่อยพลังบริสุทธิ์ออกไป ก็อาจจะเหนี่ยวนำการตอบรับของพลังบริสุทธิ์ภายใน ทำให้รอยแยกขยายใหญ่ขึ้นอีกหลายส่วน
“อยู่ข้างล่างนี่แน่แล้ว!” จ้าวเฟิงลิงโลด เตรียมตัวพุ่งเข้าไป แต่ทันใดนั้นฟ้าดินเกิดสั่นไหว กลิ่นอายลึกล้ำมหาศาลตรงเข้ามา
ฟิ้ว! คมดาบแสงจันทร์อันเลือนรางแหวกผ่านท้องฟ้า โจมตีไปยังที่ที่จ้าวเฟิงอยู่อย่างรวดเร็ว
จ้าวเฟิงพุ่งหลบออกมา
ครืน บึ้ม! คมดาบแสงจันทร์ใหญ่มหึมาซัดจนผิวดินเกิดร่องลึก
“ฮ่าๆ ผู้เยาว์ นับว่าเจ้ามีความสามารถอยู่บ้าง ไม่นึกว่าจะหาที่ซ่อนของล้ำค่าเผ่าทำนุฟ้าเจอ!” ผู้อาวุโสเขาวัวหัวเราะเสียงดัง เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
จอมเทพอีกสามคนที่มาด้วยกันก็มีสีหน้าตื่นเต้นเช่นกัน
“เจ้าเขา เจ้านี่มีพลังไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้มันก็แทรกแซงพวกเรา ถึงได้ทำให้แผนล้มเหลว!” เสียงต่ำทุ้มของผู้อาวุโสคนหนึ่งดังมาจากในกลุ่ม
ความกดดันรุนแรงที่จ้าวเฟิงสร้างให้เขาในตอนนั้น วันนี้เขายังจำมันได้ชัดเจน
“หึ เจ้าหนุ่ม เห็นแก่ที่เจ้าหาที่ซ่อนของล้ำค่าเผ่าทำนุฟ้าเจอ พวกเราจะไว้ชีวิตเจ้า ไสหัวไปเสียตอนนี้!” ผู้อาวุโสเขาวัวแค่นเสียงเย็น
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือรีบเอาของล้ำค่ามาให้ได้เร็วที่สุด เขาเชื่อว่ากลุ่มของตนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ จ้าวเฟิงไม่มีทางเลือกฝืนปะทะด้วย
“ตอนนี้ข้าให้โอกาสเจ้า ไปซะ มิเช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าไม่เกรงใจ!”
สีหน้าของจ้าวเฟิงเย็นชา
เดิมทีเขาสามารถเอาทุกอย่างไปได้อย่างไร้ร่องรอย แต่การปรากฏตัวของเขาคลื่นเงากลับทำลายแผนไปแล้ว
เช่นเดียวกัน เป้าหมายของจ้าวเฟิงมีเพียงแค่มรดกของล้ำค่าเท่านั้น หากเขาคลื่นเงารู้ว่าควรทำตัวอย่างไรแล้วถอยให้ เขาก็จะไม่เอาความ
“ผู้เยาว์ เจ้ากำลังรนหาที่หาย!” ผู้อาวุโสเขาวัวโมโหทันใด
เป็นแค่จอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอดกลับให้พวกเขาจอมเทพทั้งสี่ถอยให้ ช่างเป็นเรื่องน่าหัวเราะยิ่งนัก
จอมเทพอวิ๋นเยวี่ยที่อยู่ข้างๆ มีสีหน้าเย็นชา
ขวับ! ฝ่ามือของนางสะบัดอีกครั้ง คมดาบแสงจันทร์สายหนึ่งแผ่กระจายออกมาอยู่ใกล้ถึงเพียงนี้ โดยปกติแล้วจอมเทพขั้นหนึ่งไม่มีทางหลบได้ หากไม่ตายก็เจ็บหนักแต่จ้าวเฟิงจำเป็นต้องหลบเสียที่ไหนกัน
ประกายแสงสีเงินที่สอดประสานกันแผ่ระลอกออกมาจากชุดคลุมมิติ ต้านทานคมดาบแสงจันทร์เอาไว้ข้างหน้า
ครืน บึ้ม! จ้าวเฟิงโคจรพลังเทพรวมศูนย์ โจมตีออกไปหมัดหนึ่ง บดขยี้มันแหลกละเอียด
“ผู้เยาว์ เจ้าก็พอมีความสามารถอยู่บ้างนี่!” จอมเทพอวิ๋นเยวี่ยเพ่งมอง
การประมือเมื่อครู่นางก็มองออกแล้วว่าพลังของจ้าวเฟิงไม่ธรรมดา เช่นนี้ถึงจะสมเหตุสมผลหน่อย มิเช่นนั้นจ้าวเฟิงคงไม่คุยโวเช่นนั้นออกมา
“ฆ่าเสีย!” จอมเทพเขาคลื่นเงาทั้งสามบินออกไปพร้อมกัน แปลงเป็นประกายเงามืดหม่น บินเข้าประชิดจ้าวเฟิงจากทั้งสามทิศ
ผู้ก่อตั้งเขาคลื่นเงาคือผู้แข็งแกร่งเผ่าเงาราตรี ด้วยเหตุนี้เคล็ดวิชาส่วนใหญ่ในเขาคลื่นเงาจึงเกี่ยวพันกับเผ่าเงาราตรีในระดับหนึ่ง
“ผู้เยาว์ ตายซะเถอะ!” กรงเล็บเหล็กสีเทาเงินปรากฏขึ้นในมือของผู้อาวุโสเขาวัว แสงเย็นยะเยือกลอยเอ่อในท้องฟ้า
“กระบี่เทพรวมศูนย์!” พลังเทพรวมศูนย์ทะลักออกมาจากมือของจ้าวเฟิง หลอมรวมเป็นกระบี่เทพเล่มหนึ่งในชั่วพริบตา ก่อนจะตวัดฟันออกไป
ครืน บึ้ม! ทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน ส่งเสียงระเบิดสะเทือนเลื่อนลั่น
สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ ร่างของผู้อาวุโสเขาวัวลอยกระเด็นไปข้างหลัง
“เป็นไปได้อย่างไร?” ผู้อาวุโสเขาวัวกระอักเลือด ใบหน้าตื่นตะลึง
อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่ายามปะทะกับจ้าวเฟิงครั้งแรก เขาจะถูกพลังประเภทกำราบซัดจนกระเด็น!
จอมเทพสามคนที่เหลืออึ้งตะลึงไปทันทีเมื่อเห็นฉากนี้
จอมเทพเขาคลื่นเงาสองคนที่กำลังเตรียมโจมตีชะงัก ไม่กล้าบุกไปข้างหน้าต่อ
ผู้อาวุโสเขาวัวเป็นถึง ‘เจ้าเขาคลื่นเงา’ พลังฝึกตนอยู่จอมเทพขั้นสอง ยังถูกจ้าวเฟิงซัดถอยในกระบวนท่าเดียว พวกเขาบุ่มบ่ามเข้าไปจะไม่เป็นการรนหาที่ตายหรอกหรือ
พวกเขาโชคดีนักที่ตอนไล่สังหารอ๋าวหงกวงไม่ได้สู้ตัวตายกับจ้าวเฟิง ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาอาจร้ายแรงจนยากจะคาดเดา
จอมเทพอวิ๋นเยวี่ยจ้องจ้าวเฟิงเขม็ง สีหน้าเยือกเย็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
กระบวนท่าเดียวโจมตีจนจอมเทพขั้นสองกระเด็น อีกทั้งตัวต้นเหตุยังเป็นเพียงแค่จอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอด เขาเป็นใครมาจากที่ใดกันแน่?