บทที่ 1489 ตำราเทพสูงสุด

กิเลนดำคล้ำตัวนี้มีพลังบริสุทธิ์ไร้สิ่งเจือปนอยู่มหาศาล พลังฝึกตนของมันสูงถึงขั้นสองสุดยอด

ขั้นหนึ่งสุดยอดทั่วไปอยู่ต่อหน้ามันจะไร้ซึ่งพลังต้านทานใดๆ มีแต่ชะตาที่จะโดนมันตะปบตายเท่านั้น

เรื่องนี้ทำให้เห็นว่านับจากที่จ้าวเฟิงเข้ามาที่นี่ สิ่งมีชีวิตซึ่งระบุไม่ได้ที่ซ่อนอยู่ในแท่นเทวะก็เริ่มสำรวจเขาแล้ว อีกฝ่ายเดาว่าด้วยพลังของจ้าวเฟิง อย่างมากก็สามารถต้านทานจอมเทพขั้นสองสุดยอดได้ ด้วยเหตุนี้จึงรวมเทพปีศาจขั้นสองที่มีพลังบริสุทธิ์ขึ้นมา

“กระบี่อัสนีเทวะ!”

พลังเทพรวมศูนย์ทะลักออกมาจากมือของจ้าวเฟิง ก่อตัวเป็นกระบี่ยาวหน้ากว้างขึ้นเล่มหนึ่ง บนนั้นมีสายอัสนีเทวะนับไม่ถ้วนแลบแปลบปลาบ เผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนี้ จ้าวเฟิงไม่มีทางประมาทแน่

“เอ๋ ผสานพลังอัสนีได้ด้วยรึ?” เสียงในแท่นเทวะแฝงไว้ด้วยความสนใจ

ที่จริงแล้ว จ้าวเฟิงไม่ใช่เผ่าทำนุฟ้า แต่สามารถฝึกฝนพลังเทพจนใกล้เคียงกับระดับพลังบริสุทธิ์ได้ ก็ทำให้เขาต้องมองใหม่แล้ว

โฮก~ กิเลนดำหม่นตัวนั้นคำราม ก่อนจะพ่นกลุ่มแสงบิดเบี้ยวออกมา กลุ่มแสงนั้นพวยพุ่งไปยังจ้าวเฟิงด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ กระบวนการนี้ไม่มีทักษะอะไรนัก เพียงแค่ใช้พลังบริสุทธิ์หลอมรวมออกมาแล้วโจมตีไปอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยคุณลักษณะพิเศษของพลังบริสุทธิ์ ความแข็งแกร่งของการโจมตีนี้จึงเรียบง่ายแต่ได้ผล

ฟิ้ว! ร่างของจ้าวเฟิงพุ่งเฉียดไปอย่างรวดเร็วในท้องฟ้าปั่นป่วน

ถึงแม้มิติแห่งนี้จะเต็มไปด้วยพลังบริสุทธิ์ที่ปั่นป่วนวุ่นวาย แต่จ้าวเฟิงคลุมชุดคลุมมิติไว้ ข้างในยังมีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนสองชิ้น ผลกระทบที่ได้รับจึงถูกลดทอนลงไปมาก ดังนั้นจ้าวเฟิงเลยยังคงรักษาความเร็วในการเคลื่อนที่ในมิติปั่นป่วนเช่นนี้ได้

ครืน ตูม บึ้ม!

กลุ่มแสงบิดเบี้ยวมืดหม่นแต่ละกลุ่มเฉียดผ่านจ้าวเฟิง ปะทะไปในฟ้าดินและอากาศ ทำให้เกิดเสียงระเบิดเป็นระยะๆ

ฟิ้ว! ในขณะเดียวกับที่หลบหลีกการโจมตีจากกิเลน จ้าวเฟิงก็มองหาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ เขาเข้าไปใกล้กิเลนดำหม่นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะฟันกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ลงไป

ฉัวะ ฉึก! กระบี่อัสนีรวมศูนย์ทิ้งรอยแผลไว้บนหลังของกิเลนตัวนั้น แต่กิเลนสีหม่นตัวนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต มันเป็นวิชาที่คนอื่นสำแดงออกมา จึงเห็นเพียงพลังบริสุทธิ์ทะลักออกมาจากบาดแผล แล้วค่อยๆ สมานตัว พลังบริสุทธิ์มีพลังต้านทานต่อพลังอัสนีสูงเป็นอย่างมาก

“หึ!” จ้าวเฟิงไม่สนใจแม้แต่น้อย หาโอกาสอื่นโจมตีกิเลนไปอย่างบ้าคลั่ง

กิเลนดำหม่นตัวนั้นถึงแม้จะมีพลังบริสุทธิ์ แต่ก็เป็นเพียงแค่วิชาโจมตีเท่านั้น ไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตจริง จึงขาดซึ่งสติปัญญา

รวมกับข้อได้เปรียบด้านความเร็วของจ้าวเฟิง กิเลนดำจึงเป็นได้เพียงฝ่ายโดนโจมตี พลังบริสุทธิ์ของกิเลนค่อยๆ ใช้หมดไปมาก ความเร็วในการสมานตัวของบาดแผลบนกายเทียบกับความเร็วในการทำลายล้างของจ้าวเฟิงไม่ติด

“ผู้อาวุโส หากข้าชนะท่าน จะมีรางวัลให้ผู้เยาว์บ้างหรือไม่?” จ้าวเฟิงยิ้มถามขึ้นสบายๆ

ตอนนี้กิเลนตัวนี้ไม่น่ากลัวอีกแล้ว

เสียงหัวเราะลอยออกมาจากในแท่นเทวะ แต่ไม่ได้ตอบคำถามของจ้าวเฟิง

ในยามที่จ้าวเฟิงเตรียมจะถามต่อไป

ทันใดนั้น พลังบริสุทธิ์กลุ่มหนึ่งก็ทะลักออกมาจากในแท่นเทวะ พุ่งเข้าไปในกายของกิเลนดำหม่นตัวนั้น บาดแผลทั้งหมดบนตัวกิเลนสมานตัวดี ร่างขยายใหญ่ขึ้นอีกหลายส่วน ทั้งยังแผ่กลิ่นอายที่ทำให้คนใจสั่นสะท้าน

“นี่มัน…” จ้าวเฟิงสูดหายใจลึก

ตอนนั้น สิ่งมีชีวิตที่ระบุไม่ได้ในแท่นเทวะทำให้บาดแผลของกิเลนสมานตัวโดยพลัน ทั้งยังแข็งแกร่งขึ้นอีกไม่น้อย กระทั่งในยามเผชิญหน้ากับกิเลนข้างหน้าตัวนี้ จ้าวเฟิงมีความรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับเป่ยหมิงฮุยด้วยซ้ำ แต่อย่างมากก็เป็นเป่ยหมิงฮุยที่ไม่ได้กระตุ้นสายเลือดขึ้นเท่านั้น

“ครั้งนี้จะสังหารเจ้าทิ้งเสียให้สมบูรณ์!”

สายตาของจ้าวเฟิงจ้องเพ่ง พลังกระบี่อัสนีเทวะในมือเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน

ขวับ! เมื่อกระตุ้นชุดคลุมมิติ พลังกฎเกณฑ์กลุ่มหนึ่งลอยออกมา ทำให้ความเร็วของจ้าวเฟิงเพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อครู่

“เอ๋!” เสียงร้องตกใจดังออกมาจากแท่นเทวะสามชั้น

ที่จริงแล้วเขาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลังของกิเลน ก็เพราะคิดจะสยบจ้าวเฟิงเท่านั้น และแสดงให้เห็นว่ามรดกที่นี่ล้ำค่าไร้สิ่งใดเปรียบ ไม่ใช่สิ่งที่จ้าวเฟิงจะดูถูกได้เขาคิดว่าเมื่อครู่เป็นพลังทั้งหมดของจ้าวเฟิงแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายยังออมมือเอาไว้

ฟิ้ว! แสงเลือนรางกะพริบไหว จ้าวเฟิงเข้าใกล้ไปยังกิเลนดำหม่น กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์สองเล่มที่หลอมออกมาฟันลงไปพร้อมๆ กัน

ครืน ฟู่ ฟู่~

ในขณะเดียวกัน กิเลนตัวนั้นก็โจมตีจ้าวเฟิงอย่างรุนแรง พ่นกลุ่มแสงปั่นป่วนออกมาเป็นลูกๆ หากอยู่ในระยะที่ใกล้เพียงนี้ แล้วเผชิญกับกลุ่มแสงบิดเบี้ยวมืดหม่นที่พุ่งมาอย่างฉับพลัน จ้าวเฟิงไม่อาจหลบเลี่ยงได้เลย

วู้ม ครืน~

พลังเทพรวมศูนย์ทะลักล้น พลังอัสนีเทวะปลดปล่อยออกมา ก่อเป็นหลุมดำมืดมิดข้างกายเขาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีกระแสสายฟ้าสีขาวระยับลอยเอ่อ

จ้าวเฟิงต้านทานอาการบาดเจ็บบางส่วนจากกิเลนดำหม่นตัวนี้ได้ อาศัยพลังป้องกัน และถือโอกาสโจมตีช่วงชิงชัยชนะโดยอาศัยพลังป้องกันที่แข็งแกร่งของหลุมอัสนีรวมศูนย์

จ้าวเฟิงในตอนนี้ทั้งป้องกันและโจมตี ทั้งยังมีความเร็วสุดยอด

ครืน บึ้ม ตูม~

กิเลนดำหม่นตัวนั้นเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถูกจ้าวเฟิงรุกโจมตีอีกครั้ง

ยามที่จ้าวเฟิงกำลังต่อสู้อย่างเพลิดเพลิน จู่ๆ กิเลนที่หลอมขึ้นจากพลังบริสุทธิ์ตัวนี้ก็สลายไป ในขณะเดียวกัน แท่นเทวะสามชั้นที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลก็มีแสงหลากสีกะพริบวิบวับ

“พลังของเจ้าแข็งแกร่งมาก การต่อสู้นี้เจ้าชนะแล้ว!” ร่างผู้อาวุโสสูงใหญ่คนหนึ่งค่อยๆ ลอยออกมาจากใจกลางของแท่นเทวะ

“เศษเสี้ยวความคิด?” จ้าวเฟิงวิเคราะห์สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าได้อย่างรวดเร็ว

เศษเสี้ยวความคิดเป็นเพียงแค่จิตนึกคิด อย่างมากก็รวมความจำและความรู้บางส่วนของเจ้านายในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ไว้ ไม่ได้มีพลังที่แข็งแกร่งอะไร เมื่อครู่ เศษเสี้ยวความคิดดวงนี้ก็เพียงแค่ใช้พลังบริสุทธิ์ในแท่นเทวะสำแดงวิชานั้นออกมา

แท้ที่จริงแล้ว นี่เป็นขีดจำกัดของเศษเสี้ยวความคิดดวงนี้แล้ว หากยืดเยื้อกับจ้าวเฟิงต่อไป ร่างของเขาก็จะอ่อนแอและเสียหาย

อีกทั้งหากออกห่างจากแท่นเทวะ สิ่งที่เศษเสี้ยวความคิดจะทำได้ก็ยิ่งน้อยลง

“หึ อย่าดูถูกเศษเสี้ยวความคิดไป หากข้ายินดีก็สามารถเหนี่ยวนำพลังในแท่นเทวะของราชาเทพให้พินาศไปพร้อมกับเจ้าได้!” เศษเสี้ยวความคิดราชาเทพแค่นเสียงเย็น ทนไม่ได้ที่จ้าวเฟิงดูถูกตนอีกครั้ง

ใจของจ้าวเฟิงเย็นเยือก ที่แท้เจ้าของของแท่นเทวะนี้ ในตอนที่มีชีวิตอยู่คือผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเทพ

ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่สงสัยแล้วว่าเศษเสี้ยวความคิดราชาเซียนจะเหนี่ยวนำปะทุพลังในแท่นเทวะได้จริงๆ หรือไม่ แต่ว่าอีกฝ่ายรออยู่ที่นี่นานถึงเพียงนี้ แน่นอนว่ากำลังรอผู้สืบทอด ไม่มีทางทำลายทุกอย่างง่ายดายเช่นนี้

“ถึงแม้เจ้าจะไม่ใช่คนของเผ่าทำนุฟ้า แต่สามารถฝึกฝนพลังเทพที่ใกล้เคียงกับพลังบริสุทธิ์ได้ถึงเพียงนี้ก็หาได้ยากยิ่งนัก เหมาะสมดีกับเงื่อนไขของมรดก!”

เห็นจ้าวเฟิงเหมือนจะโดนสยบไปแล้ว เศษเสี้ยวความคิดราชาเทพจึงเอ่ยต่อไป “และข้าก็มองพรสวรรค์ของเจ้าออกจากการต่อสู้เมื่อครู่!”

ที่แท้ การต่อสู้กับกิเลนดำหม่นเมื่อครู่เป็นบททดสอบ

การทดสอบนี้สำหรับจ้าวเฟิงแล้วง่ายดายยิ่งนัก แต่สำหรับคนอื่นเกรงว่าคงยากหาใดเปรียบ

“เช่นนั้น ผู้เยาว์ก็สามารถสืบทอดทุกอย่างของผู้อาวุโสได้แล้ว?”

จ้าวเฟิงยิ้มถาม

เขาหวังว่าเศษเสี้ยวความคิดราชาเทพจะยังพอมีความทรงจำเคล็ดวิชาของเจ้าของในยามที่มีชีวิตอยู่

“นี่ก็ไม่ผิด เพียงแต่ว่า บนร่างเจ้ามีกลิ่นอายของเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา…”

เศษเสี้ยวความคิดราชาเทพสำรวจจ้าวเฟิงอย่างละเอียด

“เผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา?” แววตาของจ้าวเฟิงตะลึง พลันนึกถึงบันทึกบางอย่างที่เคยได้อ่าน

ในยุคบรรพกาล เผ่าทำนุฟ้าคือผู้สนับสนุนสันติภาพ เสนอแนวคิดสันติ พวกเขาเดินทางฝึกฝนไปในจักรวาล คอยซ่อมรอยรั่วของมิติ แต่เผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกากลับมีชีวิตเพื่อทำลาย เป็นเผ่าพันธุ์ที่ได้รับพลังจากการทำลาย ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองเผ่าจึงมีบุญคุณความแค้นหยั่งลึก

จ้าวเฟิงเคร่งเครียด เขาอยู่กับมังกรล้างโลกามาตลอด ตอนนี้มังกรล้างโลกายังอยู่ในมิติชุดคลุมมิติอยู่ด้วยซ้ำ

หรือตนจะพลาดมรดกไปเพราะเหตุนี้?

ถึงแม้เขาจะปรารถนาเคล็ดวิชายิ่งกว่า แต่แท่นเทวะขั้นราชาเทพก็เป็นของล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้ มีความเย้ายวนใจเป็นอย่างมากแม้แต่กับแดนศักดิ์สิทธิ์

ในตอนนี้เอง แมวขโมยน้อยที่อยู่ในมิติชุดคลุมมิติก็อ้าปากสูดลมเข้าไป

กลิ่นอายของเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาในมิติชุดคลุมมิติค่อยๆ จางหาย กลิ่นอายกลุ่มนี้บนร่างของจ้างเฟิงก็ค่อยๆ อ่อนกำลังลงไปเช่นกัน

“ก่อนหน้านี้ผู้เยาว์เคยต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกามาก่อน!”

จ้าวเฟิงเอ่ยเสริมขึ้น

เขาก็เคยสู้กับจอมเทพป้าหลงที่มีสายเลือดเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกามาจริงๆ

“อืม เจ้าสามารถหาที่นี่ได้เจอ ทุกๆด้านก็ตรงกับเงื่อนไข ข้าก็สามารถทำความปรารถนาของนายท่านให้เป็นจริงได้ ขอมอบ ‘ตำราเทพสูงสุด’ ให้กับเจ้า!”

เศษเสี้ยวความคิดราชาเทพพยักหน้า ไม่ลังเลอีกต่อไป

เขารอมานานถึงเพียงนี้ ในที่สุดก็เจอจ้าวเฟิง อีกทั้งพรสวรรค์ และพลังในทุกๆด้านของจ้าวเฟิงก็ล้ำเลิศ จากความทรงจำและประสบการณ์ของเขายังต้องมองใหม่

“ตำราเทพสูงสุด?” จ้าวเฟิงอึ้งตะลึง มรดกแห่งนี้เหมือนจะไม่เหมือนกับที่อื่นๆ

“ตำราเทพสูงสุด เป็นเคล็ดวิชาที่สูงกว่าชั้นเทพสูงสุดไปอีกหนึ่งระดับ เคล็ดวิชาชั้นเทพสูงสุดที่สูงที่สุดอย่างมากก็ฝึกฝนถึงขั้นจอมเทพขั้นสองสุดยอดเท่านั้น แต่ตำราเทพสูงสุดนั้นคือเคล็ดวิชาที่สามารถฝึกฝนได้ถึงขอบเขตพลังขั้นราชาเทพ!”

เศษเสี้ยวความคิดราชาเทพเห็นท่าทางของจ้าวเฟิงยังดูไม่เข้าใจ จึงยิ้มขึ้นน้อยๆ ก่อนจะอธิบายอย่างละเอียด

“เป็นเคล็ดวิชางั้นรึ?” ใจของจ้าวเฟิงตื่นตะลึง ดีใจเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับตำราเทพสูงสุด เขาไม่รู้ละเอียดของมันนัก เพราะการมีอยู่ของตำราเทพสูงสุดพิเศษเฉพาะเป็นที่สุด

“ตำราเทพสูงสุดไม่อาจสืบทอดให้ผู้อื่นได้โดยตรง ไม่สามารถใช้วิธีทั่วไปจดบันทึก แต่ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล เพื่อผสานตำราเทพสูงสุดที่ครบสมบูรณ์ซึ่งรับสืบทอดมาเข้าไปยังวิญญาณของผู้สืบทอด” เศษเสี้ยวความคิดราชาเซียนพูดต่อ

หรือก็คือ หากอยากครอบครองตำราเทพสูงสุด บางทีอาจจะแตกดับไปตามราชาเทพ

นอกจากนั้น ถ้าคิดอยากครอบครองเนื้อหาของตำราเทพสูงสุด ราชาเทพจะเป็นผู้สำแดงเนื้อหาเคล็ดวิชาเอง ส่วนจอมเทพก็สังเกตและศึกษาบรรลุเอง จะบรรลุได้มากน้อยเท่าใดล้วนขึ้นอยู่กับวาสนา

“เป็นเช่นนี้เองรึ!” ตอนนี้จ้าวเฟิงเพิ่งเข้าใจถึงความล้ำค่าของเคล็ดวิชาจอมเทพขั้นสาม มิน่าเล่า ในตอนนั้นผู้คุมกฎเผ่าความลับสวรรค์จึงไม่ตกลงคำขอร้องเรื่องเคล็ดวิชาของเขา

“เฮ้อ ในตอนที่นายท่านมีชีวิตอยู่ก็เป็นราชาเทพที่ได้รับการขนานนามว่ามีโอกาสจะได้เป็นนายเหนือหัวเชียวนะ…” เศษเสี้ยวความคิดราชาเทพทอดถอนใจ

หาผู้สืบทอดได้พบแล้ว ภารกิจของเขาบรรลุเรียบร้อยแล้ว

“นายเหนือหัว?” จ้าวเฟิงใจสั่นสะท้าน ท่าทางตนจะประเมินผู้ที่เคยเป็นเจ้าของของแท่นเทวะแห่งนี้ต่ำเกินไป

จอมเทพขั้นสามหรือขั้นสามบริบูรณ์ถึงจะนับได้ว่าเป็นราชาเทพ

แต่เส้นทางศาสตร์การต่อสู้ไม่มีจุดสิ้นสุด เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง พลังของคนบางคนสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อยู่ตลอด และก้าวผ่านขีดจำกัดของตัวเองไป

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงถูกขนานนามว่า ‘นายเหนือหัว’ เป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนเทพรกร้าง

เส้นทางที่จะเป็นนายเหนือหัวราชาเทพมีสองทาง

เส้นทางที่หนึ่งคือครอบครองอาวุธบรรพชนที่สมบูรณ์ อาวุธบรรพชนที่สมบูรณ์จะแฝงไว้ด้วยพลังดั้งเดิมของจักรวาล หลังจากที่ผสานกับพลังของตัวเอง พลังจะไปถึงอีกระดับขั้นหนึ่ง จนกลายเป็นนายเหนือหัวราชาเทพ

เส้นทางที่สองคือผสานกฎเกณฑ์ขั้นบริบูรณ์สองชนิดอย่างสมบูรณ์แบบ จากนั้นสร้างเป็นพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า แต่คิดจะบรรลุกฎเกณฑ์ชนิดหนึ่งให้ถึงขอบเขตบริบูรณ์ก็ยากเย็นแสนเข็ญนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกฎเกณฑ์ขั้นบริบูรณ์สองชนิด ซ้ำยังต้องหลอมรวมมันเข้าด้วยกันอีกด้วย

“ขอแค่ได้ตำราเทพสูงสุดมา ข้าจะทำให้ความปรารถนาของเจ้านายท่านเป็นจริง จะก้าวไปยังเส้นทางของนายเหนือหัวให้ได้!” ในสีหน้าเรียบนิ่งของจ้าวเฟิงแฝงไว้ด้วยความมั่นใจเป็นที่สุด