Skip to content

King of Gods 1496

King Of Gods

บทที่ 1496 ราชาเทพเทียนหลง

เมื่อสัมผัสได้ถึงกฎเกณฑ์แห่งทองที่แข็งแกร่งในฟ้าดิน

จ้าวเฟิงก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลพลังของคนตรงหน้านี้แกร่งกล้ากว่าที่เขาจิตนาการเอาไว้มาก

หนีไป! จ้าวเฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาโคจรกฎเกณฑ์มิติ กลายร่างเป็นเศษเสี้ยวเงาก่อนจะอันตรธานหายไป

“คิดจะหนีงั้นรึ?” ผู้อาวุโสแสงทองหัวเราะน้อยๆ กลายร่างเป็นแสงทองสายหนึ่งโบยบินออกไปไกลในทันที

“รวดเร็วนัก!” เมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันที่เข้ามาประชิดตัวเรื่อยๆ ใจจ้าวเฟิงเย็นวาบ

เขาสังเกตเห็นว่าผู้อาวุโสไม่เพียงแต่ชำนาญกฎเกณฑ์แห่งทอง แต่ยังฝึกฝนกฎเกณฑ์แห่งแสงด้วย

กฎเกณฑ์ทั้งสองประเภทนี้ช่วยให้ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมาก บวกกับผู้อาวุโสแสงทองพลังฝึกตนเหนือจ้าวเฟิง ดังนั้นจึงรวดเร็วกว่าจ้าวเฟิงด้วย แต่อันที่จริง สิ่งที่ทำให้ผู้อาวุโสแสงทองตกตะลึงมากยิ่งกว่าก็คือ จอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอดกลับรวดเร็วขนาดนี้ ทำให้ในขณะนั้นเขาไล่ตามไม่ทัน

ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับพลังอำนาจที่แท้จริง ทั้งหมดก็ไร้ประโยชน์ใดๆ

“จ้าวเฟิง ตามข้ามาแต่โดยดีเสียเถอะ!” ผู้อาวุโสแสงทองตะโกนแล้วสะบัดมือไป

โครม ตูม! แสงทองบิดเบี้ยวกลายเป็นมังกรทองตัวหนึ่ง มันร้องคำรามพลางทะยานออกไป แทบจะในวินาทีเดียวกัน มังกรแสงทองก็ตรงเข้าไปใกล้จ้าวเฟิง

การโจมตีนี้รุนแรงกว่าการหยั่งเชิงโจมตีของผู้อาวุโสแสงทองก่อนนี้มาก

“หลุมอัสนีพลังบริสุทธิ์!” จ้าวเฟิงเรียกเคล็ดวิชาป้องกันที่ทรงพลังทันที รอบๆ ตัวเกาะกลุ่มรวมกันเป็นหลุมลึกสายฟ้าที่บิดเบี้ยวสีดำสนิท

ในเวลาเดียวกัน ปราการมายาของกฎเกณฑ์มิติก็กระจายตัวออกมาจากชุดคลุมมิติ

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ เขาไม่ได้เก็บงำฝีมือใดๆ เอาไว้อีก

โครม ตูม! มังกรแสงทองตัวนั้นโฉบผ่านข้างตัวจ้าวเฟิงไป

เพราะพลังในการมองตรวจตราของเนตรเทพเจ้าและความเร็วอย่างยิ่งยวด จ้าวเฟิงจึงได้เคลื่อนย้ายตัวออกไปก่อนระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงเพียงเฉียดผ่านกับมังกรแสงทองเท่านั้น แต่ด้านข้างของหลุมดำรวมศูนย์ปรากฏรอยโหว่ขนาดใหญ่ขึ้น การป้องกันจากชุดคลุมมิติก็สลายไปเกือบหมดแล้ว

“เหอะ ดูซิว่าเจ้าจะสามารถต้านไว้ได้นานเท่าไหร่!” ผู้อาวุโสแสงทองแค่นเสียงต่ำ เอ่ยอย่างเชื่อมั่น

เขาเข้าใจพลังของจ้าวเฟิงพอควร พลานุภาพของกระบวนท่าที่ปล่อยออกมาจึงแข็งแกร่งทรงพลัง เพราะว่าเขารู้ดีว่าจ้าวเฟิงไม่ได้สังหารได้ง่ายๆ

“คนผู้นี้แข็งแกร่งกว่าจอมเทพจินหวงมากนัก ไม่ใช่จอมเทพขั้นสามระดับสุดยอด ก็คงเป็นราชาเทพแน่!”

ใจจ้าวเฟิงหนักอึ้ง ความคิดหมุนวนอย่างรวดเร็ว ครุ่นคิดหาวิธีรับมือ พลังฝึกตนฝ่ายตรงข้ามลึกล้ำสูงส่ง ความเร็วที่เขาภาคภูมิใจมาตลอดก็ไม่อาจช่วยเขาให้หนีรอดไปได้ เมื่อเผชิญหน้ากันโดยตรง ต่อให้ใช้เนตรเทพมายาก็ไม่สามารถเอาชนะคนตรงหน้าได้

“คมอัสนีเทวะ!” พลังบริสุทธิ์ในมือสองข้างของจ้าวเฟิงทะลักออกมา เกาะกลุ่มรวมตัวกันเป็นกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์สองเล่ม

ขวับ ขวับ~

ขณะกวัดแกว่ง คมกระบี่อัสนีเทวะราวห่าฝนพวยพุ่งไปยังรอบตัวผู้อาวุโสแสงทอง

“อาศัยแค่อุบายเล็กน้อยของเจ้า ทำร้ายข้าไม่ได้แม้แต่น้อย!” ผู้อาวุโสแสงทองหัวเราะเสียงเย็นอย่างเหยียดหยาม

โครม ตูม! เขาโบกมือซ้าย พลังกฎเกณฑ์แห่งทองอันทรงพลังสาดซัดออกมา คมกระบี่ทั้งหมดในบริเวณใกล้เคียงระเบิดออกทันที แต่อาณาเขตการโจมตีของจ้าวเฟิงกว้างใหญ่ยิ่ง ยังคงมีกระบี่อัสนีเทวะส่วนหนึ่งอยู่ภายใน เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าเส้นทางการโจมตีของคมกระบี่อัสนีเทวะเหล่านี้ไม่มีทางโดนผู้อาวุโสแสงทอง เขาจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก

“โซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์!” จ้าวเฟิงยื่นแขนสองข้าง ปลดปล่อยพลังบริสุทธิ์ที่ทรงพลังออกมา จากนั้นกำมือสองข้าง พลังบริสุทธิ์กลุ่มนี้ทะลักออกในพริบตา และหลอมรวมเข้ากับคมกระบี่อัสนีเทวะรอบบริเวณ จนกลายเป็นกระแสพลังบริสุทธิ์สายหนึ่ง

วิ้ง วิ้ง~ ทันใดนั้นเอง กระแสพลังบริสุทธิ์กลุ่มนี้เกี่ยวกระหวัดเข้าหากัน จนรวมตัวเป็นวงกลมล้อมพื้นที่ที่ยุ่งเหยิงไว้ ปกคลุมผู้อาวุโสเอาไว้ภายใน พริบตานั้น วงล้อมกระแสพลังก็เริ่มหดเล็กลง พยายามจะกักผู้อาวุโสแสงทองเอาไว้ภายใน

“เหลวไหล!” ผู้อาวุโสแสงทองแค่นเสียงต่ำ ด้วยพลังฝึกตนของจ้าวเฟิง ไม่ว่าจะใช้เคล็ดวิชาอะไร ก็ไม่สามารถส่งผลกระทบใดต่อเขาได้ แต่ทว่า ในตอนที่ผู้อาวุโสแสงทองกำลังจะลงมือนั้นเอง

ในชุดคลุมมิติของจ้าวเฟิง ปราการสีเงินที่ประสานเป็นรูปธรรมแผ่กระจายออกขณะนี้จ้าวเฟิงใช้พลังของชิ้นส่วนสองชิ้นในชุดคลุมมิติไปจนถึงขีดสุดแล้ว ปราการมิติและโซ่ตรวนรวมศูนย์ทับซ้อนกันทันใด สร้างผลกระทบที่มีต่อผู้อาวุโสแสงทอง

จ้าวเฟิงอาศัยโอกาสนี้เข้าไปในอาณาจักรเทพ

ต่อมาเรื่องแรกที่เขาทำก็คือ…การนอนหลับ

“คิดไม่ถึงเลยว่าในชุดคลุมมิติจะมีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนสองชิ้น?”

ผู้อาวุโสแสงทองมองเงื่อนงำของชุดคลุมมิติจ้าวเฟิงออก จึงตื่นตะลึงอยู่บ้าง

สำหรับราชาเทพ เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนก็ล้ำค่าเป็นอย่างมากเช่นกัน

เมื่อเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนประเภทเดียวกันสะสมไปจนถึงระดับขั้นหนึ่ง จะถึงขั้นหลอมขึ้นเป็น ‘อาวุธบรรพชนชำรุด’ ได้ พลังของมันสามารถเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

วู้ม โครม! บนร่างของผู้อาวุโสพลันระเบิดแสงทองนับไม่ถ้วน มาพร้อมกับริ้วลายมังกรมากมาย ส่งเสียงร้องคำรามสนั่น

จ้าวเฟิงปลดปล่อยปราการมิติออกมาภายใต้พลังกลุ่มนี้ โซ่ตรวนพลังบริสุทธิ์ค่อยๆ แตกสลายและอันตรธานหายไป

“คิดว่าหลบเข้าไปในอาณาจักรเทพแล้วจะรอดหรือ?” ผู้อาวุโสเพลิงทองหัวเราะเยาะเย้ย

วิ้ง! เขาโบกฝ่ามือเรียกแสงทองสายหนึ่งออกมา ภายในนั้นแฝงด้วยพลังของกฎเกณฑ์มิติ

ระดับขั้นจอมเทพหรือราชาเทพ นอกจากกฎเกณฑ์ที่ฝึกฝนเป็นหลักแล้ว โดยทั่วไปยังต้องฝึกฝนกฎเกณฑ์อื่นๆ เพื่อช่วยเกื้อหนุนกันไป และกฎเกณฑ์มิติก็เป็นตัวเลือกของคนจำนวนมาก

วิ้ง โครม! ระลอกแสงทองสายนี้ระเบิดออกบนอากาศว่างเปล่า ทำให้เกิดน้ำวนมิติกลุ่มหนึ่ง และมีรอยปริร้าวนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นตามมา ทั้งหมดนี้เริ่มอ่อนแรงลงไปช้าๆ จนกลับสู่สภาวะปกติในที่สุด

“หืม? อาณาจักรเทพมั่นคงได้ถึงขนาดนี้เชียว?” ผู้อาวุโสแสงทองประหลาดใจเล็กน้อย

ถ้าเปลี่ยนเป็นจอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอดทั่วไป เกรงว่าอาณาจักรเทพจะแหลกละเอียดด้วยการโจมตีนี้ของเขาไปแล้ว แน่นอน เขาไม่รู้ว่าอาณาจักรเทพของจ้าวเฟิงซ่อนอยู่ในเนตรเทพมายาตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเนตรเทพเจ้าไปถึงขั้นเทพแล้ว ความสามารถในการแบกรับพลังก็แข็งแกร่งมากขึ้น อีกอย่าง ตอนที่ทำให้แกนกลางอาณาจักรเทพมั่นคง จ้าวเฟิงใช้สมบัติที่ล้ำค่าประเภทคล้ายกันจำนวนมากจากอาณาจักรเทพเผ่าความลับสวรรค์

ดังนั้นอาณาจักรเทพของเขาจึงเสถียรมากกว่าอาณาจักรเทพทั่วไป

ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่อาณาจักรเทพก็ยังสั่นไหวรุนแรงเมื่อถูกโจมตีจากผู้อาวุโสแสงทอง แต่ตอนนี้จ้าวเฟิงไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องเหล่านี้

เขาเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว และจินตนาการถึงภาพสถานที่แห่งหนึ่ง เขาไม่คิดจะกลับเผ่าพันธุ์วิญญาณในตอนนี้ นอกจากที่นี่ สถานที่ที่เขาไปได้ก็มีแค่เขตผาเก่า เขตดาราชาด และเขตธารสวรรค์

สุดท้าย จ้าวเฟิงก็เลือกเขตดาราชาดที่ซินอู๋เหินอยู่

ณ โลกภายนอก

กระบวนท่าแรกของผู้อาวุโสแสงทอง ไม่อาจบีบจ้าวเฟิงให้ปรากฏตัวออกมาได้ ในขณะที่เขากำลังจะปล่อยกระบวนท่าที่สอง ใบหน้าผู้อาวุโสแสงทองก็พลันแข็งค้างไป เพราะจู่ๆ เขาก็ค้นพบว่าอาณาจักรเทพที่เร้นกายอยู่ที่นี่หายไปเสียแล้ว!

“หายไปแล้ว?” เขาสำรวจดูอย่างละเอียด สุดท้ายจึงยืนยันได้ว่าอาณาจักรเทพหายไปแล้วจริงๆ

แต่เป็นไปได้อย่างไรกัน?

มิติที่ใหญ่โตขนาดนี้ จู่ๆ ก็อันตรธานหายไปได้อย่างไร

แถมเขายังสัมผัสไม่ได้ถึงความผิดปกติและระลอกของมิติใดๆ อาณาจักรเทพหายไปอย่างไร้ที่มาที่ไปเช่นเดียวกับจ้าวเฟิง!

โครม~ ผู้อาวุโสเพลิงทองโจมตีออกไปอย่างรุนแรงด้วยโทสะ

ทันใดนั้น มิติทั้งหมดในรัศมีหลายหมื่นลี้บิดเบี้ยว ทำให้เกิดพลังพายุมิติต้องห้าม พัดโหมจนเกิดรอยร้าวของมิติมากมาย

วินาทีนี้ ฟ้าดินถล่มทลายลงจนตกอยู่ในสภาพเละเทะไม่เป็นรูปร่าง ผู้อาวุโสแสงทองผู้นี้ยืนนิ่งไม่ไหวติง ไม่พูดจาอะไร หลังจากนั้นสักพักใหญ่ ก็มีร่างเงาสีทองเดินทางมาถึง คนผู้นี้คือราชาเทพเทียนหลงที่ไปเยือนตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ในตอนนั้น

“เจ้าเด็กนี่นับว่ามีกลอุบายไม่น้อย ไม่นึกเลยว่าจะหนีรอดออกจากเงื้อมมือของข้าไปได้!” ราชาเทพเทียนหลงแค่นเสียงต่ำ

ตอนเดินทางออกจากตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ เขาก็ลงมือค้นหาร่องรอยของจ้าวเฟิงด้วยตนเอง

เขายังส่งร่างแยกที่ตนเองบ่มเพาะไว้หลายปีออกมาเพื่อเรื่องนี้ ร่างแยกในนั้นมีพลังสามถึงหกส่วนของเขา แต่ร่างแยกที่เจอร่องรอยของจ้าวเฟิงเป็นหนึ่งในร่างที่ค่อนข้างอ่อนแอ มีพลังเพียงสามส่วนกว่าๆ ของร่างจริงเท่านั้น

ตอนนี้จ้าวเฟิงหลบหนีไป เขาไม่มีเบาะแสอื่นมากมายนัก เลยทำได้เพียงค้นหาต่อไป

นอกนรกเพลิงโลกันตร์ของเขตดาราชาด เงาชุดเงินปรากฏขึ้นในทันที

ตอนนั้นมู่กู่ก็อาศัยอาณาจักรเทพเผ่าแสงส่งจ้าวเฟิงมาถึงที่นี่ หลังจากมาที่นี่แล้ว จ้าวเฟิงก็ไม่ได้จากไปในทันที แต่เข้าไปในอาณาจักรเทพก่อน

เมื่อครอบครองใจกลางอาณาจักรเทพแล้ว จ้าวเฟิงก็ซ่อมแซมความเสียหายบางส่วนของอาณาจักรเทพ

จากนั้นเขาจึงใช้ผนึกฟ้าประสานปกคลุมกลิ่นอายของตนเองและเนตรเทพมายาไว้ และเขาก็เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตนเองเล็กน้อย

เมื่อจัดการเรื่องทั้งหมดนี้เรียบร้อยแล้ เขาถึงเดินทางออกจากอาณาจักรเทพไป

“ไม่รู้ว่าที่ตำหนักเทพยักษ์ตอนนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง?” เมื่อจ้าวเฟิงนึกเช่นนี้ เขาจึงเดินทางไปที่ตำหนักเทพยักษ์

เขาค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวซินอู๋เหิน เพราะอีกฝ่ายรับรู้ความพิเศษของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าของตนเองมานานแล้ว แต่ก็ไม่ได้แพร่งพรายเรื่องนี้กับใคร จ้าวเฟิงเองก็อยากรู้สถานการณ์ของเผ่าเทพยักษ์หลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่คราวนั้น อีกอย่าง เขาก็วางแผนจะตามหาผู้อาวุโสมู่กู่ด้วย

พลังฝึกตนในช่วงชีวิตก่อนของผู้แข็งแกร่งเผ่าแสงผู้นี้จะต้องอยู่เหนือจอมเทพขั้นสองไปมากแน่

จ้าวเฟิงสามารถขอคำชี้แนะจากเขาเกี่ยวกับปัญหาที่เจอในขณะทะลวงจอมเทพขั้นที่สอง รวมไปถึงปัญหาที่เจอในการฝึกตนเรื่องอื่นๆ ด้วย

เวลาสองเดือนยังไม่ทันผ่านพ้นไป จ้าวเฟิงก็เดินทางผ่านมาถึงอาณาเขตของตำหนักเทพยักษ์

สถานที่ที่ตำหนักเทพยักษ์ยึดครองในตอนนี้ก็คือตำหนักวิญญาณบรรพกาล เพียงแต่ตกแต่งและปรับแก้รูปแบบสิ่งปลูกสร้างอีกครั้ง

ฟิ้ว! ป้ายคำสั่งเก่าแก่สีเหลืองเข้มปรากฏขึ้นในมือจ้าวเฟิง มันคือตราคำสั่งสื่อสารพิเศษที่ผู้อาวุโสเผ่าเทพยักษ์ มอบให้เขาในตอนนั้น

หลังจากส่งข่าวออกไปแล้ว จ้าวเฟิงก็แฝงกายเข้าไปในตำหนักเทพยักษ์ ด้วยพลังฝึกตนของเขาและกฎเกณฑ์มิติ ในระหว่างทางจึงไม่มีใครสังเกตเห็น

จากนั้นจ้าวเฟิงก็เดินทางมาถึงตำหนักทรงแปดเหลี่ยมสีเหลืองทองแห่งหนึ่งอย่างราบรื่น

เมื่อปราการแยกออก จ้าวเฟิงก็เข้าไปภายใน

เพิ่งเข้าไปในตำหนัก ก็มีเสียงหนักแน่นและยินดีอย่างมากดังมา “สหายจ้าว ดีจริงๆ ที่เจ้าปลอดภัย!”

ในตอนนั้นที่สถานะเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าของจ้าวเฟิงประจักษ์แก่สายตาคนอื่น ไม่รู้ว่ามีผู้แข็งแกร่งจำนวนเท่าไหร่มาที่เขตดาราชาดเพื่อค้นหาร่องรอยของเขา ถึงขนาดที่ว่ายังมีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากมาตำหนักเทพยักษ์เพื่อสอบถามและค้นหาเบาะแสของจ้าวเฟิงด้วยตนเอง

หลายปีให้หลัง ซินอู๋เหินได้ยินมาว่าจ้าวเฟิงเกิดเรื่องกับเผ่าความลับสวรรค์ เขาเคยคิดว่าจ้าวเฟิงถูกเผ่าความลับสวรรค์จับไปเสียแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะยังอยู่รอดปลอดภัย แถมยังว่างมาหาเขาที่นี่ด้วย

“ข้าจะถูกพวกมันจับอย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน?” จ้าวเฟิงอดหัวเราะไม่ได้

แต่เมื่อนึกย้อนไปเรื่องที่เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าตื่นขึ้นมา ตัวเขาเองยังตกใจไม่น้อย เขายังมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้นับว่าไม่ง่ายดายเลย

เมื่อมองไปที่ซินอู๋เหินผู้อยู่ในชุดสีดำทั้งร่าง จ้าวเฟิงก็พบว่าเขาเป็นจอมเทพขั้นสองใกล้จะถึงระดับสุดยอดแล้ว หนำซ้ำยังมีท่าทีว่าจะมั่นคงเสียด้วย

ซินอู๋เหินในตอนนี้ เกรงว่าน่าจะฟื้นพลังฝึกตนในชีวิตก่อนได้แล้ว หรืออาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำไป

“สหายจ้าว เจ้าระวังเอาไว้จะดีกว่า ในเขตดาราชาดยังมีขั้วอำนาจของเผ่าความลับสวรรค์กำลังตามหาเบาะแสของเจ้าอยู่ เมื่อไม่นานมานี้ พวกเราก็เจอขั้วอำนาจใต้ดินที่เกี่ยวข้องกับเผ่าความลับสวรรค์ซ่อนตัวอยู่!” ซินอู๋เหินเอ่ยเสียงต่ำ

เมื่อจ้าวเฟิงได้ยินแล้วก็ตะลึงไม่น้อย

ยามอยู่ในอาณาจักรเทพของเผ่าความลับสวรรค์ เขาพอจะเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ มาบ้างแล้ว สิบแปดเขตพื้นที่ของดินแดนเทพรกร้าง แทบจะมีขั้วอำนาจที่เป็นเขี้ยวเล็บของเผ่าความลับสวรรค์อยู่ทั้งสิ้น

จ้าวเฟิงมีเป้าหมายว่าจะกำจัดเขี้ยวเล็บเหล่านี้พอดี เพื่อตัดกำลังของทั้งเผ่าความลับสวรรค์

ลองคิดดูว่าหากกำจัดขั้วอำนาจเผ่าความลับสวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่ในแต่ละเขต ข้อมูลข่าวสารของพวกเขาจะแย่ลง พอถึงเวลานั้น ถ้าคิดจะค้นหาเบาะแสจ้าวเฟิงก็ไม่ต่างกับงมเข็มในมหาสมุทร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version