บทที่ 1508 เลื่อนเป็นจอมเทพขั้นสอง
ตอนนี้จ้าวเฟิงมาถึงช่วงเวลาสำคัญในการทะลวงจอมเทพขั้นสองแล้ว
ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานของการทะลวงขั้นนี้ มีปัจจัยที่ไม่แน่นอนมากเกินไปอย่างเห็นได้ชัด แต่จ้าวเฟิงก็ยังเลือกทะลวงขั้นในตอนนี้อยู่ดี
หากทะลวงขั้นสำเร็จแล้ว พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นมาก ถึงตอนนั้นจะสามารถรับมือกับเผ่าความลับสวรรค์และแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดายแล้ว หนำซ้ำตอนนี้เผ่าความลับสวรรค์ก็กำลังวุ่นต่อสู้อยู่กับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา
โครม ตูม!
เสียงระเบิดกึกก้องกัมปนาทสะท้อนในอาณาจักรเทพ ทว่าพายุที่น่ากลัวนี้ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อบรรดาคนที่ติดอยู่ในฝันร้ายไร้สิ้นสุด
ขณะนี้จอมเทพเผ่าเทพมายาสองคนเลือกใช้วิธีการตั้งรับแทน
ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาไม่มีความเป็นไปได้ที่จะครอบครองเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้อวี่หลิวผิงทำลายมันเช่นกัน
ไม่เพียงราชาเทพโยวอวิ๋นกำลังเร่งเดินทางกลับมา แดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาก็กำลังรวบรวมสมาชิกคนอื่นๆ ในเขตดาราชาดมาที่นี่ด้วย ขอแค่ยื้อสถานการณ์เอาไว้ได้ อัตราส่วนชัยชนะของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาก็จะเพิ่มมากขึ้น
หนำซ้ำเผ่าเทพมายาก็ชำนาญในด้านความเร็ว หลังจากปรับแผนการแล้ว คนทั้งสองก็พอจะตรึงกำลังอวี่หลิวผิงไว้ได้
“คิดจะยื้อข้าเอาไว้หรือ?”
อวี่หลิวผิงหัวเราะเสียงเย็นอย่างอดไม่ได้
เมื่อสะบัดเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน เงาเทพมารสีแดงร่างนั้นก็ทำท่าทางเดียวกัน ในมือปรากฏเสี้ยวเงาสีทองชิ้นหนึ่งแล้วกวาดไปทันใด
เปรี๊ยะ!
คมดาบสีทองที่ทรงพลังสายหนึ่งวาดออกมาทันที
ครั้งนี้อวี่หลิวผิงที่กำลังกระตุ้นสายเลือดใช้เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน
การโจมตีครั้งนี้ดูเหมือนธรรมดา แต่ระดับพลังกลับสูงส่งลึกล้ำ แฝงไปด้วยพลังที่น่ากลัว
“ป้องกันเอาไว้!” จอมเทพฮ่วนไฉ่ตะโกนเสียงต่ำ วาดผลึกหนาวเยือกในมือเช่นกัน พายุหนาวเหน็บชั้นหนึ่งออกมา
หญิงชราผมเขียวก็เผาผลาญพลังเทพ กระตุ้นเคล็ดวิชา
ด้านล่างจู่ๆ ก็มีเถาวัลย์ขนาดใหญ่ยักษ์ยืดออกมาอย่างฉับพลัน จากนั้นบิดเบี้ยวขึ้นมาขวางหน้านางเอาไว้
วูบ ฟิ้ว ฟิ้ว~
ลมพายุเย็นเยียบพัดผ่านรอบเถาวัลย์ยักษ์ ค่อยๆ แช่แข็งมัน
จอมเทพฮ่วนไฉ่ไม่ได้ใช้การโจมตีของตนเองทำลายการโจมตีของอวี่หลิวผิง แต่ปล่อยให้มันไปรวมกับเคล็ดวิชาป้องกันของหญิงชราผมเขียว เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการป้องกัน อย่างไรเสีย ตัวของนางเองก็ไม่ได้ชำนาญกฎเกณฑ์เหมันต์มากนัก การโจมตีที่สร้างขึ้นจากเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนไม่สามารถเทียบเคียงอวี่หลิวผิงได้เลย
ตูม โครม! คมดาบสีทองเปล่งแสงวูบวาบ ก่อนจะปะทะอย่างรุนแรงบน ‘เถาวัลย์ผลึกเหมันต์’ จนสะเก็ดน้ำแข็งสาดกระจาย
ในวินาทีนั้น คมดาบทองทะลวงเข้าไปด้านใน แต่พลังก็ลดลงอย่างเชื่องช้า สุดท้ายแล้ว ตอนที่ทะลุเข้าไปด้านในเถาวัลย์ผลึกเหมันต์ พลังของมันก็สลายไปจนหมด
จอมเทพขั้นสามทั้งสองใจสั่นระริก
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากอวี่หลิวผิง พวกนางยากจะต้านทานได้ด้วยตัวคนเดียว
และในเวลานี้เอง
“ต้านเอาไว้ได้แล้วอย่างไร?” อวี่หลิวผิงหัวเราะเยาะ
จอมเทพขั้นสามสองคนจากเผ่าเทพมายาจับจ้อง สังเกตเห็นสิ่งไม่ชอบมาพากลบางอย่าง
ทันใดนั้น พวกนางรู้สึกได้ถึงระลอกพลังเทพที่ทรงพลัง
วู้ม!
บนเรือรบ ค่ายกลความลับสวรรค์กับอักขระและลวดลายรอบป้อมปืนทองเปล่งแสงวาววับเรืองรอง ปากประบอกปืนสีทองสาดกลิ่นอายอันตรายมาที่หญิงชราผมเขียวกับจอมเทพฮ่วนไฉ่
“แย่ล่ะ นั่นมันระเบิดเทพมรณะ…” สีหน้าจอมเทพฮ่วนไฉ่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ระเบิดเทพมรณะเทียบเท่าได้กับการโจมตีสุดแรงของจอมเทพขั้นสาม หนำซ้ำยังส่งผลในบริเวณกว้าง ยากจะหลบหลีกได้
ในเวลาเดียวกัน
อวี่หลิวผิงตะโกนลั่น เงาเทพมารสีแดงกระจายจิตกระหายต่อสู้ ก่อนจะพุ่งทะยานออกไปด้านหน้า
จิตกระหายต่อสู้จำนวนมหาศาลกลุ่มนั้นรวมตัวกับพลังวิญญาณ จนกลายเป็นเงาค้อนยักษ์ทุบลงด้านล่าง
ตูม!
ขณะที่ค้อนฟาดลงไป วิญญาณและกายเทพของจอมเทพขั้นสามทั้งสองสั่นระริก เลือดไหลรินจากมุมปาก
ในขณะนั้น ‘ระเบิดเทพมรณะ’ ตรงมาจากไกลๆ ลำแสงสุกสกาวสีขาวขนาดยักษ์พุ่งไปหาคนทั้งสอง
โครม บึ้ม!
จอมเทพขั้นสามสองคนรีบร้อนสำแดงเคล็ดวิชาป้องกัน แต่พลังเทพมหาศาลที่พุ่งปะทะมาก็ยังคงโจมตีนางจนกระเด็นออกไปไกลหลายร้อยลี้ ทั้งสองคนรีบลุกขึ้นมา ร่างกายยับเยิน กายเทพเสียหาย ใบหน้าซีดขาว
อีกฝั่ง สมาชิกที่เหลือของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาล่าถอยไปติดๆ กัน บาดเจ็บล้มตายกันแสนสาหัส
เผ่าเทพมายาเจ้าเล่ห์มากแผนการ ชำนาญการเสแสร้ง แต่สุดท้ายก็ยังพ่ายแพ้ให้กับเผ่าความลับสวรรค์อยู่ดี!
“สังหารพวกเจ้าก่อน!” นัยน์ตาอวี่หลิวผิงฉายแววเย็นชาพาดผ่าน ก่อนจะตรงดิ่งไปหาจอมเทพขั้นสามทั้งสอง แต่ทันใดนั้น เขาสังเกตเห็นกลิ่นอายไม่ธรรมดากลุ่มหนึ่ง จึงหมุนตัวไปอย่างอดไม่ได้ แววตาจับจ้องที่จ้าวเฟิง
‘กลิ่นอายของเจ้าคนนี้ จู่ๆ เมื่อครู่ก็แข็งแกร่งขึ้นมาก!’
อวี่หลิวผิงพึมพำในใจ
จ้าวเฟิงติดอยู่ในห้วงความฝัน ทำไมถึงมีเรื่องนี้เกิดขึ้นได้?
แต่ไม่นานอวี่หลิวผิงก็สังเกตเห็นความผิดปกติ หากเป็นจอมเทพขั้นหนึ่งสุดยอดทั่วไปยังติดอยู่ในฝันร้ายไร้สิ้นสุดก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าก็ไม่ค่อยปกตินัก
การหยุดชะงักของอวี่หลิวผิง ทำให้พวกจอมเทพฮ่วนไฉ่ก็สังเกตเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าเช่นเดียวกัน
“เจ้านั่นแสร้งว่ายังติดอยู่ในฝันร้ายไร้สิ้นสุด? ที่จริงแล้วคอยดูเรื่องสนุกอยู่หรือ?”
จอมเทพฮ่วนไฉ่ปรายตามองจ้าวเฟิง แน่นอนว่าเขาไม่คิดว่าจ้าวเฟิงทำเช่นนี้ไปจะมีความหมายอะไร ก็แค่ตายเร็วหรือตายช้าเท่านั้นเอง
“สังหารเจ้าก่อนแล้วกัน!” ความเคียดแค้นพาดผ่านในแววตาอวี่หลิวผิง เขาหันไปสังหารจ้าวเฟิง
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ ในใจของเขารู้สึกว่าหากไม่สังหารจ้าวเฟิงเสียในตอนนี้ จะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงเลือกสังหารจ้าวเฟิงก่อน
ตอนนี้อวี่หลิวผิงตรงเข้าไปใกล้จ้าวเฟิง เงาเทพมารสีแดงร่างยักษ์บนฟ้าก็ปลดปล่อยจิตกระหายต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างยิ่งออกมา
“สหายจ้าว เจ้าเป็นอะไรไป?” ซินอู๋เหินที่อยู่ไกลออกไปร้อนรน
ตามหลักเหตุผลแล้ว จ้าวเฟิงไม่มีทางถูกกักเอาไว้ในฝันร้ายไร้สิ้นสุดนานขนาดนี้
ใบหน้าทายาทเผ่าแสงที่เหลือฉายแววกระวนกระวาย มีเพียงร่างแยกของจ้าวเฟิงและเจ้าแมวขโมยน้อยเท่านั้นที่สีหน้ายังสงบ แววตาพลันทอประกายออก
และในเวลานี้เอง
ภายในกายเทพที่สงบเงียบของจ้าวเฟิงก็สาดซัดพลังของกฎเกณฑ์มิติและระลอกธารยุ่งเหยิงที่แก่กล้าออกมา
จ้าวเฟิงลืมตามองอวี่หลิวผิง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
“ระดับพลังฝึกตนของเจ้า…” อวี่หลิวผิงอึ้งไปในทันที
เพิ่งประมือกับจ้าวเฟิงไปก่อนนี้ไม่นานนัก เขาเชื่อมั่นว่าจ้าวเฟิงในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่มาก
“กฎเกณฑ์ระดับต่ำ! จอมเทพขั้นสอง?”
จอมเทพฮ่วนไฉ่และหญิงชราผมเขียวเบิกตากว้างอยู่ไกลออกไป ยังสงสัยว่าตนเองมองผิดไปหรือไม่
ก่อนนี้จ้าวเฟิงติดอยู่ในฝันร้ายไร้สิ้นสุด ผลคือหลังจากตื่นขึ้นแล้วกลับทะลวงขั้นได้? นี่มันช่างไม่น่าเชื่อยิ่งนัก ต่อให้ระหว่างนั้นจ้าวเฟิงเสแสร้งติดอยู่ในฝันร้ายไร้สิ้นสุด แต่อันที่จริงตื่นขึ้นมาแล้วก็ตาม แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ จ้าวเฟิงก็ไม่น่าจะทะลวงขั้นได้ในขณะที่คนอื่นไม่สังเกตเห็น ไม่ใช่เพียงพวกนางเท่าที่ไม่อาจเข้าใจ ทุกคนแถวนั้นที่เห็นเหตุการณ์ก็ไม่เข้าใจกันทั้งนั้น
“ตายเสีย!” จิตกระหายต่อสู้พวยพุ่งออกจากดวงตาอวี่หลิวผิงไม่หยุด
จ้าวเฟิงที่ครอบครองเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้านับว่าแปลกประหลาดพิสดารมากจริงๆ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปล่อยให้ศัตรูคู่แค้นผู้นี้มีชีวิตรอดต่อไป
ขวับ! อวี่หลิวผิงโบกมือขวาอย่างรวดเร็ว คมดาบแสงทองขนาดยักษ์สายหนึ่ง สาดซัดแสงเทพอันแหลมคมทะลวงผ่านทุกสิ่ง ฟันทะลุร่างจ้าวเฟิงไป
“หลุมอัสนีพลังบริสุทธิ์!”
ถึงแม้ว่าจะทะลวงขั้นพลังแล้ว แต่จ้าวเฟิงก็ไม่สามารถประมาทศัตรูได้
พลังบริสุทธิ์ที่ทรงพลังหลั่งไหลออกมา แล้วรวมตัวกันเป็นหลุมดำบริสุทธิ์ที่ใหญ่ยักษ์กว่าเดิม
ฟิ้ว แซ่ด~
พลังอัสนีเทวะไหลบ่าออกมา คลี่กระจายตัวปกคลุมทั้งหลุมดำ ในวินาทีที่หลุมอัสนีพลังบริสุทธิ์สมบูรณ์ คมดาบทองก็ฟาดฟันลงมา
โครม ตูม!
พลังที่แข็งแกร่งสองกลุ่มตรงดิ่งเข้าโรมรันกัน กระแสพลังบริสุทธิ์และแสงเทพทองทะลักไหลบ่าออกมารอบบริเวณ
‘คิดไม่ถึงเลยว่าพลังบริสุทธิ์ของเจ้าเด็กนี่จะแข็งแกร่งขนาดนี้!’
อวี่หลิวผิงตื่นตระหนก
ถึงแม้เผ่าเทพสงครามจะจัดอยู่ในลำดับที่สูงกว่าเผ่าทำนุฟ้า แต่หากนับเรื่องการประลองพลังเทพก็สู้เผ่าทำนุฟ้าไม่ได้เลย
พลังบริสุทธิ์ของเผ่าทำนุฟ้าถือได้ว่าเป็นพลังที่ไร้เทียมทานลำดับต้นๆ ในบรรดาพลังดั้งเดิม ยิ่งไปกว่านั้น เคล็ดวิชาป้องกันจากพลังบริสุทธิ์ของจ้าวเฟิงยังหลอมรวมพลังอัสนีเทวะเข้าไปด้วย ทำให้เคล็ดวิชาป้องกันมีพลังทำลายล้างมากขึ้น!
วูบ วูบ! แสงเทพทองหดกลับไปช้าๆ
ถึงแม้ว่าในหลุมอัสนีพลังบริสุทธิ์จะเกิดรอยโหว่ใหญ่ขึ้นจุดหนึ่ง จ้าวเฟิงที่อยู่ภายในกลับไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย
“ตั้งรับเอาไว้ได้หรือ?”
จอมเทพฮ่วนไฉ่และหญิงชราผมเขียวสูดลมหายใจเข้าลึก
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีแบบเดียวกัน พวกนางสองคนร่วมมือกัน ถึงจะฝืนตั้งรับเอาไว้ได้ แต่จ้าวเฟิงกลับทำได้ด้วยตัวคนเดียว!
“สังหารเสีย จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้!” ความบ้าคลั่งพาดผ่านในดวงตาอวี่หลิวผิง
หลังจากทะลวงขั้นแล้ว พลังที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยออกมาทั้งหมดก็ทำให้อวี่หลิวผิงตกตะลึงไม่น้อย
เปรี๊ยะ!
จ้าวเฟิงกระตุ้นกฎเกณฑ์มิติ ทิ้งไว้เพียงเงาที่ว่างเปล่าสายหนึ่ง ส่วนร่างอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
กฎเกณฑ์มิติระดับต่ำบวกกับการเพิ่มพลังจากเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนประเภทมิติสองชิ้น ทำให้ความเร็วของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นไม่น้อย ถึงแม้ว่าพลังของเขาในตอนนี้ไม่ต้องหวาดกลัวอวี่หลิวผิงอีกต่อไปแล้ว
แต่ตอนนี้กลายเป็นการต่อสู้ของสามฝ่าย ไม่ใช่การต่อสู้ส่วนตัวอีก
ชัยชนะของอาณาจักรเทพเผ่าแสงถึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากเป็นยามปกติ จ้าวเฟิงที่เพิ่งจะทะลวงขั้นก็อยากทดสอบฝีมือกับอวี่หลิวผิงอยู่แล้ว
“จะหนีไปไหน!” อวี่หลิวผิงรีบกระโจนออกมา คราวนี้เขาต้องสังหาจ้าวเฟิงให้ได้ มิฉะนั้นจะต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นไม่จบไม่สิ้นแน่นอน แต่เขากระตุ้นเคล็ดวิชาความเร็วจนไปถึงขีดจำกัดที่มี ก็ยากจะตามจ้าวเฟิงไปได้
เปรี๊ยะ! ในอากาศเกิดระลอกคลื่นขึ้น ร่างของจ้าวเฟิงเข้าไปประชิดเรือรบสีดำอ่อนอย่างรวดเร็ว
“ไม่ดีแล้ว รีบโจมตีมันเร็ว!”
จอมเทพซิงเซี่ยงมองจ้าวเฟิงที่เข้ามาใกล้อย่างว่องไว เหงื่อเย็นไหลซึมบริเวณหน้าผาก ใจเต้นระรัว ความรู้สึกไม่ปลอดภัยก็เกิดขึ้นตามมา
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!
ลำแสงสีขาวสุกสกาวนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานออกจากเรือรบ และค่อยๆ ตรงไปรวมตัวที่จ้าวเฟิง
พลังเทพทั่วไปเหล่านี้พุ่งทะยานออกไป ถึงแม้ว่าจะด้อยกว่าระเบิดเทพมรณะ แต่ตอนที่พวกมันรวมตัวเข้าด้วยกัน พลานุภาพก็ผิดแผกไปจากที่เคย ทว่าพลังที่ค่อยๆ รวมตัวเข้าด้วยกัน กลับไม่สามารถทำลายหลุมอัสนีพลังบริสุทธิ์ของจ้าวเฟิงได้ความเร็วของจ้าวเฟิงไม่ลดลงแม้แต่น้อย พุ่งตรงไปปะทะเรือรบสีดำในทันที
โครม ตูม! หลุมอัสนีทมิฬปะทะเข้ากับปราการป้องกันของเรือรบ
ปราการทั้งหมดสั่นไหวในทันที รอยร้าวเล็กๆ กระจายตัวออกรอบจุดที่ปะทะเข้ากับจ้าวเฟิง
เพล้ง! ปราการแหลกละเอียด จ้าวเฟิงพุ่งเข้าไปด้านทันใด
เขาโบกมือปลดปล่อยพลังบริสุทธิ์ออกมา
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ! พลังบริสุทธิ์เหล่านี้กลายเป็นกระบี่บริสุทธิ์ตรงไปปะทะเรือรบ
“หลบไป รีบฟื้นฟูปราการป้องกันเร็วเข้า!” จอมเทพซิงเซี่ยงรีบหนีหัวซุกหัวซุน และส่งเสียงบอกคนทั้งสอง
และในเวลานี้เอง กระบี่พลังบริสุทธิ์ปะทะเข้ากับจุดต่างๆ บนเรือรบ และระเบิดออก ทำให้ทั้งเรือรบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก อุปกรณ์ที่สร้างปราการป้องกันเสียหายเสียแล้ว!”
ผู้อาวุโสเผ่าความลับสวรรค์ผู้หนึ่งเอ่ยอย่างลนลาน
“ต่อให้มีปราการอยู่ก็ปกป้องพวกเจ้าไม่ได้!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงต่ำ ตรงดิ่งไปสังหารผู้อาวุโสเผ่าความลับสวรรค์ผู้นี้
“ไม่!” ผู้อาวุโสคนนี้ตกใจจนหน้าถอดสี
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง องครักษ์เทพมรณะขั้นสองสองคนก็พุ่งมาอย่างรวดเร็ว ช่วยปกป้องเรือรบให้ผู้อาวุโสเผ่าความลับสวรรค์ แต่องครักษ์เทพมรณะช้าเกินไป ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง จ้าวเฟิงก็ไปปรากฏตัวด้านหน้าของผู้อาวุโสเผ่าความลับสวรรค์แล้ว
ฟุ่บ บึ้ม!
กระบี่อัสนีเทวะทะลุผ่านทรวงอกของผู้อาวุโสเผ่าความลับสวรรค์
จ้าวเฟิงทะลวงผ่านจอมเทพขั้นสอง เมื่อเขาสังหารผู้อาวุโสจอมเทพขั้นสองผู้นี้ ฝ่ายตรงข้ามแทบไม่มีแรงจะต่อต้านแต่อย่างใด
โครม ฟิ้ว!
กระบี่อัสนีเทวะพุ่งทะยานออกมา กลายเป็นกระแสธารบริสุทธิ์นับไม่ถ้วนพุ่งออกไปรอบทิศทาง จิตวิญญาณก็พลันแหลกสลายลงไปด้วยพลังกลุ่มนี้ของผู้อาวุโสเผ่าความลับสวรรค์
ตั้งแต่จ้าวเฟิงโจมตีเรือรบของเผ่าความลับสวรรค์ จนถึงตอนที่สังหารคนผู้นี้ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นราวสายน้ำหลาก ไม่มีการหยุดรั้งรอแต่อย่างใด
“จ้าวเฟิง เจ้ารนหาที่ตายเอง!”
ในตอนนี้เอง อวี่หลิวผิงที่อยู่ด้านหลังตะโกนอย่างหัวเสีย
จ้าวเฟิงที่ทะลวงขั้นแล้วไม่ปะทะกับเขาอย่างซึ่งหน้า แต่สังหารคนในเผ่าเขา ย่อมทำให้เขาโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง
“การต่อสู้ของเผ่าความลับสวรรค์และพวกเราเมื่อครู่ ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะเลย มาต่อกันเถอะ!”
จ้าวเฟิงสีหน้าราบเรียบขณะหัวเราะเสียงต่ำ
ยามนั้น ด้านหลังอวี่หลิวผิงมีพวกทายาทเผ่าแสงและเผ่าพันธุ์บรรพกาลต่างๆ โบยบินมาเป็นจำนวนมาก