Skip to content

King of Gods 1461

King Of Gods

บทที่ 1461 ทะลวงขั้นจอมเทพ (2)

ในห้วงฝันบรรพกาล จ้าวเฟิงปิดด่านอยู่ในพื้นที่ของเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตสมาชิกทั้งหมดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตต่างเฝ้าระวังให้จ้าวเฟิง

“นายท่าน สมกับที่เป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า ทะลวงขั้นจอมเทพเร็วถึงเพียงนี้!”ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตมีสีหน้าเลื่อมใสบูชา คิดถึงตอนนั้นที่เขาเป็นขั้นเก้าสุดยอด จ้าวเฟิงเพิ่งเป็นเทพโบราณขั้นเจ็ด

ตอนนี้เขาเพิ่งทะลวงขั้นจอมเทพได้ จ้าวเฟิงก็เริ่มทะลวงขั้นจอมเทพแล้วเช่นกัน

ในชุดคลุมมิติ จ้าวเฟิงมุ่งมั่นปิดด่านฝึกตน

ยามนี้ รากฐานเทพขั้นหนึ่งที่อยู่ล่างสุดของรากฐานเทพทั้งเก้าขั้นในกายเขาค่อยๆ แปรสภาพจากสี่เหลี่ยมเป็นวงกลม อีกนานหลังจากนั้น จ้าวเฟิงก็สร้างต้นแบบของแท่นเทวะออกมาได้

แต่ทว่า นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ขั้นตอนต่อมาจึงจะเป็นหัวใจสำคัญ จะต้องบีบอัดพลังรากฐานเทพที่เหลือทั้งหมดให้กลายเป็นต้นแบบแท่นเทวะ และกระตุ้นให้มันแปรสภาพเป็นแท่นเทวะที่แท้จริง

วู้ม วู้ม! รากฐานเทพขั้นที่สองราวกับละลายกลายเป็นของเหลว หลอมรวมไปกับ ‘ต้นแบบแท่นเทวะ’ ที่อยู่ด้านล่าง ทำให้มันคงตัวขึ้นเล็กน้อย การทะลวงขั้นจอมเทพเป็นขั้นตอนที่ทั้งยากลำบากและเนิบช้า ระหว่างนั้นจะเร่งร้อนไม่ได้เด็ดขาด สำหรับ ‘โสมปราณเทพ’ ที่สามารถช่วยเพิ่มอัตราการทะลวงขั้นจอมเทพ จ้าวเฟิงไม่ได้กินเข้าไปในทันที เขาวางแผนว่าจะรอแท่นเทวะเกิดอาการไม่มั่นคงค่อยกินเข้าไป เช่นนี้จึงจะดึงสรรพคุณยาของของล้ำค่าออกมาได้มากที่สุด

ถึงแม้จ้าวเฟิงจะกำลังปิดด่านทะลวงขั้น แต่เขาก็รู้ถึงสถานการณ์ของสำนักรากฐานเทพอยู่บ้างผ่านร่างแยก

ตอนนี้สีหน้าของผู้นำระดับสูงและเซี่ยโหวอู่ในสำนักรากฐานเทพต่างวิตกกังวล

หลายแสนลี้รอบบริเวณสำนักรากฐานเทพ มีผู้แข็งแกร่งขั้วอำนาจอื่นแฝงตัวอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นมีครึ่งก้าวสู่จอมเทพอยู่มากเช่นกัน ถึงแม้เทพโบราณในสำนักรากฐานเทพที่พลังฝึกตนสูงสุดจะอยู่เพียงขั้นเจ็ด แต่ก็สังเกตได้นานแล้วเช่นกัน

“ควรจะทำเช่นไรกันดี!” เจ้าสำนักรากฐานเทพคิ้วขมวดเป็นปม

ถึงแม้จะรู้ว่าบริเวณสำนักรากฐานเทพจะมีขั้วอำนาจใหญ่ซ่อนตัวอยู่มากมาย แต่สำนักรากฐานเทพทำอะไรไม่ได้เลย แค่เพียงล่วงเกินฝ่ายตรงข้าม ไม่แน่ว่าสำนักรากฐานเทพอาจจะถูกทำลายลงทันที

แต่ตอนนี้จ้าวเฟิงกลับปิดด่านไม่ออกมาเสียอย่างนั้น ระหว่างนี้เซี่ยโหวอู่และหานหนิงเอ๋อร์ล้วนเคยไปหาจ้าวเฟิงทั้งนั้น แต่ถูกมังกรล้างโลกาขวางเอาไว้

“เฮ้อ โชคร้ายอะไรอย่างนี้!”

“สวรรค์ทอดทิ้งสำนักข้า!” ผู้นำระดับสูงของสำนักรากฐานเทพทั้งหลายอดทอดถอนใจไม่ได้

กระทั่งตอนนี้ สมาชิกในสำนักหลายร้อยคนล้วนเคียดแค้นจ้าวเฟิง

ถึงแม้จ้าวเฟิงจะช่วยจัดการวิกฤตอันตรายของพวกเขา แต่กลับชักนำอันตรายที่หนักหนายิ่งกว่ามาให้ ขั้วอำนาจที่ซ่อนอยู่บริเวณสำนัก ส่วนมากแข็งแกร่งกว่าสำนักรากฐานเทพยิ่งนัก อันตรายพวกนี้ล้วนเป็นภัยที่จ้าวเฟิงชักนำมา แต่ในช่วงเวลาสำคัญ จ้าวเฟิงกลับไม่ปรากฏตัวขึ้น

“รายงาน พวกเขามากันแล้ว!”

ในตอนนี้เอง เสียงร้อนรนลอยเข้ามาในโถงใหญ่

ผู้นำระดับสูงสำนักรากฐานเทพ อีกทั้งหานหนิงเอ๋อร์และเซี่ยโหวอู่ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

“ข้าจะไปเรียกสหายจ้าว พวกท่านรั้งพวกเขาเอาไว้ ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น!” เซี่ยโหวอู่เอ่ยทิ้งไว้ประโยคหนึ่งก็จากไปอย่างเร่งร้อน

ฟุ่บ ฟุ่บ~ ร่างเงาแต่ละร่างบินออกไปจากสำนักรากฐานเทพอย่างรวดเร็ว

ครืน ฟู่ ฟู่~ ลมเมฆม้วนตัวมาจากทั่วทุกด้าน สายฟ้าหิมะกระหน่ำซัด ปรากฏเป็นเหตุการณ์ประหลาดต่างๆ นานา

“นี่มัน…ขั้วอำนาจสิบสองแห่ง!” สายตาของเจ้าสำนักเพียงกวาดมอง ขาก็สั่นระริกทันที

ในขั้วอำนาจทั้งสิบสองแห่ง ขั้วอำนาจสี่ดาวสุดยอดก็มีถึงหก อีกทั้งจากการสำรวจของเจ้าสำนักรากฐานเทพ ในขั้วอำนาจสี่ดาวสุดยอดทั้งหก มีผู้กุมอำนาจจากห้าแห่งที่มาที่นี่ หรือก็คือลำพังแค่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพก็มีถึงห้าคนแล้ว!

ฟุ่บ! ชายร่างดำทะมึนที่เปล่งประกายแสงทองก้าวออกมาทันที

คนคนนี้ก็คือเจ้าหุบเขาแห่ง ‘หุบเขามังกรทอง’ และในบรรดาขั้วอำนาจสี่ดาวสุดยอดของเขตผาเก่า หุบเขามังกรทองก็ไม่เป็นสองรองใคร

“จ้าวเฟิง ออกมาคุยกันเถอะ!” เสียงดังกังวานของเจ้าหุบเขามังกรทองดังออกมา

วู้ม ครืน! เสียงนั้นพัดเอาพายุหมุนหอบม้วนไปยังสำนักรากฐานเทพด้วย ทำเอาสมาชิกทั้งหมดทำไม่ได้แม้กระทั่งยืนให้มั่น

พวกเขากระทั่งมีความรู้สึกว่า เจ้าหุบเขามังกรทองก็คือโลกทั้งใบ ส่วนพวกเขาเป็นเพียงแค่ต้นหญ้าบนพื้นเท่านั้น

“รายงานผู้อาวุโส จ้าวเฟิงเขา…”

เจ้าสำนักรากฐานเทพอธิบายด้วยสีหน้าเคารพนบนอบ

“ข้าถามเจ้าแล้วรึ?” แต่เขายังไม่ทันพูดจบ เสียงเย็นชาของเจ้าหุบเขามังกรทองก็ตัดบทเขา

ถึงแม้ดูจากภายนอก ท่าทางของขั้วอำนาจทั้งหลายเหมือนมาหารือกับจ้าวเฟิง แต่ก็เฉพาะกับจ้าวเฟิงเท่านั้น ขั้วอำนาจที่อ่อนแอเช่นสำนักรากฐานเทพไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาเลย

ในดินแดนเทพรกร้าง หากไม่มีพลัง ก็ไม่มีแม้กระทั่งสิทธิ์ในการพูด!

“ฮี่ๆ ครั้งนี้สำนักรากฐานเทพพินาศแน่!” ท่ามกลางผู้คน เจ้าหอมังกรเหลืองยิ้มได้ใจ

ถึงแม้ก่อนหน้านี้หอมังกรเหลืองจะถูกจ้าวเฟิงเขย่าขวัญ แต่ครั้งนี้มีขั้วอำนาจไล่ตามมามากมายเพียงนี้ เขาจะดูสิว่าจ้าวเฟิงจะวางมาดได้อีกหรือไม่?

ฟุ่บ! เงาสีเขียวมาถึงยังข้างกายเจ้าสำนักรากฐานเทพ

“ผู้อาวุโสทุกท่าน ตอนนี้จ้าวเฟิงมีธุระ!” เซี่ยโหวอู่พูดเสียงเรียบนิ่ง

เพียงพูดออกมาเช่นนี้ สำนักรากฐานเทพทุกคนก็รู้ว่าจ้าวเฟิงยังไม่ยอมปรากฏตัว

“ท่านคือลูกศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตกระมัง เดินทางไกลโพ้นมาถึงเขตผาเก่า มิสู้ไปนั่งเล่นที่เผ่าปีศาจวารีสวรรค์ เผ่าข้าจะดูแลเป็นอย่างดีแน่นอน!”

สตรีงดงามแปลกตาฝั่งเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ก้าวออกมาทันที พร้อมเอ่ยคำเชิญชวน

เซี่ยโหวอู่สีหน้าค่อนข้างย่ำแย่ทันที

หัวหน้าเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ดูจากข้างนอกเหมือนเชื้อเชิญเขา แต่ที่จริงคือให้เขาอยู่ห่างๆ จากเรื่องนี้ แต่หากเซี่ยโหวอู่ปฏิเสธก็เท่ากับไม่ไว้หน้าครึ่งก้าวสู่จอมเทพ ทำให้เผ่าปีศาจวารีสวรรค์มีข้ออ้างได้

“เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!” เซี่ยโหวอู่อดทอดถอนใจไม่ได้

แต่ในตอนที่เซี่ยโหวอู่กำลังลำบากใจ ชายงามสง่าชุดเงินก็ขยับไหววูบมายังข้างกายเซี่ยโหวอู่

คนคนนี้ก็คือ ‘จ้าวคง’ ร่างแยกของจ้าวเฟิงนั่นเอง

“พวกเจ้าหานายท่านของข้าด้วยเรื่องอะไร? ตอนนี้เขาไม่สะดวกรับแขก พวกเจ้าบอกข้ามาได้เลย!” จ้าวคงพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

ขณะเดียวกัน ประกายแสงสีเงินล้ำลึกก็ลอยเอ่อในตาซ้ายของเขา ดูราวอากาศไร้ที่สิ้นสุด

“ขั้นเก้าสุดยอด เนตรมิติ!” ครึ่งก้าวสู่จอมเทพที่นั่นสีหน้าเปลี่ยนไปทันใด

หากไม่ใช่ว่าจ้างคงเรียกจ้าวเฟิงว่านายท่าน ทุกคนคงกระทั่งสงสัยว่าเขาเป็นผู้แข็งแกร่งของขั้วอำนาจใดหรือไม่

ในหมู่ขั้วอำนาจสี่ดาวสุดยอด หลายคนรู้ดีว่าจ้าวเฟิงเป็นคนของเผ่าพันธุ์วิญญาณแต่เผ่าพันธุ์วิญญาณอยู่ห่างออกไปไกล

ที่นี่คือถิ่นของเขตผาเก่า ถึงพวกเขาจัดการจ้าวเฟิง เผ่าพันธุ์วิญญาณก็ทำอะไรไม่ได้

แต่หากมีคนขั้วอำนาจอื่นเพิ่มมาอีก รวมทั้งเซี่ยโหวอู่จากแดนศักดิ์สิทธิ์มิติ พวกเขายังต้องไตร่ตรองกันสักหน่อย

“คนที่มาที่นี่ล้วนเป็นบุคคลมีหน้ามีตาทั้งสิ้น พวกเรามาด้วยตัวเอง นายของเจ้ากลับบอกว่าไม่สะดวกรับแขก นี่ดูถูกพวกเราใช่หรือไม่?” ผู้อาวุโสแขนยาวคนนั้นแค่นเสียงเย็นพลางก้าวออกมา

“ที่เขตผาเก่าในตอนนั้น จ้าวเฟิงกักขังสมาชิกของหุบเขามังกรทองไว้ วันนี้ข้ามาด้วยตัวเองเขายังไม่พบหน้าข้าอีกอย่างนั้นรึ?”

สีหน้าเจ้าหุบเขามังกรทองเย็นชา

“ให้จ้าวเฟิงออกมาซะ!”

“ให้เขาส่งคนของหอดาราคืนมา!”

ผู้แข็งแกร่งจากขั้วอำนาจมากมายต่างคล้อยตามกัน

ดูจากภายนอกขั้วอำนาจพวกนี้คล้ายมาเพื่อเจรจา แต่สิ่งที่พวกเขาคิดจริงๆ คือลงมือฆ่าคนชิงสมบัติล้ำค่า ในเมื่อจ้าวเฟิงเป็นคนของขั้วอำนาจห้าดาว พวกเขาจึงไม่อาจทำได้อย่างอุกอาจ ทำได้เพียงแค่ใช้การเจรจาบังหน้าแล้วหาโอกาสลงมือ

“อย่าได้พูดมากความ ให้เขาออกมาเร็วเข้า!”

“หากเขาไม่ออกมา พวกเราจะไปหาเอง!”

ขั้วอำนาจแต่ละฝ่ายรอบด้านกดดันสำนักรากฐานเทพ ทำท่าเตรียมจะค้นหาทั่วทุกด้าน

“ไสหัวไป!” เจ้าหุบเขามังกรทองร้องตวาด พลังไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งโจมตีไปยังจ้าวคงที่ขวางทางไว้

ฟุ่บ ฟุ่บ~ สมาชิกทั้งหมดรวมตัวไปยังที่พักของจ้าวเฟิงทันที

ในตอนนี้เอง เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังขึ้น “บังอาจ!”

จากนั้นมังกรล้างโลกาและจ้าวหวางจึงปรากฏตัว เพียงเสี้ยวขณะ กลิ่นอายน่าครั่นคร้ามที่หนักหน่วงกดดันก็กระจายไปทั่วทุกทิศ คนขั้นครึ่งก้าวสู่จอมเทพลงมาตัวสั่นเทิ้ม ในใจเกิดความกลัวขึ้นอย่างประหลาด

ตอนนี้ สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังร่างของมังกรทมิฬล้างโลกา

“กลิ่นอายสายเลือดกลุ่มนี้!”

“สวรรค์ เผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา!”

มังกรทมิฬล้างโลกาข่มขวัญสมาชิกทั้งหมดที่นั่น

“เป็นเผ่ามังกรล้างโลกาอย่างนั้นรึ เผ่าพันธุ์นี้ไม่รู้ว่าทำลายมิติและขั้วอำนาจไปเท่าไหร่ เป็นเผ่าพันธุ์ที่ชั่วร้ายยิ่งนัก!” สตรีเผ่าปีศาจวารีสวรรค์เอ่ยขึ้น

“นังหญิงผู้นี้ เจ้าว่าอะไรนะ?” สายตาของมังกรทมิฬล้างโลกาเย็นเยียบ

“หลบไป!” เจ้าหุบเขามังกรทองและครึ่งก้าวสู่จอมเทพอีกคนหนึ่งทะยานออกไป คิดลองโจมตีมังกรทมิฬล้างโลกา

“รนหาที่ตาย!” สีหน้าของมังกรทมิฬเหี้ยมโหด เพลิงมังกรทำลายล้างนับไม่ถ้วนหอบม้วนออกไป

ภารกิจที่จ้าวเฟิงมอบให้เขา เขาจะต้องทุ่มสุดกำลังทำให้สำเร็จ อีกทั้งเขารู้แล้วว่าจ้าวเฟิงกำลังทำอะไร จึงยิ่งไม่มีทางให้คนพวกนี้รบกวนนายได้

การต่อสู้พร้อมปะทุขึ้นทุกเมื่อ

คนสำนักรากฐานเทพถอยไปในทันที

นี่คือการต่อสู้ของครึ่งก้าวสู่จอมเทพ เทพแท้จริงทั่วไปอยู่บริเวณนั้นก็เท่ากับรนหาที่ตาย

ในหุบเขาที่ไกลออกไป

วู้ม! บนท้องฟ้าสงบเงียบพลันมีร่างเงามืดทะมึนปรากฏขึ้น

“สู้กันแล้ว!” สายตาของจอมเทพป้าหลงฉายประกายเย็นเยียบ

ที่จริงแล้วเหตุการณ์เบื้องหน้าไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากเห็น เพราะพลังของสองฝั่งพอๆ กัน จึงไม่รู้ว่าต้องสู้กันอีกนานแค่ไหน แต่เพื่อเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า เขายังพอมีความอดทนอยู่

“คิดไม่ถึงว่าข้างกายเจ้าเด็กนี่ยังมีเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาด้วย ท่าทางครั้งนี้ผลเก็บเกี่ยวของข้าจะสมบูรณ์ยิ่งนัก”

สายตาของจอมเทพป้าหลงเผยประกายชั่วร้าย หยุดมองอยู่ที่ร่างของมังกรทมิฬล้างโลกาชั่วขณะหนึ่ง

เขาไม่สนว่าตอนนี้สถานการณ์จะเป็นเช่นไร เขารู้แค่เพียงว่าสุดท้ายจ้าวเฟิงจะต้องตกอยู่ในเงื้อมมือเขา

……

อีกด้านหนึ่ง ตำหนักรัตติกาลม่วงนำคนสามคนบินไล่ตามมา

“ขั้วอำนาจอื่นคงยังไม่ได้จับจ้าวเฟิงไปแล้วกระมัง!” ครึ่งก้าวสู่จอมเทพคนหนึ่งค่อนข้างอดรนทนไม่ไหวแล้ว

ตำหนักรัตติกาลม่วงอยู่กลางเขตผาเก่า ห่างจากแถวชายแดนเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงตามมาค่อนข้างช้า

“ไม่นานก่อนหน้านี้ที่เขตเทพสวรรค์ เผ่าพันธุ์วิญญาณและเผ่าเปลวทองเกิดสงครามใหญ่ จ้าวเฟิงโดดเด่นมากบนสนามรบ กระทั่งโจมตีจอมเทพจนล่าถอย!”

เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงที่สวมชุดม่วง อีกทั้งกายอยู่ในหมอกสีม่วงพูดขึ้น

ความจริงแล้ว เขายังได้ข่าวว่าเขตดาราชาดมีเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าปรากฏขึ้นเรื่องที่ยิ่งอัศจรรย์ยิ่งกว่าคือ ว่ากันว่าผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้ามีนามว่าจ้าวเฟิง

เขตดาราชาดและเขตเทพสวรรค์ห่างไกลกันมาก เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงมองว่าทั้งสองไม่น่าจะเป็นคนเดียวกันได้

“เป็นไปได้อย่างไร?” ครึ่งก้าวสู่จอมเทพคนเมื่อครู่มีอาการตกใจ

จ้าวเฟิงที่ในตอนนั้นยังเป็นปฐมเทพ สามารถต่อกรกับจอมเทพได้แล้ว

“ขั้วอำนาจเล็กๆ พวกนั้น หากลงมือกับจ้าวเฟิงก็มีแต่หาที่ตาย สุดท้ายยังต้องเป็นข้าที่จัดการจบเรื่องทุกอย่าง!”

เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน

เวลาสั้นๆ สามสี่สิบปี จ้าวเฟิงก็พัฒนาจากปฐมเทพมาถึงขั้นที่ต่อกรกับจอมเทพได้ หากพูดว่าในตัวเขาไม่มีความลับ ใครเล่าจะเชื่อ และเรื่องเขาเบญจดาราในตอนนั้น จ้าวเฟิงก็กักขังสมาชิกตำหนักรัตติกาลม่วงไว้จริงๆ

มีเหตุผลนี้อยู่ เจ้าตำหนักรัตติกาลม่วงก็จะบีบบังคับเอาผลประโยชน์จากจ้าวเฟิงได้มหาศาล

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version