บทที่ 1462 ทะลวงขั้นจอมเทพ (3)
จ้าวเฟิงตั้งอกตั้งใจทะลวงขั้นจอมเทพในชุดคลุมมิติ ในจุดตันเถียน ประกายแสงสีต่างๆ ทะลักล้นไปมา
แท่นเทวะด้านล่างสุด เทียบกับก่อนหน้านี้แล้วยิ่งก่อตัวแน่นขึ้นอีกหลายส่วน
บนแท่นเทวะเต็มไปด้วยลวดลายหลากสีที่น่าอัศจรรย์ ราวกับแฝงไว้ด้วยสัจธรรมของเสวียนอ้าวในฟ้าดิน ส่วนในของแท่นเทวะ พลังเทพที่ก่อตัวขึ้นดุจผลึกแก้ว รินไหลเงียบๆ ราวสายน้ำ
แต่เหนือแท่นเทวะยังเหลือรากฐานเทพอยู่อีกสามขั้น!
รากฐานเทพสามขั้นนั้นประหนึ่งก้อนน้ำแข็งที่ทนทานเป็นอย่างยิ่ง กำลังหลอมละลายไปในแท่นเทวะเบื้องล่างอย่างเนิบช้า
วู้ม วู้ม! ทันใดนั้น แท่นเทวะก็เกิดอาการไม่มั่นคง คลื่นพลังเทพที่แข็งแกร่งบริสุทธิ์พวยพุ่งออกมาเป็นกลุ่มๆ
ขวับ! จ้าวเฟิงหยิบเอา ‘โสมปราณเทพ’ ออกมา ดูดซับพลังแก่นสำคัญในนั้น พลังเทพบริสุทธิ์ที่อยู่ภายนอกทะลักเข้าไปในกายของเขา
พลังเทพพิเศษกลุ่มนี้หลั่งไหลเข้าไปในแท่นเทวะจากการเหนี่ยวนำของจ้าวเฟิงแท่นเทวะจึงค่อยๆ มั่นคง ยิ่งแข็งและโปร่งแสงขึ้น
โสมปราณเทพสามารถทำแท่นเทวะให้มั่นคงได้ในช่วงเวลาสำคัญ ทั้งยังรวบรวมพลังที่แข็งแกร่งเข้าไป ทำให้แท่นเทวะยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิม
หลังจากกินโสมปราณเทพเข้าไปแล้ว จ้าวเฟิงก็พยายามรวดเดียวโดยไม่หยุดพัก เพิ่มความเร็วในการทะลวงขั้น
ในช่วงเวลาที่สำคัญของการทะลวงขั้นจอมเทพ เขาก็ยังคงได้รับข่าวสารจากโลกภายนอก ระหว่างเขาและร่างแยกไม่จำเป็นต้องพูดคุยสื่อสาร ก็สามารถใช้ครรลองสายตาของร่างแยกได้
เหนือสำนักรากฐานเทพ การต่อสู้ปะทุขึ้น แต่คนที่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้จริงๆ ก็มีเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของแต่ละขั้วอำนาจเท่านั้น
ในเมื่อเทพโบราณทั่วไปไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่เพลิงมังกรล้างโลกาลูกหนึ่งด้วยซ้ำ
“ไสหัวไป!” เจ้าหุบเขามังกรมองอย่างโมโหโกรธา ตวาดเสียงดังลั่น
“พูดมากเสียจริง!”
มังกรทมิฬล้างโลกาไม่เกรงกลัว ทะยานไปพร้อมเพลิงมังกรล้างโลกามหาศาล
ครืน ฟู่ ฟู่!
มังกรเพลิงล้างโลกาท่วมฟ้าก่อร่างเป็นมังกรเพลิงตัวมหึมา แผ่กระจายกลิ่นอายภัยพิบัติที่ทำลายล้างทุกสิ่ง ก่อนพุ่งทะยานออกไปทันที!
สีหน้าของเจ้าหุบเขามังกรทองคร่ำเคร่ง ขวานยักษ์ประกายทองเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ
ฉัวะ ฉึก! เมื่อกวัดแกว่ง คมพิฆาตประกายทองใหญ่มหึมาก็พุ่งโจมตีไปทันที
แต่ทว่า ภายใต้การปะทะของพลังทั้งสอง มังกรยักษ์เพลิงทมิฬกลืนกินการโจมตีของเจ้าหุบเขามังกรทองไปในทันที เจ้าหุบเขามังกรทองอดถอยหลังไปไม่ได้ เมื่อสัมผัสเข้ากับพลังทำลายล้างที่อยู่ในการโจมตีของมังกรล้างโลกา
“บัดซบ เผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา!” เจ้าหุบเขามังกรทองมีสีหน้าเคร่งเครียด ค่อนข้างโกรธแค้น
เป็นครึ่งก้าวสู้จอมเทพเช่นกัน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ามังกรทมิฬล้างโลกา สายเลือดของเขาก็สำแดงประโยชน์อะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย จากการประมือกันครั้งแรก เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“พวกเราช่วยเจ้าเอง!” ผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าปีศาจวารีสวรรค์และผู้อาวุโสแขนยาวเห็นท่าไม่ดี ก็ร่วมมือกันมุ่งหน้ามาทันที
“อาศัยพวกเจ้า จะไปมีประโยชน์อะไร?” มังกรล้างโลกาเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า พลังสายเลือดหอบม้วนมาจากทั่วทุกทิศ
ไม่ไกลนัก เทพแท้จริงทั่วไปที่ไม่เคยเข้าร่วมสนามรบ ต่างกระอักเอือดออกมาภายใต้การโจมตีสายเลือดที่แข็งแกร่งเป็นที่สุดกลุ่มนี้ แล้วพากันถอยหลังออกไป
“มุกมังกรเพลิง!” มังกรทมิฬล้างโลกาอ้าปาก พ่นเอามุกวิเศษลายมังกรสีแดงออกมา
มังกรทมิฬล้างโลกามีสายเลือดอยู่ในสิบอันดับแรก เมื่อใช้อาวุธเทพระดับสูงด้วย พลังที่แท้จริงของเขาจะสามารถต่อสู้กับจอมเทพได้
“มังกรล้างโลกาโจมตี!” มังกรทมิฬล้างโลกาปลดปล่อยเพลิงสีแดงเข้มมหาศาลออกมาทั่วร่าง และหลอมมังกรเพลิงขนาดมหึมาสามตัวขึ้น ก่อนโจมตีครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามพร้อมๆ กัน
ยามเผชิญหน้ากับเพลิงมังกรทมิฬล้างโลกา แม้กระทั่งเจ้าหุบเขามักรทองก็ไม่กล้าประมาท กระตุ้นวิชาป้องกันแล้วเข้าประมือกับเขา
อีกด้านหนึ่ง สตรีงดงามแปลกตาของเผ่าปีศาจวารีสวรรค์มีเคล็ดวิชาแข็งแกร่ง เชี่ยวชาญด้านการป้องกัน จึงสามารถต้านทานได้ แต่สายเลือดของผู้อาวุโสแขนยาวอยู่ระดับต่ำเกินไป ทำให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“ไสหัวไป!” มังกรทมิฬล้างโลกาตวาดลั่น โจมตีไปอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้น
วิธีการโจมตีที่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทำให้ใจของครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามคนหวาดหวั่น ถอยหลังไปติดๆ กัน
เผ่าพันธุ์มังกรโลกาสมคำร่ำลือจริงๆ!
“แข็งแกร่งยิ่งนัก เหตุใดสายเลือดที่อยู่ในสิบอันดับแรกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณถึงได้รับใช้จ้าวเฟิง?” เจ้าหุบเขามังกรทองแอบตกใจ
“หึ มันแข็งแกร่งกว่านี้แล้วมีประโยชน์อะไร ขอเพียงพวกเราตรึงกำลังมันเอาไว้ให้ได้ รอคนอื่น…” ผู้อาวุโสแขนยาวเพิ่งพูดได้แค่ครึ่งเดียวก็หยุดชะงักลงทันใด
ก่อนหน้านี้เขายังหวังให้คนอื่นสังหารจ้าวคงและจ้าวหวาง จากนั้นค่อยมาช่วยพวกเขา แต่เมื่อประสาทสัมผัสเทพกวาดผ่าน ก็พบว่าสถานการณ์ของสนามรบอีกด้านหนึ่งไม่สู้ดีนัก
จ้าวคงและจ้าวหวางถึงแม้จะเป็นเพียงขั้นเก้าสุดยอด แต่ทั้งสองล้วนเป็นทายาทเนตรเทพเจ้า ทั้งยังมีอาวุธเทพระดับสุดยอด เมื่อสู้กับครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั่วไปยังได้เปรียบอยู่ในระดับหนึ่ง
โดยเฉพาะจ้าวคง เนตรมิติถึงระดับเนตรปฐมเทพ การเคลื่อนไหวและการโจมตีเร็วเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ศัตรูตอบโต้ไม่ทัน
ครืน ฉัวะ ฉัวะ! เบื้องหน้าของเขา คมมีดสีขาวเลือนรางกระจายตัวไปทั่วฟ้า ตวัดเชือดเฉือนไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ครืน ฉัวะ~ ผู้อาวุโสผมขาวคนหนึ่งบินออกมาจากในนั้น บนร่างถูกโจมตีหลายแห่ง ทั้งยังทิ้งรอยแผลเป็นทางเอาไว้
“บัดซบ มีเนตรมิติ แล้วยังมีอาวุธเทพประเภทมิติระดับสุดยอดอีก!”
ผู้อาวุโสผมขาวสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง ตัวเองเป็นถึงครึ่งก้าวสู่จอมเทพ แต่ไม่มีปัญญาทำอะไรขั้นเก้าสุดยอดได้
การต่อสู้บนท้องฟ้าเหนือสำนักรากฐานเทพสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วฟ้าดิน ทำให้ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายพรั่นพรึงเป็นที่สุด
“นี่…เป็นไปได้อย่างไร?”
“ครึ่งก้าวสู่จอมเทพกลับทำอะไรบริวารของจ้าวเฟิงไม่ได้เลย!”
สมาชิกที่เหลือของขั้วอำนาจพวกนั้นไม่อาจเชื่อภาพนี้ได้
พูดถึงพลังฝึกตน ฝั่งของพวกเขาได้เปรียบแน่นอน พูดถึงจำนวนคน ก็มากกว่าฝ่ายตรงข้ามแล้วสองคน แต่ในการต่อสู้กลับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ นอกจากนั้น การต่อสู้ระดับนี้ คนที่จะยื่นมือเข้ามายุ่งได้ก็น้อยนิดนัก
มังกรทมิฬล้างโลกาเฝ้าประตูสำนักรากฐานเทพไม่ปล่อยปละ เพลิงมังกรทมิฬล้างโลกาแทบจะสังหารเทพโบราณขั้นเก้าลงได้ในพริบตา
ย้อนกลับมาฝั่งสำนักรากฐานเทพ พวกเขาก็ตกตะลึงไปเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่มีมากกว่าคือตื่นเต้นยินดี
แข็งแกร่งยิ่งนัก คนพวกนี้คือบริวารของจ้าวเฟิงอย่างนั้นรึ?“
แววตาเจ้าสำนักรากฐานเทพอึ้งตะลึง
บริวารของจ้าวเฟิงไม่เพียงแต่พลังแข็งแกร่ง ประวัติความเป็นมาก็ไม่ธรรมดา
ทายาทเนตรเทพเจ้าสองคน คนหนึ่งคือเผ่าพันธุ์ในตำนานที่สายเลือดอยู่ในสิบอันดับแรกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์
เขาอยู่มาชั่วชีวิตก็เพิ่งจะได้เห็นเผ่าพันธุ์สิบอันดับแรกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณเป็นครั้งแรก พลังรบที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานทำให้เขานึกเลื่อมใสอยู่ลึกๆ
“ข้าว่าแล้วเชียว สหายจ้าวจะต้องมีแผนรับมือ!” เซี่ยโหวอู่ยิ้มน้อยๆ
แต่ว่าจ้าวเฟิงทำอะไรอยู่กันแน่? ทำไมยังไม่ออกมาอีก?
ในหุบเขาไกลลิบออกไป จอมเทพป้าหลงมองทุกอย่างไว้ในสายตา
“สมกับที่เป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า รับบริวารที่ไม่เลวไว้ได้สองสามคน แต่หากเขายังไม่ออกมาอีก สถานการณ์ก็จะไม่ดีแล้ว…”
จอมเทพป้าหลงเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
เป้าหมายของเขาคือจับตัวจ้าวเฟิง แต่จนถึงตอนนี้เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าก็ยังไม่โผล่ออกมา เขาทำอะไรอยู่กันแน่?
“เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า รีบออกมาเถอะ!” สีหน้าของจอมเทพป้าหลงค่อนข้างตื่นเต้นและเฝ้ารอคอย
แปดเนตรเทพเจ้า เป็นเอกลักษณ์ มีหนึ่งไม่มีสอง เทียบเทียมกับผู้ให้กำเนิดสายเลือดสิบอันดับแรกในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์
เช่นนั้นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าจะเป็นเช่นไรกันแน่?
ครืน ตูม บึ้ม! ท้องฟ้าเหนือสำนักรากฐานเทพ ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดทั้งสองฝั่งต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ทว่าจนถึงตอนนี้ มังกรทมิฬล้างโลกา จ้าวหวาง จ้าวคง แทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แต่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพของขั้วอำนาจอื่นกลับมีรอยเลือดกันไม่มากก็น้อย
โดยเฉพาะผู้อาวุโสผมขาวที่สู้กับจ้าวคง บาดแผลค่อนข้างสาหัส น่ากลัวว่าจะยืนหยัดต่อไปได้อีกไม่นาน
“บัดซบ แค่บริวารสามคนก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้แล้ว เช่นนั้นตัวจ้าวเฟิงจะมีพลังเพียงใดกัน?”
เจ้าหุบเขามังกรทองอดคิดถึงจุดนี้ขึ้นมาไม่ได้ ในใจเกิดความกลัวขึ้นมาอย่างประหลาด
แต่มาคิดให้ละเอียด หกสิบปีก่อนหน้านี้ จ้าวเฟิงเป็นเพียงแค่ปฐมเทพ ตอนนี้ไม่มีทางแข็งแกร่งไปได้เท่าใดนัก เหตุที่เขาไม่ออกมาน่าจะเป็นเพราะอ่อนแอเกินไป ดังนั้นจึงให้บริวารออกโรงแทน
ในตอนนี้เอง
“ฮ่าๆ เจ้าหุบเขามังกรทอง พวกเจ้าช่างน่าอนาถจริงๆ!” เสียงหัวเราะลั่นดังมาจากที่ไกลๆ
“เจ้าหอเฉิน รีบมาช่วยพวกเราเร็ว!” เจ้าหุบเขามังกรทองเผยสีหน้าหวาดกลัว ร้องออกไปทันใด
ถึงแม้พลังของพวกมังกรทมิฬล้างโลกาจะแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ขวางพวกเขาเอาไว้ในขณะนี้ แต่ยังมีขั้วอำนาจบางแห่งกำลังไล่ตามมาอย่างต่อเนื่อง ถึงตอนนั้น ต่อให้พวกมังกรทมิฬล้างโลกามีกลวิชาอีกมากเพียงใด ก็จะแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
“คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาด้วยตาตัวเอง!”
เจ้าหอเฉินบินมา กระบี่ยาวสีทองปรากฏขึ้นในมือ ชั่วพริบตาที่ลงมือก็ปลดปล่อยลำแสงสีทองมากมายออกมา
สีหน้าของมังกรทมิฬล้างโลกาเคร่งเครียดขึ้น เผชิญหน้ากับครึ่งก้าวสู่จอมเทพสี่คนในเวลาเดียวกัน ต่อให้เป็นเขาก็รับมือไม่ค่อยไหว แต่ด้วยกายมังกรล้างโลกาของเขา จึงยังสามารถยืนหยัดต่อไปได้
“สถานการณ์ไม่สู้ดีเลย!” เซี่ยโหวอู่ค่อนข้างกังวล
หากยืดเยื้อต่อไป จะมีผู้แข็งแกร่งเข้าร่วมการต่อสู้มากขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้ไม่มีครึ่งก้าวสู่จอมเทพ จำนวนของศัตรูได้เปรียบกว่า ก็สามารถยื้อจนพวกมังกรทมิฬล้างโลกาดับดิ้นได้
แต่ทว่า ผ่านไปไม่นานเท่าใดนัก ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากที่ไกล “ฮ่าๆ ข้ามาได้ถูกเวลาจริงๆ!”
ฟิ้ว~ ผู้อาวุโสเคราแพะที่ดวงตามีประกายแสงสีเขียวลอยต่ำลงมา
ทันใดนั้น พลังยิ่งใหญ่ที่กำราบทุกสิ่งก็ตลบอวลไปทั่วฟ้าดิน
ครึ่งก้าวสู่จอมเทพที่อยู่ที่นั่นรวมถึงมังกรทมิฬล้างโลกาต่างสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันไร้รูปร่าง
“คนคนนี้ หรือจะเป็น ‘ผู้เฒ่าสะบั้นวิญญาณ’ ที่เลื่องชื่อมานานในเขตผ่าเก่า คนคนนี้เป็นถึงจอมเทพขั้นหนึ่งเชียว!”
เจ้าสำนักรากฐานเทพหน้าขาวซีด
คิดไม่ถึงว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะดึงดูดผู้แข็งแกร่งขั้นจอมเทพมาด้วย
เมื่อจอมเทพลงมือ อีกไม่นานทุกอย่างก็จะจบลง!
“จอมเทพ!” ม่านตาของมังกรทมิฬล้างโลกาหดลง สีหน้าคล้ำเครียด
“ผู้เฒ่าสะบั้นวิญญาณ!” สีหน้าเจ้าหุบเขามังกรทองหนักอึ้งลง
ผู้เฒ่าสะบั้นวิญญาณคือจอมเทพขั้นหนึ่ง เชี่ยวชาญศาสตร์วิญญาณ พลังแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
เขาเป็นพวกที่ถ้าไม่ได้ผลประโยชน์ก็จะไม่ปรากฏตัวให้เห็น หากผู้เฒ่าสะบั้นวิญญาณลงมือแล้วละก็ สุดท้ายผลประโยชน์ส่วนมากก็แทบจะเป็นของเขา แต่สถานการณ์ตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าหุบเขามังกรทองจะตัดสินใจเองได้แล้ว
“ฮี่ๆ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด ดูสิว่าจ้าวเฟิงจะออกมาหรือไม่!”
แววตาเขียวหม่นของผู้เฒ่าสะบั้นวิญญาณกวาดไปยังมังกรทมิฬล้างโลกา จ้าวคง และจ้าวหวาง
“ฆ่าเจ้าก่อน!” สายตาของผู้เฒ่าหยุดอยู่ที่จ้าวหวาง
บนชั้นวิญญาณ พลังวิญญาณสีเขียวหม่นก่อขึ้นเป็นดาบวิญญาณมหึมาเล่มหนึ่ง จากนั้นฟันลงมาจากฟากฟ้า
ดาบนั้นคมเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าฟันดาบนี้ลงไป ก็สามารถฟันกายวิญญาณของจ้าวหวางขาดสะบั้นลงได้จริงๆ
คมดาบนั้นใกล้จะฟันลงมาเต็มที
จ้าวหวางที่เป็นเพียงแค่ขั้นเก้าสุดยอดไม่มีทางต้านทานกระบวนท่านี้ได้แน่นอนแต่สีหน้าของจ้าวหวางในตอนนี้กลับสงบนิ่งยิ่งนัก ราวกับไม่เห็นเขาในสายตา
“เจ้าฆ่าใครไม่ได้ทั้งนั้น!” ทันใดนั้น มีเสียงเรียบนิ่งดังเข้ามา
ครืน แซ่ด แซ่ด!
มังกรอัสนีสีม่วงตัวหนึ่งทะยานออกมาจากชั้นวิญญาณ ทำเอาผู้แข็งแกร่งทั้งหมดแถวนั้นวิญญาณสั่นสะท้าน
ครืน ตูม ตูม!
มังกรอัสนีสีม่วงกระแทกไปยังดาบวิญญาณเล่มนั้น ทำลายมันลงทันที
“นั่นใคร?” สีหน้าของผู้เฒ่าสะบั้นวิญญาณมืดทะมึน ตะโกนออกมาทันที
ที่นี่มีการโจมตีวิญญาณของใครสามารถเทียบเคียงกับเขาได้ด้วยอย่างนั้นหรือ?
ขวับ! ร่างของจ้าวเฟิงปรากฏอยู่บนท้องฟ้า พลังสูงสุดที่หลุดพ้นเหนือทุกสิ่งแผ่กระจายออกมา
กลิ่นอายพลังกลุ่มนี้คือจอมเทพ!
“เจ้ามาหาข้าไม่ใช่หรอกหรือ?” จ้าวเฟิงมองไปยังผู้เฒ่าสะบั้นวิญญาณ จากนั้นกวาดตามองรอบด้าน
“จอมเทพ?” เจ้าหุบเขามังกรทองและพวกผู้อาวุโสแขนยาวมีเสียงอื้ออึงในหัว
จ้าวเฟิงเป็นจอมเทพไปได้อย่างไร?
ณ ที่ไกลๆ ผู้กุมอำนาจหอมังกรเหลืองและเผ่าภูตทมิฬแทบจะเป็นลมล้มไป หากรู้ก่อนว่าจ้าวเฟิงเป็นจอมเทพ อย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางกลับมาล้อมวงด้วยอีกเด็ดขาด