บทที่ 1460 ทะลวงขั้นจอมเทพ (1)
สำหรับการจัดการอย่างสันติที่จ้าวเฟิงเสนอมา สำนักหวนคืนต้นกำเนิดไม่สนใจฟัง รีบปฏิเสธทันที
เมื่อเห็นภาพนี้ เซี่ยโหวอู่และหานหนิงเอ๋อร์อดทอดถอนใจไม่ได้ นึกเป็นห่วงแทนสำนักหวนคืนต้นกำเนิด
ในเขตเทพสวรรค์ จ้าวเฟิงก็เอาชนะจอมเทพได้ ทั้งยิ่งมีข่าวลือมาถึงเขตดาราชาดว่าจ้าวเฟิงยังเคยสังหารจอมเทพอีกด้วย
“ในเมื่อเจ้าปฏิเสธการเจรจาสงบศึก เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว!”
สายตาของจ้าวเฟิงจ้องเพ่งไป
เขาไม่ได้มีเจตนาจะก่อเรื่อง แต่มักจะมีคนคิดว่าตัวเองเก่งกาจ ละโมบโลภมากเพียงพูดออกไปเช่นนี้ สำนักหวนคืนต้นกำเนิดสามคนตะลึงไปทันใด
“ฮ่าๆ ผู้เยาว์ ข้าไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าเจ้ากล้าหาญหรือโง่เขลาดี…”
พวกเทพโบราณเฉียนหยวนต่างพากันหัวเราะ
หกสิบปีก่อนหน้านี้ ตอนที่จ้าวเฟิงหนีไปจากเขตผาเก่าก็เป็นเพียงแค่ปฐมเทพเท่านั้น ต่อให้เขามีของวิเศษ พลังฝึกตนรุดหน้ารวดเร็ว อย่างมากก็เป็นเพียงเทพโบราณขั้นเจ็ดกระมัง
“ฮ่าๆ ยังอวดดีเหมือนเดิม!” รอยยิ้มของผู้นำระดับสูงเผ่าภูตทมิฬยิ่งเย็นยะเยียบมากขึ้น
ฝั่งสำนักรากฐานเทพยิ่งมองจ้าวเฟิงราวกับมองสัตว์ประหลาด ไยเขาจึงกล้าคุยโวกับสำนักหวนคืนต้นกำเนิดเช่นนี้?
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมเจรจาสงบศึก เช่นนั้นก็ทำได้แค่ใช้พลังพูดแทนเท่านั้น!”สีหน้าของจ้าวเฟิงเย็นเยียบ ก้าวออกไปก้าวหนึ่งทันใด
สำนักหวนคืนต้นกำเนิดเพิ่งจะสงบสติลงได้ ก็พลันรู้สึกอยากหัวเราะเป็นอย่างยิ่งทันที และเตรียมพูดเหยียดหยาม
แต่ตอนที่จ้าวเฟิงก้าวก้าวนั้นออกไป ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น
ครืน ฟิ้ว ฟิ้ว! ฟ้าดินมืดหม่น ลมเมฆม้วนตลบบ้าคลั่ง ไอสวรรค์ทั่วทุกทิศรวมตัวมายังจ้าวเฟิง พลังฟ้าดินมหาศาลกลุ่มหนึ่งบดขยี้ไปข้างหน้า
ความกดดันกลุ่มนี้ทำเอาขั้นเก้าสุดยอดของสำนักหวนคืนต้นกำเนิดสองคนรู้สึกหนักอึ้ง ทำให้เจ้าสำนักหวนคืนต้นกำเนิดตระหนกตกใจ
ไม่รอให้พวกเขาพูดอะไรทั้งนั้น
ตึง! จ้าวเฟิงก้าวออกไปอีกก้าว พลังฟ้าดินกลุ่มนั้นเพิ่มทบเท่าทวีทันที เสี้ยวขณะนี้ ร่างของขั้นเก้าสุดยออดสองคนหนักอึ้ง สีหน้าค่อนข้างย่ำแย่ ส่วนเจ้าสำนักหวนคืนต้นกำเนิดมีสีหน้าตื่นตะลึง ดวงตาเบิกโพลง จ้องจ้าวเฟิงอย่างหวาดกลัว ด้านหลัง กองทัพเผ่าภูตทมิฬและหอมังกรเหลืองราวกับถูกขุนเขาใหญ่โตกดทับ ทุกคนแม้กระทั่งหายใจยังรู้สึกลำบาก
อั้ก~ ไม่ถึงเสี้ยวขณะก็มีคนเกือบพันคนกระอักเลือดออกมา พร้อมถอยกรูดไปข้างหลัง
“ถอย!” เทพโบราณหอมังกรเหลืองและเผ่าภูตทมิฬตะโกนลั่น
การเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ทำให้พวกเขางุนงงไปหมด แต่เมื่ออันตรายมาเยือน สัญชาตญาณของพวกเขาบอกให้หนี
“ว่ามา พวกเจ้าจัดการอย่างไร?” จ้าวเฟิงพลันเอ่ยปาก แล้วก้าวออกไปอีกครั้ง
ถึงแม้เขาจะเป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพ แต่ก็บรรลุกฎเกณฑ์แล้ว และพลังเทพรวมศูนย์ของเขายากจะมีจอมเทพในขั้นหนึ่งต่อกรได้
ครืน ตูม! ชั่วขณะนี้ พลังฟ้าดินก่อตัวราววัตถุ ก่อนทะยานไปข้างหน้าราวสัตว์ร้ายดึกดำบรรพ์
อั้ก! อั้ก! ขั้นเก้าสุดยอดฝั่งสำนักหวนคืนต้นกำเนิดสองคนต่างกระอักเลือดแล้วถอยไปข้างหลัง ส่วนเจ้าสำนักหวนคืนต้นกำเนิดถอยไปข้างหลังครึ่งก้าว ยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ ทั่วร่างสั่นเทิ้ม
สำนักรากฐานเทพที่อยู่ข้างหลังจ้าวเฟิงมองฉากนี้ด้วยสีหน้าอึ้งตะลึง
เพียงสามก้าว ก็ข่มจนเทพโบราณสุดยอดสองคนกับครึ่งก้าวสู่จอมเทพคนหนึ่งของสำนักหวนคืนต้นกำเนิดล่าถอยไป!
ครึ่งก้าวสู่จอมเทพนับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดในสายตาของสำนักรากฐานเทพ ครึ่งก้าวสู่จอมเทพสังหารพวกเขาก็ราวกับเหยียบมดตัวหนึ่งตายเท่านั้น แต่ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้กลับล่าถอยไปภายใต้พลังไร้รูปร่างของจ้าวเฟิง!
“นี่…ผู้อาวุโสจ้าว พวกเรา…”
เจ้าสำนักหวนคืนต้นกำเนิดไม่รู้จะพูดอะไรไปเช่นกัน
สถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่เขาเคยคิดเอาไว้ก็คือ จ้าวเฟิงอาจจะมีไพ่ตายอะไรที่สามารถต้านทานพวกเขาได้ชั่วระยะหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์สุดท้ายจะเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ เขาไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะลงมือแล้ว
“พวกเจ้าไม่ใช่ว่าอยากจะจับข้าหรอกหรือ?” จ้าวเฟิงเดินออกไปก้าวที่สี่ พร้อมโคจรเสวียนอ้าวที่ซับซ้อนมากมาย
ครืน ตูม ตูม! ฟ้าดินก่อพลังมหาศาลขึ้นกลุ่มหนึ่ง บดขยี้ไปอย่างทรงอานุภาพ
เจ้าสำนักหวนคืนต้นกำเนิดราวกับถูกโจมตีสาหัส กายสั่นสะท้าน ใบหน้าขาวซีด มุมปากมีเลือดไหลริน
ครืน บึ้ม! ร่างของขั้นเก้าสุดยอดสองคนกระเด็นออกไป ทิ้งรอยทางเลือดเอาไว้ในอากาศ
“ผู้อาวุโสจ้าว เรื่องนี้เป็นพวกเราที่ผิด สำนักหวนคืนต้นกำเนิดยินดีชดใช้ให้ทุกอย่าง!” ตอนนี้เจ้าสำนักหวนคืนต้นกำเนิดเพิ่งจะนึกคำแก้ตัวออก จึงพูดเสียงอ่อน
เขาไม่กล้าสงสัยอีก จ้าวเฟิงจะฆ่าพวกเขาแล้วจริงๆ
ขอเพียงแค่มีชีวิตรอด ของที่สูญเสียไปยังกลับคืนมาได้ แต่หากตายไปแล้วก็ไม่มีอะไรเหลือทั้งสิ้น
“ไสหัวไป วันหลังอย่าให้ข้าได้เห็นพวกเจ้าอีก!” จ้าวเฟิงคำรามเสียงต่ำ
แค่ขั้วอำนาจสี่ดาวสุดยอด จะมีของอะไรที่เข้าตาเขากัน จุดประสงค์ครั้งนี้ หลักๆ คือข่มขวัญขั้วอำนาจอื่นผ่านสำนักหวนคืนต้นกำเนิด
“ขอรับ ขอรับ!” คนสำนักหวนคืนต้นกำเนิดทั้งสามล้มลุกคลุกคลานจากไปอย่างรวดเร็ว
จ้าวเฟิงแข็งแกร่งเกินไป ยังไม่ทันได้ลงมือก็บีบคั้นพวกเขาจนกระอักเลือด หากลงมือขึ้นมาจริงๆ จะสังหารพวกเขาก็ง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ
อีกด้านหนึ่ง คนของหอมังกรเหลืองและเผ่าภูตทมิฬหายไปไร้ร่องรอยแล้ว
ด้านหลัง คนของสำนักรากฐานเทพนิ่งอึ้ง ตะลึงอยู่กับที่ ก่อนหน้านี้ทุกคนล้วนคิดว่าต่อไปจะต้องเกิดสงครามนองเลือดแน่นอน การมาเยือนของเผ่าภูตทมิฬยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวัง
แต่ผลสุดท้ายกลับเป็นสำนักรากฐานเทพชนะโดยไม่ต้องออกรบ!
กองทัพฝั่งศัตรูรวมถึงผู้แข็งแกร่งสำนักหวนคืนต้นกำเนิด ต่างตกใจจนหนีลนลานไปในทันที
“แข็งแกร่งยิ่งนัก!” หานหนิงเอ๋อร์เอ่ยอย่างเหม่อลอย
ถึงแม้ตอนที่นางอยู่กับจ้าวเฟิงก็เคยตื่นตะลึงกับความแข็งแกร่งของเขา แต่ความตื่นตะลึงที่จ้าวเฟิงสร้างให้นางราวกับจะไม่มีที่สิ้นสุด
“ผู้อาวุโส…จ้าว ขอบคุณท่านที่ช่วยกำจัดภัยอันตรายให้กับสำนักรากฐานเทพ!”เจ้าสำนักรากฐานเทพรีบรุดหน้ามาขอบคุณ
ครั้งนี้ อันตรายของสำนักรากฐานเทพได้จ้าวเฟิงถือโอกาสจัดการให้แล้ว
“พวกเจ้าจะกลับไปเขตเทพสวรรค์เมื่อใด?” จ้าวเฟิงมองไปยังเซี่ยโหวอู่และหานหนิงเอ๋อร์
“ยังต้องอยู่อีกช่วงระยะหนึ่ง…” เซี่ยโหวอู่พูดอย่างไม่ต้องหยุดคิด
อันดับแรก สำนักรากฐานเทพเพิ่งจะสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง หานหนิงเอ๋อร์ไม่มีทางจากไปเร็วเช่นนี้
สองคือบาดแผลบนร่างของเจ้าสำนักรากฐานเทพยังต้องรักษากันอีกช่วงหนึ่ง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จ้าวเฟิงจึงพักอยู่ที่สำนักรากฐานเทพอีกระยะหนึ่งเช่นกัน ถึงแม้เขาจะสยบสำนักหวนคืนต้นกำเนิดไว้ได้แล้ว แต่ก็น่าจะยังมีขั้วอำนาจบางแห่งไม่พอใจ มาเอาเรื่องถึงที่ ถึงตอนนั้นจัดการเรื่องพวกนี้ให้เรียบร้อยก่อนค่อยจากไปก็ยังไม่สาย
เพื่อเลี่ยงไม่ให้พวกเขาบุกไปหาเผ่าแพะเพลิงทองและสำนักรากฐานเทพหลังจากเขาไปแล้ว
อันที่จริง ในตอนนั้นจ้าวเฟิงก็แค่ขังเทพแท้จริงไม่กี่คนของขั้วอำนาจพวกนั้นเอาไว้ ไม่ถึงกับต้องให้พวกเขาตายกันไปข้าง ประเด็นคือคนพวกนี้จิตใจละโมบโลภมากเกินไป คิดอยากได้ของล้ำค่าของเขา
ช่วงเวลาที่อยู่ที่สำนักรากฐานเทพ แน่นอนว่าจ้าวเฟิงไม่มีทางอยู่เฉยๆ หลังเข้าไปในชุดคลุมมิติ เขาก็เริ่มปิดด่านศึกษาทำความเข้าใจ และเพิ่มพลังแฝง
โลกภายนอกหนึ่งวัน ชุดคลุมมิติผ่านไปหนึ่งร้อยวัน
ไม่นานนัก ในชุดคลุมมิติก็ผ่านไปห้าร้อยวัน ช่วงระหว่างนี้ไม่มีขั้วอำนาจใดบุกมาส่วนจ้าวเฟิงรู้สึกว่าทุกๆ ด้านของตนถึงจุดติดขัด พัฒนาต่อได้ยาก
“พวกเจ้าออกไปเฝ้าระวังแทนข้า!”
จ้าวเฟิงย้ายมังกรล้างโลกา จ้าวหวาง และจ้างคงออกไปมิตินอกชุดคลุม
มังกรล้างโลกาเพิ่งทะลวงถึงขั้นครึ่งก้าวสู่จอมเทพ เมื่อรวมกับสายเลือดของเขา กำลังรบเป็นเลิศ จึงสามารถสู้กับจอมเทพทั่วไปได้ ส่วนร่างแยกทั้งสองล้วนถึงขั้นเก้าสุดยอด มีพวกเขาสามคนเฝ้าระวัง จ้าวเฟิงค่อนข้างวางใจ
หลังจากนั้น จ้าวเฟิงก็เข้าไปในห้วงฝันบรรพกาล รวบรวมสมาธิเตรียมทะลวงขั้นจอมเทพ!
การทะลวงขั้นจอมเทพ จุดที่ยากที่สุดคือบีบอัดรากฐานเทพเก้าขั้นให้กลายเป็น ‘แท่นเทวะ’
ในขั้นตอนการสร้างแท่นเทวะ รากฐานเทพจะหายไปทีละขั้น หากการหลอมรวมล้มเหลว รากฐานเทพก็จะไม่คืนสภาพกลับมา เท่ากับว่าหายไปจริงๆ ดังนั้นผู้แข็งแกร่งมากมายที่จะลวงขั้นจอมเทพ หากล้มเหลวพลังฝึกตนก็จะลดระดับลง หากล้มเหลวที่ช่วงสำคัญสุดท้าย รากฐานเทพเก้าขั้นพินาศสิ้น ก็จะลดระดับลงไปต่ำกว่าเทพแท้จริงทันที
เช่นนี้แล้ว สำหรับครึ่งก้าวสู่จอมเทพก็ไม่ต่างกับการโจมตีทำลายล้างเลย เจ็บปวดทรมานกว่าความตายเสียอีก แต่จ้าวเฟิงก็ยังค่อนข้างมั่นใจ
อันดับแรก เขามีกฎเกณฑ์ อีกทั้งยังเป็นกฎเกณฑ์มิติที่ยืดหยุ่นเป็นอย่างยิ่ง ต่อมา พลังวิญญาณของเขาก็ถึงขั้นจอมเทพ รวมกับการประสานกันกับดวงตาเทพเจ้า พลังควบคุมจึงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดน้อยมาก นอกจากนั้น กฎเกณฑ์เวลาที่แฝงอยู่ในเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนสามารถทำให้เวลาไหลช้าลง ลดโอกาสการเกิดข้อผิดพลาดไปได้อีกขั้น และเขายังมี ‘โสมปราณเทพ’ ที่ช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการทะลวงขั้นจอมเทพอีก
วันนี้ ลูกศิษย์สำนักรากฐานเทพคนหนึ่งมายังที่พักของจ้าวเฟิง
ฟุ่บ! ชายเกล็ดดำคนหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหน้าเขาทันที ทำเอาลูกศิษย์สำนักรากฐานเทพตกใจไม่น้อย
“นายท่านของข้ากำลังปิดด่าน มีธุระอะไร?” มังกรทมิฬล้างโลกาถาม
“บริเวณสำนักรากฐานเทพพบร่องรอยของเทพโบราณ อาจจะเป็นเทพโบราณที่พุ่งเป้ามาเล่นงานผู้อาวุโสจ้าว…”
ลูกศิษย์สำนักรากฐานเทพพูดจบก็จากไปทันที
“ก็แค่เทพโบราณ!” มังกรล้างโลกาแค่นเสียงต่ำ ไม่คิดไปสนใจ
……
ทางทิศเหนือของสำนักรากฐานเทพ
ฟุ่บ ฟุ่บ~ จู่ๆ ร่างเงาหลายร่างที่มุ่งไปยังสำนักรากฐานเทพก็หยุดลง
“ออกมาเถอะ!”
ผู้เป็นหัวหน้าคือผู้อาวุโสแขนยาวคนหนึ่ง สายตามองไปยังที่แห่งหนึ่งไกลๆ
วู้ม วู้ม~ ร่างเงาหลายร่างค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้น
สตรีที่เป็นหัวหน้ามีผิวมันวาวดุจสายน้ำ เต็มไปด้วยลวดลายสีขาว ทั้งงดงามและประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
“ที่แท้ก็เผ่าปีศาจวารีสวรรค์นี่เอง” สายตาของผู้อาวุโสแขนยาวส่องประกาย
สตรีประหลาดเบื้องหน้าคือผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าปีศาจวารีสวรรค์
“สหายกงซูคงเตรียมจะไปสังหารจ้าวเฟิงกระมัง!” สตรีประหลาดคนนั้นหัวเราะชั่วร้าย
“เผ่าปีศาจวารีสวรรค์ก็คงจะมีเป้าหมายนี้เช่นกัน แต่พวกเจ้าไยจึงซ่อนตัวอยู่ที่นี่? กลัวจ้าวเฟิงหรืออย่างไร?” ผู้อาวุโสแขนยาวค่อนข้างสงสัย
เมื่อเขาได้รับข่าวที่จ้าวเฟิงปรากฏตัวขึ้นก็ตามมาทันที เดิมคิดไว้ว่าต่อให้จ้าวเฟิงถูกจับไปแล้ว บางทีอาจจะได้ส่วนแบ่งมาบ้าง
ในเมื่อขั้วอำนาจที่เขาอยู่ก็มีคนที่ถูกจ้าวเฟิงกักขังไว้เช่นกัน แต่หลังจากที่เขาตามมา สถานการณ์ที่แท้จริงกลับต่างจากที่เขาคิดเอาไว้มาก
“ท่าทางสหายกงซูคงจะยังไม่รู้กระมัง ก่อนหน้าพวกเรา สำนักหวนคืนต้นกำเนิดพบร่องรอยของจ้าวเฟิงก็บุกมาหาถึงที่ แต่สุดท้ายกลับไปมือเปล่า!”
สตรีผู้นั้นพูดอย่างเนิบช้า
“เป็นไปได้อย่างไร?” ผู้อาวุโสแขนยาวตกตะลึง
สำนักหวนคืนต้นกำเนิดซึ่งแข็งแกร่งกว่าขั้วอำนาจที่เขาอยู่ ยังกลับไปมือเปล่าอย่างนั้นหรือ
หรือข้างกายจ้าวเฟิงจะมีผู้แข็งแกร่งคอยปกป้อง?
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้ายังจะอยู่ที่นี่ทำไมกัน?” ผู้อาวุโสแขนยาวปรายตามองสตรีประหลาด
นิสัยของเผ่าปีศาจวารีสวรรค์เจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่ง เขาจึงไม่ได้เชื่อไปเสียทั้งหมด
“ขั้วอำนาจเดียวอาจจะจัดการจ้าวเฟิงไม่ได้ แต่ขั้วอำนาจที่จ้าวเฟิงล่วงเกินในตอนนั้นมีไม่น้อยกว่ายี่สิบกระมัง ต่อให้เจ้าคนนั้นมีจอมเทพขั้นหนึ่งปกป้อง ก็ไม่มีทางสู้กับขั้วอำนาจเขตผาเก่าทั้งหลายได้หรอก!” สตรีผู้งดงามและแปลกประหลาดยิ้มยั่วยวนชั่วร้าย
เผ่าปีศาจวารีสวรรค์เสียเปรียบในเงื้อมมือจ้าวเฟิงทั้งในพื้นที่ลับรกร้างโบราณและงานประลองยุทธ์ผาเก่า
จ้าวเฟิงสามารถพัฒนาจนต้านทานครึ่งก้าวสู่จอมเทพได้ในระยะเวลาอันสั้น นอกจากจะมีตำหนักห้าธาตุกับอาวุธเทพระดับสูงแล้ว จะต้องมีของวิเศษที่พลิกผันชะตาและของล้ำค่าช่วยทะลวงขั้นพลังเป็นแน่
นางหยุดอยู่ที่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพมานานหลายร้อยล้านปีแล้ว เฝ้าปรารถนาของวิเศษที่ช่วยทะลวงขั้นจอมเทพยิ่งกว่าอะไร นอกจากนั้น นางเชื่อว่า ‘ตำหนักรัตติกาลม่วง’ ก็ต้องหวั่นไหวเช่นกัน…
ผู้อาวุโสแขนยาวเชื่อว่าหากไม่มีประโยชน์ เผ่าปีศาจวารีสวรรค์ไม่มีทางหยุดอยู่ที่นี่แน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงหยุดอยู่ที่นี่เช่นกัน ผู้อาวุโสแขนยาวค่อยๆพบว่า ทุกครั้งที่มีขั้วอำนาจผ่านมา เผ่าปีศาจวารีสวรรค์ก็จะจงใจเปิดเผยกลิ่นอายให้อีกฝ่ายค้นเจอ ทั้งยังดึงขั้วอำนาจพวกนี้ให้มาเป็นพวก
“เผ่าปีศาจวารีสวรรค์เจ้าเล่ห์จริงๆ ด้วย!” ผู้อาวุโสแขนยาวแอบระวังตัวเอาไว้
เพียงไม่ถึงครึ่งเดือน ที่นี่ก็รวบรวมขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งขึ้นไปไว้ได้สิบสองขั้วอำนาจ