บทที่ 1458 คลื่นลมปั่นป่วนขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าให้ข้าปล่อยเผ่าหยกทองไปสักครั้ง? เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามา เรื่องที่ข้ากลับมานอกจากเผ่าหยกทองแล้ว ยังมีใครที่รู้เรื่องนี้อีก?” จ้าวเฟิงซักถาม
“ตอนนั้นคนของหอมังกรเหลืองอยู่ที่เผ่าข้า จึงรู้เรื่องนี้เข้าพอดี!” เทพโบราณลังเลอยู่ชั่วครู่ ค่อยจำใจพูดออกไป
พูดจบ เทพโบราณกวงอวี้ก็สั่นไปทั้งตัว มองไปยังจ้าวเฟิงด้วยสีหน้าหวาดหวั่นส่วนจ้าวเฟิงหลับตาลง ตกเข้าสู่ห้วงภวังค์
แต่เดิมเขาคิดว่าหากมีเพียงแค่เผ่าหยกทองรู้เรื่องนี้ เขาแค่ปิดปากเผ่าหยกทองก็ได้แล้ว คิดไม่ถึงว่าหอมังกรเหลืองขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งที่อยู่ข้างเผ่าหยกทองก็รู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน สรุปคือคนที่รู้เรื่องยิ่งเยอะ ก็ค่อนข้างยุ่งยากแล้ว
“เช่นนั้นข้าจะไปเป็นแขกของเผ่าหยกทองสักหน่อยก็แล้วกัน!” จ้าวเฟิงลืมตาขึ้น เดินไปยังเทพโบราณกวงอวี้
ดูท่าเรื่องของตนคงไม่มีทางปกปิดได้แล้ว ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ก็แก้ไขซึ่งๆ หน้าก็แล้วกัน!
เทพโบราณกวงอวี้อึ้งไปทันใด ตกลงแล้วจ้าวเฟิงหมายความว่าอะไรกันแน่?
“ได้ๆ ข้านำทางให้ผู้อาวุโสเอง!” เทพโบราณกวงอวี้ผุดลุกขึ้นยืนทันที แล้วเดินไปข้างหน้าจ้าวเฟิง
ส่วนเทพแท้จริงคนอื่นที่เหลือของเผ่าหยกทองตามมาข้างหลัง ไม่กล้าทำเสียงดัง
ตอนที่จ้าวเฟิงและคนเผ่าหยกทองจากไปแล้ว ขั้วอำนาจที่เหลือบริเวณนั้นถอนหายใจทันที ดีที่จ้าวเฟิงไม่ใช่คนที่ผูกพยาบาทชอบสังหารคน มิฉะนั้นพวกเขาคงตายไร้ที่ฝังไปแล้ว
“ผู้อาวุโสสูงสุด จ้าวเฟิงจะไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่?” ผู้อาวุโสสองถามอย่างอดไม่ได้
ก่อนหน้านี้ เขากับจ้าวเฟิงเคยขัดแย้งกันมาก่อน แต่จ้าวเฟิงไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องก่อนหน้า ช่วยเขาทะลวงขั้นและพัฒนาความสามารถ พูดได้ว่าทำให้ทั้งตัวของเขาเปลี่ยนไป
นี่ทำให้เขาละอายใจอยู่บ้าง และอดเป็นห่วงขึ้นไม่ได้
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน!” ผู้อาวุโสสูงสุดส่ายหน้า
เรื่องที่จ้าวเฟิงทำผิด เขาก็พอรู้มาบ้าง
ว่ากันว่า จ้าวเฟิงขังอัจฉริยะของขั้วอำนาจใหญ่มากมายเอาไว้ หนึ่งในนั้นรวมถึงขั้วอำนาจห้าดาวแห่งหนึ่ง ขั้วอำนาจสี่ดาวมีขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งดูแลปกครอง ส่วนขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่ง ในสายตาของขั้วอำนาจสี่ดาวสุดยอดล้วนอ่อนแอยิ่งนัก และขั้วอำนาจห้าดาวเป็นผู้ทรงอำนาจในเขต เป็นรองเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพ
ไม่ถึงสิบวัน จ้าวเฟิงก็ตามพวกเทพโบราณกวงอวี้มาถึงเผ่าหยกทอง
“คนนั้นไม่ใช่จ้าวเฟิงที่ขั้วอำนาจเขตผาเก่ามากมายประกาศจับอยู่หรอกรึ?”
“เป็นเขาจริงๆ ด้วย คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้ากลับมา!”
ลูกศิษย์ทั้งหลายในเผ่าหยกทองตกใจกันเป็นอย่างยิ่ง
“หึ จ้าวเฟิง ในที่สุดเจ้าก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของเผ่าหยกทอง!” ในกลุ่มคน ชายหนุ่มหล่อเหลางามสง่าคนหนึ่งมีสีหน้าลิงโลด
เขาก็คือปฐมเทพตี้หลิน คนที่เสียเปรียบให้กับจ้าวเฟิงตอนอยู่ในพื้นที่ลับรกร้างโบราณ ภายหลังเขาให้เทพแท้จริงเทียนหวาไปจัดการจ้าวเฟิง แต่ก็ยังคงแพ้กลับมา
ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะปฐมเทพของเผ่าหยกทอง เขาไม่เคยอับอายผู้คนเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นจึงเคียดแค้นจ้าวเฟิงเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากมาถึงตำหนักภายในเผ่าหยกทอง เทพโบราณกวงอวี้ก็จัดแจงตำหนักที่แยกเป็นเอกเทศให้กับจ้าวเฟิง จากนั้น ผู้นำระดับสูงเผ่าหยกทองจากไปทันที
“ผู้อาวุโสสูงสุด พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?” เทพแท้จริงเทียนหวารีบรุดหน้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชัง
“หึ รายงาน ‘สำนักหวนคืนต้นกำเนิด’ ทันที!” เทพโบราณกวงอวี้แค่นเสียงต่ำ
จ้าวเฟิงนำความอับอายมาให้เผ่าหยกทองถึงเพียงนี้ มีเพียงสังหารเขาลงเท่านั้นถึงจะระบายความเกลียดชังในใจเขาไปได้
สำนักหวนคืนต้นกำเนิด คือขั้วอำนาจสี่ดาวสุดยอดที่แข็งแกร่งที่สุดในแถบนี้
ในตอนนั้น ‘ปฐมเทพกุยอี’ ที่เข้าร่วมงานประลองยุทธ์ผาเก่าก็มาจากสำนักนี้เช่นกัน
ปฐมเทพกุยอีคือผู้ถูกเลือกขั้นปฐมเทพของสำนักหวนคืนต้นกำเนิด แต่กลับถูกจ้าวเฟิงกักขังเอาไว้
สำนักหวนคืนต้นกำเนิดในตอนนั้นคุ้มคลั่งยิ่งกว่าตำหนักรัตติกาลม่วงเสียอีก แทบจะส่งทุกคนออกไปตามหาจ้าวเฟิง
“ฮ่าๆ เจ้าเด็กนี่โง่เขลาอวดดี รอรับความตายเสียเถอะ!” เทพแท้จริงเทียนหวาพูดพลางหัวเราะเยือกเย็นชวนขนลุก
ถึงแม้พวกเขาจะจับจ้าวเฟิงไม่ได้ แต่สามารถแจ้งข่าวนี้กับสำนักหวนคืนต้นกำเนิด ต้องได้ผลประโยชน์ไม่น้อยแน่นอน
หลังจากเข้าพักที่เผ่าหยกทอง จ้าวเฟิงก็ขี้เกียจจะไปสนใจเรื่องอื่น หลังจากเข้าไปในชุดคลุมมิติก็ปิดด่านฝึกตน ตอนนี้ เขาจะต้องวางแผนทะลวงขั้นจอมเทพ พยายามยกระดับอัตราความสำเร็จในการทะลวงขั้น
“บรรลุกฎเกณฑ์มิติก็หมายถึงข้าสามารถฝึกฝน ‘พลังฟ้าประสานหนึ่ง’ ขั้นสุดท้ายได้แล้ว!”
เนื้อหาขั้นสุดท้ายของวิชานี้ลอยขึ้นมาในหัวของจ้าวเฟิง เคล็ดวิชาขั้นที่หกนี้ เดิมก็เทียบเท่าขั้นจอมเทพอยู่แล้ว เขารู้ไปก่อนหน้าบ้างจะมีประโยชน์ในการทำพลังเทพให้มั่นคง ช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการทะลวงขั้นจอมเทพ แต่ขั้นที่หก อย่างไรเสียก็เป็นเนื้อหาฝึกฝนสำหรับขั้นที่หก
จ้าวเฟิงเพียงแค่ฝึกฝนเบื้องต้นไปเท่านั้น ก็รู้สึกว่ายากที่จะพัฒนาแล้ว
วันนี้จ้าวเฟิงไปจากที่พำนัก ประสาทสัมผัสเทพเพียงกวาดผ่าน สภาพการณ์ของเผ่าหยกทองทั้งหมดก็เข้ามาอยู่ในหัว
“หืม? พวกที่เจรจากับเทพโบราณกวงอวี้คือคนของหอมังกรเหลือง?”
สายตาของจ้าวเฟิงตะลึงไป
อีกทั้งเขายังรู้สึกว่าคนของหอมังกรเหลืองค่อนข้างจะคุ้นตา เหมือนว่าจะเป็น ‘เทพแท้จริงจ้งถู่’ ที่เคยไล่ล่าสังหารหานหนิงเอ๋อร์ ในตอนนั้นจ้าวเฟิงยังเป็นเพียงแค่ปฐมเทพ เมื่อเผชิญหน้ากับเทพแท้จริงจ้งถู่ขั้นห้า เขาทำได้แค่เพียงหลบหนีเท่านั้น
“คนของหอมังกรเหลืองมาเผ่าหยกทองอีกแล้วงั้นรึ?”
จ้าวเฟิงรู้สึกสงสัย จึงอำพรางกายมายังโถงลับที่ทั้งสองคนเจรจากัน
“เทพโบราณกวงอวี้ หากเผ่าหยกทองยอมช่วยหอมังกรเหลือง ผลประโยชน์ที่ข้าบอกไปเมื่อครั้งที่แล้วจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งส่วน!”
เทพแท้จริงจ้งถู่พูดอย่างจริงจังยิ่ง
“เฮ้อ ช่างเถิด เรื่องนี้เผ่าหยกทองไม่อยากเข้าไปเกี่ยวด้วย!” เทพโบราณกวงอวี้ขบคิดไปครู่หนึ่งก็ยังคงปฏิเสธ
ตอนนี้จ้าวเฟิงอยู่ที่นี่ด้วย เผ่าหยกทองแบ่งกำลังคนออกไปมากไม่ได้จริงๆ หากคนของสำนักหวนคืนต้นกำเนิดจับจ้าวเฟิงได้ ผลประโยชน์มากกว่าราคาที่หอมังกรเหลืองให้ไม่รู้ต่อเท่าไหร่
“เทพโบราณกวงอวี้ ไยจึงปฏิเสธเด็ดขาดเช่นนั้นเล่า…สองส่วน เพิ่มขึ้นอีกสองส่วน นี่คือขีดจำกัดของหอมังกรเหลืองแล้ว!”
เทพแท้จริงจ้งถู่ขมวดคิ้วเอ่ยเสียงต่ำ
“ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ ไม่เช่นนั้นตอนที่เจ้ามาครั้งที่สอง ข้าก็ตกลงให้ยืมกำลังคนแล้ว!” เทพโบราณกวงอวี้ปฏิเสธอย่างอ้อมๆ
“ยืมกำลังคน?” สีหน้าของจ้าวเฟิงอึ้งตะลึงไป
ยืมกำลังคน ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือหอมังกรเหลืองกำลังอยู่ในช่วงทำสงคราม แต่หอมังกรเหลืองโจมตีและยึดครอง ‘สำนักรากฐานเทพ’ ขั้วอำนาจน่าจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นแล้วจึงจะถูก ขั้วอำนาจทั่วไปไม่มีทางไปยั่วโทสะง่ายๆ
เช่นนั้นอะไรที่ทำให้หอมังกรเหลืองสู้ไม่ได้หรือโดนคุกคาม จนต้องมาขอความช่วยเหลือจากขั้วอำนาจอื่นกัน?
“หรือว่าหานหนิงเอ๋อร์กลับมาล้างแค้นแล้ว?” จ้าวเฟิงคิดถึงความเป็นไปได้นี้
หานหนิงเอ๋อร์เป็นทายาทเนตรชีวิต ตำแหน่งในบรรดาลูกศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตน่าจะไม่เลว
นางอาจจะนำคนบางส่วนกลับมายังเขตผาเก่า แล้วฟื้นฟูสำนักรากฐานเทพ
“นั่นใคร?” เทพแท้จริงจ้งถู่ที่มีสีหน้ากลัดกลุ้มพลันสังเกตเห็นว่าที่ไม่ไกลนักมีเงาคนเพิ่มขึ้นมาร่างหนึ่ง จึงผุดลุกออกไปจากที่นั่งทันที
“จ้าวเฟิง?” เทพโบราณกวงอวี้ตื่นตกใจเช่นกัน
เหตุใดจ้าวเฟิงจึงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่โดยไร้ร่องรอยเช่นนี้ได้
“เป็นเจ้า?” เทพแท้จริงจ้งถู่พลันนึกขึ้นได้ ทั้งตกใจทั้งตื่นกลัวเกินบรรยาย
ในตอนนั้น หากไม่ใช่เพราะจ้าวเฟิง เขาคงสังหารหานหนิงเอ๋อร์ได้ไปตั้งนานแล้วแต่เทพแท้จริงจ้งถู่ก็ไม่ได้บุ่มบ่ามลงมือ จ้าวเฟิงสามารถมาปรากฏกายที่นี่อย่างไรร่องรอยได้
นี่ก็พิสูจน์ว่าพลังของอีกฝ่ายเกินกว่าขอบเขตที่เขาจะรับมือได้ เทพแท้จริงจ้งถู่จึงส่งข่าวออกไปทันที
“หอมังกรเหลืองมายืมกองกำลังคน เกิดอะไรขึ้น?” จ้าวเฟิงถามทันที
“พลังของหอมังกรเหลืองเพิ่มขึ้นมาก กำลังเตรียมโจมตีขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งแห่งอื่น!”
เทพแท้จริงจ้งถู่ลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ถึงพูดออกมาอย่างจำใจ ราวกับว่าหวาดกลัวจ้าวเฟิง
แต่จ้าวเฟิงกลับพบว่าตอนที่เทพแท้จริงจ้งถู่พูดออกมาเช่นนี้ สีหน้าของเทพโบราณอวี้กวงเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ใช่ความจริง
“หึ ในเมื่อเจ้าไม่ยอมพูดความจริงมา เช่นนั้นข้าก็จะหาคำตอบเอง!”
สีหน้าของจ้าวเฟิงเย็นเยียบ
คำพูดเพิ่งจบลง พลังวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาทันที
“เจ้าจะทำอะไร?” เทพแท้จริงจ้งถู่เปลี่ยนสีหน้าไปทันใด พร้อมเตรียมตัวโต้ตอบ
แต่เสี้ยวขณะนั้น เขาพลันพบว่าตัวเองขยับไม่ได้ ประหนึ่งอยู่ในวังวนอัสนี วิญญาณถูกสายฟ้ามากมายพันธนาการ สูญเสียการเชื่อมประสานกับกายเทพ และทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น จากนั้นพลังวิญญาณมหาศาลก็ทะลักเข้าไปในวิญญาณของเขา จนสืบค้นได้ทุกอย่าง
“เป็นเช่นนี้จริงๆ ด้วย!” สายตาของจ้าวเฟิงเย็นชา
เหตุที่หอมังกรเหลืองหยิบยืมกำลังคนไปก็เพื่อจัดการกับสำนักรากฐานเทพ
ครืน! ความคิดขยับเล็กน้อย วิญญาณและกายเทพของเทพแท้จริงจ้งถู่แตกดับไปทันที
เทพโบราณกวงอวี้ที่อยู่ข้างๆ แอบประหวั่นพรั่นพรึง
เมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวเฟิง แม้แต่การระเบิดตัวเอง เทพแท้จริงจ้งถู่ก็ยังไม่สามารถทำได้
“หอมังกรเหลือง!” จ้าวเฟิงพึมพำเสียงต่ำออกมาสามสี่คำ ร่างพลันหายวับไป
แต่ทว่าจ้าวเฟิงจากไปได้ไม่นานเท่าใด กลิ่นอายกดดันกลุ่มหนึ่งก็แผ่กระจายมายังเผ่าหยกทอง
ฟุ่บ! เทพโบราณกวงอวี้พุ่งออกไปทันที มองไปยังร่างเงาทั้งสามที่อยู่กลางท้องฟ้าไกลลิบ
“เทพโบราณกวงอวี้ คนเล่า?”
ในบรรดาทั้งสามคน ผู้อาวุโสชุดม่วงคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้า กายอยู่ในประกายแสงหลากสีสัน
“เทพโบราณเฉียนหยวน (ต้นกำเนิดฟ้า) จ้าวเฟิงเพิ่งจะจากไปหอมังกรเหลือง ด้วยพลังของท่าน เกรงว่ามันยังไปไม่ถึงหอมังกรเหลือง ก็ตกอยู่ในเงื้อมมือท่านแล้ว”
เทพโบราณกวงอวี้ใบหน้ายิ้มแย้ม ในใจกลับสั่นสะท้านเหลือประมาณ
เทพโบราณเฉียนหยวนไม่ใช่ใครอื่น เขาคือผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งก้าวสู่จอมเทพ จ้าวสำนักของสำนักหวนคืนต้นกำเนิดนั่นเอง
ส่วนสองคนข้างกายเขาล้วนเป็นเทพโบราณขั้นเก้าสุดยอด
เขาคิดไม่ถึงว่าจ้าวสำนักหวนคืนต้นกำเนิดจะลงมือเอง ทั้งยังพาผู้อาวุโสขั้นเก้าสุดยอดมาด้วยสองคน
“ไป!” เทพโบราณเฉียนหยวนคำรามเสียงต่ำ ก่อนพาอีกสองคนจากไปทันที
ในตอนนั้น เรื่องที่เทพโบราณเยี่ยหลงแห่งตำหนักรัตติกาลม่วงดับดิ้นที่เขตเทพสวรรค์ มีขั้วอำนาจห้าดาวและขั้วอำนาจชั้นยอดบางส่วนเท่านั้นที่รู้
สำนักหวนคืนต้นกำเนิดรู้เรื่องนี้เข้า จ้าวสำนักจึงลงมือเองเพื่อให้มั่นใจว่าไร้ข้อผิดพลาด
ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ต้องห้ามเขตผาเก่า ‘หุบเขาวิญญาณอ้างว้าง’ ที่อันตรายเป็นที่สุด พื้นดินของหุบเขาวิญญาณอ้างว้าง มีขั้วอำนาจใหญ่ที่น้อยคนจะรู้หลบซ่อนอยู่
วู้ม วู้ม! ในตำหนักที่แต่เดิมไร้ซึ่งผู้คน พลันปรากฏคลื่นมิติหลายกลุ่มขึ้น
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ… เงาร่างคนที่คลุมชุดดำแต่ละร่างปรากฏตัวขึ้นในโถงใหญ่ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นล้วนแผ่กลิ่นอายเทพโบราณที่แข็งแกร่งออกมา
“รายงานท่านป้าหลง (มังกรทรงอำนาจ) จ้าวเฟิงปรากฏตัวขึ้นที่เผ่าหยกทอง!”
เทพโบราณขั้นเก้าสุดยอดคนหนึ่งในนั้นพลันพูดขึ้น
เพียงเอ่ยออกไป คนทั้งหมดที่นั่นตื่นตะลึงทันที
ครืน! ตอนนี้เอง กลิ่นอายภัยพิบัติที่ทำลายล้างทุกสิ่งก็กดดันเข้ามา
ที่นั่นเงียบสงัดลงทันใด สมาชิกทุกคนมองไปยังชายซึ่งทั่วร่างเต็มไปด้วยเกล็ดดำที่อยู่ข้างบนคนนั้น
“จ้าวเฟิง ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัวขึ้น!” ร่างเกล็ดดำส่งเสียงแหบแห้งอย่างลิงโลด
“คนคนนี้ข้าจัดการเอง พวกเจ้าถอยไปเถอะ!” ชายเกล็ดดำคำรามเสียงต่ำ
“ขอรับ!” จากนั้น เงาคนในโถงตำหนักก็หายวับไป
“เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า ให้ข้าจับเจ้าไปมอบให้กับนายท่านผู้นั้นเสียเถอะ ฮี่ๆๆ!”