Skip to content

King of Gods 1515

King Of Gods

บทที่ 1515 สถานการณ์ของจ้าวหยูเฟย

ใจจ้าวเฟิงเต้นระรัว คิดไม่ถึงว่าพวกฝืนชะตาฟ้าจะมุ่งร้ายจ้าวหยูเฟย

แต่อันที่จริง เป้าหมายของพวกฝืนชะตาฟ้าคือจ้าวเฟิงเท่านั้น พวกเขาสืบหาเบาะแสของจ้าวเฟิงไม่พบ จึงคิดจะใช้วิธีนี้บีบให้เขาต้องแสดงตัวออกมาเอง

“ข้าทำให้หยูเฟยต้องลำบากแล้ว…”

จ้าวเฟิงรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ที่มากกว่าคือความโมโห ไม่คิดเลยว่าพวกฝืนชะตาฟ้าจะกล้าใช้แผนการที่น่าละอายแบบนี้

“ฉินซิน มีวิธีไหนสามารถคลี่คลายอันตรายได้ไหม?” จ้าวเฟิงถามทันที

จนถึงตอนนี้ จ้าวหยูเฟยอาจถูกปิดหูปิดตา ไม่รู้ว่ามีอันตรายถึงแก่ชีวิตแอบซ่อนอยู่

แต่จากคำพูดของหลิวฉินซิน พวกฝืนชะตาฟ้าอาจทำร้ายจ้าวหยูเฟย เช่นนั้นตอนนี้น่าจะยังไม่เจอตัวนาง เป็นไปได้มากว่ากำลังควานหาตัวนางอยู่

ขอแค่เจอจ้าวหยูเฟยก่อนพวกฝืนชะตาฟ้า ก็จะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“พวกเราคาดคะเนตำแหน่งคร่าวๆ ของจ้าวหยูเฟยในตอนนี้ไว้แล้ว!”

หลิวฉินซินเห็นจ้าวเฟิงกังวลใจขนาดนี้ ในดวงตาใสกระจ่างผุดระลอกคลื่นขึ้น

ตอนนี้จ้าวเฟิงเพิ่งได้รู้ว่าจ้าวหยูเฟยออกไปจากเผ่าพันธุ์วิญญาณแล้ว แต่หากเป็นแบบนี้นางก็ยิ่งตกอยู่ในอันตรายมากกว่าเดิม จำต้องรีบตามหานางให้ได้เร็วที่สุด

“จ้าวเฟิง การเดินทางครั้งนี้อันตรายเกินจะเปรียบ เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าสำคัญมาก ทางที่ดีที่สุดเจ้าครุ่นคิดให้ดีก่อนจะทำอะไรเถอะ!” อวี่เทียนอูถอนหายใจ

เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นแผนการที่พวกฝืนชะตาฟ้าบีบให้จ้าวเฟิงปรากฏตัวออกมาแทบจะเป็นกับดักที่วางเอาไว้ดีแล้ว แค่รอให้จ้าวเฟิงกระโดดลงไป

จ้าวเฟิงอดนึกถึงเรื่องที่นักปราชญ์พูดก่อนหน้านี้ไม่ได้ หากแผนการของพวกฝืนชะตาฟ้าสำเร็จลุล่วง ทั้งดินแดนเทพรกร้างจะต้องเผชิญกับความวินาศ

“ข้าให้หยูเฟยต้องมาเดือดร้อนเพราะข้าไม่ได้!” จ้าวเฟิงครุ่นคิดสักครู่ แล้วจึงเอ่ยด้วยความมั่นอกมั่นใจ

หากปล่อยให้เพื่อนสมัยเด็กที่โตมาด้วยกันและคนรู้ใจต้องมาตายเพราะตนเอง อีกทั้งยังเป็นสถานการณ์ที่จ้าวเฟิงรู้แต่กลับไม่ยื่นมือเข้าช่วย ชีวิตนี้ของเขาคงยากจะสงบใจได้

“ข้าจะเคารพทางเลือกของเจ้า และจะช่วยเหลือเจ้าแทรกแซงขัดขวางพวกฝืนชะตาฟ้า!”

อวี่เทียนอูระบายยิ้มน้อยๆ ประหนึ่งเดาทางเลือกของจ้าวเฟิงได้นานแล้ว

“ขอบคุณมาก!” จ้าวเฟิงจึงไม่พูดคำเกรงใจอะไรอีก

จะช่วยเหลือจ้าวหยูเฟยจากเงื้อมมือพวกฝืนชะตาฟ้า จะขาดพลังของพวกผู้ทรงภูมิไปไม่ได้

แต่ไหนแต่ไรมา อวี่เทียนอูช่วยเขาแก้ปัญหา คอยให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอ จ้าวเฟิงรู้สึกขอบคุณเป็นที่สุด หากในภายหน้าสามารถช่วยอะไรพวกผู้ทรงภูมิได้ เขาจะไม่บอกปัดแน่

“เฟิง ข้าก็จะช่วยเจ้าด้วย!” หลิวฉินซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

จ้าวเฟิงชะงักไปทันที จู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงอะไรไม่ชอบมาพากล

สตรีตรงหน้านี้ยอมรับสถานะหลิวฉินซินแล้ว ระหว่างการพูดคุยกันในช่วงนี้ จ้าวเฟิงมองออกว่านางมีใจให้ตน แต่เมื่อครู่เขามีท่าทีร้อนรนเป็นห่วงความปลอดภัยของสตรีอีกนางหนึ่ง ท่าทางของหลิวฉินซินกลับค่อนข้างสงบนิ่ง ผิดไปจากปกติ

“ดี!” จ้าวเฟิงจับจ้องหลิวฉินซิน ก่อนจะตกปากรับคำ

ขณะเดียวกัน เขามองเห็นความเศร้าสร้อยรางๆ ในดวงตาของนางด้วย แต่ตอนนี้เรื่องตามหาจ้าวหยูเฟยให้เจอสำคัญกว่า เรื่องอื่นคิดมากไปก็ไร้ประโยชน์

จากนั้นจ้าวเฟิงจึงกลับไปเตรียมตัวอีกครั้ง อีกทั้งยังบอกเรื่องนี้กับเผ่าแสงรวมไปถึงซินอู๋เหินด้วย

เมื่อต้องเผชิญกับพวกฝืนชะตาฟ้า หากมีคนอื่นให้ความช่วยเหลือย่อมต้องดีกว่าอยู่แล้ว ทว่าจ้าวเฟิงไม่บีบบังคับ อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็อันตรายจนเกินไป ทั้งหมดนี้ต้องดูทางที่พวกเขาเลือกด้วย

“จ้าวหยูเฟยตกอยู่ในอันตราย ข้าย่อมไม่อาจยืนดูเฉยๆ โดยไม่ทำอะไร!”

ซินอู๋เหินหัวเราะสบายๆ

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาและจ้าวหยูเฟยก็มาจากที่เดียวกัน

“ฝึกตนนานๆ เข้าก็เหนื่อยล้าอยู่บ้าง ได้เวลาออกไปท่องโลกแล้ว!”

สีหน้าท่าทีของซินอู๋เหินนับว่าเบิกบาน

แน่นอนว่าในช่วงนี้เขามีพัฒนาการมากจริงๆ ไปถึงขั้นสองระดับสุดยอดและอยู่ไม่ไกลจากขั้นสามแล้ว

ในขณะที่มีชีวิต เดิมทีซินอู๋เหินก็มีพรสวรรค์ดีเยี่ยม และมีโอกาสสูงมากที่จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเทพ

หลังจากถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง รากฐานของซินอู๋เหินเรียกได้ว่ายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น เข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น

“มีความหวังมากขนาดไหน?” มู่กู่จึงถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน

“ได้ความช่วยเหลือจากพวกผู้ทรงภูมิ หากโชคดีละก็ บางทีอาจเจอจ้าวหยูเฟยก่อนพวกฝืนชะตาฟ้า แต่หากโชคร้ายคงหลีกเลี่ยงการปะทะกันไม่ได้…”

จ้าวเฟิงไม่ปิดบัง เอ่ยตามความจริง

“ได้ คราวนี้เผ่าแสงจะช่วยจ้าสักครั้ง!” เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มู่กู่จึงตกปากรับคำ

เดิมเขาวางแผนว่าจะพึ่งพาพลังของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ารวมไปถึงเผ่าเทพยักษ์เพื่อล้างแค้นพวกฝืนชะตาฟ้า ตอนนี้จะปล่อยให้จ้าวเฟิงตายไปแบบนี้ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกจ้าวเฟิงและหลิวฉินซินต่างก็เคยช่วยเหลือเผ่าแสงมาก่อน

เขาเลือกช่วยจ้าวเฟิง หนึ่งเพราะศีลธรรม สองเพราะเขายังต้องการพลังของจ้าวเฟิง จึงไม่สามารถปล่อยให้ตายไปง่ายๆ

ตำหนักเทพยักษ์กับเผ่าแสงต่างยินดียื่นมือเข้าช่วยเหลือ จุดนี้ทำให้จ้าวเฟิงยินดีนัก

ในวันนั้น จ้าวเฟิงและคนอื่นที่เหลือก็เริ่มออกเดินทาง

ฝั่งตำหนักเทพยักษ์มีซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโส ส่วนฝั่งเผ่าแสงมีมู่กู่แค่คนเดียว

อย่างไรเสีย ศัตรูที่ต้องเผชิญหน้าก็มีพลังผิดแผกไปจากปกติ ไม่ใช่ว่าจำนวนคนมากแล้วจะรับมือได้ สิ่งที่จำเป็นที่สุดก็คือกำลังรบชั้นยอดต่างหาก

จากการคาดเดาของอวี่เทียนอูและหลิวฉินซิน จ้าวหยูเฟยน่าจะอยู่ที่เขตชะตาสวรรค์

ทันใดนั้น ทุกคนใช้ค่ายกลส่งข้ามของพวกผู้ทรงภูมิเดินทางมาที่เขตธารสวรรค์ซึ่งอยู่ติดกันกับเขตพันหุบเขา

ตลอดทาง เจ้าแมวขโมยตัวน้อยโยนเหรียญทองแดงโบราณออกมาหลายเหรียญอยู่ตลอด เพื่อทำนายตำแหน่งของจ้าวหยูเฟย แต่เบาะแสน้อยเกินไป จะหาตัวคนคนหนึ่งในดินแดนกว้างใหญ่ไพศาล ค่อนข้างจะลำบากลำบนเอาการ

เมี้ยว เมี้ยว~ เจ้าแมวขโมยชี้ไปด้านหน้า โบกกรงเล็บไปมา

“จ้าวหยูเฟยอยู่ที่ส่วนกลางของเขตธารสวรรค์!” จ้าวเฟิงรีบเอ่ยทันที จากนั้นเดินทางไปกับทุกคน

จากการทำนายของเจ้าแมวขโมยน้อย อาณาเขตที่ตามหาเล็กลงเรื่อยๆ รอจนไปถึงส่วนกลางของเขตธารสวรรค์แล้ว เจ้าแมวขโมยก็จำกัดพื้นที่บางส่วนต่อ

ซินอู๋เหินและมู่กู่ตื่นตกใจอย่างอดไม่ได้ ไม่เสียทีที่เป็นแมวความลับสวรรค์ซึ่งหลอมรวมสายเลือดเผ่าความลับสวรรค์เข้าไป ไม่ธรรมดาจริงๆ

จ้าวเฟิงรู้สึกว่าเขาอยู่ใกล้จ้าวหยูเฟยมากขึ้นทุกที

“หวังว่าหยูเฟยจะไม่เป็นอะไร!”

จ้าวเฟิงไม่หวังให้ตนเองเจอจ้าวหยูเฟยก่อนพวกฝืนชะตาฟ้า แต่ขอแค่นางปลอดภัย ทั้งหมดก็ยังมีโอกาสให้พลิกสถานการณ์ได้

มหาสมุทรเพลิง ณ ส่วนกลางของเขตธารสวรรค์

เปรี๊ยะ~ แสงสีม่วงอ่อนพุ่งออกมาจากตรงกลางอย่างกะทันหัน ก่อนจะกลายเป็นสตรีร่างแบบางในชุดสีม่วงอ่อนนางหนึ่ง

วงหน้างดงามนั้นทำให้ชายหนุ่มในแถบนั้นจ้องกันตาค้างเป็นแถว แต่ในเวลาเดียวกัน จากภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทุกคนจึงมองพลังของสตรีนางนี้ออก คิดไม่ถึงเลยว่านางจะเป็นขั้นจอมเทพ

ยังเยาว์วัยเพียงเท่านี้ก็มีขอบเขตพลังจอมเทพแล้ว นับว่าหาได้ยากเหลือเกิน

สตรีนางนี้ย่อมเป็นจ้าวหยูเฟยผู้ที่เดินทางออกจากเผ่าพันธุ์วิญญาณเพื่อท่องโลก

สองเดือนก่อนนี้ นางใช้ ‘โสมปราณเทพ’ ที่จ้าวเฟิงทิ้งเอาไว้ให้ และทะลวงพลังขั้นจอมเทพได้อย่างราบรื่น

เวลานี้เอง ในมหาสมุทรเพลิงมีทะเลเพลิงทะลักขึ้นมา

“แย่แล้ว มากันแล้ว!” สีหน้าจ้าวหยูเฟยตึงเครียด

นางกลายร่างเป็นกระแสแสงสีม่วงอ่อนสายหนึ่ง หลีกเร้นหนีหายไปอย่างรวดเร็ว

พรึ่บ! คนสองคนพุ่งออกจากมหาสมุทรเพลิงที่ระเบิดออก

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในนั้นสวมชุดเกราะสีทองแดง ร่างกายปกคลุมด้วยแสงเพลิงสีแดงอ่อน ส่วนข้างกายเป็นผู้อาวุโสในชุดคลุมยาวสีขาวแดง

“ทางนั้น!” ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวจ้องเขม็ง

ทั้งสองคนไล่ตามไปติดๆ ทันที

“ชายวัยกลางคนผู้นั้นคือ ‘จอมเทพชื่อเสวี่ย’ ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจาก ‘แดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์’ หรือ?”

เทพโบราณผู้หนึ่งตระหนกตกใจ

แดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์คือแดนศักดิ์สิทธิ์จากเขตธารสวรรค์

ส่วนจอมเทพชื่อเสวี่ยผู้นี้ก็คือจอมเทพขั้นหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงของเขตนั้น

ว่ากันว่าคนผู้นี้กระหายเลือด ตอนนั้นเพราะเทพโบราณบางคนเสียมารยาทกับเขา ก็ถึงกับลงมือสังหาร กระทั่งขั้วอำนาจสี่ดาวสุดยอดที่ฝ่ายตรงข้ามสังกัดอยู่ก็ถูกล้างบางเกือบหมด

“สตรีนางนั้นเป็นใครกัน? กลับกล้าไปมีเรื่องกับจอมเทพชื่อเสวี่ยจนเตะตาเขาเข้า นางได้ตายแน่!” เทพโบราณอายุน้อยผู้หนึ่งส่ายศีรษะ

“แม่นางจากเผ่าพันธุ์วิญญาณ ยิ่งเจ้าดิ้นรน ข้าจอมเทพชื่อเสวี่ยก็ยิ่งชอบ ถึงตอนนั้นข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็นแน่!”

จอมเทพชื่อเสวี่ยเผยสีหน้าชั่วร้าย ไม่ปกปิดความเหี้ยมโหดที่ในแววตาแม้แต่น้อย

แต่หลังจากไล่ตามไปได้ระยะหนึ่ง จอมเทพชื่อเสวี่ยและผู้อาวุโสก็พบว่าระยะห่างระหว่างพวกเขาและจ้าวหยูเฟยไม่ลดลงแม้แต่น้อย

“แม่นางน้อยคนนี้ไม่ธรรมดาเลย!” จอมเทพชื่อเสวี่ยพึมพำ

ไม่นึกเลยว่าสตรีที่อายุน้อยเพียงเท่านี้ กลับรวดเร็วพอๆ กับจอมเทพขั้นหนึ่งที่อาวุโสอย่างพวกเขาสองคน

“ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ หากไม่ใช่เพราะเจ้าเผยจิตสังหารออกมาตั้งแต่แรก ไม่แน่ว่าคงจะได้ ‘หินไอวิญญาณโลหิต’ มาตั้งนานแล้ว!”

ผู้อาวุโสชุดยาวเอ่ยอย่างตำหนิ

ในมหาสมุทรเพลิง จ้าวหยูเฟยเจอหินไอวิญญาณโลหิตโดยบังเอิญ พอดีกับที่พวกเขาสองคนผ่านมา ดังนั้นจึงทำให้เกิดจิตสังหารขึ้น

สมบัติในระดับนี้ ทั้งสามารถเพิ่มความเข้มข้นของสายเลือด เพิ่มระดับความดั้งเดิมได้ และยังใช้ในการสร้างพลังเทพด้วย

สำหรับจอมเทพขั้นหนึ่งแล้ว ความเย้ายวนใจของหินไอวิญญาณโลหิตสูงมาก ถึงจะเป็นจอมเทพขั้นสองก็ยังต้องการ

ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวมองไปด้านหน้าก่อนจะตะเบ็งเสียง “จอมเทพเผ่าพันธุ์วิญญาณ หากเจ้ายอมแบ่งหินไอวิญญาณโลหิตคนละครึ่งกับพวกเรา เรื่องนี้พวกข้าจะไม่ถือสาหาความเจ้า!”

จ้าวหยูเฟยย่อมไม่เชื่อแน่ นางไม่สนใจคนที่ไล่ล่าสังหารนาง ตั้งหน้าตั้งตาหนีเพียงอย่างเดียว

หลังได้ครอบครองมรดกเผ่าเทพสงคราม ความลึกซึ้งที่นางมีต่อเคล็ดวิชาใดๆ ล้วนแต่เพิ่มไปถึงระดับขั้นที่สูงกว่า เคล็ดวิชาความเร็วก็เช่นกัน แต่ฉับพลันนั้น จ้าวหยูเฟยก็รู้สึกได้ว่าด้านหน้ามีกลิ่นอายทรงพลังหลายกลุ่มที่ทำให้นางขวัญผวา

เมื่อจ้องไปแล้ว เงาคนหลายร่างก็ปรากฏขึ้นอยู่ไกลๆ ชายผู้หนึ่งในนั้นมีเรือนผมสีเงินมายา อยู่ในชุดยาวสีเงิน นั่นไม่ใช่จ้าวเฟิงหรอกหรือ?

ยังมีเจ้าแมวขโมยน้อยบนบ่าจ้าวเฟิง ซินอู๋เหินที่อยู่ด้านข้าง จึงทำให้นางจึงยิ่งมั่นใจมากขึ้น

“พี่เฟิง!” จ้าวหยูเฟยยินดี แววตาชุ่มน้ำ เตรียมจะพุ่งไปหาในทันที

แต่ทันใดนั้นใบหน้านางก็เปลี่ยนไป “ไม่ได้ จะให้คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์เจอพี่เฟิงไม่ได้!”

เหตุที่คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์โลกันตร์ไปๆ มาๆ อยู่ที่มหาสมุทรเพลิง หนึ่งเพื่อหาเบาะแสที่สำนักวายุถูกทำลายลง และสองก็เพื่อหาเบาะแสของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า

จ้าวหยูเฟยมาถึงมหาสมุทรเพลิงได้ก็เพราะได้ยินว่าเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าเคยปรากฏกายที่นี่

หลังจากมาถึงแล้ว นางก็รับรู้เรื่องบางอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น นางรู้มาว่าในดินแดนเทพรกร้างตอนนี้มีขั้วอำนาจจำนวนมากที่จับจ้องเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า

จ้าวหยูเฟยกัดฟัน ก่อนจะรีบเปลี่ยนทิศทันที

ส่วนจ้าวเฟิง ตอนที่เห็นจ้าวหยูเฟยจากไกลๆ ก็ยินดีเกินจะเปรียบ เพราะพวกเขาเจอตัวจ้าวหยูเฟยก่อนพวกฝืนชะตาฟ้า แต่จ้าวหยูเฟยกลับเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน เรื่องนี้ทำให้จ้าวเฟิงตกใจพอควร

ทว่าจ้าวเฟิงก็เข้าใจเหตุผลแทบจะทันที ครรลองสายตาที่กว้างไกลของเขามองเห็นร่างคนสองคนที่อยู่ไกลออกไปล้านลี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version