Skip to content

King of Gods 1526

King Of Gods

บทที่ 1526 เผยเขี้ยวเล็บ

ฟุ่บ!

เป่ยหมิงฮุยหมุนกายหนีไปทันที

จ้าวเฟิงในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมามากเกินไป ตอนนี้เหลือเขาเพียงคนเดียว อยู่ที่นี่ต่อก็มีแต่ตายกับตาย

“ข้าเคยบอกแล้วว่า คราวนี้เจ้าต้องตายแน่!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงจ้องเป่ยหมิงฮุยเขม็ง พลังบริสุทธิ์กับพลังอัสนีเทวะหมุนวนขึ้นมา

ฟุ่บ~

ทันใดนั้น แสงอัสนีขมุกขมัวสายหนึ่งพุ่งออกมาจากดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง ทะลวงผ่านอากาศ หมายเอาชีวิตเป่ยหมิงฮุย

“อ๊าก…” เป่ยหมิงฮุยร้องโหยหวน ร่างกระตุก

ในวินาทีที่โดน ‘กระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์’ โจมตีเข้าไป พลังอัสนีเทวะกับพลังบริสุทธิ์มากมายทะลักเข้าไปในร่างเขา สร้างความเสียหายให้กับวิญญาณในเวลาเดียวกัน

ไม่ว่าจะพลังบริสุทธิ์หรือพลังอัสนีเทวะ ก็เพิ่มขึ้นไปอีกระดับขั้นหนึ่งจากหกปีที่ผ่านมา

หลังจากโดนโจมตี เป่ยหมิงฮุยร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด แต่ทว่าตอนนี้ไม่มีเวลาให้เขาหายใจหายคอมากนัก

“แย่ล่ะ…”

เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายที่เข้ามาใกล้ เป่ยหมิงฮุยหน้าถอดสี หมุนกายจากไปทันที

เห็นเพียงจ้าวเฟิงบีบเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว มือจับกระบี่อัสนีเทวะฟันฉับลงมา

ในช่วงเวลากระชั้น เป่ยหมิงฮุยปลดปล่อยพลังบริสุทธิ์ออกมามหาศาล เกาะกลุ่มรวมกันเป็นปราการพลังบริสุทธิ์

โครม ครืน!

ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากระบี่อัสนีเทวะของจ้าวเฟิง ปราการพลังบริสุทธิ์ที่หนาแน่นก็เหมือนเป็นเพียงเต้าหู้เท่านั้น ถูกฟันออกเป็นสองส่วน

กระบี่นี้ปะทะลงบนทรวงอกเป่ยหมิงฮุยจนเป็นบาดแผลใหญ่ไปพร้อมกัน

ร่างเป่ยหมิงฮุยกระเด็นออกไป กระอักเลือดติดต่อกัน สภาพจนตรอกยิ่ง

วิ้ง แซ่ด แซ่ด!

เขายังไม่ทันชันกายลุกขึ้น กระบี่อัสนีเทวะสายหนึ่งก็บินเข้ามาใกล้อย่างเร็วไว ทะลุผ่านทรวงอกเขาไป

“ไม่ จ้าวเฟิง…” เป่ยหมิงฮุยยื่นมือเตรียมขอความเมตตา

แต่จ้าวเฟิงไหนเลยจะไว้ชีวิตเขา

วูบ! ในมือจ้าวเฟิงมีกระบี่อัสนีเทวะบริสุทธิ์เล่มที่สองและเล่มที่สามเกาะกลุ่มรวมตัว จากนั้นเขวี้ยงมันออกไป

เมื่อเห็นดังนั้น เป่ยหมิงฮุยทำได้เพียงกระตุ้นใช้พลังอาณาจักรเทพ เห็นเพียงเงาอาณาจักรเทพขนาดใหญ่ชั้นหนึ่งพลันดิ่งลงมา ปกคลุมรอบๆ ตัวเป่ยหมิงฮุย

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!

เมื่อกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์แต่ละเล่มแทงทะลุเงาอาณาจักรเทพ ก็ถูกขัดขวางไว้อย่างหนักหน่วง ไม่สามารถเข้าไปด้านในต่อได้อีก

“ระเบิด!” จ้าวเฟิงจ้องเพ่ง ตะโกนเสียงต่ำ

โครม ตูม!

กระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ตรงทรวงอกเป่ยหมิงฮุยและส่วนที่อยู่ในเงาอาณาจักรเทพขยายตัวแล้วระเบิดทันที พายุพลังเทพบริสุทธิ์ที่น่ากลัวก็กระจายตัวออกมากลืนกินฟ้าดิน

ควันและฝุ่นละอองตลบอบอวลออกไป ทั้งร่างเป่ยหมิงฮุยแหลกไม่มีชิ้นดี อาการบาดเจ็บหนักหนา กลิ่นอายพลังอ่อนแอลงไป

“ตายซะ!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ ส่งกระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์สายหนึ่งออกมาจากดวงตาซ้ายอีกครั้ง

ตูม! เป่ยหมิงฮุยในตอนนี้ไม่มีแรงจะต้าน ถูกกระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์โจมตี พลังที่แก่กล้ารั่วไหลออกจากด้านใน ทำให้ร่างกายเป่ยหมิงฮุยแหลกสลายไปทั้งหมด

ที่สุดแล้ว เป่ยหมิงฮุยที่สูงส่งเหนือใครและจับจ้าวเฟิงได้ในคราวเดียวตอนนั้น ยามนี้ต้องมาตายด้วยน้ำมือของจ้าวเฟิงเอง!

คนระดับสูงจำนวนมากของเผ่าพันธุ์วิญญาณเห็นภาพเหตุการณ์นี้ แต่ละคนยืนนิ่งไม่ไหวติง เหมือนกลายเป็นก้อนหินไปแล้ว

พวกเขาล้วนแต่ศิโรราบต่อยอดผู้อาวุโส เลือกจะเป็นสมาชิกที่สวามิภักดิ์ให้

ในตอนนี้ กระทั่งคนที่อยู่เบื้องหลังยอดผู้อาวุโสก็ยังถูกจ้าวเฟิงสังหารทั้งหมด

พลังที่จ้าวเฟิงสำแดงออกมาแกร่งกล้าจนยากจะจินตนาการได้ ถึงพวกเขาจะหลบหนีไปก็ไร้ประโยชน์

ส่วนเทพโบราณปิงหยวนยิ่งไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ขาอ่อนทรุดตัวลงบนพื้น เหมือนสติเลอะเลือนไปแล้ว

ณ แดนต้องห้ามเผ่าพันธุ์วิญญาณ

พรึ่บ พรึ่บ~

เงาร่างคนจำนวนมากพุ่งออกมาจากภายใน ในกลุ่มนั้น คนที่จ้าวเฟิงรู้จักก็มีผู้อาวุโสสูงสุด ผู้อาวุโสที่สอง และผู้อาวุโสที่สามเป็นต้น

ตอนที่จ้าวเฟิงกำลังต่อสู้ จ้าวหยูเฟยก็ล่วงหน้าไปยังแดนต้องห้ามเพื่อช่วยเหลือสมาชิกที่ถูกจับเอาไว้ออกมา

“ผู้อาวุโสสูงสุด!”

ทันใดนั้น คนทรยศของเผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหมดคุกเข่าลงบนพื้น อ้อนวอนขอให้ไว้ชีวิต กับคนพวกนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดมีสีหน้าราบเรียบ ไม่ได้ใส่ใจอะไร

“จ้าวเฟิง พวกยอดผู้อาวุโสล่ะ?”

ผู้อาวุโสสูงสุดเอ่ยถาม

ในเมื่อพวกเขาออกมาได้ บวกกับการกระทำของคนทรยศจากเผ่าพันธุ์วิญญาณ พวกเขาก็เดาได้แล้วว่ายอดผู้อาวุโสรวมไปถึงผู้แข็งแกร่งลึกลับพวกนั้นน่าจะถูกจ้าวเฟิงเอาชนะได้แล้ว

“ตายไปหมดแล้ว!” จ้าวเฟิงตอบเสียงเรียบ

สมาชิกเผ่าพันธุ์วิญญาณที่เพิ่งเป็นอิสระได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็ค้างแข็ง ค่อนข้างไม่อยากเชื่อ

พวกผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสที่สองรู้พลังของยอดผู้อาวุโสกับผู้แข็งแกร่งเผ่าความลับสวรรค์อย่างถ่องแท้ ในบรรดาผู้แข็งแกร่งเผ่าความลับสวรรค์พวกนั้นมีจอมเทพขั้นสามด้วย

จ้าวเฟิงกลับพูดว่าคนเหล่านี้ตายไปหมดแล้ว!

“คราวนี้ต้องลำบากเจ้าแล้ว จ้าวเฟิง!”

ผู้อาวุโสที่สองไม่ไปสนใจว่านี่จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก้าวขึ้นมาเอ่ยด้วยความตื้นตันใจ

ยังดีที่ตอนนั้นเผ่าพันธุ์วิญญาณเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อจ้าวเฟิงทัน มิฉะนั้นคราวนี้จ้าวเฟิงคงไม่ช่วยพวกเขาแน่

“อาจารย์ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เผ่าพันธุ์วิญญาณทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?”

จ้าวหยูเฟยโพล่งถาม หากไม่ใช่นางและจ้าวเฟิงรีบกลับมา เกรงว่าเผ่าพันธุ์วิญญาณคงจะล่มสลายลงไปแล้ว

“พูดไปแล้วเรื่องมันยาว ก่อนหน้านี้จู่ๆ ผู้แข็งแกร่งเผ่าความลับสวรรค์ก็ปรากฏตัวที่นี่ คุมตัวคนในระดับสูงของเผ่า และบีบให้พวกเรายอมแพ้…”

ผู้อาวุโสสาธยาย

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเผ่าความลับสวรรค์ที่วางแผนเอาไว้ล่วงหน้า เผ่าพันธุ์วิญญาณจึงสู้ไม่ได้ และถูกฝ่ายตรงข้ามกำราบไว้

ต่อมาภายใต้ผลประโยชน์และการข่มขู่จากเผ่าความลับสวรรค์ ยอดผู้อาวุโสเลยเลือกยอมศิโรราบ

แต่ยอดผู้อาวุโสกลับถูกเผ่าความลับสวรรค์เปลี่ยนเป็น ‘องครักษ์เทพมรณะ’ กลายเป็นของเล่นในมือเผ่าความลับสวรรค์

“พวกฝืนชะตาฟ้าโค่นเผ่าพันธุ์วิญญาณ เหมือนจะมีเป้าหมายอื่นอีก!”

จ้าวเฟิงครุ่นคิด

ตอนนั้นเขาคิดว่าพวกฝืนชะตาฟ้าโค่นเผ่าพันธุ์วิญญาณก็เพื่อสร้างกับดักรอให้เขาเข้ามาที่นี่

แต่หากว่าเป็นกับดักจริงๆ อย่างน้อยก็น่าจะจัดแจงทูตสวรรค์หรือกระทั่งผู้คุมกฎมาสักสามคน

เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว พวกฝืนชะตาฟ้าทำลายเผ่าพันธุ์วิญญาณก็น่าจะมีเจตนาอื่นอยู่

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องพวกนี้ รีบหนีออกจากที่นี่กันเถอะ!”

จ้าวเฟิงโพล่งขึ้น

เป่ยหมิงฮุยจะต้องเอาข่าวเรื่องที่เขามาที่นี่คาบไปบอกพวกฝืนชะตาฟ้าแล้วแน่ บางทีไม่นานนักคงมีคนมากมายมาที่นี่

จ้าวเฟิงในตอนนี้ ถึงแม้พลังจะเพิ่มขึ้นมาก แต่เมื่อต้องเผชิญกับผู้คุมกฎก็ไม่ได้มีแรงต้านรับเท่าไหร่นัก

“หนีไป? ไปที่ไหน?” ใบหน้าผู้อาวุโสฉายแววประหลาดใจ

ตั้งแต่เผ่าพันธุ์วิญญาณสร้างขึ้นมาจนวันนี้ ก็ผ่านอะไรมานานมากนัก คนของเผ่าพันธุ์วิญญาณผูกพันลึกซึ้งกับที่นี่ จ้าวเฟิงมองออกว่าผู้อาวุโสไม่ได้อยากย้ายออกไป

แต่สถานการณ์ตอนนี้พิเศษ เผ่าพันธุ์วิญญาณจำต้องย้ายถิ่นฐานออกไป

ทว่าควรจะไปที่ไหนกัน?

เวลานี้เอง ในบรรดาสมาชิกของเผ่าพันธุ์วิญญาณที่อยู่ไกลออกไป มีผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณผู้หนึ่งบินมา

แววตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ร่างคนผู้นี้

ในฐานะที่เป็นคนทรยศเผ่าพันธุ์วิญญาณ ตอนนี้กลับกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าจ้าวเฟิงและจอมเทพของเผ่า ทำให้พวกเขาออกจะประหลาดใจ

“ทุกท่านในเผ่าพันธุ์วิญญาณ ข้าเป็นคนของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต หากพวกท่านไม่มีที่ไป ก็เดินทางไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์ได้!”

ตอนที่ชายผู้นี้ปรากฏกายออกมาก็สร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคน ทุกคนมองตากันอยู่ครู่ใหญ่ สงสัยในสถานะของชายผู้นี้

“ไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตแล้วกัน!” จ้าวเฟิงเปิดปากเอ่ย

ไม่ว่าชายผู้นี้จะเป็นคนของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตหรือไม่ ตอนนี้เดินทางไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวจริงๆ

ลำดับแรก เผ่าพันธุ์วิญญาณเหมือนจะไม่อยากย้ายถิ่นฐาน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สามารถไปขอความช่วยเหลือจากแดนศักดิ์สิทธิ์ได้

จ้าวเฟิงเชื่อมั่นว่าการกระทำในวันนี้ของพวกฝืนชะตาฟ้าเท่ากับกำลังยั่วยุแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตอยู่ แดนศักดิ์สิทธิ์คงจะไม่มองดูเฉยๆ แน่

“ตกลง ไปแดนศักดิ์สิทธิ์!”

ผู้อาวุโสสูงสุดก็เห็นด้วยในจุดนี้

ผู้แข็งแกร่งสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตเป็นถึงหนึ่งในแปดเนตรเทพเจ้า มีสมญานามว่านายเหนือหัว

เผ่าพันธุ์วิญญาณเป็นขั้วอำนาจในการดูแลของแดนศักดิ์สิทธิ์ เจอเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางอยู่เฉยๆ โดยไม่แยแสแน่

จากนั้น จ้าวเฟิงและพวกเผ่าพันธุ์วิญญาณจึงรีบเดินทางไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต

สำหรับคนทรยศเผ่าพันธุ์วิญญาณในตอนนั้น ผู้อาวุโสฝังตราประทับพิเศษในร่างพวกเขา ต้องอยู่ที่เผ่าพันธุ์วิญญาณต่อไป

ครึ่งเดือนต่อมา กลุ่มคนเดินทางไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตอย่างราบรื่น

ตอนที่ทุกคนมาถึง ปราการก็กระจายตัวออก

“เชิญ!” ผู้อาวุโสผู้หนึ่งรออยู่นานแล้ว และพาคนพวกนี้เข้าไปข้างใน

“ผู้อาวุโสท่านนี้ พวกเรา…”

ผู้อาวุโสสูงสุดเปิดปากเอ่ย เตรียมจะอธิบายจุดประสงค์ที่มาเยือน

“นายเหนือหัวเนตรชีวิตเชิญเข้าพบ ทุกท่านตามข้ามา!” ผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยอย่างเป็นมิตร

“อะไรนะ? นายเหนือหัว!” ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสที่สองอึ้งงันไปในทันที รวมไปถึงจ้าวเฟิงที่ตกตะลึงด้วยเช่นกัน คิดไม่ถึงเลยว่าคราวนี้นายเหนือหัวเนตรชีวิตจะเรียกทุกคนเข้าพบ

“เกรงว่านายเหนือหัวเนตรชีวิตน่าจะเจออะไรเข้า มิฉะนั้นคงไม่ส่งคนมาแฝงตัวที่เผ่าพันธุ์วิญญาณ…” จ้าวเฟิงพึมพำในใจ

เชื่อว่าหลังจากเจอนายเหนือหัวเนตรชีวิตก็น่าจะรู้เรื่องชัดเจนแล้ว

บนยอดของต้นไม้โบราณ มีตำหนักสีเขียวมรกตสุกสกาวหลังหนึ่ง สาดซัดพลังชีวิตที่ทำให้รู้สึกสบายออกมา

เพิ่งเข้าไปภายใน ทุกคนก็นิ่งค้าง

สตรีท่าทางสูงศักดิ์นางหนึ่งยืนอยู่สูงในตำหนัก นางใส่ชุดชาววังสีเขียวอ่อน กระโปรงยาวลากพื้นไปไกล เรือนร่างอรชร ผิวพรรณขาวนวลเนียน วงหน้างดงามอ่อนหวาน ทำให้ทุกสิ่งรอบตัวอับแสงลงไป

“นายเหนือหัวเนตรชีวิต?”

ใจจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน คิดไม่ถึงเลยว่านายเหนือหัวเนตรชีวิตจะเป็นสตรีที่งดงามถึงเพียงนี้ ดูไปแล้วอายุก็ไม่มากนัก ยากจะคิดว่านางเป็นคนมีอายุหลายล้านปีได้

นายเหนือหัวเนตรชีวิตเป็นประหนึ่งเทพธิดา สูงค่าจนไม่อาจล่วงเกินได้ แต่กลับทำให้รู้สึกสนิทชิดเชื้ออย่างประหลาด ไม่ว่าใครเห็นนางก็จะเกิดความรู้สึกคุ้นเคยด้วย

ทุกคนในเผ่าพันธุ์วิญญาณเคลิบเคลิ้มกับความงามของนายเหนือหัวเนตรชีวิต ความหงุดหงิดในใจหายไปอย่างไร้ร่องรอย

กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าพันธุ์วิญญาณที่เป็นจอมเทพขั้นสอง ยังมองนายเหนือหัวเนตรชีวิตอย่างชื่นชมเช่นเดียวกัน

“เผ่าพันธุ์วิญญาณทุกท่าน!” นายเหนือหัวเนตรชีวิตเอ่ยขึ้นทันควัน เสียงดังเข้าไปในใจคน

“คารวะนายเหนือหัวเนตรชีวิต!” คนจากเผ่าพันธุ์วิญญาณทำความเคารพทันที

“ไม่ต้องเกรงใจ ทุกคนของเผ่าพันธุ์วิญญาณมาขอความช่วยเหลือจากแดนศักดิ์สิทธิ์สินะ?”

นายเหนือหัวเนตรชีวิตนั่งลงช้าๆ

“ใช่แล้ว เผ่าพันธุ์วิญญาณของข้าถูกพวกฝืนชะตาฟ้าบุกโจมตี หากไม่ใช่เพราะจ้าวหยูเฟยและจ้าวเฟิงรีบกลับมา เกรงว่าทั้งเผ่าพันธุ์วิญญาณคงกลายเป็นของพวกมัน!”

เมื่อพูดเรื่องนี้ ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณมีสีหน้าเศร้าโศก

“ไม่เพียงแต่พวกเจ้าเผ่าพันธุ์วิญญาณจะเป็นแบบนี้ เผ่าเปลวทอง เทวาพฤกษาสมุทร และพันธมิตรสะท้านภพก็เป็นเหมือนกัน!”

นายเหนือหัวเนตรชีวิตสีหน้าจริงจัง นับเป็นความงามอีกอย่างเช่นกัน

ก่อนนี้ นายเหนือหัวเนตรชีวิตก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ จึงส่งสมาชิกเข้าไปแฝงตัวในขั้วอำนาจสี่ห้าดาว แต่ทว่าก็ไม่มีใครรู้รายละเอียดแน่ชัด

จนการกลับมาของจ้าวเฟิงและจ้าวหยูเฟยสร้างความวุ่นวายในเผ่าพันธุ์วิญญาณ

จากการบอกเล่าของผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณเมื่อครู่ นายเหนือหัวเนตรชีวิตเข้าใจเรื่องนี้มากยิ่งขึ้นแล้ว

“อะไรนะ ขั้วอำนาจห้าดาวที่เหลือ…”

ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสที่สองตื่นตะลึง ขั้วอำนาจสามแห่งที่นายเหนือหัวเนตรชีวิตพูดถึง เป็นขั้วอำนาจห้าดาวอื่นในเขตเทพสววรรค์นอกจากเผ่าพันธุ์วิญญาณ

สถานการณ์ในตอนนี้น่าจะบอกได้ว่า นอกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต พวกฝืนชะตาฟ้าน่าจะยึดทั้งเขตเทพสววรรค์ไปได้แล้ว

‘พวกฝืนชะตาฟ้าต้องการอะไรกันแน่?’ จ้าวเฟิงหนักใจ

……

อาณาจักรเทพของเผ่าความลับสวรรค์ ชายแดนของเขตเทพสววรรค์

คนระดับสูงของพวกฝืนชะตาฟ้าในตำหนักสีดำสนิทบนเกาะความลับสวรรค์รวมตัวอยู่ด้วยกัน

“เจ้าสวรรค์ จ้าวเฟิงและจ้าวหยูเฟยกลับมาแล้ว ทำให้ที่เผ่าพันธุ์วิญญาณเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น สมาชิกทั้งหมดที่แฝงตัวอยู่ในนั้นตายหมดแล้ว!”

ผู้อาวุโสชุดดำยืนขึ้น

ในตอนนั้นไปขอความช่วยเหลือจากเขา แต่พวกฝืนชะตาฟ้าไม่ได้ส่งคนไปช่วยเหลือ

“ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร!”

ผู้คุมกฎเอ่ยเสียงเรียบ

เจ้าสวรรค์ข้างกายเขายกมุมปากยิ้มบางๆ แต่คนอื่นที่เหลือที่นั่นมีสีหน้าโกรธเกรี้ยว เพราะคราวนี้ก็เกิดเรื่องเพราะเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าอีกแล้ว

“ได้เวลาไปสำแดงทุกสิ่งที่เรามี ณ ดินแดนเทพรกร้างแล้ว…แผนการของพวกเราเหลือแค่ขั้นสุดท้าย!”

เจ้าสวรรค์เปิดปากเอ่ยทันควัน มุมปากยิ้มบางๆ ในดวงตาที่ลึกล้ำไร้ก้นบึ้งคู่นั้นเปล่งประกาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version