Skip to content

King of Gods 1535

King Of Gods

บทที่ 1535 วิชาอาคม

หลังจากช่วยจอมเทพส่วนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ตกอยู่ในหนึ่งพันเปลี่ยนมายามารได้แล้ว จ้าวเฟิงก็รีบมุ่งหน้าไปอีกฝั่งหนึ่งทันที

เขาสำแดง ‘สู่ห้วงความฝัน’ อีกครั้ง คนเกือบพันคนถูกจ้าวเฟิงดึงเข้าไปในมิติความฝัน

จ้าวเฟิงสังหารสมาชิกฝั่งศัตรูลงทันที และไล่ให้สมาชิกฝั่งตนที่ตื่นขึ้นออกไปจากโลกความฝันแห่งนี้ สุดท้าย ในห้วงแห่งความฝันก็เหลือเพียงสมาชิกที่ตกอยู่ในหนึ่งพันเปลี่ยนมายามารเท่านั้น

“ทลายฝัน!” จ้าวเฟิงโคจรพลังความคิด ทำลายฝันร้ายของทุกคนในชั่วพริบตา แล้วช่วยพวกเขาออกมา

“ฝันร้ายเมื่อครู่…เกิดอะไรขึ้นกัน?”

สมาชิกหลายคนที่ตื่นขึ้น ทั่วร่างซึมชื้นไปด้วยเหงื่อ เนื้อตัวสั่นเทิ้ม

ภาพน่าหวาดกลัวทุกอย่างที่พวกเขาประสบก่อนหน้านี้ราวกับเรื่องจริง กักขัง ทรมานจิตพวกเขาไว้ข้างใน

ครั้นไล่คนพวกนี้ออกมาจากมิติความฝัน วิชาแข็งแกร่งของราชาอสูรฝันมายาก็ถูกทำลายลงโดยสิ้นเชิง

“คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะมีพลังศาสตร์ลวงตาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”

สีหน้าของราชาเทพหวาเฟิงตื่นเต้นเล็กน้อย

“นี่อาจจะเป็นขอบเขตที่เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าเชี่ยวชาญก็ได้!”

เสียงมีชีวิตชีวาของนายเหนือหัวเนตรชีวิตดังขึ้น

นางสังเกตเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าของจ้าวเฟิงตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ พอจะประเมินความสามารถของเนตรเทพมายาในใจได้แล้ว

“มีคนอีกจำนวนไม่น้อยมาที่นี่แล้ว!”

นิ้วขาวเนียนของนายเหนือหัวเนตรชีวิตชี้ออกไป จุดแสงสีเขียววาวใสก่อร่างขึ้นมา ก่อนจะลอยไปข้างๆ ปรมาจารย์ค่ายกลทั้งสิบแปดที่อยู่ในต้นไม้แห่งชีวิต

ไม่นานนัก ปรมาจารย์ค่ายกลทั้งหลายก็เปิดเส้นทางส่งข้ามอีกครั้ง

ฟุ่บ ฟุ่บ… เงาคนหลายร่างบินออกมาจากภายใน หนึ่งในนั้นมีจอมเทพขั้นสามสามคน จอมเทพขั้นสองสี่คน

“เชิญทุกคนลงมือเถิด!” นายเหนือหัวเนตรมิติพูดอย่างอ่อนโยน

คนที่เพิ่งมาถึงเหล่านี้เข้าร่วมศึกในสนามรบทันที

“ดี สถานการณ์ค่อยๆ มั่นคงแล้ว ชัยชนะจะเป็นของพวกเรา!”

ราชาเทพหวาเฟิงเผยความยินดี

แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตผูกวาสนากับคนกว้างไกล คนที่หลุดพ้นจากโรคและอาการบาดเจ็บสาหัสได้เพราะการรักษาจากแดนศักดิ์สิทธิ์มีมากมายนับไม่ถ้วน จากเวลาที่เคลื่อนคล้อยไป พลังของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตจึงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

ถึงตอนนั้น ต่อให้กลอุบายของพวกฝืนชะตามีมากเพียงใด ก็จะต้องแพ้พ่ายลงอย่างแน่นอน

ไฟสงครามลุกโหมไปทั่วทุกทิศของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต

หลังจากทำลายวิชาของราชาอสูรฝันมายาแล้ว จ้าวเฟิงก็เตรียมเข้าสู่สนามรบสังหารผู้แข็งแกร่งของฝั่งศัตรู

แต่ว่าในตอนนี้เอง เขาสัมผัสได้ถึงจิตปฏิปักษ์อันรุนแรง

“ราชันอสูรฝันมายา?” จ้าวเฟิงใจสั่นสะท้าน

หัวทั้งเก้าของราชันอสูรฝันมายาจ้องตนมาจากที่ไกลๆ ดวงตาสีม่วงเข้มทุกคู่บนหัวฉายแสงเย็นเยียบที่น่าหวาดกลัว

“ผู้เยาว์ พลังศาสตร์ลวงตาของเจ้าเหมือนจะไม่เลวเลย…”

หัวทั้งเก้าของราชันอสูรฝันมายาส่งเสียงคำรามน่าขนลุกออกมา

เสียงสูงต่ำต่างกันทั้งเก้าเสียงทับซ้อนกัน ทำให้คนขนลุกขนพอง ตัวสั่นขึ้นมาเสียเฉยๆ

“กินมันซะ ชิงเอาพลังมันมา!”

“ให้มันได้รับรู้ถึงฝันร้ายที่น่ากลัวที่สุดในโลกนี้!” หัวทั้งหลายพูดกับตัวเอง

ฟิ้ว! ทันใดนั้น ราชันอสูรฝันมายาที่ตัวใหญ่ราวขุนเขาก็แปลงเป็นแสงสว่างมืดหม่น พุ่งพาดผ่านท้องฟ้า โจมตีไปยังจ้าวเฟิง

“แย่แล้ว!” สีหน้าจ้าวเฟิงตกใจเล็กน้อย ถอยไปข้างหลังทันที

ระดับพลังฝึกตนของราชันอสูรฝันมายาใกล้เคียงกับราชาเทพอยู่แล้ว ต่อให้มันไม่ใช้พลังศาสตร์ลวงตา พลังก็แข็งแกร่งไร้เทียมทาน แทบจะเป็นผู้ไร้พ่ายระดับจอมเทพขั้นสาม

ครืน ฉัวะ!

ราชันอสูรฝันมายากระโจนเข้ามา โจมตีเสี้ยวเงาของจ้าวเฟิงจนแหลกละเอียด

ในขณะเดียวกัน หมอกสีม่วงเข้มสลัวรางก็แผ่ออกมาจากร่างของมัน กระจายลุกลามไปในสนามรบ

หมอกสีม่วงเข้มคือหมอกฝันมายามารที่ราชันอสูรฝันมายาปลดปล่อยออกมา ใครก็ตามที่เข้าใกล้ราชันอสูรก็จะได้รับผลกระทบจากหมอกนี้ หากอยู่ในหมอกฝันมายามารนาน ต่อให้เป็นผู้ที่พลังวิญญาณแข็งแกร่งก็ยากจะรอดไปได้

“ไสหัวไป!” ในยามที่จ้าวเฟิงถอยล่ามาก็สะบัดแขนไปเต็มกำลัง ขว้างกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ขนาดมหึมาออกไป

ครืน ตูม! ราชันอสูรฝันมายาตัวใหญ่ยักษ์หลบหลีกไม่ทัน จึงถูกกระบี่อัสนีเทวะบริสุทธิ์แทงเข้าใส่

แต่ว่าตอนนี้เอง รัศมีลึกล้ำมืดหม่นชั้นหนึ่งลอยอวลไปทั่วร่างของมัน

เพียงชั่วพริบตา พลังแปลกประหลาดกลุ่มนี้ก็แทรกซึมเข้าไปในอากาศทั่วบริเวณเกือบแสนลี้

กลิ่นอายของราชันอสูรฝันมายาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตกใจในมิติแห่งนี้ คอของหัวทั้งเก้าพลันยืดออก กัดกินกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์บนร่างตนจนหมดสิ้น

“นี่มัน พลังศาสตร์ลวงตา!” แววตาจ้าวเฟิงเปล่งประกายจางๆ

เสี้ยวขณะเมื่อครู่นั้น ราชันอสูรฝันมายาผสานมิติความฝันของมันไปในท้องฟ้า

ในห้วงความฝัน พลังของมันแข็งแกร่งขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงสามารถทำลายกระบี่อัสนีเทวะได้อย่างง่ายดาย กระทั่งกินลงไปได้ด้วยซ้ำ ส่วนตัวมันไม่ได้รับผลกระทบอะไรนัก

“ผู้เยาว์ ตายซะเถอะ!” หัวทั้งเก้าของราชันอสูรฝันมายาเงยหน้าคำรามก้อง แผ่กระจายกลิ่นอายศาสตร์วิญญาณสั่นสะท้านไปทั่วทุกทิศ

ดวงตาสีม่วงเข้มบนหัวทั้งเก้าสาดรัศมีมายาสลัวรางที่ทำให้คนหวาดกลัวออกมาทันที รัศมีนั้นค่อยๆ สอดประสานกันเป็นหมอกแสงเก้ากลุ่ม ก่อนจะพุ่งตรงออกมา

ครั้งนี้ ราชันอสูรฝันมายาสำแดงวิชา ‘หนึ่งพันเปลี่ยนมายามาร’ อีกครั้ง

อีกทั้งเป้าหมายของหมอกแสงทั้งเก้าล้วนเป็นจ้าวเฟิงหมด

ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ~

หมอกแสงมายาทั้งเก้าพุ่งฉิวไปในฟ้าดิน ตรงเข้าโจมตีจ้าวเฟิง

“แย่แล้ว สถานการณ์ของจ้าวเฟิงไม่สู้ดี!” ราชาเทพหวาเฟิงที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์สีหน้าคร่ำเครียด

วิชาศาสตร์มายาของราชันอสูรฝันมายาต่อให้เป็นคนที่อยู่ในระดับเดียวกับมันก็ยังต้องหวาดกลัวเหลือทน

‘หนึ่งพันเปลี่ยนมายามาร’ ทั้งเก้า หากโจมตีโดนคนคนหนึ่งในเวลาเดียวกัน เกรงว่าจ้าวเฟิงที่เชี่ยวชาญด้านศาสตร์ลวงตาก็ยังทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อพลังฝึกตนและพลังวิญญาณของเขายังห่างชั้นกับราชันอสูรฝันมายาค่อนข้างมาก

“รีบไปช่วยเร็วเข้า!” ราชาเทพหวาเฟิงบัญชาการลงไป

ครั้นเห็นหมอกแสงมายามีม่วงเข้มทั้งเก้ากลุ่มบินมายังตนเองจากที่ไกลๆ

เสี้ยวขณะนี้ จ้าวเฟิงสีหน้าจริงจังเป็นอย่างมาก

เขาไม่รู้ว่า ‘สู่ห้วงความฝัน’ ของตนจะต้านกระบวนท่าโจมตีนี้ได้หรือไม่

หากต้านทานไม่ได้แล้วตกอยู่ในหนึ่งพันเปลี่ยนมายามาร ก็คงแล้วแต่ฝ่ายตรงข้ามจะฆ่าจะแกง ดังนั้นเขาจึงไม่ใช้ ‘สู่ห้วงความฝัน’ ลองเดินพันดูว่าจะต้านทานได้หรือไม่

“เปลี่ยนมายา!” ตาซ้ายของจ้าวเฟิงส่องประกายแสงมายาวิบวับ โคจรขึ้นอย่างรวดเร็ว และปล่อยหมอกแสงมายาออกมาเป็นชั้นๆ

ฉับพลันนั้น ทั่วบริเวณแสนกว่าลี้ถูกปกคลุมด้วยสีสันมายาที่เจิดจ้าพร่างพราย โดยมีจ้าวเฟิงเป็นศูนย์กลาง

พลังความคิดกลุ่มนี้พากันรวมตัวไปข้างหน้า

หมอกแสงมายาสีม่วงเข้มทั้งเก้ากลุ่มที่บินมาได้รับผลกระทบจากพลังแปลกประหลาด ทำให้ความเร็วและพลังถูกลดทอนลง

“สลาย!” จ้าวเฟิงโคจรพลังความคิด

วู้ม! หมอกแสงสีม่วงที่อยู่ข้างหน้าสุดค่อยๆแหลกสลายไปจากหัวจนถึงท้าย

จากนั้นพลังที่ไม่อาจต้านทานได้อย่างแน่นอนกลุ่มนี้ก็หุ้มล้อมไปยัง ‘หนึ่งพันเปลี่ยนมายามาร’ กลุ่มที่สอง

ฟู่~ หมอกแสงมายากลุ่มที่สองจู่ๆ ก็แตกสลายไปราวฟองอากาศ

ราชันอสูรฝันมายาเห็นภาพนี้จากไกลๆ หัวทั้งเก้าต่างฉายแววตระหนกตกใจ

มันคิดไม่ถึงว่ามนุษย์ที่พลังฝึกตนต่ำกว่าตัวเองจะสามารถทำลายหนึ่งพันเปลี่ยนมายามารที่มันสร้างขึ้นได้ นี่คือพลังอะไรกันแน่?

หนึ่งพันเปลี่ยนมายามารกลุ่มที่สามและสี่ค่อยๆ ก็ถูกจ้าวเฟิงทำลายลงเช่นกัน แต่ในตอนนี้เอง หมอกแสงมายาห้ากลุ่มที่เหลือมาถึงเบื้องหน้าจ้าวเฟิงแล้ว

ในขณะเดียวกันกับที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยพลังเปลี่ยนมายา การโจมตีพวกนี้ก็ยังคงเข้าใกล้เข้ามาหา ตอนนี้หลบหลีกไม่ทันแล้ว

“ปลดปล่อยห้วงฝัน!” ตาซ้ายของจ้าวเฟิงหมุนโคจร

เสี้ยวขณะนี้ เขาพลันนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ราชันอสูรฝันมายาปลดปล่อยมิติห้วงฝันผสานไปกับฟ้าดิน แล้วใช้มันเพิ่มพลังให้กับตัวเอง ทำลายกระบี่อัสนีเทวะบริสุทธิ์

หากราชันอสูรฝันมายาทำได้ เขาเองก็ทำได้เช่นกัน

วู้ม~ เห็นเพียงวงแสงมายาวงหนึ่ง ค่อยๆ หมุนตลบมาโดยมีจ้าวเฟิงเป็นศูนย์กลาง ปรากฏการณ์ประหลาดนี้ค่อยๆ ทับซ้อนไปกับมิติฟ้าดิน ชั่วขณะนี้ มิติห้วงฝันของจ้าวเฟิงปกคลุมไปยังมิติทั่วบริเวณหลายหมื่นลี้แล้ว

ทิวทัศน์ในมิติคือภาพสิ่งก่อสร้างของพันธ์ุเผ่าวิญญาณ

ภาพนี้ค่อนข้างแปลกประหลาด จู่ๆใจกลางของสนามรบแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏพื้นที่ของเผ่าพันธ์ุวิญญาณแทน

“สำเร็จแล้ว!”

สีหน้าของจ้าวเฟิงฉายแววลิงโลด

ก่อนหน้านี้ มิติห้วงฝันอยู่แค่ในชั้นความคิดของเขาเท่านั้น อีกทั้งหลังจากที่ความคิดเข้าไปในมิติห้วงฝันแล้ว ร่างต้นก็ไม่สามารถสำแดงพลังได้มากเท่าใดนัก เท่ากับตกอยู่ในช่วงอ่อนแอ แต่ในตอนนี้เขาปลดปล่อยห้วงฝันออกมาแทรกซึมไปกับมิติฟ้าดินรอบๆ เช่นนั้นก็ต่างไปจากเดิมแล้ว

วู้ม! หมอกแสงสีม่วงหม่นกลุ่มที่ห้าเข้าไปในมิติห้วงฝันของจ้าวเฟิง

“สลายไปเสีย!” จ้าวเฟิงคำรามลั่น พลังวิญญาณกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมา

แต่เดิมพลังวิญญาณของจ้าวเฟิงเป็นเพียงขั้นสองสุดยอดเท่านั้น แต่จากการเพิ่มพลังของมิติห้วงฝัน มันจึงไปถึงขั้นสาม

ครืน บึ้ม!

รวมกับพลังวิญญาณของเขามีพลังอัสนีเทวะ แรงทำลายล้างมหาศาล เสี้ยวขณะที่พุ่งออกมาก็บดขยี้หมอกแสงสีม่วงจนแหลกละเอียด

“กระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์!” ดวงตาซ้ายจ้าวเฟิงปล่อยแสงอัสนีมืดหม่นออกมา

แสงอัสนีแลบปลาบ ทะยานทะลุหมอกแสงสีม่วงเย็นเยือกทั้งสาม บดขยี้มันจนแหลกละเอียดทันที แต่เมื่อกระบี่อัสนีพลังบริสุทธิ์ออกจากพื้นที่มิติห้วงฝัน พลังก็ลดลงแล้วกลับเป็นปกติทันที

ฟิ้ว ฟิ้ว! จู่ๆ ร่างเงาคนสองร่างก็โผล่มาใกล้ๆ จ้าวเฟิง

พวกเขาก็คือจอมเทพขั้นสามของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ต่อสู้กับทูตสวรรค์อู่ก่อนหน้านี้นั่นเอง

พวกเขากำลังเตรียมเข้ามาช่วยหากจ้าวเฟิงตกอยู่ในหนึ่งพันเปลี่ยนมายามาร อย่างน้อยๆ ก็พาเขาออกไปจากสนามรบ

แต่เมื่อพวกเขาไล่ตามมา โดยพื้นฐานจ้าวเฟิงก็จัดการกับวิกฤตอันตรายไปแล้ว

“อะไรกัน? เจ้ามนุษย์นี่!” หัวทั้งเก้าของราชันอสูรฝันมายากัดฟันกรอด ท่าทางไม่ยินยอมอย่างยิ่ง

“ยังเหลืออีกสอง!” จ้าวเฟิงยิ้มบางๆ แต่ไม่ได้รีบร้อนทำลายหนึ่งพันเปลี่ยนมายามารอีกสองกลุ่มลง

เขากระทั่งว่าไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้หมอกแสงสีม่วงสองกลุ่มนี้ตรงเข้ามาโจมตีตนเอง

จ้าวเฟิงเชื่อว่าหากอยู่ในสภาพการณ์เช่นนี้ ตนจะไม่มีทางเป็นอะไรมาก อีกทั้งเขาเองก็อยากสัมผัสพลังศาสตร์ลวงตาของราชันอสูรฝันมายาดูสักนิด ถือโอกาสใช้พันเปลี่ยนมายามารทั้งสองฝึกฝนพลังวิญญาณของตัวเองด้วย

“เจ้านี่ช่างไม่เกรงกลัวอะไรจริงๆ!”

ผู้อาวุโสขั้นสามทั้งสองแอบปาดเหงื่อแทนจ้าวเฟิง

แต่ว่าพวกเขาก็เชื่อว่าจ้าวเฟิงจะไม่เป็นอะไร

ราชันอสูรฝันมายาจ้องจ้าวเฟิงและสองผู้อาวุโสขั้นสามข้างกายเขาเขม็ง ขณะนี้ยังไม่ลงมือ เพราะมันพบว่าตัวเองทำอะไรหนุ่มผู้นี้ไม่ได้เลย อีกทั้งข้างกายเขายังมีผู้แข็งแกร่งจอมเทพขั้นสามสองคนคอยปกป้อง

“เยี่ยม ตรึงกำลังราชันอสูรฝันมายาเอาไว้ได้แล้ว!”

ราชาเทพหวาเฟิงตบมือกู่ร้อง

ราชันอสูรฝันมายาเป็นศัตรูที่รับมือยาก ผู้แข็งแกร่งที่ไม่เชี่ยวชาญศาสตร์วิญญาณและศาสตร์ลวงตาก็ยากที่จะรับมือกับมันไหว

อีกด้านหนึ่ง

“เจ้าสวรรค์ ให้ข้าลงมือเถอะ!” ผู้คุมกฎจั่วเอ่ยขออนุญาต

เจ้าสวรรค์พยักหน้า แสดงความหมายว่าเห็นด้วย

วูบ! ผู้คุมกฎจั่วบินออกไปทันที

ในขณะเดียวกัน สายตาของราชาเทพหวาเฟิงและนายเหนือหัวเนตรชีวิตต่างจ้องเพ่งลางสังหรณ์บอกพวกเขาว่า ผู้อาวุโสของพวกฝืนชะตาฟ้าคนนี้ไม่ธรรมดา เป็นบุคคลอันตรายทีเดียว

วู้ม ครืน! บนร่างของผู้คุมกฎจั่วพลันมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งมืดหม่นและเป็นอมตะปรากฏขึ้น

“ข้าจะให้พวกเจ้าได้สัมผัสกับ ‘วิชาอาคม’ ของข้าสักหน่อยแล้วกัน!”

มือทั้งสองของผู้คุมกฎจั่วยื่นออกไป เส้นแสงสีดำมืดนับไม่ถ้วนพวยพุ่งขึ้นบนนั้น พร้อมแผ่กระจายกลิ่นอายเย็นเยือกน่าขนลุกที่ทำให้คนหวาดกลัวจนตัวสั่น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version