Skip to content

King of Gods 1536

King Of Gods

บทที่ 1536 ชีวิตและคำสาป

ตอนนี้จ้าวเฟิงถูกหมอกแสงมายาสีม่วงหม่นโจมตีอยู่ในมิติห้วงฝันของตัวเอง

พลังศาสตร์ความฝันที่แข็งแกร่งกลุ่มนี้แทรกซึมเข้าในวิญญาณและความคิด ทั้งยังส่งความรู้สึกด้านลบออกมา ส่งผลต่อจิตใจเขา

แต่ในมิติห้วงฝัน ทุกๆ ด้านของจ้าวเฟิงได้รับการยกระดับขึ้น จึงสามารถต้านทานการครอบงำจากพลังกลุ่มนี้ จ้าวเฟิงค่อยๆ ประคองสถานการณ์เอาไว้ได้ เริ่มสัมผัสพลังของ ‘หนึ่งพันภาพมายามาร’ ทีละน้อย

ในตอนนี้เอง จ้าวเฟิงตกใจเพราะกลิ่นอายโบราณน่าขนลุกกลุ่มหนึ่ง

“ผู้คุมกฎ เขาจะลงมือแล้วรึ?” จ้าวเฟิงมองไปยังท้องฟ้าไกล

ถึงแม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ประมือกับผู้คุมกฎจั่ว

แต่ครั้งที่แล้วผู้คุมกฎจั่วก็แค่นำอาวุธบรรพชนเทียมออกมา แล้วสำแดงการโจมตีไปตามอารมณ์กระบวนท่าเดียวเท่านั้น มองอะไรไม่ออกเลย ทว่าตอนนี้ จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแข็งแกร่งบนร่างของผู้คุมกฎได้อย่างแท้จริง เยือกเย็นชวนขนลุกและน่าหวาดกลัว

ความรู้สึกนี้ทำให้จ้าวเฟิงคิดถึงคำสาปมรณะ

“ข้าจะให้พวกเจ้าได้สัมผัส ‘วิชาอาคม’ ของข้าสักหน่อยแล้วกัน!”

ผู้คุมกฎจั่วยื่นสองมือออกไป เส้นแสงสีดำมืดนับไม่ถ้วนพวยพุ่งขึ้นบนนั้น แผ่กระจายกลิ่นอายน่าขนลุกที่ทำให้คนหวาดกลัวจนตัวสั่น

“วิชาอาคม!”

ดวงตาของราชาเทพหวาเฟิงและนายเหนือหัวเนตรชีวิตฉายแสงประหลาด

เมื่อพูดถึงวิชาอาคม ก็จำต้องพูดถึงเผ่าแม่มดโบราณที่อยู่ในอันดับสองของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ

เผ่าพันธุ์นี้สามารถพูดได้ว่าลึกลับโบราณที่สุดในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ตอนนี้แทบจะสูญสิ้นไปหมดแล้ว

ในช่วงบรรพกาล คำสาปและวิชาอาคมแต่ละอย่างของพวกเขา ต่อให้เป็นเผ่าบรรพกาลที่อยู่อันดับหนึ่งยังหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

“มนตร์เลือดศักดิ์สิทธิ์!”

มือทั้งสองของผู้คุมกฎสะบัดไป นิ้วทั้งสิบพลิ้วไหวไปในอากาศ เขียนอักขระและลวดลายโบราณลึกลับแต่ละตัวออกมา

วู้ม ฟู่ ฟู่!

เส้นแสงดำทมิฬนับไม่ถ้วนทะลักถาโถมมาจากข้างหลังผู้คุมกฎจั่ว เย็นเยือกน่าสะพรึงกลัว ข้างในเห็นเงาคนที่ใบหน้ามืดดำ สวมผ้าคลุมสีดำร่างหนึ่งอยู่รางๆ กรงเล็บยับย่นเหี่ยวแห้งพุ่งไปข้างหน้าอย่างเหี้ยมเกรียม

ทันใดนั้น ในหมอกเส้นแสงดำก็มีแสงโลหิตสีแดงเข้มแทรกซึมไปทั่ว สาดกระจายผสานไปในท้องฟ้า แล้วค่อยๆ หายไปไร้ร่องรอย

ถึงแม้สมาชิกทั้งหลายในสนามรบจะสังเกตได้ว่าไม่ชอบมาพากล แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะป้องกันอย่างไร

“หายไปแล้ว?” ตาซ้ายของจ้าวเฟิงโคจรจนถึงขีดจำกัด

เส้นเลือดแดงเข้มมากมายค่อยๆ ปรากฏในครรลองสายตาของเขา เมื่อเพ่งมองไปให้ละเอียด เส้นเลือดแดงเข้มพวกนี้เหมือนกับหนอนที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด

จ้าวเฟิงอยู่ในมิติห้วงฝัน จึงไม่ได้กังวลเท่าใดนัก แต่คนอื่นๆ ในสนามรบมองไม่เห็นสิ่งพวกนี้ เกรงว่าคงยากที่จะรอดพ้น

ฟึ่บ ฟึ่บ~

เส้นเลือดแดงเข้มพวกนี้เสาะหาศัตรูอย่างมีเป้าหมายภายใต้การควบคุมของผู้คุมกฎ

“หืม?”

จอมเทพคนหนึ่งพลันรู้สึกว่ามีพลังเย็นเยียบสีเงินซึมลึกเข้าไปในเลือดเนื้อของตน

เสี้ยวขณะต่อมา เขาก็รู้สึกว่ากำลังวังชาของตนลดลงอย่างรวดเร็ว แม้แต่เลือดในกายก็เชื่องช้า เมื่อรับรู้ให้ละเอียด เขาถึงได้พบว่าร่างของตนถูกเส้นเลือดแดงเข้มที่ยากจะอธิบายว่ามาจากไหนนับไม่ถ้วนกัดกิน

“เกิดอะไรขึ้น?”

“อ๊าก…”

บนสนามรบแดนศักดิ์สิทธิ์ เสียงร้องโหยหวนตกใจดังระงม

“เป็นวิชาอาคมที่น่ากลัวยิ่งนัก!”

ประสาทสัมผัสของราชาเทพหวาเฟิงแข็งแกร่ง รับรู้ถึงเลือดเนื้อพลังชีวิตได้อย่างชัดเจนยิ่ง แน่นอนว่าย่อมสังเกตเห็นสถานการณ์

ตอนนี้เขาต้องลงมือแล้ว

“ระวังตัวด้วย!” นายเหนือหัวเนตรชีวิตกำชับ

เห็นได้ชัดว่าผู้คุมกฎของพวกฝืนชะตาฟ้าเชี่ยวชาญเวทอาคมและคำสาปของเผ่าพันธุ์แม่มดโบราณเป็นอย่างดี

เรื่องพื้นฐานที่สุดคือ อย่าได้โจมตีสังหารเขาโดยง่าย

หากอีกฝ่ายร่ายคำสาปมรณะเอาไว้ มีร่างประทับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ต่อให้เป็นนายเหนือหัวเนตรชีวิตก็ยากจะทำลายลงได้ แต่ก็ใช่ว่าจะทำอะไรคำสาปมรณะไม่ได้เลย ยกตัวอย่างเช่นจับเป็นฝ่ายตรงข้าม หรือใช้ผู้ที่พลังฝึกตนต่ำไม่ก็สัตว์วิเศษทำให้กระบวนท่าโจมตีสุดท้ายสมบูรณ์

บนสนามรบฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ ร่างของสมาชิกหลายคนจู่ๆ ก็เกิดความผิดปกติขึ้น

แต่ด้วยประสบการณ์ของคนทั้งหลาย พวกเขาไม่อาจที่จะหยุดยั้ง ‘มนตร์เลือดศักดิ์สิทธิ์’ ที่ผู้คุมกฎจั่วสำแดงออกมาได้เลย

อาการแรกสุดเมื่อถูกวิชาอาคมนี้กัดกินก็คือสภาพร่างกายถดถอย คู่มือที่แต่เดิมฝีมือสูสีกัน เมื่อสู้รบกันอีกครั้งก็จะตก เป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ในมิติห้วงฝัน จ้าวเฟิงสังเกตสมาชิกที่ต้องมนตร์เลือดศักดิ์สิทธิ์

จ้าวเฟิงอยู่ในมิติห้วงฝัน เมื่อเส้นเลือดแดงเข้มลอยเข้ามาเขาก็ใช้พลังของห้วงฝันและแปรฝันให้เป็นจริงทำลายมันทันที

วู้ม! จ้าวเฟิงกระตุ้นตาซ้าย จับสังเกตคนคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ คนผู้นี้กายโดนมนตร์เลือดศักดิ์สิทธิ์เข้าแล้ว พลังฝึกตนเป็นเพียงแค่เทพโบราณขั้นเก้า

จ้าวเฟิงพบว่าแสงเลือดที่โจมตีเข้าไปในกายของคนคนนี้กัดกินแก่นสำคัญและพลังสายเลือดไม่หยุด และยิ่งเทพโบราณคนนี้กระตุ้นพลังสายเลือด การกัดกินจากแสงเลือดสีแดงเข้มก็ยิ่งเร็วมากขึ้น

ในตอนนี้เอง

“อ๊าก…” เทพโบราณขั้นแปดที่อยู่ไกลลิบออกไปส่งเสียงร้องน่าสังเวช

เห็นเพียงเทพโบราณคนนี้ร่างแห้งเหี่ยว มีเลือดไหลออกมาทวารทั้งเจ็ด สติเลอะเลือน โจมตีสมาชิกรอบๆ อย่างบ้าคลั่งโดยไม่แบ่งมิตรศัตรู

“มนตร์เลือดศักดิ์สิทธิ์กัดกินปราณและแก่นสำคัญของสิ่งมีชีวิต จนกระทั่งกัดกินทั้งร่างโดยสมบูรณ์แล้วก็จะถือกำเนิด ‘กู่[1]พิษเลือดศักดิ์สิทธิ์’ ขึ้น…”

เสียงเย็นเยือกของผู้คุมกฎจั่วดังขึ้น

ในตอนนี้เอง ร่างของเทพโบราณขั้นแปดคนนั้นแข็งเกร็ง หนอนยาวน่าขยะแขยงตัวใหญ่เท่าแขนพลันพุ่งออกมาจากส่วนหัวของเขา

หนอนสีแดงตัวโตชุ่มเลือดไปทั้งตัว เสี้ยวขณะที่มันปรากฏตัวขึ้นก็แปลงเป็นแสงเลือดที่ขยับเร็วรี่เส้นหนึ่ง ปรี่ไปยังสตรีชุดเขียวข้างๆ ทันที

ความเร็วของหนอนเลือดตัวนี้สูงจนน่าอัศจรรย์ เทพโบราณทั่วไปไม่มีทางหลบได้เลย

ภาพนี้ทำเอาสตรีชุดเขียวตกใจจนเนื้อตัวสั่นเทา ใบหน้าขาวซีด

ทว่ายามนี้เอง

ฟิ้ว! ลำแสงเขียวเข้มพุ่งเข้ามาทะลุหนอนตัวนี้

ชั่วพริบตา ชีวิตของหนอนแตกดับไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นหนังย่นแห้งเหี่ยวร่วงลงไปในทันที

“หึ ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ กล้ามาสำแดงอาคมที่ชั่วร้ายถึงเพียงนี้!”

ราชาเทพหวาเฟิงแค่นเสียงต่ำ

เขาประกบฝ่ามือ รัศมีสีเขียวเข้มค่อยๆ แผ่กระจายออกไป

“แหล่งกำเนิดชีวิต!”

รัศมีเขียวเข้มแผ่ออกมาจากฝ่ามือทั้งสองของราชาเทพหวาเฟิงทีละน้อย ข้างในมีจุดแสงสีเขียวแวววาวก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในจุดแสงมีแสงสีเขียววาวแววนับไม่ถ้วนลอยอยู่ กำลังโปรยปรายไปทั่วฟ้าดิน

ผู้คุมกฎสีหน้าเคร่งเครียด เขาสงสัยยิ่งนักว่าราชาเทพหวาเฟิงจะทำลายกระบวนท่านี้ของเขาอย่างไร

วู้ม วู้ม~ จุดแสงเขียวเรืองพวกนั้นลอยไปยังฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยการควบคุมของราชาเทพหวาเฟิง แทรกซึมเข้าไปในกายของสมาชิกที่ต้อง ‘มนตร์เลือดศักดิ์สิทธิ์’

“เป็นเช่นนี้นี่เอง!” สีหน้าของจ้าวเฟิงตกใจเล็กน้อย

แสงเลือดแดงเข้มชอบสูบกินพลังชีวิตและสายเลือด

ส่วนในจุดแสงสีเขียวเรืองแฝงไว้ด้วยพลังชีวิตมหาศาล เสี้ยวขณะที่เข้าไปในร่างกายก็จะดึงดูดแสงเลือดแดงเข้มพวกนั้น และถูกพวกมันกัดกินแทน

แต่หากกินมากไปในรวดเดียวกลับเป็นเรื่องไม่ดี

ตูม~ เส้นเลือดที่กินจุดแสงสีเขียวเรืองระเบิดทันที

ในขณะเดียวกัน พลังสายเลือดและชีวิตพวกนี้ก็ยังคงอยู่ในกายของผู้ต้องมนตร์ ถูกดูดซับไปอย่างช้าๆ ทั้งยังสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและสภาพได้อีกด้วย

แต่แน่นอน สำหรับ ‘กู่พิษเลือดศักดิ์สิทธิ์’ ที่แข็งแกร่งมากๆ ราชาเทพหวาเฟิงจะควบคุมจุดแสงให้สังหารมันด้วยตัวเอง

“ผู้ที่เชี่ยวชาญกฎเกณฑ์ชีวิต ไม่เพียงแต่รักษาชีวิตได้เท่านั้น แต่ยังสามารถช่วงชิงชีวิตได้เช่นกัน!” จ้าวเฟิงพยักหน้าอย่างอดไม่ได้

การบรรลุกฎเกณฑ์ชีวิต ความสามารถในการควบคุมจุดเล็กๆ ของราชาเทพหวาเฟิงทำให้เขานับถือยิ่งนัก

“มอบของคืนให้เจ้า!” ราชาเทพหวาเฟิงสีหน้าเย็นชา

วู้ม วู้ม!

ดวงตาของเขาฉายประกายสีเขียวมรกต แผ่กระจายพลังชีวิตบริสุทธิ์ออกมามหาศาล

เมื่อโคจรกฎเกณฑ์ชีวิต เมล็ดพืชสีเขียวเข้มใหญ่ราวฝ่ามือเม็ดหนึ่งก็หลอมรวมออกมาจากดวงตาของราชาเทพหวาเฟิง

เมล็ดพืชสีเขียวเข้มนี้แผ่กระจายพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง แต่ไม่รู้ทำไมกลับทำให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัว

ฟิ้ว! เมล็ดพืชสีเขียวเข้มพุ่งไปข้างหลังของฝั่งฝืนชะตาฟ้าทันที

เมล็ดพืชเมล็ดนั้นช่วงชิงพลังชีวิตของทุกสรรพสิ่งที่พาดผ่าน ยังไม่ทันร่วงลงสู่พื้นดิน เมล็ดพืชก็เริ่มแตกใบเติบโตอย่างรวดเร็ว จนเมื่อมันร่วงลงพื้นก็งอกเงยเป็นเถาวัลย์สีเขียวเข้มที่ยาวถึงร้อยจั้งต้นหนึ่ง

ฟุ่บ แซ่ก แซ่ก~

เถาวัลย์ต้นนั้นสะบัดไปอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วของมันน่าอัศจรรย์ เพียงชั่วพริบตาก็รัดหลายสิบคนของฝั่งพวกฝืนชะตาฟ้าเอาไว้ได้ เห็นเพียงสมาชิกพวกนี้กลายเป็นโครงกระดูกด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ในขณะเดียวกัน เถาวัลย์สีเขียวเข้มก็แผ่ขยายอย่างบ้าคลั่ง ต้นหนาและยาวขึ้น

ชั่วเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ เถาวัลย์หลายร้อยต้นก็เติบโตขึ้น สะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง สังหารสิ่งมีชีวิตทุกสิ่ง

ครืน กึก กึก~

เถาวัลย์ปีศาจน่ากลัวเติบโตไปในสนามรบอย่างบ้าคลั่ง ไม่ถึงเสี้ยวขณะก็ปกคลุมสนามรบไปกว่าครึ่ง แล้วกระหน่ำสังหารราวกับเถาวัลย์ปีศาจ

พลังชีวิตของเถาวัลย์ปีศาจมีชีวิตชีวาเกินปกติ กระหายเลือดโหดเหี้ยม บริเวณรอบๆ เถาวัลย์มีโครงกระดูกขาวโพลนไปทั่ว บรรยากาศอึมครึม

“ดินแดนที่ได้สมญาว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย!”

จ้าวเฟิงใจสั่นสะท้าน

ในท้องฟ้า

“หึ!” ผู้คุมกฎจั่วแค่นเสียงเย็น

เส้นแสงสีดำทมิฬและอักขระโบราณโคจรออกมาจากส่วนลึกของฝ่ามือเขาอย่างรวดเร็ว

“คำสาปเสื่อมสลาย!” เสียงแหบแห้งต่ำทุ้มของผู้คุมกฎจั่วดังขึ้น หมอกแสงสีเทาเข้มกลุ่มหนึ่งที่ดูประหนึ่งสิ่งมีชีวิตน่าขยะแขยงและเหี้ยมโหดพุ่งออกมาจากฝ่ามือเขาทันที

ครืน ฉัวะ!

หมอกแสงสีเทาเข้มซัดไปยังกลางต้นของเถาวัลย์เขียวเข้ม เถาวัลย์ปีศาจบิดม้วนเร่าๆ ราวกับเจ็บปวดอย่างยิ่ง ส่งเสียงน่าเวทนาออกมา

ทันใดนั้น เปลือกของเถาวัลย์ปีศาจก็ค่อยๆ กลายเป็นหนองเน่าเฟะไปทั่ว

ครืน ฟู่ ฟู่!

ผลจากความเสื่อมสลายแผ่ลุกลามไปทั่วต้นเถาวัลย์ปีศาจอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนให้เถาวัลย์นับไม่ถ้วนกลายเป็นน้ำเน่าเหม็น

ภาพนี้ทำเอาสมาชิกทั้งหมดบนสนามรบขนลุกชัน ใจสั่นสะท้าน

การต่อสู้ของราชาเทพทั้งสองช่างน่ากลัวนัก

แม้แต่สีหน้าจ้าวเฟิงก็ยังฉายแววตกใจ มองไปแล้วเหมือนจะเหม่อลอยอยู่เล็กน้อย แน่นอน เขาไม่ได้ลืมว่าตอนนี้ตัวเองยังมีเป้าหมายอย่างอื่นอีก

ตอนนี้เขากำลังสัมผัสกับหนึ่งพันภาพมายามาร พลังศาสตร์ความฝันที่มาจากราชันอสูรฝันมายา

ในเวลาเดียวกัน เขาค่อยๆ สลายมิติห้วงฝันไป ส่วนพลังของหนึ่งพันภาพมายามารก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นการฝึกพลังจิตใจอย่างหนึ่งของจ้าวเฟิง

พลังวิญญาณของเขาเพิ่งถึงขั้นสองสุดยอด ผ่านการฝึกฝนครั้งนี้ไปแล้วจะมั่นคงขึ้นไม่น้อย

จ้าวเฟิงค่อยๆ สลายมิติห้วงฝันไป

การคงสภาพมิติห้วงฝันไว้สิ้นเปลืองพลังมายาดั้งเดิมและพลังความคิดเป็นอย่างมาก รวมกับก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงสำแดงวิชาดวงตามายาไปหลายอย่าง ใช้พลังจิตใจไปมาก ตอนนี้ประหยัดไว้ดีกว่า

บนสนามรบ การต่อสู้ของราชาเทพชั้นยอดทั้งสองยังคงดำเนินต่อไป

“คำสาปภูตผีคลั่งวิญญาณมรณะ!”

ใบหน้าของผู้คุมกฎจั่วเหี้ยมเกรียม หมอกผีดำทมิฬก่อตัวขึ้นเบื้องหน้า ข้างในส่งเสียงเล็กแหลมน่าสังเวช

เสมือนกักขังวิญญาณชั่วร้ายไว้ข้างในนับไม่ถ้วน พวกมันยื่นกรงเล็บแหลมสีขาวเย็นยะเยือกออกมา บ้างกระชาก บ้างกรีดร้องคำราม บ้างแลบลิ้นที่ชุ่มไปด้วยเลือด…

ครืน ตูม!

ฉับพลันนั้น หมอกแสงสีดำก็ระเบิดออก ผีร้ายวิญญาณแค้นนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปในสนามรบด้านล่างอย่างบ้าคลั่ง เข้าสิงร่างของสมาชิกฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์

ที่นั่นมีวิญญาณร้ายห้าหกดวงยื่นกรงเล็บแหลม อ้าปากที่เต็มไปด้วยเลือด พุ่งไปกัดกินจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลง โคจรตาซ้ายปล่อยเพลิงอัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ออกมาทันที

ผีร้ายพวกนั้นพลันร้องเสียงแหลม สลายหายไปทีละน้อย

พลังมายาสามารถพุ่งเป้าเล่นงานทุกสรรพสิ่ง ส่วนพลังอัสนีเทวะก็ยิ่งสามารถข่มวิญญาณร้ายพวกนี้ได้

แต่ว่าคนอื่นที่เหลือมีน้อยคนนักที่จะมีความสามารถเช่นจ้าวเฟิง

ผีร้ายวิญญาณชั่วที่แข็งแกร่งกระจายตัวไปทั่วฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต เข้าโจมตีวิญญาณของทุกคน

“ช่างเป็นคำสาปที่แข็งแกร่งนัก วิญญาณร้ายพวกนี้ยังดึงความคิดชั่วร้ายในใจออกมา กัดกินไปอีกขั้น จนกระทั่งหลอมเข้าไปในใจของคนคนนั้น แล้วตายตกไปพร้อมกันราวกับคำสาป!”

ตาซ้ายของจ้าวเฟิงสังเกตสนามรบกว้างใหญ่ ใจสั่นสะท้าน

อีกทั้งคำสาปผีคลั่งวิญญาณมรณะไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความคิดจิตใจผู้คนเท่านั้น ยังสามารถกัดกินปราณจนบีบให้คลุ้มคลั่งได้อีกด้วย สามารถพูดได้ว่าเป็นคำสาปมรณะฉบับที่ทำให้อ่อนแอ

สีหน้าของราชาเทพหวาเฟิงอึ้งตะลึง คำสาปที่ผู้คุมกฎจั่วสำแดงในครั้งนี้หนักไปทางวิญญาณ อีกทั้งยังแข็งแกร่งยิ่ง คิดอยากจะควบคุมเอาไว้ช่างยากเย็นแสนเข็ญนัก

สมาชิกทั้งหลายของแดนศักดิ์สิทธิ์ถูกคำสาปผีคลั่งวิญญาณมรณะพันล้อม สภาพผิดปกติ กำลังรบลดต่ำลง

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป สถานการณ์ไม่ดีแน่!

ตอนนี้เอง

“สงครามครั้งนี้…ควรจบลงได้แล้ว!”

นายเหนือหัวเนตรชีวิตที่นิ่งเงียบมานานในแดนศักดิ์สิทธิ์ทอดถอนใจ ร่างที่ยิ่งใหญ่แต่ก็อรชรงดงามก้าวออกมาช้าๆ

…………………

[1] กู่ คือไสยดำชนิดหนึ่งของจีน จะขังแมลงมีพิษต่างๆ ไว้ในภาชนะ ปล่อยทิ้งไว้ให้กัดกินกันเองตามระยะเวลาที่กำหนด ตัวที่เหลือรอดตัวสุดท้ายก็คือ ‘กู่’ หรือ ‘สัตว์ไสยเวท’ ซึ่งจะถูกนำไปใช้งานตามแต่ที่ผู้เลี้ยงต้องการ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version