บทที่ 1570 เผด็จศึก
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมีพัฒนาการรวดเร็วเกินไป ในตอนแรกเจ้าสวรรค์เป็นฝ่ายได้เปรียบ จ้าวเฟิงต้องทุ่มสุดแรงถึงจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่ตอนนี้ จ้าวเฟิงสามารถรับมือกับเจ้าสวรรค์อย่างซึ่งหน้า และยังโจมตีกลับด้วย
“ไสหัวไป!” เจ้าสวรรค์ตะโกนกร้าว โคจรพลังเนตรเทพวิถีฟ้าอีกครั้ง ก่อนจะหายตัวไปโผล่ใกล้ๆ ห้านายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าทันที
“ฝันไปเถอะ!” จ้าวเฟิงร้องเสียงต่ำ กระตุ้นพลังแปรฝันให้เป็นจริง และบินเข้าไปใกล้เจ้าสวรรค์อย่างรวดเร็ว
“สู่ห้วงความฝัน!”
เนตรบรรพชนเทียมมายาหมุนวน มิติห้วงฝันรอบตัวเขาขยายใหญ่และเป็นรูปธรรมมากขึ้นทุกที
ยามที่จ้าวเฟิงเข้าใกล้เจ้าสวรรค์ มิติห้วงฝันรอบตัวก็เป็นประหนึ่งบุปผาที่แย้มบานหุบเข้าหากันทันใด ปกคลุมจ้าวเฟิงและเจ้าสวรรค์เอาไว้ภายใน ก่อนนี้จ้าวเฟิงทำได้แค่ฉุดดึงจิตสำนึกของศัตรูแล้วลากเข้าไปในมิติห้วงฝัน แต่ยามนี้ จ้าวเฟิงสามารถให้มิติห้วงฝันคลี่กระจายตัวออก ก่อนจะกลืนกินศัตรูเข้าไป
“ทำลายเสีย!” เจ้าสวรรค์รู้สึกได้ถึงอันตรายกลุ่มหนึ่ง เนตรเทพวิถีฟ้าลุกโชน เงาสีเทาอ่อนร่างนั้นก็ยิ่งเป็นรูปธรรมขึ้นหลายส่วน เขาผายฝ่ามือออกสองข้าง ส่งพลังวิถีฟ้าที่น่ากลัวออกมา มุ่งหมายจะทำลายล้างทุกอย่าง
วู้ม ครืน ครืน~ ทั้งมิติห้วงฝันสั่นสะเทือน จุดที่เงายักษ์ของสองฝ่ามือปรากฏขึ้นมีรอยร้าวราวใยแมงมุมเกิดขึ้น
“มิติห้วงฝันขังเอาไว้ไม่ได้หรือ?” ใจจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน
ถึงแม้เขาจะเดาเรื่องนี้ออกนานแล้ว เดิมทีพลังวิถีฟ้าเป็นพลังควบคุมที่เด็ดขาด ยากจะถูกพลังอีกกลุ่มหนึ่งพันธนาการเอาไว้
แน่นอนว่าเดิมทีจ้าวเฟิงก็คิดแค่จะกักตัวเจ้าสวรรค์เอาไว้สักครู่ เพื่อให้บรรดาเนตรเทพเจ้าสามารถหนีไปได้
“ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ แต่หากเจ้าสวรรค์ออกจากมิติห้วงฝันเมื่อใด ข้าจะขังเขาเอาไว้อีกครั้งก็ยุ่งยากกว่าเดิมแล้ว!” สีหน้าจ้าวเฟิงเคร่งขรึมเกินจะเปรียบ ก่อนจะครุ่นคิด
พลังของเจ้าสวรรค์แข็งแกร่ง ตอนนี้อย่างมากตนเองก็ประมือได้และโจมตีกลับได้ หากคิดจะขวางผู้แข็งแกร่งเช่นนี้เอาไว้คงลำบากเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่นห้วงฝันของจ้าวเฟิงที่กำลังจะโดนเจ้าสวรรค์ทำลายลงทันที
ภายในมิติห้วงฝันที่แหลกละเอียด ต่อให้จ้าวเฟิงทำได้ตามใจปรารถนา แต่ก็ยังยากจะสังหารเจ้าสวรรค์อยู่ดี อย่างไรเสีย เจ้าสวรรค์ก็ครอบครองกายเทพมารบรรพกาลกับกายวัฏสงสาร รวมถึงพลังจากเนตรเทพชีวิต เขาจะไม่ตายก็ต่อเมื่อทำลายพวกมันลงทันที
จุดที่สำคัญที่สุดก็คือ พลังวิถีฟ้ามีแรงต้านที่แข็งแกร่งยิ่งต่อพลังมายา อีกอย่าง เนตรเทพมายาของจ้าวเฟิงก็ไม่ได้มีความสามารถในด้านโจมตี
หากเขาคิดจะขวางเจ้าสวรรค์หรือเอาชนะ จำเป็นต้องให้ตัวเองครอบครองพลังโจมตีที่แกร่งขึ้น หรือทำให้ระดับขั้นของดวงตาซ้ายอยู่เหนือเนตรเทพวิถีฟ้าของเจ้าสวรรค์มาก
“จริงสิ กายเทพมารบรรพกาลจะต้องเกี่ยวข้องกับเนตรบรรพชนแน่!”
ทันใดนั้น จ้าวเฟิงก็ระลึกถึงสิ่งที่เจ้าสวรรค์พูดเอาไว้เมื่อก่อน
อีกอย่างพลังของเผ่าบรรพกาลมีแรงต่อต้านต่อพลังวิถีฟ้ามากกว่าพลังอื่นๆ มากนักหากเขาชำนาญพลังประเภทนี้ และใช้เนตรบรรพชนเทียมมายาเพิ่มพลัง การโจมตีของเขาจะแกร่งขึ้นมาก
“เนตรเทพ…ลอกแบบ…”
มิติห้วงฝันกำลังจะแหลกสลาย ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงจ้องที่ร่างของเจ้าสวรรค์
วู้ม ฟู่ ฟู่~
ระลอกแสงมายาสายหนึ่งทะลวงผ่านร่างเจ้าสวรรค์ไปทันที แล้ววิเคราะห์แยกส่วนโครงสร้างสายเลือดของเผ่าบรรพกาลจนทะลุปรุโปร่ง
ตามหลักเหตุผลแล้ว จ้าวเฟิงไม่อาจคัดลอกสายเลือดเผ่าบรรพกาลของเจ้าสวรรค์ได้ อย่างไรเสียสายเลือดบรรพกาลของเจ้าสวรรค์ก็อยู่ในระดับที่สูงกว่าเนตรเทพเจ้าประเภทหนึ่ง แต่สำหรับเนตรบรรพชนเทียมมายานี้ ทั้งหมดไม่สามารถยึดตามหลักเหตุผลใดๆ ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้มิติห้วงฝันยังไม่แตกสลาย
ในมิติห้วงฝัน พลังมายาดั้งเดิมของจ้าวเฟิงสำแดงออกมาถึงขีดสุด
พลังควบคุมอย่างเนตรเทพลอกแบบ แปรฝันให้เป็นจริง และมิติห้วงฝัน ทั้งสามประสานเป็นหนึ่งเดียว
วู้ม วู้ม~ ในกระแสธารมายารอบตัวจ้าวเฟิง จู่ๆ ก็ปรากฏโลหิตสีทองเงิน สาดกลิ่นอายสายเลือดที่เขย่าขวัญสรรพชีวิตนับหมื่นออกมา จากนั้นโลหิตยิ่งมากขึ้นทุกที และยังแทรกซึมเข้าไปในร่างจ้าวเฟิงด้วย
อีกด้านหนึ่ง เจ้าสวรรค์สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสายเลือดเผ่าบรรพกาลทันใด
“มันคิดจะทำอะไร?” เจ้าสวรรค์จ้องจ้าวเฟิงอย่างตึงเครียด
อยู่ในมิติห้วงฝัน จ้าวเฟิงสร้างสายเลือดบรรพกาลก็ไม่ได้มีความหมายอะไรกระมัง อย่างไรเสียตอนที่ความฝันแหลกสลาย ทุกสิ่งในฝันก็จะหายไปด้วยเช่นกัน
เขาก็เคยศึกษาศาสตร์ความฝันมาก่อน เมื่ออยู่ในห้วงฝันจะสามารถส่งผลกระทบต่อศัตรูและสังหารศัตรูได้ แต่ผลของมิติห้วงฝันไม่อาจเปลี่ยนแปลงตนเอง ไม่เช่นนั้นถ้าจินตนาการให้ตนเองกลายเป็นนายเหนือหัว หลังจากตื่นแล้วคงได้กลายเป็นนายเหนือหัวขึ้นมาจริงๆ
“เผ่าบรรพกาล!” จ้าวเฟิงตะโกนลั่น เผ่าบรรพกาลค่อยๆ เข้ามาแทนที่เลือดในร่างตูม~
กลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลที่เขย่าฟ้าสะเทือนดินพวยพุ่งออกมา หนำซ้ำยังพุ่งขึ้นฟ้าพร้อมคลื่นปั่นป่วนสีทองเงิน
ส่วนร่างของจ้าวเฟิงก็สูงใหญ่ขึ้นร้อยจั้งในระลอกแสงสีทองเงิน จนแตกต่างจากเจ้าสวรรค์ไม่มากนัก
“ทำลาย!” เจ้าสวรรค์แค่นเสียงเย็น ระเบิดพลังออกสุดกำลัง
ทั้งมิติห้วงฝันพลันถูกเงาวิถีฟ้าทำลาย ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจัดกระจายออกไป
ทั้งหมดในมิติห้วงฝันสูญสลายไป
แต่ทว่า กายเทพมารของจ้าวเฟิงกลับยังคงอยู่!
“ไม่ เป็นไปได้อย่างไร?” เจ้าสวรรค์หน้าถอดสีไปทันที ในใจตกตะลึงจนถึงขีดสุด
ตามหลักเหตุผลแล้ว ทุกสิ่งที่จ้าวเฟิงจิตนาการออกมาควรจะสลายไปเหมือนกับห้วงฝันถึงจะถูก
“ดี!” จ้าวเฟิงมีสีหน้ายินดีเล็กน้อย สายเลือดเผ่าบรรพกาลทำให้การโจมตีของเขารุนแรงขึ้นมาก
ตูม~ เมื่อผลักหมัดออกไป แสงเทพสีทองเงินหมองหม่นก็ระเบิดพวยพุ่งไปทันที
“แข็งแกร่งขึ้น…แข็งแกร่งขึ้น…”
เนตรบรรพชนเทียมมายาหมุนโคจร แสงมายาดุจความฝันบนหมัดบิดเบี้ยว จากนั้นหมัดดังกล่าวก็มีขนาดใหญ่ขึ้น พลานุภาพของมันก็เพิ่มขึ้นไปอีกหลายระดับ
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าเป็นสายเลือดเผ่าบรรพกาลของปลอม!”
เจ้าสวรรค์ไม่ยากจะเชื่อ สีหน้าค่อนข้างคลุ้มคลั่ง พร้อมกันนั้นก็โคจรสายเลือดเผ่าบรรพกาลและส่งหมัดออกมา
ตูม~ ท้องฟ้าส่งเสียงดังกึกก้อง อากาศสั่นสะเทือน
เสียงระเบิดดังสนั่นยังไม่ทันสิ้นสุดลง ก็มีเสียงดัง ‘ตูม’ ดังขึ้น คนทั้งสองเข้าปะทะกัน
“กายเทพมารบรรพกาลไม่เพียงแต่เพิ่มการโจมตีของข้า พลังป้องกันก็แข็งแกร่งขึ้นด้วย!”
ก่อนนี้จ้าวเฟิงไม่กล้าเข้าไปใกล้เจ้าสวรรค์มากเกินไป แต่ตอนนี้มีกายเทพมารบรรพกาลกับพลังพิเศษจากพลังมายาดั้งเดิม เขาเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วจะเป็นอะไร?
อีกอย่าง จ้าวเฟิงยังค้นพบว่ากายเทพมารบรรพกาลและดวงตาของตนมีประโยชน์จริงๆ
ไม่นานนัก ทั้งสองอย่างต่างก็แข็งแกร่งมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนตรบรรพชนเทียมมายาที่แกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เร็วมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
โครม ตูม! ฟ้าดินสั่นสะเทือนเมื่อเสี้ยวเงาของเจ้าสวรรค์โผล่ออกมาจากพายุที่วุ่นวายอลหม่านนั้น ทว่าในช่วงเวลาสั้นๆ อาการบาดเจ็บของเขาก็หายสนิทเรียบร้อยถึงแม้อาการบาดเจ็บจะหายสนิทแล้ว แต่สีหน้าเจ้าสวรรค์กลับลนลานทำอะไรไม่ถูก
“โทสะเทพวิถีฟ้า!” ทันใดนั้นเอง สีหน้าเจ้าสวรรค์ก็ฉายแววบ้าคลั่ง เนตรบรรพชนเทียมวิถีฟ้าโคจร เผาผลาญพลังวิถีฟ้าออกมา
เงาขนาดยักษ์สีเทาอ่อนบนร่างเขาก็ปั่นป่วน ทะลักแสงเพลิงสีเดียวกัน พร้อมแผ่กระจายกลิ่นอายที่น่ากลัวกดดัน ทำให้ทั้งจักรวาลสั่นไหว
“ตายซะ!” เจ้าสวรรค์ตะโกนกร้าว
เงาสีเทาอ่อนบิดเบี้ยวไปมา ก่อให้เกิดแสงเทพเป็นกลุ่มๆ พุ่งออกไปด้านหน้า
จนถึงตอนนี้ นี่คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดที่จักรวาลเคยมี โดยเผาผลาญดั้งเดิมวิถีฟ้าจำนวนมากเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน
“ดินมายา!” จ้าวเฟิงกระตุ้นพลังเนตรบรรพชนเทียมมายาออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
ระลอกสีสันมายาชั้นหนึ่งแผ่พวยพุ่งโดยมีจ้าวเฟิงเป็นจุดศูนย์กลาง สรรพสิ่งในฟ้าดินวิจิตรตระการตา เหมือนสิ่งของที่มีได้เพียงในฝันเท่านั้น
วู้ม วู้ม~ แสงเทพสีเทาอ่อนที่น่ากลัวหลายกลุ่มทะลวงผ่านไป ทะลุกายเทพมารบรรพกาลของจ้าวเฟิง ทะลวงผ่านเงายักษ์มายานั้น
ทว่าตัวของจ้าวเฟิงก็ยังคงยืนนิ่งไม่ ไม่มีอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อย
เหมือนทั้งฟ้าดิน นอกจากจ้าวเฟิงแล้ว ทั้งหมดเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น ในเมื่อเป็นแค่ภาพลวงตา ย่อมไม่สามารถส่งผลกระทบใดๆ ต่อจ้าวเฟิงได้
จากการตื่นขึ้นของดวงตา จ้าวเฟิงมองเห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆ จำนวนมาก และรู้แจ้งในความจริงที่ไม่มีใครล่วงรู้ อีกทั้งกระบวนท่านี้ก็ตราตรึงอยู่ในดวงตาซ้าย ทุกสิ่งรอบๆ กลายเป็นเพียงภาพลวงตาทันใด
“จบแล้ว เจ้าสวรรค์!” จ้าวเฟิงทอดสายตามองเจ้าสวรรค์ เอ่ยเสียงราบเรียบ
“ไม่…” เมื่อเห็นจ้าวเฟิงเดินตรงมาหา ใบหน้าเจ้าสวรรค์ฉายแววหวาดกลัวอย่างยิ่ง ก่อนจะหมุนตัวหนีไป
“หยุดเสีย!” จ้าวเฟิงกดเสียงต่ำ พลังของเผ่าบรรพกาลและเนตรบรรพชนเทียมมายาหมุนวน แล้วจึงระเบิดพลังที่น่ากลัวออกมา
เจ้าสวรรค์ในตอนนี้สู้รบมาเป็นเวลานาน พลังดั้งเดิมวิถีฟ้าก็ใช้หมดไปพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนท่าก่อนนี้ที่สิ้นเปลืองพลังมหาศาล
จากการเปลี่ยนแปลงที่สวนทางกันนี้ เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวเฟิงอีก
“จ้าวเฟิง เจ้าสังหารข้าไม่ได้ เราหยุดลงแค่ตรงนี้เสีย…” เจ้าสวรรค์ตะโกนบอก แต่ก็ยังคงหนีจ้าวเฟิงอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
“ฝันไปเถอะ!” ใบหน้าจ้าวเฟิงฉายแววเย็นชา
จ้าวเฟิงรับรู้เรื่องราวต่างๆ มากมายจากความทรงจำที่ผนึกอยู่ในดวงตาซ้าย
พลังของเนตรเทพเจ้าทั้งแปดค้ำจุนกฎเกณฑ์และลำดับในจักรวาลเอาไว้ ส่วนเป้าหมายของเจ้าสวรรค์คือต้องการออกจากมิติแห่งนี้ไผให้ได้
ทันทีที่อีกฝ่ายเอาพลังของแปดเนตรเทพเจ้าไปได้ ทั้งจักรวาลจะล่มสลายลงทั้งหมดอย่างแน่นอน
โครม ตูม! ทุกครั้งที่จ้าวเฟิงเข้าใกล้เจ้าสวรรค์จะโจมตีอย่างรุนแรง ตัดทอนพลังวิถีฟ้าของฝ่ายตรงข้าม
การไล่ล่าครังนี้ดำเนินต่อไปไม่นานนัก ทำให้พลังของทั้งสองคนกระจายออกไปเกินครึ่งดินแดนเทพรกร้าง
“เสียหายหมดแล้วหรือยัง?” จ้าวเฟิงก้มศีรษะมองลงด้านล่าง
การต่อสู้ของเนตรบรรพชนเทียมทั้งสองทำให้ทั้งดินแดนเทพรกร้างพังทลาย ขนาดมิติรอบนอกนอกดินแดนเทพรกร้างยังเหมือนได้รับผลกระทบตามไปด้วย จ้าวเฟิงอดระลึกถึงดินแดนทวีปและทวีปบุปผาครามไม่ได้…
“สิ้นสุดสักที!” กลิ่นอายดวงตาซ้ายจ้าวเฟิงยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปทุกที ถึงขนาดอยู่เหนือกว่าเนตรบรรพชนเทียมของเจ้าสวรรค์
เมื่อเขาโบกมือ วัตถุทรงกลมมายาก็ปรากฏออกมา
“ไม่…” ร่างเจ้าสวรรค์สั่นเทิ้มเล็กน้อย อุทานออกมาอย่างตื่นตระหนก
แต่เขาในตอนนี้อ่อนแอยิ่งนัก ส่วนจ้าวเฟิงกลับแข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมา แกร่งจนเขาไม่สามารถต่อต้านได้เลย
เขาไม่สามารถหลบกระบวนท่านี้ได้
วู้ม~ วัตถุทรงกลมมายาปกคลุมเจ้าสวรรค์เอาไว้ภายใน เขาจะดิ้นรนอย่างไรก็หนีไปไม่ได้
“จ้าวเฟิง ไว้ชีวิตข้าเถอะ ข้ายอมทิ้งต้นกำเนิดดวงตาวิถีฟ้า แถมดวงตาซ้ายของเจ้าก็เป็นเนตรบรรพชน เจ้าจะไร้เทียมทาน ไม่มีพลังใดสามารถคุกคามเจ้าได้!”
เจ้าสวรรค์เว้าวอน
เขาแน่ใจแล้วว่าดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงจะต้องเป็นเนตรบรรพชนแน่
มีเพียงเช่นนี้จึงจะอธิบายได้ว่า ทำไมดวงตาซายของจ้าวเฟิงถึงแกร่งขึ้นรวดเร็วขนาดนี้ เพราะตอนที่ดวงตาซ้ายข้างนั้นอยู่ในสภาวะสมบูรณ์ก็อยู่ในระดับเนตรบรรพชน และตอนนี้มันก็ได้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว!
เจ้าสวรรค์จำต้องยอมรับว่าเขาพ่ายแพ้แล้ว เขาคาดไม่ถึงเลยว่านอกจากเนตรบรรพชนวิถีฟ้าที่เขาเจอ จะยังมีเนตรบรรพชนอีกดวงอยู่ด้วย
ใบหน้าจ้าวเฟิงนิ่งสงบ ไม่มีท่าทีอะไรมากมายนัก
ดวงตาซ้ายของเขาเป็นดังที่เจ้าสวรรค์พูดทุกอย่าง เป็นเนตรบรรพชนจริงๆ
และในเวลานี้เอง
สวบ! ไกลอออกไป เรือรบสีเงินสว่างที่เสียหายหนักกำลังลอยมา ผู้อาวุโสแก่ชราผู้หนึ่งค่อยๆ เดินออกมาจากภายใน
“เทียนอู!” เจ้าสวรรค์มองอวี่เทียนอูด้วยใบหน้าสับสน
“เทียนซู เจ้าพ่ายแพ้แล้ว!”
อวี่เทียนอูมองเจ้าสวรรค์พลางทอดถอนใจ