บทที่ 1571 ปริศนาของจักรวาล
“ใช่ ข้าแพ้แล้ว!” เจ้าสวรรค์ชะงัก ดำดิ่งลงไปในห้วงความทรงจำ
ตอนแรกเผ่าความลับสวรรค์เข้ามาในโลกใบนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาติดอยู่ภายใน ไม่สามารถออกไปไหนได้
เป้าหมายของเผ่าความลับสวรรค์ก็คือออกจากที่นี่ แต่วิธีออกไปมีอยู่สองประเภท ด้วยเหตุนี้จึงแบ่งออกเป็นสองฝ่าย
ฝ่ายฝืนชะตาฟ้า ต้องการค้นหาพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนี้ เก็บเกี่ยวเอาทรัพยากรทั้งหมดของโลกใบนี้ไป
ส่วนวิธีการของฝ่ายผู้ทรงภูมิ คือพำนักอยู่ที่นี่อย่างใจเย็นและรอคอยโอกาส
ทั้งสองฝ่ายไม่อาจนับว่าเป็นศัตรู ถึงขั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นคนคุ้นเคยกันก็ยังได้ แต่แค่เดินคนละเส้นทางและต้องทำให้มันเกิดขึ้นจริงเท่านั้น
เจ้าสวรรค์เอาแต่คิดว่าวิธีการของตนถึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้อง เป็นวิธีที่จะพาเผ่าความลับสวรรค์ออกไปจากที่นี่ได้
แต่สุดท้าย เขาก็พ่ายแพ้!
“จ้าวเฟิง ไว้ชีวิตเขาเถอะ!” จู่ๆ อวี่เทียนอูก็เปิดปากเอ่ย
“อะไรนะ?” เจ้าสวรรค์เผยสีหน้าตกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้อวี่เทียนอูจะร้องขอชีวิตให้ตนเอง
ก่อนนี้พวกเขาสองคนเป็นอัจฉริยะของเผ่าความลับสวรรค์ มีความสัมพันธ์กันแน่นแฟ้น
เพียงแต่มีความคิดที่แตกต่างกัน แต่ละคนจึงต้องแยกย้ายไปเพื่อพิสูจน์ความคิดของตนเอง
จ้าวเฟิงไม่ได้พูดอะไร ทุกการกระทำของเจ้าสวรรค์จนถึงตอนนี้ทำให้เขาไม่สามารถให้อภัยได้
การต่อสู้ระหว่างเนตรบรรพชนเทียมทั้งสองทำให้ทั้งดินแดนเทพรกร้างแตกออกจากกัน ส่วนมิติรอบนอกก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
นอกจากนี้แล้ว ทั้งมิติจักรวาลยังเกิดรอยยโหว่ต่างๆ มากมาย เสียหายหนักยิ่งและเพราะการต่อสู้ครั้งนี้ ผู้คนจึงล้มตายนับไม่ถ้วน
“จ้าวเฟิง ดวงตาของเจ้าคงจะเป็นเนตรบรรพชนอีกดวงหนึ่ง ถ้าหากเจ้าสามารถครอบครองพลังบางส่วนของเนตรบรรพชนวิถีฟ้า โลกใบนี้ยังพอจะมีทางรอด!”
อวี่เทียนอูเอ่ยต่อ
เนตรบรรพชนวิถีฟ้าและดวงตาของจ้าวเฟิงต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นอวี่เทียนอูถึงเชื่อมั่นว่าดวงตาทั้งสองนี้ต้องเป็นคนละประเภทกัน
พลังของเนตรบรรพชนทั้งสองต่างกัน แต่ล้วนฝืนชะตาสวรรค์อย่างยิ่ง ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้
หากดวงตาของจ้าวเฟิงพัฒนาไปจนถึงระดับเนตรบรรพชน ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถซ่อมแซมดินแดนเทพรกร้างในตอนนี้ได้ และเนตรบรรพชนเทียมวิถีฟ้าของเจ้าสวรรค์ยังมีความสามารถของเนตรเทพสังสารวัฏ บางทีอาจจะชุบชีวิตพวกคนที่ตายไปในการต่อสู้ได้
“เอาเถิด ข้ารับปากท่านว่าจะไว้ชีวิตเขา ถือว่าข้าตอบแทนท่านแล้วกัน!”
หลังครุ่นคิดอยู่นาน จ้าวเฟิงจึงตอบกตลง
ตอนอยู่ที่ทวีปบุปผาคราม อวี่เทียนอูก็รู้จักกับจ้าวเฟิง และได้ให้ความช่วยเหลือเขาอยู่หลายครั้งหลายคราว มิฉะนั้นจ้าวเฟิงคงไม่มีทางเดินมาถึงวันนี้ได้
ดังนั้นคราวนี้ เขาจึงรับปากคำขอของอวี่เทียนอู
“อะไรกัน?” สีหน้าเจ้าสวรรค์ตะลึงอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะรับปาก?
“ข้าจะลองส่งพวกเจ้าออกจากที่นี่!” จ้าวเฟิงเอ่ยอีกครั้ง
ถึงแม้เขารับปากจะไม่สังหารเจ้าสวรรค์ แต่ก็ยังอยากจะส่งคนผู้นี้ออกไป
ในความทรงจำของเนตรบรรพชนมายา
เนตรบรรพชนมายาและเนตรบรรพชนวิถีฟ้าเป็นพลังสองกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในมิติจักรวาล และเป็นเพราะพลังสองกลุ่มนี้ จึงทำให้ทั้งจักรวาลสามารถโคจรได้ปกติ
ยามที่ดวงตาของจ้าวเฟิงฟื้นตื่นขึ้นสมบูรณ์จนไปถึงระดับเนตรบรรพชน และได้ครอบครองพลังวิถีฟ้า บางทีอาจมากพอที่จะช่วยให้เผ่าความลับสวรรค์ออกไปจากที่นี่ได้
“ขอบคุณเจ้ามาก!” อวี่เทียนอูระบายยิ้มน้อยๆ อย่างมีเมตตา
หากจ้าวเฟิงทำแบบนี้ได้ ก็แสดงให้เห็นว่าวิธีของพวกผู้ทรงภูมิเป็นวิธีที่ถูกต้อง สุดท้ายจะนำเผ่าความลับสวรรค์ออกจากที่นี่ไป
แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
“จ้าวเฟิง เจ้าเป็นฝ่ายชนะ พอจะบอกข้าถึงประวัติความเป็นมาของเนตรบรรพชนเจ้าได้หรือไม่?”
ใบหน้าเจ้าสวรรค์สงบนิ่ง จากนั้นดวงตาเป็นประกายแวววับ
อย่างไรเผ่าความลับสวรรค์ก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่มากสติปัญญา มีความสนใจใคร่รู้อย่างยิ่งต่อทุกเรื่องที่ไม่เคยรู้
“ข้าเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้เช่นกัน…” จ้าวเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก
การตื่นขึ้นของดวงตาเขาไม่ได้มาแค่ความแกร่งของพลัง ในนั้นยังมีข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครรู้ และกำลังปรากฏขึ้นในหัวเขาช้าๆ
ตอนที่จักรวาลเพิ่งถือกำเนิด มีทวีปเพียงแห่งเดียวเท่านั้น นามว่าทวีปรกร้าง
ในนั้นมีสิ่งมีชีวิตทรงพลังจำนวนมากมาย หลากหลายเผ่าพันธุ์ กระทั่งยังรวมไปถึงเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณด้วย แต่ว่าอันดับหนึ่งก็ยังคงเป็นเผ่าบรรพกาลที่ปกครองทั้งแดนรกร้าง
ส่วนเพราะเหตุใดเผ่าบรรพกาลจึงแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ ในสายตาคนทั่วไปมองว่าเป็นเพราะเดิมทีสายเลือดเผ่าบรรพกาลก็แข็งแกร่งไร้คนเทียบเทียมอยู่แล้ว
ความจริงภายในเผ่าบรรพกาล มี ‘เทพบรรพชนบุพกาล’ สองคนที่ไม่มีใครรู้จัก
เทพบรรพชนทั้งสองก็คือเทพที่สร้างเนตรบรรพชนวิถีฟ้าและเนตรบรรพชนมายา ควบคุมทั้งมิติจักรวาล เป็นราชาในบรรดานายเหนือหัว!
ทว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เผ่าบรรพกาลเริ่มแตกหักมีเรื่องขัดแย้งกันเพราะเทพบรรพชนบุพกาลทั้งสอง สุดท้ายทำให้เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ของเทพและมารเกิดขึ้น!
การต่อสู้คราวนี้ เผ่าพันธุ์ทั้งหมดในทวีปรกร้างต่างเข้าร่วมด้วย สุดท้ายแล้วแม้แต่เทพบรรพชนบุพกาลทั้งสองก็ร่วมลงมือด้วย
เพราะพลังของเทพบรรพชนบุพกาลแข็งแกร่งจนเกินไป ทำให้ทั้งทวีปรกร้างแหลกลาญ กลายเป็นฝุ่นธุลี มิติจักรวาลขยายใหญ่ออกไปอีกขั้น
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้การต่อสู้ของเทพบรรพชนบุพกาลทั้งสองคน นอกเหนือจากความทรงจำที่หลงเหลืออยู่ในเนตรบรรพชนมายาที่ทำให้จ้าวเฟิงรู้เรื่องราวทั้งหมด และได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของการต่อสู้ครั้งนี้
การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้ทั้งทวีปรกร้างแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เปรียบกันแล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ระหว่างจ้าวเฟิงและเจ้าสวรรค์นับว่าไม่มาก
ในการต่อสู้ครั้งนั้น พลังของเทพบรรพชนบุพกาลทั้งสองไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นัก สุดท้ายจึงตายลงทั้งคู่
เนตรบรรพชนของเทพบรรพชนวิถีฟ้าแบ่งออกเป็นแปดส่วน กลายเป็นเนตรเทพเจ้าทั้งแปดดวง
ส่วนเทพบรรพชนมายาทิ้งหนึ่งดวงตาที่สมบูรณ์ไว้ในธุลีเม็ดหนึ่ง นั่นก็คือทวีปบุปผาคราม
“ที่แท้เดิมทีโลกใบนี้มีเนตรบรรพชนสองดวงเท่านั้น!”
เจ้าสวรรค์ระบายยิ้มน้อยๆ คำถามที่คาใจตนเองมาตลอดก็ได้รับการคี่คลายในตอนนี้เอง
เหตุใดเนตรบรรพชนวิถีฟ้าถึงแบ่งออกเป็นแปดส่วน? พูดได้ว่าเป็นเพราะเนตรบรรพชนมายาทำให้เกิดขึ้น
แล้วเหตุใดเมื่อเขาได้เลือดของจ้าวเฟิง แผนการหลอมรวมเนตรเทพวิถีฟ้าจึงสำเร็จก่อนนานนัก? นั่นเป็นเพราะว่าจ้าวเฟิงได้ครอบครองเนตรบรรพชนมายา และจากอิทธิพลของเนตรบรรพชนมายา บนร่างของจ้าวเฟิงจึงมีเศษเสี้ยวของกลิ่นอายเนตรบรรพชน
“เอาออกมาเถอะ พลังวิถีฟ้า!” จ้าวเฟิงยื่นมือออกมา
เจ้าสวรรค์พยักหน้า ให้ความร่วมมือแต่โดยดี
เป้าหมายของเขาก็คือออกจากโลกใบนี้ เพียงแต่ก่อนที่เขาจะจากไป ก็อยากได้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกนี้เสียก่อน และเอาสิ่งของทั้งหมดที่มีมูลค่าไปด้วย
แต่ท้ายที่สุดก็ล้มเหลว ตอนนี้นายเหนือหัวของโลกใบนี้ยินดีที่จะให้อภัยต่อความผิดของเขา เจ้าสวรรค์จึงอับจนคำพูด ทำได้เพียงให้ความร่วมมือกับอีกฝ่าย
เปรี๊ยะ~
ประกายแสงสีขาวพุ่งออกจากหว่างคิ้วเจ้าสวรรค์ เข้าไปในฝ่ามือของจ้าวเฟิง แล้วหลั่งไหลเข้าไปในร่าง
ดวงตาซ้ายคือเนตรบรรพชนมายา พลังที่แข็งแกร่งที่สุดกลุ่มนี้ หากอยู่ร่วมกับพลังอีกอย่างจะทำให้เกิดอะไรขึ้นก็ไม่อาจรู้ได้
ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงผนึกพลังวิถีฟ้าเอาไว้ที่ดวงตาขวาก่อน
ดวงตาขวาของจ้าวเฟิงเกิดการเปลี่ยนอย่างช้าๆ กลายเป็นสีเทาอ่อนหม่นหมองไร้อารมณ์ ทำให้คนมองเพียงปราดเดียวก็ยังหวาดกลัวยำเกรง
เมื่อเปรียบเทียบกันไปแล้ว ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงกลายเป็นสิ่งงดงามวิจิตร เหมือนเป็นสีสันที่งดงามที่สุดในโลก ทำให้คนโหยหาอยากจะเข้าใกล้
ไม่นานนัก ดวงตาที่หว่างคิ้วเจ้าสวรรค์ก็หายไป
ในเวลาเดียวกัน ณ จุดหนึ่งในดินแดนเทพรกร้าง
เนตรเทพมิติ เนตรเทพมรณะ เนตรเทพทัณฑ์สวรรค์ เนตรเทพหมื่นปรากฏการณ์ ทั้งสี่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ
“ใครแพ้ชนะกันแน่?”
นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์เคร่งเครียดยิ่งขึ้น
ในตอนที่เจ้าสวรรค์สู้กับจ้าวเฟิง ทั้งดินแดนเทพรกร้างกระทั่งมิติจักรวาลกำลังสั่นไหว ดินแดนเทพรกร้างแหลกออกไม่หยุด กระจัดกระจายออกไป
แต่ทันใดนั้น การสั่นไหวก็หยุดลง ซึ่งแปลได้ว่าการต่อสู้จบลงแล้ว
นายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าที่เหลือรวมไปถึงนายเหนือหัวกับราชาเทพที่เหลือของดินแดนเทพรกร้าง ต่างทอดสายตามองผืนฟ้าไร้ขอบเขตที่โกลาหลวุ่นวาย ด้วยอยากจะรู้ผลแพ้ชนะ
ตอนนี้เอง หลิ่วฉินซินนายเหนือหัวเนตรเทพทำนายก็แจ้งข่าวแก่ทุกคน
นายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าทั้งสี่ท่าทีผ่อนคลายลง ถอนหายใจอย่างโล่งอก
พร้อมกันนั้น ข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่ว…พวกฝืนชะตาฟ้าพ่ายแพ้แล้ว!
อีกฟากหนึ่ง
เจ้าสวรรค์สูญเสียพลังวิถีฟ้าไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
จ้าวเฟิงยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ กลิ่นอายที่สาดออกจากร่างทำให้คนยำเกรง ต้องถอยไปอย่างอดไม่ได้
พลังวิถีฟ้าและพลังมายาคือพลังนายเหนือหัวที่อยู่เหนือพลังที่เหลือในมิติจักรวาล!
พลังสองกลุ่มนี้เติมเต็มซึ่งกันและกัน
ดวงตาทั้งสองเติมเต็มเกื้อหนุนกัน จึงยิ่งแข็งแกร่งขึ้นทุกที กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างของจ้าวเฟิงทำให้ทั้งดินแดนเทพรกร้างสั่นไหวขึ้นอีกครั้ง
“พวกเราออกจากที่นี่ก่อน พลังกลุ่มนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
อวี่เทียนอูและเจ้าสวรรค์รีบถอยกลับเข้าไปในเรือรบสีเงินสว่าง
พลังสูงส่งทั้งสองกลุ่มนี้แข็งแกร่งจนเกินไป ตั้งแต่ต้นจ้าวเฟิงเองก็เกรงว่าจะควบคุมยาก เห็นทีคงจะต้องใช้เวลาสักหน่อย
“คงจะไม่มีปัญหาอะไร!” อวี่เทียนอูพึมพำ
ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจเขามักจะรู้สึกพะวง ที่มาของความกังวลนั้นน่าจะมาจากคำโบราณที่กล่าวว่า…ทันทีที่ต้นกำเนิดดวงตาสูงสุดเบิกออก สรรพสิ่งในโลกจะดับสูญ…
เมื่อย้อนนึกอย่างละเอียดแล้ว ก็คิดได้ว่าคงเป็นไปไม่ได้ อย่างไรเสีย ก่อนหน้านี้มิติจักรวาลก็เคยมีเทพบรรพชนบุพกาลสองคนอยู่พร้อมกัน!
“เฟิง!” หลิ่วฉินซินมองจ้าวเฟิงอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะค่อยๆ ห่างออกไปพร้อมกับเรือรบ
“พลังช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน!”
จ้าวเฟิงหลับตาลงเล็กน้อย สัมผัสถึงพลังที่ไม่มีสิ้นสุดในร่าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนตรบรรพชนมายา มันตื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว และไปจนถึงระดับที่เขาเองยังยากจะจินตนาการ ทันใดนั้นจ้าวเฟิงก็รู้สึกได้ว่า พัฒนาการพลังของเนตรบรรพชนเทียมมายาหยุดลง
จากการถูกกระตุ้นโดยเนตรบรรพชนมายา แน่นอนว่าเนตรบรรพชนเทียมวิถีฟ้าก็เพิ่มระดับไปจนเหนือกว่าตอนที่เจ้าสวรรค์ครอบครองมากแล้ว
“หากข้าครอบครองพลังนี้ จะต้องช่วยเผ่าความลับสวรรค์ให้ออกจากที่นี่ได้แน่!”
จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหลับตาลง
ฉับพลันนั้นโครม ตูม!
โลกในครรลองสายตาของจ้าวเฟิงสั่นเคว้งทันใด รอบบริเวณเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันตรายที่ยากจะพรรณนา ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายออกจากกัน
ประสาทสัมผัสเทพกวาดผ่าน สถานการณ์ในดินแดนเทพรกร้างมากกว่าครึ่งก็ปรากฏขึ้นในหัวเขา
แต่ทั้งดินแดนเทพรกร้างกำลังจะหายไป…
มิติรอบๆ บริเวณแตกร้าว ทุกสิ่งพังทลายราบคาบ และทั้งมิติก็เหมือนกำลังจะล่มสลาย
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดตายลงทันที รวมไปถึงจอมเทพ ราชาเทพ หรือกระทั่งนายเหนือหัวก็ยังไม่อาจรอดชีวิตไปได้
“ฉินซิน!” จ้าวเฟิงร้องเรียกทันควัน
เรือรบสีเงินสว่างที่เพิ่งลอยออกไปไม่ไกลถูกมหันตภัยนั้นกลืนกิน
หลิ่วฉินซินเรียกตำหนักฟั่นหลุนกู่อินออกมาในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน สิ่งนี้คืออาวุธบรรพชนสูงสุดของเนตรเทพทำนาย
แต่กระทั่งอาวุธบรรพชนก็แตกสลายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย…
“ไม่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
สีหน้าจ้าวเฟิงลนลาน ค่อยๆ เผยความหวาดกลัว
ไม่นานจากนั้น โลกทั้งหมดก็แหลกลาญลง
ดินแดนเทพรกร้างหายไป
มิตินอกดินแดนหายไป
คนอื่นที่เหลือหายไปสิ้น เหลือเพียงจ้าวเฟิงแค่คนเดียว
“หรือว่านี่คือความผิดพลาดของข้า?”
จ้าวเฟิงนิ่งอึ้งอยู่กับที่
ชั่วขณะนี้ เขานึกถึงตำนานเรื่องหนึ่ง หรือว่าเพราะเนตรบรรพชนมายาของตนตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์ จึงส่งผลให้ทั้งโลกล่มสลายลงไป!
ทั้งโลกกลายเป็นความว่างเปล่าวุ่นวาย พายุทำลายล้างขยายใหญ่ออกไปเรื่อยๆ กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวอัดแน่นอยู่ทุกมุม
ขณะจ้าวเฟิงกำลังเศร้าสลดเสียใจอยู่นั้น
“หืม? ไม่นึกเลยว่าจะยังมีคนอยู่อีก?”
น้ำเสียงพร่าเลือนและแก่ชราดังขึ้นแผ่วเบา แต่กลับชัดเจนและทะลวงไปถึงจิตวิญญาณ