Skip to content

King of Gods 1575

King Of Gods

บทที่ 1575 สอบได้คะแนนเต็ม

ในตอนนี้ พลังดั้งเดิมมายาในดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย จึงสั่นไหวเล็กน้อย แต่วูบเดียวก็หายไป

“พี่เฟิง เป็นอะไรไป?” พี่น้องในตระกูลหลายคนที่โตแล้วด้านข้างใจสั่น เอ่ยถามทันที

พวกเขายังคิดว่าแรงนวดของพวกตนไม่มากพอ ทำให้จ้าวเฟิงไม่สบายตัวและยืนขึ้นทันที ทำเอาพวกเขาตัวสั่นเทิ้ม

“ไม่มีอะไร!” จ้าวเฟิงยิ้มเรียบๆ แล้วเอนตัวลงนอนอีกครั้ง

จ้าวเฟิงไม่รีบร้อน เขาเชื่อมั่นว่าอีกไม่นานจะได้พบหน้ากันแน่นอน

“พี่เฟิง พรุ่งนี้จะเป็นวันสอบใหญ่ที่จัดขึ้นปีละครั้ง ท่านต้องระวังให้ดีๆ อาจารย์หลินกำลังรอโอกาสนี้อยู่…”

จ้าวไห่เอ่ยประจบยิ้มๆ

จ้าวเฟิงสองสามวันขาดเรียนที ถือขั้นที่ว่ายังไม่เคยเข้าลานฝึกยุทธ์ แต่อาจารย์หลินก็ยังทำอะไรไม่ได้ ใครให้จ้าวเฟิงเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองกันเล่า

แต่การสอบที่จะขึ้นปีละหนนี้ ทางตระกูลให้ความสำคัญพอควร หากว่าจ้าวเฟิงจะไม่เข้าร่วมกระทั่งการทดสอบหรือว่าทำคะแนนย่ำแย่ อาจารย์หลินอาจใช้เรื่องนี้มาเป็นเหตุผลรายงานกับเบื้องบนได้

ความจริงแล้ว จ้าวไห่เองก็ไม่ได้ชื่นชมอะไรจ้าวเฟิง ถึงขนาดยังรอดูความอับอายของจ้าวเฟิงด้วยซ้ำ

อย่างไรเสียเขาก็แค่เพราะหวาดกลัวถึงได้ยอมศิโรราบแก่จ้าวเฟิง ทว่าเขาอัดอั้นมาโดยตลอด เพราะเหตุใดกัน ทั้งๆ ที่ระดับพลังของตนสูงกว่าจ้าวเฟิง แต่กลับไม่มีแรงต่อสู้แล้วถูกจ้าวเฟิงจับมัดได้

“ทดสอบ?” จ้าวเฟิงนึกขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องแบบนี้จริงๆ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก

เขาที่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับผู้สร้างกลับมาเกิดใหม่ หรือยังต้องกลัวการสอบง่ายๆ แบบนี้ด้วย?

จากนั้นจ้าวเฟิงจึงพักผ่อนต่อไป

วันต่อมา จ้าวเฟิงมาที่ห้องเรียน

“เอ๋? คนผู้นั้นเป็นใครกัน ถึงได้สง่างามนัก!”

ดรุณีน้อยในชุดกระโปรงลายดอกจ้องจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงมาที่นี่น้อยครั้งจริงๆ บรรดาศิษย์ที่อายุเท่ากันและเด็กจำนวนมากต่างไม่รู้จักเขา

“เขาคือบุตรชายของท่านเจ้าเมือง แต่อย่าถูกรูปลักษณ์ภายนอกของเขาหลอกลวงเข้าล่ะ ดูแส้เงินที่เอวเขาสิ ได้ยินมาว่าคนผู้นี้มีงานอดิเรกที่พิเศษอย่างยิ่ง ชอบจับคนแก้ผ้ามัดเอาไว้…”

“จริงด้วย ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน…”

ดรุณีน้อยหลายคนล้อมวงเข้ามา ถกเถียงกันเสียงเบา

จ้าวเฟิงเพิ่งเดินเข้ามาก็ได้ยินเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับเขาไม่น้อย เขาไม่ได้แยแสแม้แต่น้อย แต่ทว่าตอนที่เขาเดินเข้าไปก็จงใจให้แส้ตรงเอวส่องประกาย

เหล่าสตรีที่กำลังรวมตัวซุบซิบตกใจจนแตกฮือไปทันใด

ไม่นานนักก็มีบุรุษร่างสูงใหญ่กำยำผู้หนึ่งเดินเข้ามา คนผู้นี้ก็คืออาจารย์หลิน

ตอนที่เพิ่งเดินเข้ามา อาจารย์หลินเห็นจ้าวเฟิงเข้าก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นถึงนึกได้ว่านี่คือบุตรชายคนรองของท่านเจ้าเมือง

เขาหัวเราะเสียงเย็น ดูไปแล้วจ้าวเฟิงคงไม่กล้าเข้าร่วมการทดสอบแน่ แต่ถึงจะมาแล้วอย่างไร เขาเชื่อมั่นว่าจ้าวเฟิงทำอะไรไม่ได้แน่นอน ทดสอบไปก็ได้คะแนนต่ำสุดอยู่ดี

จากนั้นไม่นาน คนทั้งหมดก็มาถึงอย่างพร้อมเพรียง

หลังจากที่อาจารย์หลินแจกกระดาษข้อสอบแล้ว เขาเอ่ยอย่างตึงเครียดจริงจัง “การสอบเริ่มต้นได้ ถ้าหากข้าเห็นว่าใครทุจริต จะหักคะแนนจากพวกเจ้ายี่สิบคะแนน!”

การสอบที่จัดขึ้นปีละหนแบ่งเป็นการสอบทฤษฎีและปฏิบัติ

การสอบบุ๋นนี้สอบความเข้าใจในประวัติศาสตร์ของเมืองหนานอวิ้นไปจนกระทั่งแคว้นชิงหลัวเป็นหลัก รองลงมาจะทดสอบความรู้ในด้านการฝึกตน

หลังจากเอ่ยจบ อาจารย์หลินก็เดินไปมาภายในห้อง

อาจารย์หลินเป็นถึงผู้แข็งแกร่งใน ‘ขอบเขตก่อเกิดดารา’ ช่วงสุดยอด หากเจ้าเด็กพวกนี้ริอ่านจะลอกข้อสอบย่อมไม่มีทางเล็ดลอดสายตาเขาไปได้

ระบบการฝึกของโลกไร้ลักษณ์คล้ายคลึงกับมิติจักรวาลพอสมควร แบ่งออกเป็น ขอบเขตหลอมกาย ขอบเขตก่อเกิดวิญญาณ ขอบเขตสามปราณ ขอบเขตก่อเกิดดารา ขอบเขตแปรจิต ขอบเขตอมตะ กำเนิดฟ้าเก้าขั้น เสริมรากฐานสามขั้น และขอบเขตโลกา…

ในมิติจักรวาลเทียบเท่าได้กับขอบเขตก่อกำเนิดปราณ ขอบเขตรวบรวมปราณ ขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริง ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ขอบเขตปราณเทวะ

ขอบเขตเทวาเร้นลับ ขอบเขตเซียนสวรรค์เก้าขั้น จอมเทพสามขั้น และนายเหนือหัว

อาจารย์หลินผู้อยู่ขอบเขตก่อเกิดดาราช่วงสุดยอด หากอยู่ในมิติจักรวาลก็จะเท่ากับยอดผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด

ส่วนระดับมิติที่เมืองหนานอวิ้นตั้งอยู่ก็คล้ายคลึงกับดินแดนเทพรกร้างของมิติจักรวาลมาก ลูกหลานส่วนมากรอบตัวจ้าวเฟิงล้วนแต่อยู่ใน ‘ขอบเขตสามปราณ’ ซึ่งเทียบเท่ากับขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงของมิติจักรวาล

ขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงแบ่งออกเป็นขั้นมนุษย์แท้ ขั้นผู้วิเศษแท้ ขั้นนายเหนือแท้ ส่วนขอบเขตสามปราณแบ่งเป็นขั้นปราณคราม ขั้นปราณฟ้า และขั้นปราณม่วง

จ้าวเฟิงในตอนนี้เพิ่งจะถึงขั้นปราณครามเริ่มต้น ถือเป็นพลังที่ต่ำที่สุดของที่นี่ แต่ก็เพราะอายุของเขาน้อยที่สุดด้วย

เมื่อได้รับม้วนกระดาษมา จ้าวเฟิงกวาดสายตาอ่าน

ง่ายเกินไปแล้ว!

ในฐานะที่เป็นบุตรชายของเจ้าเมือง จ้าวเฟิงสามารถเข้าออกหอเก็บสมบัติในเมืองได้ตามอำเภอใจ ด้วยความสามารถของเขา เขาจึงท่องจำเนื้อหาทั้งหมดในหอหนังสือได้นานแล้ว

พรึ่บ พรึ่บ… จ้าวเฟิงหยิบปากกาขึ้นมา หรี่ตามอง ก่อนจะเขียนอะไรส่งๆ ไป

ไม่ถึงชั่วเวลาครึ่งถ้วยชา เขาก็วางปากกาลง แล้วหลับตาสงบใจเพื่อพักผ่อน

ไกลออกไป อาจารย์หลินแค่นเสียงเย็น ในสายตาของเขา จ้าวเฟิงวางปากกาลงรวดเร็วเช่นนี้ ต้องเป็นเพราะคำถามยากเกินไปจนทำไม่ได้ ดังนั้นจึงถอดใจไป แต่ทว่า เมื่ออาจารย์หลินเพ่งสายตา มองม้วนกระดาษข้อสอบด้านหน้าจ้าวเฟิงอย่างละเอียด สีหน้าก็เปลี่ยนไปมา

คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะตอบคำถามทั้งหมด อีกทั้งเขามองผ่านๆ ก็พบว่าคำตอบพวกนั้นถูกต้องไร้ที่ติ ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ

ต้องรู้ว่า เด็กคนอื่นรอบๆ เขียนไปยังไม่ถึงสิบข้อ แต่ละคนขมวดคิ้วพลางเกาศีรษะ

แต่จ้าวเฟิงทำข้อสอบทั้งหมดเสร็จแล้ว!

และสิ่งที่ทำให้อาจารย์หลินยิ่งตกใจมากขึ้นกว่าเดิมก็คือ เขาถูกลายมือของจ้าวเฟิงดึงดูดความสนใจเอาไว้ เหมือนในลายมือนั้นแฝงด้วยเสวียนอ้าวที่ลึกล้ำนับไม่ถ้วน แต่เขากลับดูไม่เข้าใจ!

‘เป็นไปไม่ได้? เขาจะต้องโกงข้อสอบแน่!’

อาจารย์หลินตะโกนในใจ

แต่ว่าเด็กน้อยที่อยู่ในขั้นปราณครามคนหนึ่งแอบทุจริตข้อสอบใต้จมูกเขา ทำไมเขาถึงไม่สังเกตเห็น?

เมื่อไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน อาจารย์หลินก็ไม่กล้ากล่าวโทษบุตรชายท่านเจ้าเมือง

แต่หากไม่ได้ลอกจริงๆ ทำไมจ้าวเฟิงถึงสามารถตอบคำถามทั้งหมดได้ในเวลาสั้นๆ อีกทั้งสัดส่วนในการตอบถูกก็เหมือนจะแทบทั้งหมดด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว อาจารย์หลินก็หงุดหงิดจนช่วงเวลาสอบผ่านพ้นไป

หลังจากเก็บกระดาษข้อสอบแล้ว คนทั้งหมดก็ไปยังลานฝึกยุทธ์ที่พิเศษแห่งหนึ่ง

เมื่อสอบวิชาการเสร็จแล้วก็ต้องสอบภาคปฏิบัติต่อ

อุโมงค์โลหะสีดำสิบแห่งอยู่ในลานฝึกยุทธ์ขนาดใหญ่แห่งนั้น

“ลำดับต่อไป ข้าเรียกชื่อใครก็ให้ก้าวออกมา แล้วเดินเข้าไปใน ‘อุโมงค์หุ่นเชิด’ นับคะแนนตามเวลาที่ออกมา!”

อาจารย์หลินประกาศเสียงดัง

ผู้ฝึกยุทธ์ให้ความสำคัญกับความสามารถ เมื่อเปรียบกับการสอบทฤษฎีแล้ว การสอบปฏิบัติสำคัญมากกว่า

“ข้าประเมินเจ้าเด็กนี่ต่ำเกินไป ปกติแล้วเขาคงอ่านหนังสือไม่น้อย นับว่าเขาก็มีความรู้อยู่ แต่การสอบภาคปฏิบัตินี้…”

อาจารย์หลินยิ้มชั่วร้าย

อุโมงค์หุ่นเชิดเป็นค่ายกลกลไกบวกกับวิชาหุ่นเชิด หากไม่มีความสามารถในระดับหนึ่งก็ยากจะผ่านไปได้

อุโมงค์พวกนั้นไม่สนใจใคร ต่อให้จ้าวเฟิงเป็นบุตรชายคนรองของเจ้าเมืองก็ได้รับการปฏิบัติเหมือนกับคนอื่นๆ

“จ้าวอู จ้าวหงเลี่ยง จ้าวเฉียนหลิง…จ้าวเฟิง!”

อาจารย์หลินประกาศชื่อออกมาสิบชื่อ ซึ่งมีจ้าวเฟิงอยู่ในนั้นด้วย

คนทั้งสิบคนก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว เด็กหลายคนในนั้นยังกังวลเล็กน้อย เมื่อย้อนมองจ้าวเฟิง เขากลับมีใบหน้าราบเรียบ

ในเวลาเดียวกัน รุ่นน้องส่วนหนึ่งของพวกจ้าวเฟิงแววตาเป็นประกายแวววับ พวกเขาเองก็อยากดูว่าจ้าวเฟิงจะมีความสามารถขนาดไหนกันแน่

ส่วนคนที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับจ้าวเฟิง แต่มักจะได้ยินชื่อเสียงไม่ดีของเขา ก็ยินดีจะเห็นความทุกข์ทรมานของอีกฝ่าย

คนทั้งสิบเดินทางเข้าไปในอุโมงค์หุ่นเชิดอย่างรวดเร็ว

แสงสว่างสีขาวสายหนึ่งกวาดผ่านร่างจ้าวเฟิงไป จากนั้นจึงมีเสียงกลไกดังขึ้น “ขั้นปราณครามเริ่มต้น!”

การผ่านด่านจะยากง่ายตามระดับพลังฝึกตน

จากนั้นในอุโมงค์ก็ส่งเสียงดังโครมครามออกมา ด้านในปรากฏเงาคนจำนวนมาก แล้วทุกอย่างก็กลับไปสงบเงียบเหมือนเดิม

“อุโมงค์ กลไกหรือ?”

มุมปากจ้าวเฟิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ

ที่โลกใบนี้เขาไม่ได้ฝึกฝนอะไรมากนัก แต่เรื่องการสร้างอาวุธและอุโมงค์กลไกเหล่านี้กลับศึกษาไปไม่น้อย

จ้าวเฟิงเดินเข้ามาโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมาก

ทันใดนั้นเอง หุ่นเชิดกลไกแต่ละตัวในอุโมงค์สีดำเต้นระบำขึ้นมา

ในลานฝึกยุทธ์

“อาศัยสถานะลูกชายท่านเจ้าเมือง ทำอะไรตามอำเภอใจ ไม่รู้ว่าจะมีความสามารถขนาดไหนกันเชียว?”

“เขาไม่น่าผ่านไปได้ ข้าพนันว่าเขาคงจะออกมาตรงทางเข้าแน่!”

หลังจากจ้าวเฟิงเข้าไปด้านในแล้ว ศิษย์รุ่นเยาว์จำนวนมากต่างถกเถียงกันขึ้นมา

ในบรรดาคนพวกนี้ ส่วนมากไม่คุ้นเคยกับจ้าวเฟิง แต่มักจะได้ยินชื่อเสียของเขา ด้วยเพราะอายุยังน้อยกันจึงทำให้ย่อมไม่อยากคบค้ากับคนไม่ดี แต่ส่วนมากแล้วริษยาที่จ้าวเฟิงไม่ต้องฝึกฝน ไม่ต้องเข้าเรียน ทำอะไรได้ตามอำเภอใจ

‘ข้าว่ามีความเป็นไปได้ถึงแปดส่วนเลยที่เจ้าเด็กนั่นจะออกมาไม่ได้…’

อาจารย์หลินยิ้มกระหยิ่มในใจ เขาสาวเท้าขึ้นด้านหน้าหลายก้าว และกวาดประสาทสัมผัสจิตวิญญาณออกไป

จ้าวเฟิงออกมาไม่ได้ เขายังต้องช่วยอีกฝ่ายออกมา พอถึงตอนนั้นต้องตำหนิจ้าวเฟิงหนักๆ สักหน่อย ต่อให้สอบทฤษฎีได้เต็ม แต่สอบปฏิบัติได้ศูนย์ก็ยังคงได้คะแนนต่ำที่สุดอยู่ดี

ทว่าเมื่อเขากวาดประสาทสัมผัสจิตวิญญาณไป อาจารย์หลินก็ค้นพบว่าในอุโมงค์หุ่นเชิดไม่มีคนอีกแล้ว!

ทำไมในอุโมงค์ถึงได้ไม่มีคน? อาจารย์หลินตกตะลึงในใจ

และในตอนนี้เอง

“นี่ อาจารย์หลิน ข้าได้คะแนนเท่าไหร่?”

เสียงหัวเราะร่าเริงดังมา

เมื่อปรายสายตามองก็พบว่าจ้าวเฟิงกำลังเดินมา

ที่ไหนได้ ตอนที่อาจารย์หลินกำลังตรวจสอบอุโมงค์ จ้าวเฟิงผ่านด่านได้แล้ว!

“ไม่ เจ้าผ่านแล้วหรือ?”

อาจารย์หลินสีหน้าตื่นตะลึง

ศิษย์จำนวนมากที่อยู่ด้านหลังต่างคนยืนตัวแข็งค้างเป็นท่อนไม้ อ้าปากกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

“ข้าก็ออกมาได้แล้วไม่ใช่หรือ?”

จ้าวเฟิงเอ่ยยิ้มๆ ด้วยใบหน้าสงสัย

“เจ้าออกมาได้อย่างไร?”

ใบหน้าอาจารย์หลินเปลี่ยนสีเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมาทันที

นี่เพิ่งผ่านไปนานเท่านี้เอง ผู้ทดสอบในระดับเดียวกันอย่างน้อยๆ จำเป็นต้องใช้เวลาครึ่งก้านธูปถึงจะผ่านอุโมงค์หุ่นเชิดได้

“ข้าก็แค่ค่อยๆ เดินออกมาเท่านั้นเอง…”

จ้าวเฟิงทำท่าทีเป็นคนไร้เดียงสา ไม่รู้เรื่องราวอะไร

อันที่จริง หลังจากเข้าไปในอุโมงค์หุ่นเชิดแล้ว จ้าวเฟิงก็สามารถหาจุดสำคัญที่ทำให้กลไกอุโมงค์ทั้งอุโมงค์หยุดทำงาน จนต้องเรียกให้ทำงานใหม่

อาจารย์หลินพูดอะไรไม่ออกทันที

เขาไม่รู้ว่าจะสื่อสารกับเจ้าเด็กวัยเจ็ดขวบนี้อย่างไรแล้ว จะให้จ้าวเฟิงทดสอบอีกครั้ง ก็เท่ากับเขาสงสัยว่าจ้าวเฟิงทุจริต แต่เขาก็ไม่มีหลักฐานในการทุจริต เขาย่อมไม่กล้ากล่าวโทษบุตรชายของเจ้าเมืองอยู่แล้ว

“สอบเสร็จแล้ว เหนื่อยล้าเหลือเกิน ไปพักผ่อนกันเถอะ!”

จ้าวเฟิงบิดขี้เกียจ ก่อนจะหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

อาจารย์หลินสีหน้าเหนื่อยหน่าย ในสายตาเขา การสอบสองครั้งนี้ จ้าวเฟิงเพียงแค่เขียนส่งๆ เดินไปเดินมา จะเหนื่อยล้าได้อย่างไร?

หลังจากกลุ่มคนรออยู่ที่นี่เป็นเวลาครึ่งก้านธูป จ้าวเฉียนหลิงผู้มีพรสวรรค์สูงสุดซึ่งเป็นหนึ่งในสิบคนที่เข้าไปด้านใน ก็รีบพุ่งออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ

หลังจากทดสอบเสร็จแล้ว คะแนนก็ออกมาในวันถัดไป

จ้าวเฟิงผู้เป็นบุตรชายของเจ้าเมืองสอบผ่านด้วยคะแนนเต็มเป็นลำดับที่หนึ่ง สร้างความตื่นตกใจให้กับสกุลจ้าว กับเมืองหนานอวิ้น

ในพี่น้องรุ่นเยาว์ของคนสกุลจ้าว บรรดาผู้คงแก่เรียนมากความสามารถจำนวนมากต่างแตกตื่นอย่างยิ่งพราะเรื่องนี้

“พี่เฟิง น้องยอมเป็นวัวเป็นม้า ต้องขอให้ท่านมอบเคล็ดวิชาของท่านให้ข้าด้วย!”

จ้าวไห่ค้อมตัวลงนวดขาให้จ้าวเฟิงด้วยใบหน้าตื่นเต้น

“พี่เฟิง ภายหน้าไม่ว่าท่านจะมีเรื่องอะไร ขอให้ท่านสั่งมาเต็มที่ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ข้าก็จะทำให้ท่านให้จงได้…”

ทันใดนั้นเอง บรรดาพี่น้องที่ยอมศิโรราบแก่จ้าวเฟิงเพราะหวาดกลัวอีกฝ่ายก็เปลี่ยนท่าที ยินยอมเชื่อฟังเขาทันที

ทั้งวันไม่ทำอะไร ไม่เคยฝึกฝน เอาแต่สนุกสนานไปวันๆ ตอนทดสอบกลับได้คะแนนเต็ม เด็กคนไหนก็หวังจะเป็นแบบนั้นกันทั้งนั้น…

ถึงขนาดที่ว่ายังมีพี่น้องกลุ่มหนึ่งมาขอติดตาม กลายเป็นลูกน้องของจ้าวเฟิงด้วยตนเอง แต่ถูกเด็กกลุ่มเก่าขับไล่จนเปิดเปิงไปแล้ว

เวลาเคลื่อนคล้อยไป หกปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว จ้าวเฟิงอายุสิบสี่ปีแล้ว

วันนี้พลังดั้งเดิมมายาในดวงวิญญาณจ้าวเฟิงสั่นสะท้านอีกครั้ง ซ้ำยังรุนแรงอย่างมาก

“อยู่แถวนี้เอง!”

จ้าวเฟิงใจสั่น ผุดลุกขึ้นทันที รีบออกจากจวนเจ้าเมืองไป

“พี่เฟิง ท่านอยู่ไหน?”

“พี่เฟิง นี่ท่านคิดจะไปเล่นที่ไหน?”

จากนั้นบุรุษกลุ่มหนึ่งก็รีบติดตามมาอย่างรีบร้อน

พวกลูกน้องกลุ่มเดิมมีบางส่วนเกือบอายุยี่สิบปีแล้ว แต่ก็ยังคงยินยอมติดตามจ้าวเฟิงอย่างใกล้ชิด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version