บทที่ 1577 หลอมยาด้วยตนเอง
การเปลี่ยนแปลงของผู้อาวุโสชุดดำทำให้คนมุงดูรอบบริเวณนั้นตื่นตะลึง มีไม่น้อยที่เผยยิ้มดูแคลน ผู้อาวุโสคนนี้ยอมแพ้แล้วจนได้
ก่อนนี้ใจผู้อาวุโสคนนั้นเต็มไปด้วยความแค้น ท่าทางบุ่มบ่าม ไม่ยอมถอยให้ แต่ไม่นานนักก็เปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง กลับมีรอยยิ้มให้จ้าวเฟิงผู้โอหัง
ผู้มีพลังฝึกตนค่อนข้างต่ำจะมองไม่เห็นเส้นสนกลใน แต่ที่นี่คือเมืองหนานอวิ้น เป็นเมืองใหญ่ที่รุ่งเรืองที่สุดในแถบนี้ ยอดฝีมือไม่น้อยในนั้นสังเกตเห็นว่า ก่อนที่ท่าทีของผู้อาวุโสชุดดำจะเปลี่ยนไป เหมือนจ้าวเฟิงคุยกับบางอย่างกับเขา
จากนั้นพวกจ้าวเฟิงก็มาถึงหอภัตตาคาร นั่งลงบนโต๊ะกินข้าวตัวเมื่อครู่ของผู้อาวุโส
ภายในร้าน เสี่ยวเอ้อร์รีบร้อนประคองจอกสุราและชามตะเกียบมาให้
“ผู้อาวุโสขอคารวะคุณชายหนึ่งจอก!”
ผู้อาวุโสชุดดำยกจอกสุรา ดื่มลงรวดเดียว
สถานการณ์เหมือนจะคลี่คลายลงเช่นนนี้ คนที่ล้อมดูค่อยๆ สลายตัวไป ในใจปลงอนิจจัง มีบิดาใหญ่คับฟ้านี่ก็ดีเหมือนกัน
ขนาดผู้แข็งแกร่งที่มีพลังฝึกตนสูงกว่าจ้าวเฟิงหลายระดับยังเลือกอ่อนข้อยอมแพ้ ต้อนรับขับสู้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หลังจากดื่มสุราแล้ว สายตาผู้อาวุโสชุดดำเย็นชาลงและจับจ้องจ้าวเฟิง
“ผู้เยาว์ เจ้ารู้ตัวตนของข้าได้อย่างไร?”
ผู้อาวุโสชุดดำถามเสียงต่ำและแผ่วเบาอย่างยิ่ง
เขา ‘ฮั่วชิงเฟิง’ เป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งในรอบพันปีของพรรคกระบี่แห่งเมืองชิง แต่หลายเดือนมานี้พรรคกระบี่เมืองชิงเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีจากขั้วอำนาจศัตรู จากการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายของผู้อาวุโสในพรรคกระบี่ จึงปกป้องให้เขาหนีรอดปลอดภัยมาได้
ตลอดทางที่ผ่านมาฮั่วชิงเฟิงต้องเผชิญกับการไล่ล่าสังหารจากขั้วอำนาจฝั่งศัตรูจำนวนมาก พาร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสหนีออกจากที่นั่น
รูปลักษณ์ผู้อาวุโสเป็นเพียงการแปลงโฉมของเขาเท่านั้น
เขาคิดว่าจ้าวเฟิงจะต้องรู้สถานะของตนเอง ถึงเดาอาการบาดเจ็บรวมไปยาที่เขาต้องใช้ได้
“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ สำหรับข้าแล้วจะยากอะไร?”
จ้าวเฟิงยิ้มอย่างมั่นใจในตนเอง ก่อนจะจรดสุราเข้าปาก
เขาไม่ได้รู้สถานะอะไรของผู้อาวุโสคนนี้ พูดความจริงไปก็คิดว่าฮั่วชิงเฟิงคงจะไม่เชื่อ ดังนั้นจ้าวเฟิงถึงได้พูดเช่นนั้น
แน่นอนว่าเขาอยากจะรู้สถานะของอีกฝ่ายจริง และก็ง่ายดายอย่างยิ่ง ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
ฮั่วชิงเฟิงมองจ้าวเฟิงด้วยสายตาเย็นชา แฝงไปด้วยความดูแคลน คิดไปว่าจ้าวเฟิงหยิ่งยโสเกิน นึกว่าตนเองมากความสามารถ
เมี้ยว เมี้ยว~
เจ้าแมวขโมยน้อยร้องออกมาทันที มันโบกกรงเล็กเหมือนกำลังเยินยอจ้าวเฟิงอยู่
ตอนนี้ติดตามจ้าวเฟิง มันถึงจะมีทางรอด
เจ้าแมวขโมยน้อยร่อนเร่อยู่ในเมืองหนานอวิ้นมาระยะหนึ่งแล้ว มันก็พอรู้สถานะของจ้าวเฟิงอยู่บ้าง ในเมื่อจ้าวเฟิงต้องการมันเป็นสัตว์เลี้ยง เจ้าแมวขโมยน้อยจึงเลือกติดตามจ้าวเฟิง พอถึงเวลานั้น ไม่แน่ว่าอาจสามารถขโมยทรัพย์สมบัติในจวนเจ้าเมืองมาก็ได้
“คุณชาย ข้ายกแมวให้ท่านแล้ว เรื่องของข้าคงต้องขอให้คุณชายช่วยเหลือสักครา!”
ฮั่วชิงเฟิงไม่พูดกับจ้าวเฟิงมากนัก เขาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
“เจ้าอยากให้ข้าช่วยเจ้าเอาของที่เจ้าแมวขโมยไปมา แล้วยังให้ช่วยหาคนหลอม ‘โอสถชะล้างวิญญาณแรก’ ด้วย?”
จ้าวเฟิงไม่อ้อมค้อม หากเขาเดาไม่ผิด ของที่เจ้าแมวขโมยเอาไปน่าจะเป็นวัตถุดิบที่ใช้หลอมโอสถชะล้างวิญญาณแรก ไม่เช่นนั้นผู้เฒ่าคงไม่ร้อนรนเช่นนี้
“โอสถชะล้างวิญญาณแรก?”
พวกจ้าวอวิ๋นจ้าวไห่ใจเต้นวูบหนึ่ง นี่ไม่ใช่ยาชั้นสูงระดับหกในตำนานหรือ?
ยาในระดับเช่นนี้ ในจวนเจ้าเมืองก็ไม่มีเท่าไหร่นัก
ยามนี้พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ว่า ฮั่วชิงเฟิงตรงหน้าอาจร้ายกาจกว่าที่คิดเอาไว้
ในโลกไร้ลักษณ์ โอสถเม็ดถูกแบ่งเป็นระดับขั้น ทุกระดับสอดคล้องกับหนึ่งขอบเขตพลังใหญ่ และระดับหกก็เหมาะสำหรับขอบเขตอมตะ
ในทางกลับกัน พวกเขายิ่งนับถือจ้าวเฟิงมากขึ้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถทำให้ฮั่วชิงเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงนบนอบ ใบหน้าประดับยิ้ม
“แต่โอสถชะล้างวิญญาณแรกเป็นโอสถถึงชั้นสูงระดับหก อาจารย์ปรุงยาภายในเมืองหนานอวิ้นที่หลอมยาได้มีไม่มากนัก อีกทั้งประเภทและสัดส่วนที่จะสำเร็จก็ไม่สูงมาก…”
จ้าวเฟิงส่ายศีรษะน้อยๆ
แววตาฮั่วชิงเฟิงหม่นแสงลงไปหลายส่วน จุดนี้เขาย่อมรู้ดี แต่เขาก็จำเป็นต้องพนันดูสักตั้ง มิฉะนั้นร่างกายและดวงวิญญาณของเขาจะมีบาดแผลรักษายากหลงเหลืออยู่ เส้นทางการฝึกตนเกรงว่าจะหยุดลงตรงนี้แล้ว
เมื่อระลึกถึงตรงนี้ ในใจฮั่วชิงเฟิงก็เต็มไปด้วยจิตสังหารโกรธเกรี้ยว เขาอยากล้างแค้น ไม่อยากอยู่แบบคนโง่งม ต้องหนีจากการโดนล่าสังหารไม่หยุดหย่อน
“แต่ว่าข้ามีวิธีทำให้เจ้าได้โอสถชะล้างวิญญาณแรกระดับสูงมาครอบครอง!”
ฮั่วชิงเฟิงผู้นั้นเงยหน้าขึ้นทันที ความท้อแท้ โทสะ และจิตสังหารในดวงตาหายวับไป
โอสถชะล้างวิญญาณแรกระดับทั่วไปไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเขาให้หายขาดได้ แต่ยาในระดับสูงอาจพอทำได้
“คุณชายต้องการอะไร เชิญว่ามาได้เลย!”
สีหน้าฮั่วชิงเฟิงกลับสู่สภาวะปกติ เขาจ้องจ้าวเฟิงอย่างลึกซึ้ง และค้นพบว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมดาเลย
“ให้โอกาสเจ้าเป็นข้ารับใช้ข้าแล้วกัน!”
จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ทันทีที่เอ่ยเช่นนี้ พวกจ้าวอวิ๋นจ้าวไห่ก็เบิกตากว้าง ใจเต้นจนเกือบทะลุออกมา
คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะยื่นเงื่อนไขแบบนี้ต่อผู้แข็งแกร่งมากความสามารถ
ต่อให้จ้าวเฟิงเป็นบุตรชายของเจ้าเมือง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีข้ารับใช้เป็นคนในขอบเขตแปรจิต ขอบเขตอมตะยิ่งไม่ต้องพูดถึง
“เจ้ากำลังล้อข้าเล่นรึ?”
ฮั่วชิงเฟิงโมโหทันที ในน้ำเสียงแฝงจิตสังหารที่หนาวเหน็บเย็นชา
เป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น กลับจะให้เขาผู้เป็นขอบเขตอมตะไปเป็นข้ารับใช้ ช่างเป็นเรื่องน่าขันเสียจริงๆ
ในตอนนี้เอง เขาจ้องจ้าวเฟิงด้วยแววตาเย็นชา ทันทีที่เจ้าเด็กนี่ไม่มีประโยชน์อะไรอีก เขาอาจจะถึงขั้นสังหารอีกฝ่ายเพื่อยึดวัตถุดิบยาและหนีออกไปจากที่นี่
พวกจ้าวอวิ๋นจ้าวไห่สัมผัสได้ถึงจิตสังหารของฮั่วชิงเฟิงก็ขนลุกขนพอง ร่างกายสั่นระริกหวาดกลัว
ส่วนเจ้าแมวขโมยน้อยก็ตื่นกลัวจนต้องไปหลบหลังจ้าวเฟิง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดมันจึงรู้สึกปลอดภัยเช่นนี้
“ข้าจะคุยกับผู้อาวุโสเพียงลำพัง พวกเจ้ารอข้าที่นี่แล้วกัน!”
จ้าวเฟิงทอดสายตามองพี่น้องสกุลจ้าวที่อยู่ด้านข้าง
“พี่เฟิง ท่าน…”
น้ำเสียงจ้าวอวิ๋นสั่นเครือ ยังเอ่ยไม่ทันจบก็ถูกฮั่วชิงเฟิงทำให้ตกใจจนไม่กล้าพูดอะไร
“เจ้าไปกับข้า ส่วนเรื่องยา ข้าจะช่วยเจ้าสักครั้ง หลังจากนั้นเจ้าค่อยพิจารณาแล้วค่อยบอกข้าแล้วกัน!”
จ้าวเฟิงมองฮั่วชิงเฟิงด้วยใบหน้านิ่งเฉย
“ดี!”
ฮั่วชิงเฟิงสีหน้าหวาดระแวง แต่เขาก็ไม่ได้หวาดกลัวว่าจ้าวเฟิงจะเล่นลูกไม้อะไร
ขอแค่จ้าวเฟิงอยู่ข้างตัวเขา ต่อให้เจ้าเมืองหนานอวิ้นมาก็ไม่กล้าจะผลีผลามทำอะไร
ก่อนจะจากไป จ้าวเฟิงเก็บเจ้าแมวขโมยน้อยที่แกล้งตาย จากนั้นเดินทางไปนอกเมือง
สีหน้าฮั่วชิงเฟิงเคร่งขรึมลง คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะไปนอกเมืองกับตนเองเพียงลำพัง ไม่กลัวว่าเขาจะสังหารคนและแมว ขโมยเอาวัตุดิบปรุงยาแล้วหนีไปหรือ?
แน่นอนว่าฮั่วชิงเฟิงไม่ทำเรื่องพวกนี้เพียงเพราะคำพูดอวดดีของจ้าวเฟิง อย่างไรเสียจ้าวเฟิงอาจจะช่วยให้เขาได้โอสถชะล้างวิญญาณแรกระดับสูงมาก็ได้
สองคนหนึ่งแมวเดินทางมาถึงที่ริมน้ำนอกเมืองทางทิศเหนืออย่างรวดเร็ว ป่าไม้ที่นี่อุดมสมบูรณ์ คนน้อยนิด ค่อนข้างจะลับตา
“เจ้าบอกว่าจะให้ยากับข้า แล้วมาทำอะไรที่นี่?”
ใบหน้าฮั่วชิงเฟิงฉายแววฉงน
“หลอมยา!”
จ้าวเฟิงตอบทันที เขาหยิบเตาหลอมสีม่วงที่สลักอักขระลายพร้อยอันหนึ่งออกมา
“…เจ้าจะหลอมโอสถชะล้างวิญญาณแรกให้ข้า?”
ฮั่วชิงเฟิงชะงักไปครู่หนึ่งถึงจะได้สติกลับมา ใบหน้าเปลี่ยนสีไปมาก
บุตรชายของเจ้าเมืองช่างอวดเก่งและหยิ่งยโสแบบไม่ธรรมดา โอหังจนไม่รู้เรื่องรู้ราว โอ้อวดได้น่าไม่อายนัก
โอสถชะล้างวิญญาณแรกเป็นถึงยาระดับสูงขั้นหก โอกาสที่อาจารย์ปรุงยาขั้นหกทั่วไปจะหลอมได้สำเร็จยังมีไม่ถึงหนึ่งส่วน ส่วนอาจารย์ปรุงยาที่อยู่ในระดับนี้ ถึงจะมีพรสวรรค์มากก็ยังมีอายุมากกว่าห้าร้อยปีขึ้นไป ส่วนมากแล้วมีอายุเกือบพันปีหมื่นปีด้วยซ้ำ
คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กอายุสิบกว่าขวบตรงหน้านี้จะมาหลอมโอสถขั้นหก
ใบหน้าฮั่วชิงเฟิงชาวาบ หากจ้าวเฟิงจะทำเช่นนี้จริงๆ เขาสังหารเจ้าเด็กตัวยุ่งกับแมวลงเสียยังดีกว่า
เจ้าแมวขโมยน้อยเองก็ตัวสั่นเทิ้ม รู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่รนหาที่ตายจริงๆ ดูไปแล้วมันกำลังหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ
“เจ้าแมวขโมยน้อย!”
ใบหน้าจ้าวเฟิงสงบนิ่ง ชี้ที่บริเวณกลางหว่างคิ้วของเจ้าแมวขโมยน้อย
ไม่รู้เพราะเหตุใด มันจึงคุ้นเคยกับเสียงเรียกนี้อย่างประหลาด อีกทั้งท่าทางการชี้ของจ้าวเฟิงดูแล้วไม่ดีงามนัก แต่มันกลับไม่หลบ ปล่อยให้จ้าวเฟิงชี้มา
คนทั่วไปยากจะรู้สึกได้ถึงกลุ่มสีสันมายาที่เข้าไปในดวงวิญญาณของเจ้าแมว ดำดิ่งเข้าไปในส่วนลึกที่สุดในความทรงจำของมัน
ชั่วขณะต่อมา เจ้าแมวขโมยน้อยยืนนิ่งไม่ไหวติง ตัวสั่นเล็กน้อย เหมือนเป็นบ้าไปแล้ว
ฮั่วชิงเฟิงจ้องเขม็ง ทำไมเจ้าแมวขโมยถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้ในฉับพลันได้?
แต่ยิ่งจ้องนาน ฮั่วชิงเฟิงก็รู้สึกได้ทันทีว่าเจ้าแมวตัวนี้เปลี่ยนไปจากที่ผ่านมามาก แต่เขาก็บอกชัดไม่ได้
ทันใดนั้น ในแววตาเจ้าแมวขโมยน้อยเป็นประกายเจ้าเล่ห์
เมี้ยว เมี้ยว~
เจ้าแมวขโมยน้อยกระโดดขึ้นบนบ่าจ้าวเฟิง กดบ่าอีกฝ่ายด้วยท่าทีสนิทสนม
“รีบเอาวัตุดิบหลอมยาออกมา!”
จ้าวเฟิงระบายยิ้มน้อยๆ
หลังจากเอาวัตุดิบปรุงยาออกมาจากปากแล้ว เจ้าแมวขโมยน้อยก็จ้องฮั่วชิงเฟิง มุมปากแยกยิ้มกว้าง
“หืม?” ฮั่วชิงเฟิงสีหน้าหนักอึ้งเล็กน้อย เขาไม่เห็นความหวาดกลัวในแววตาเจ้าแมวขโมย แต่กลับมีร่องรอยการเยาะเย้ยด้วยซ้ำ ทำให้เขาอ่านมันไม่ออก
เจ้าแมวที่เขาสามารถสังหารได้ตามอำเภอใจก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับมีความรู้สึกราวกับว่ามันปีนขึ้นหัวเขาไปแล้ว
‘เมื่อครู่เจ้าเด็กนี่ทำอะไรลงไป?’
สีหน้าฮั่วชิงเฟิงเปลี่ยนไป เขามองที่จ้าวเฟิง เมื่อครู่จ้าวเฟิงเพียงแค่ชี้ไปตรงหว่างคิ้วของเจ้าแมวขโมยตัวนี้ ผลกลายเป็นว่าเจ้าแมวขโมยเกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาล
ในตอนที่ฮั่วชิงเฟิงทอดสายตามองไป เขาก็พบว่าจ้าวเฟิงเริ่มหลอมโอสถแล้ว
“โอสถชะล้างวิญญาณแรกของข้า!”
เมื่อครู่เขาตัดสินใจแล้ว หากจ้าวเฟิงจะหลอมยาจริงๆ เขาจะสังหารเจ้าเด็กนี่เสีย
แต่เพราะการเปลี่ยนแปลงของเจ้าแมวขโมยน้อย ทำให้เขาละเลยจ้าวเฟิงไป จนจ้าวเฟิงเริ่มการหลอมยา
เด็กอายุสิบกว่าปีนี้ไหนเลยจะเข้าใจการหลอมโอสถ ต่อให้เป็นอาจารย์ปรุงยาของเมืองหนานอวิ้น ยังยากจะรับรองโอกาสสำเร็จ แต่อย่างน้อยๆ ยังพอมีความหวังอยู่บ้าง แต่หากให้เจ้าเด็กนี่หลอมโอสถให้เขาเท่ากับไม่มีความหวังใดๆ
ทว่าฮั่วชิงเฟิงกลับถูกวิธีหลอมยาของจ้าวเฟิงดึงดูดความสนใจเอาไว้
ท่าทางการชั่งยาราบรื่นราวสายน้ำ ถึงขนาดใช้หนึ่งจิตใจทำสองอย่าง เขาบดยาพลาง ต้มยาพลาง ดูไปแล้วมีท่าทางของอาจารย์อยู่เหมือนกัน
ถึงแม้จะไม่เข้าใจการหลอมยา แต่ฮั่วชิงเฟิงก็ถูกจ้าวเฟิงสะกดความสนใจเอาไว้
“หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นปรมาจารย์ในด้านการปรุงยาจริงๆ …”
ฮั่วชิงเฟิงสับสน
เจ้าเด็กตรงหน้าสร้างความแปลกใจให้เขามากเกินไปแล้ว ในเวลาปกติ ปีหนึ่งๆ เขายากจะตื่นตกใจสักครั้ง
และในเวลานี้เอง
กลิ่นหอมลอยกรุ่นออกจากเตาหลอมสีม่วง เมื่อสูดหายใจเข้าลึก ฮั่วชิงเฟิงก็รู้สึกผ่อนคลาย วิญญาณเย็นสบายมากขึ้น
“เขาทำได้จริงๆ…”
สีหน้าฮั่วชิงเฟิงเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขาจ้องจ้าวเฟิงอย่างเปี่ยมไปด้วยความหวัง
เขาคาดเดาในใจว่าเจ้าเด็กคนตรงหน้าจะต้องไม่ธรรมดาแน่ ไม่แน่อาจเป็นผู้แข็งแกร่งใน ‘ขอบเขตกำเนิดฟ้าเก้าขั้น’ กลับมาเกิดใหม่ หรืออาจเป็นผู้มากฝีมือกลับมาเปลี่ยนร่างก็ได้
หลังจากจ้าวเฟิงถือกำเนิดใหม่อีกครั้งแล้ว เขาศึกษาศาสตร์ยาและยังทดลองหลอมยาด้วยตนเอง
แต่โอสถสูงสุดที่เคยหลอมได้ก็แค่ขั้นที่ห้า ยังไม่เคยหลอมยาขั้นที่หกมาก่อน อย่างแรกก็เพราะวัตถุดิบยาระดับสูงเช่นนี้ยุ่งยากเล็กน้อย
ตอนนี้ฮั่วชิงเฟิงพาตนเองมาหาเขาถึงที่ จ้าวเฟิงตื่นเต้นอย่างยิ่ง คิดจะทดลองทันที
ฟิ้ว~
ในเตาหลอมสีม่วง แสงสีฟ้าส่องสว่างเรืองรองมาพร้อมกับกลิ่นหอม ทำให้ใบหญ้าสั่นไหว เติบโตรวดเร็วขึ้น
สีหน้าฮั่วชิงเฟิงยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกได้ว่าโอสถภายในเตาหลอมใกล้จะสำเร็จแล้ว
และตอนนี้เอง
โครม ตูม!
เกิดเสียงระเบิดดังออกจากเตาหลอมสีม่วง ฝาของเตาถูกกระแทกจนลอยกระเด็นไปอีกด้าน ควันดำลอยออกจากภายใน
ยาที่เละและดำไหม้คู่หนึ่งในนั้นปรากฏขึ้นในดวงตาฮั่วชิงเฟิง
ล้มเหลวเสียแล้ว
จ้าวเฟิงส่ายศีรษะน้อยๆ เขาไม่เคยหลอมยาขั้นหกมาก่อน พอมาทำครั้งแรกก็ลองหลอมขั้นหกระดับสูงเลย หากล้มเหลวก็ถือว่าธรรมดา
แต่สีหน้าฮั่วชิงเฟิงที่อยู่ด้านหลังดำคล้ำลงเกินจะเปรียบ ชาวาบทันที
เจ้าเด็กนี่ต้องกำลังแกล้งเขาแน่ๆ!
การกระทำที่ดูคล่องแคล่วเมื่อครู่ต้องเสแสร้งแกล้งทำแน่นอน!
คิดไม่ถึงว่าตนเองจะคิดไปเองว่าเจ้าเด็กนี่มีมาดของผู้มากความรู้ เป็นผู้แข็งแกร่งกลับมาเกิดใหม่ ช่างน่าขันเสียจริง!
กลิ่นอายศาสตร์กระบี่ที่น่ากลัวในร่างฮั่วชิงเฟิงลอยออกมา จากนั้นตรงไปประชิดจ้าวเฟิง
“ช้าก่อน ยังไม่ล้มเหลว!”
จ้าวเฟิงเอ่ยทันที
เขารีบร้อนเก็บฝาเตาหลอมที่อยู่ด้านข้างมาวางไว้บนเตา
ไม่มีใครเห็นพลังประหลาดในดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงที่ทะลักออกมาเป็นระลอก
“ไร้สาระ วันนี้ข้าจะสังหารเจ้าให้ได้!”
ฮั่วชิงเฟิงหลุดปากก่นด่า เจ้าเด็กนี่ทำให้เขาลำบากมากแล้ว
ยาดำไหม้เกรียมไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่ยังคิดหลอกตนเองอีก เขาจะไม่เชื่อจ้าวเฟิงอีกแล้ว
“สำเร็จแล้ว!” จ้าวเฟิงรีบเปิดฝาเตาหลอมออกอีกครั้ง
เห็นเพียงประกายแสงสีฟ้าอ่อนด้านในเปล่งออกมา พัดพาเอากลิ่นอายที่หนาวเหน็บเบาบางออกไปรอบบริเวณ
ฮั่วชิงเฟิงที่กำลังจะลงมือสีหน้าชะงัก เบิกตากว้าง จ้องยาสีฟ้าปลอดสามเม็ด ในใจพลันสับสนปั่นป่วน