Skip to content

King of Gods 280

King Of Gods

บทที่ 280 : หลับลึก (2)

ภายใต้กระแสน้ำเชี่ยวกราก สติของจ้าวเฟิงพร่าเลือน ทั่วทั้งร่างตกอยู่ในสภาพหลับใหล

ภายใต้กระแสน้ำของแม่น้ำนั้น ร่างกายของเด็กหนุ่มได้ปฏิบัติไปตามสัญชาตญาณ เข้าสู่สภาวะจำศีล

ท่ามกลางสายน้ำที่ไหลไป จ้าวเฟิงราวกับท่อนไม้ท่อนหนึ่ง ไม่ว่าจะกระแทกกับสิ่งใดก็ไร้ซึ่งความรู้สึก ไหลไปตามคลื่นที่ซัดไป

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยกระโดดออกมาจากถุงเก็บสัตว์วิเศษและนั่งบนตัวของเขา ดวงตากลมโตสีดำราวกับอัญมณีปรากฏน้ำตาออกมา

สัตว์ที่สามารถเข้าออกไปมาระหว่างถุงใส่สัตว์วิเศษและกำไลได้นั้นมีเพียงแมวขโมยตัวน้อยเท่านั้น มันแหกกฎเหล่านี้ได้ กระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่อาจหาความกระจ่างในเรื่องนี้ได้

แมวขโมยตัวน้อยก้มหัวต่ำลงสำรวจจ้าวเฟิง และยื่นอุ้งเท้าออกไปและตบที่ขมับของผู้เป็นเจ้าของ

ทว่าจ้าวเฟิงกลับไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบแต่อย่างใด

ทว่าสิ่งที่น่าแปลกคือปราณแท้ในร่างของเด็กหนุ่ม โดยเฉพาะพลังสายเลือดนั้นคล้ายกับสัญชาตญาณรับรู้สถานการณ์วิกฤต ทำการป้องกันร่างของผู้เป็นเจ้าของอย่างอัตโนมัติ

บางครั้ง

ในสายน้ำนั้นได้ปรากฏกลิ่นอายของสัตว์ปีศาจที่จับจ้องไปยังจ้าวเฟิง พยายามที่จะเข้าใกล้ตัวเขา

ร่างของจ้าวเฟิงปรากฏประกายสายฟ้าเจือจาง กลิ่นอายของพลังสายเลือดปรากฏแสงสีฟ้าเย็นเยียบ

กลิ่นอายของพลังสายเลือดนั้นทะลวงเข้าไปแช่แข็งกระทั่งจิตใจ เพียงเข้าใกล้ร่างของสัตว์ปีศาจก็ทำให้ร่างของมั่นสั่นสะท้าน

แมวขโมยตัวน้อยคิดบางอย่างออกจึงหยิบ “เหรียญทองแดงแบ่งชะตา” ทั้งสองออกมาแล้วโยนขึ้นไปบนอากาศ ปรากฏเสียง “ติง ติง” กลับมา

จากนั้น ท่าทีของแมวขโมยตัวน้อยก็ดูจะจนใจ มันหาวออกมาก่อนที่จะกระโดดกลับเข้าไปในถุงเก็บสัตว์วิเศษอีกครั้ง

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า

จ้าวเฟิงยังคงหลับใหลไม่ได้สติ อุณหภูมิร่างกายต่ำลง ทว่ายังมีลมหายใจอยู่

แมวขโมยตัวน้อยกระโดดออกมาดูอากาผู้เป็นนายของมันบ้างเป็นครั้งคราว หรือบางคราก็จับปลาเป็นอาหารอันโอชะสักหนึ่งมื้อ ทำให้รู้สึกดีมิใช่น้อย

ชั่วพริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน

จ้าวเฟิงลอยไปตามสายน้ำพร้อมกับความช่วยเหลือของเจ้าแมวขโมยตัวน้อย ในเวลาสั้นจึงสามารถหนีออกจากอาณาเขตเมืองหงหูได้สำเร็จ

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยนำอุ้งเท้าขึ้นกอดอก มองไปยังทิศทางของเมืองหงหูก่อนผงกศีรษะเล็กๆ

มันมั่นใจแล้วว่าจ้าวเฟิงได้รอดพ้นจากอันตรายแล้ว

ตระกูลหลิวแห่งหงหูนั้นเป็นหนึ่งในสามขั้วอำนาจของเมือง หลังจากเจ้าเมืองหงหู “หลิวจิ่วเทียน” ได้บรรลุขั้นนายเหนือแท้แล้ว แน่นอนว่าย่อมมีอำนาจมากขึ้นไปอีก

หลังจากที่จ้าวเฟิงหนีงานแต่งงาน เจ้าเมืองหลิวจิ่วเทียนก็ได้ประกาศออกไปทั่วทั้งเมืองหงหูให้จับตัวเด็กหนุ่ม

ทว่าอาณาจักรนภาแห่งนี้ช่างกว้างใหญ่นัก ทั้งยังมีระบอบอำนาจที่ซับซ้อน ถึงแม้ว่าตอนนี้เจ้าเมืองหงหูจะมีพลังอำนาจเหนือผู้ใด คำสั่งที่ประกาศออกไปก็ยังอยู่ภายในขอบเขตของเมืองหงหูเท่านั้น

นอกเขตเมืองหงหูนั้นมีขั้วอำนาจอื่นและสำนักใหญ่อีกมากมาย ทั้ง “หนึ่งราชวงศ์ สามสำนัก สี่ตระกูล” ยังมีความสัมพันธ์ต่อกันอยู่บ้างแต่แรกเริ่ม

กระทั่งภายในตระกูลหลิวเองก็ยังปรากฏการแย่งชิงอำนาจด้วยกันเอง

ดังนั้น

ในอาณาจักรยามนี้ยังไม่มีผู้ใดสามารถสั่งการทั้งแปดขั้วอำนาจได้สมบูรณ์ กระทั่งราชวงศ์เองก็ยังไม่สามารถทำได้

ดังนั้น ยิ่งจ้าวเฟิงหนีออกจากเมืองหงหูได้ยิ่งไกลเท่าใดก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น

ระหว่างจ้าวเฟิงและแมวขโมยตัวน้อยนั้นได้ทำพันธะสัญญาโลหิตต่อกัน แม้ปกติจะดูเหมือนไม่ลงรอยกัน แต่หากเมื่อถึงยามยากทั้งสองต่างไม่นิ่งดูดาย

หลังจากหลับลึกไปกว่าหนึ่งเดือน เรือนผมของจ้าวเฟิงทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ดวงตาข้างซ้ายของเขาเองก็เปลี่ยนไปเป็นสีฟ้าอ่อนอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อมองจากไกลๆ เด็กหนุ่มนั้นเป็นราวกับองค์ชายผู้ไม่อาจจับต้อง

ทว่า ในช่วงเวลานี้จ้าวเฟิงอยู่ในสภาพหลับลึก มักจะส่งเสียงกระซิบแผ่วเบาออกมา

ตาข้างซ้ายของเขา บางคราจะเปิดออกในช่วงเวลาสั้นๆ มันราวกับเป็นอัญมณีสีน้ำเงินอ่อนจางไร้ที่ติ เป็นงานศิลป์ที่สมบูรณ์แบบ

“อดีตที่พังทลาย และเทพบรรพกาลที่ถูกทำลายจนกระทั่งกลายเป็นเศษฝุ่น…”

เสียงที่ถอนหายใจเยือกเย็นได้สะท้อนก้องไปมาในมิติสีดำมืด

เสียงนั้นเก่าแก่นัก ราวกับว่าได้ทะลุผ่านมาจากห้วงวลาแห่งโบราณกาล

มิติภายในดวงตาซ้าย ใจกลางความลึกล้ำสีเขียวครามกลับกลายเป็นบ่อน้ำสีฟ้าเย็นเยียบเส้นผ่านศูนย์กลางครึ่งฟุต

น้ำในบ่อสีฟ้าเย็นเยียบนั้นปรากฏธาตุน้ำแข็ง สร้างความเย็นเยียบแพร่กระจายสู่อากาศ

ใบหน้าของจ้าวเฟิงปรากฏความเคร่งขรึมขึ้นออกมา

ยามเมื่อเขาเปิดดวงตาซ้ายของเขาออก ไอความเย็นเยียบที่ไม่อาจมองเห็นจะแพร่กระจายสู่อากาศ ความเย็นเยียบเสียดแทงรอบด้านในระยะหนึ่งร้อยหลา เหล่าสัตว์ปีศาจมัจฉาและกุ้งต่างก็สั่นสะท้านเมื่อสัมผัสมัน

กลิ่นอายเย็นยะเยือกนี้ กระทั่งผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั่วไปสัมผัสก็ยังต้องเปลี่ยนสีหน้า

ในดวงตาของแมวขโมยตัวน้อยปรากฏความเคารพและหวาดกลัวขึ้น

บางครั้งมันจะนั่งบนตัวของจ้าวเฟิง ขัดสมาธิโคจรพลัง

ถูกต้องแล้ว แมวขโมยตัวน้อยฝึกพลังมาโดยตลอด ปกติมันจะกินยาวิเศษ ผลึกและสิ่งของมีค่าหายากต่างๆ เข้าไป สามารถพูดได้ว่าสั่งที่มันกินเข้าไปนั้นสามารถวางซ้อนทับกันเป็นภูเขาได้

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ

จ้าวเฟิงจะลืมตาขึ้นมาบางครั้ง ทว่าส่วนมากจะอยู่ในสภาพหลับใหล

ระหว่างที่เขาจำศีลนั้น พลังฝึกตนของเขาไม่แม้แต่จะลดลง กระทั่งยิ่งเพิ่มมากขึ้นและพัฒนา

มาวันนี้

ร่างแข็งทื่อราวกับท่อนไม้ของจ้าวเฟิงที่ขยับไหลไปตามกระแสน้ำได้มาถึงยังอ่าวงดงามแห่งหนึ่ง

อ่าวแห่งนี้เต็มไปด้วยไอสวรรค์หนาแน่น กระแสน้ำและน้ำวนไหลเวียนอย่างซับซ้อน

ในคราแรกนั้น ที่แห่งมักจะปรากฏเงาของคนขึ้นบ้าง

ใจกลางอากาศมักจะปรากฏเสียงบางอย่างขึ้น

ร่างของจ้าวเฟิงยังไม่ฟื้นตัวดีนัก สภาพของร่างกายทั้งหมดค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้น ใบหน้าเริ่มปรากฏสีเลือดฝาด ลมหายใจและจังหวะการเต้นของหัวใจเริ่มชัดเจนขึ้น

ในสมองของเด็กหนุ่ม

จ้าวเฟิงได้ฝันแปลกประหลาด

ในความฝัน เขาเห็นสนามรบ มันเป็นสนามรบที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เขาเคยคิดฝันที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า

ในภาพนั้นมีเงาที่ยิ่งใหญ่เงาหนึ่ง ทุกการโจมตีนั้นสามารถทลายพื้นแผ่นดินถล่มสวรรค์ กระทั่งดวงอาทิตย์และจันทรายังมลายหาย

จ้าวเฟิงกระทั่งรับรู้ได้ถึงพื้นแผ่นดินที่สั่นไหว เสียงที่ดังขึ้นนั้นสั่นสะท้านไปถึงดวงวิญญาณ

ในภาพนั้น ท้องนภาราวกับถูกฉีกกระชาก พื้นดินเคลื่อนไหวไปตามการต่อสู้ ผลกระทบจากการสู้นี้สามารถทำให้เมืองหงหูทั้งเมืองพังพินาศ ราบเป็นหน้ากลองได้

“นี่… นี่มันเป็นตำนานชัดๆ”

จิตใจของจ้าวเฟิงสั่นไหว แม้ภาพที่เขาเห็นนั้นจะเลืองลางแต่ก็มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้จิตวิญญาณของเขาสั่นสะท้าน กระทั่งความคิดยังถูกกักขังไว้

แม้ภาพที่เห็นจะไม่ชัดเจน แต่จ้าวเฟิงสามารถรับรู้ได้ว่ามันต้องเป็นการต่อสู้ในตำนานแต่โบราณการอย่างแน่นอน

ในภาพนั้น บางคราจะปรากฏรายละเอียดบางอย่างที่ชัดเจน

ในความฝัน จ้าวเฟิงสติพร่าเลือนเสียเป็นส่วนมาก ทว่ามักจะรับรู้ถึงบางสิ่งได้ในบางครั้ง

ทุกครั้งที่รับรู้ความรู้สึกเหล่านั้น จ้าวเฟิงจะเหนื่อยล้า และสติกลับไปเลือนลางอีกครั้ง

“พวกเจ้าดูสิ ดูเหมือนมีคนอยู่ในแม่น้ำ ”

ท่ามกลางกระแสน้ำนั้นได้ปรากฏเรือสีเขียวมรกตลำใหญ่แล่นมา

บนเรือสีเขียวมรกตลำนั้นปรากฏเด็กหญิงอายุสิบสองสิบสามปลายๆ มัดผมหางม้า ดวงตาส่องประกาย ชี้มือไปยังด้านหน้า

บนเรือมีเงาผู้คนมายืนมุงดู

“คนที่ลอยอยู่ในน้ำนั่นเหมือนจะยังไม่ตายนะ”

“อ่า แล้วก็ยังมีแมวอยู่ตัวหนึ่งด้วย”

เหล่าผู้คนที่อยู่บนเรือเอ่ยพูดขึ้น

เด็กหญิงผมม้าเอ่ยขึ้น “ใครก็ได้ นำตัวเขาขึ้นมา ฮี่ฮี่ เจ้าแมวตัวนั้นดูน่ารักนัก”

“คุณหนูเฉี่ยวยู่ เราไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ไม่แน่อาจเป็นโจรสลัดก็เป็นได้”

คนที่อยู่บนเรือปรากฏความลังเลขึ้นบ้าง

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยยืนอยู่บนร่างจ้าวเฟิง ใช้กงเล็บวาดไปมาอย่างหยิ่งยโส

ทุกคนที่เห็นต่างตะลึง พอเข้าใจว่าเจ้าแมวตัวนี้กำลังอธิบายแทนเจ้านายของมัน

“เจ้าแมวตัวนี้ฉลาดนัก เจ้านายของมันย่อมมิใช่คนเลวร้าย”

เด็กหญิงผมหางม้าพูดด้วยสีหน้ายินดี ให้ลูกเรือช่วยกันนำตัวจ้าวเฟิงขึ้นมาจากน้ำ

เรือนผมสีฟ้างดงามของจ้าวเฟิงนั้นราวกับภาพมายา ทำให้เด็กหญิงคนหนึ่งต้องอุทานออกมา “ผมงามนัก”

ผู้คนแสดงสีหน้าชื่นชม สตรีที่มีความสงสัยได้ยื่นมือไปสัมผัสมัน มั่นใจว่าเรือนผมนี้นิ่มลื่นนัก ไม่ใช่การย้อมสีอย่างแน่นอน

หลังจากที่ขึ้นมาบนเรือแล้ว เด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้าผู้นี้ก็ยังคงหลับลึก

แมวขโมยตัวน้อยที่อยู่บนเรือกระโดดไปมาอย่างสนุกสนาน เล่นกับเด็กหญิงผมหางม้าอย่างมีความสุข

“เจ้าแมวน้อย ข้านามปี้เฉี่ยวยู่ ข้ามาจากตระกูลปี้แห่งเหิงฉุ่ยวาน”

เด็กหญิงผมหางม้าแนะนำตัวเอง

เมี้ยว เมี้ยว

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยตบไปที่หน้าอกตนเอง คล้ายกับกำลังแนะนำตัวเองเช่นกัน ทำให้ผู้คนต่างตกตะลึง

เมื่อเวลาผ่านไป ด้วยการปรากฏตัวของแมวขโมยตัวน้อยทำให้บรรยากาศบนเรือสนุกสนานครึกครื้นขึ้น

“เฉี่ยวยู่ เจ้าแมวตัวนี้ ทั้งยังมีเด็กหนุ่มผู้นี้อีก เกิดอันใดขึ้น?”

น้ำเสียงแหบทุ้มดังขึ้นจากภายในเรือ

“คารวะนายท่านปี้”

เหล่าผู้ที่อยู่บนเรือสีหน้าเคารพนอบน้อม ทำความเคารพผู้มาใหม่

ในเหิงฉุ่ยวาน ตระกูลปี้คือหนึ่งในตระกูลมากอำนาจในบรรดาตระกูลใหญ่ทั้งหลาย

มีคำบอกเล่าว่าตระกูลปี้แห่งเหิงฉุ่ยวานนั้นมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลปี้ใหญ่แห่งสี่ขั้วอำนาจ อาจกล่าวได้ว่าตระกูลปี้นี้เป็นหนึ่งในตระกูลสาขาก็ว่าได้

ทว่าเหิงฉุ่ยวานนั้นมีภูมิประเทศซับซ้อน พื้นที่เวิ้งเป็นอ่าวแยกออกจากพื้นดินกว่าครึ่งหนึ่ง ทำให้ตระกูลปี้แห่งนี้กับตระกูลปี้หลักแทบจะไร้ซึ่งความเกี่ยวเนื่องกันแล้ว

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของตระกูลปี้แห่งนี้นั้นไม่อาจตั้งคำถามได้

นายท่านปี้มีเส้นผมสีขาว ในมือถือไม้เท้าด้ามหนึ่ง สายตาเป็นประกาย มองไปที่แมวขโมยตัวน้อยก่อนแล้วจึงมองไปยังเด็กหนุ่มที่หลับลึกอยู่บนดาดฟ้าเรือ

หลังจากที่รับรู้สถานการณ์แล้ว นายท่านปี้จึงเอ่ย “ติดต่อท่านหมอมาปลุกเด็กนี่ก่อนแล้วค่อยซักถามประวัติของเขา”

บนเรือนั้นมีหมออยู่หนึ่งคน หลังจากจับชีพจรของจ้าวเฟิงและตรวจสอบอยู่นาน คิ้วของเขาก็ขมวดแน่น

หมอผู้นั้นใช้วิธีการหลากหลาย ทว่าจ้าวเฟิงก็ยังคงนอนนิ่งเช่นท่อนไม้ท่อนหนึ่ง ไร้ซึ่งการตอบสนองแต่อย่างใด

หลังจากนั้น นายท่านปี้กระทั่งยื่นมือเข้าจับชีพจรของอีกฝ่ายด้วยตนเอง

ผลลัพธ์ยังคงเป็นเช่นเดิม เด็กหนุ่มผมฟ้ายังคงหลับใหลไม่ฟื้นคืน ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองกับสิ่งภายนอก

เหล่าผู้คนที่อยู่บนเรือกระทั่งเคลือบแคลงว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ใช่เป็นผักหรือไม่

“กลับไปก่อนค่อยว่ากัน ช่วงนี้โจรสลัดมากนัก ปรากฏตัวขึ้นในเหิงฉุ่ยวานบ่อยครั้ง ต้องคอยจับตาดูคนผู้นี้ไว้ให้ดี”

นายท่านปี้เอ่ยเสียงหนัก

จากประสบการณ์และสายตาของเขา มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะเห็นว่าจ้าวเฟิงมีพลังสายเลือด ทั้งอายุยังเยาว์เพียงนี้แต่กลับมีพลังฝึกตนอยู่ในนภาที่เจ็ด

พลังฝึกตนในนภาที่เจ็ดนั้น กระทั่งในเหิงฉุ่ยวานยังนับว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง มีพลังไม่ธรรมดา

ผ่านไปไม่นาน

เรือใหญ่ได้แล่นมาจอดที่ท่าเรือที่มีชีวิตชีวาแห่งหนึ่ง ขนาดของมันนั้นเมื่อเทียบกับบ้านเกิดของจ้าวเฟิง เมืองประกายอรุณ นับว่าใหญ่กว่ามากนัก

ที่นี่คือจุดศูนย์กลางของเหิงฉุ่ยวาน เหิงฉุ่ยไจ้

อ่าวแห่งนี้มีทั้งชาวประมง พ่อค้า และตระกูลเล็กๆ ทั้งหมดล้วนมีที่แห่งนี้เป็นจุดศูนย์กลาง

เมื่อเข้ามาถึงที่แห่งนี้ ทุกคนจะต้องถูกตรวจสอบเพื่อป้องกันผู้บุกรุกจากภายนอก

เพราะช่วงนี้ได้มี “กลุ่มโจรสลัดโลหิตคลั่ง” ปรากฏตัวขึ้นที่อ่าวนี้บ่อยครั้ง ผู้บริสุทธ์จำนวนมากต้องตายตกลง

ที่เหิงฉุ่ยไจ้แห่งนี้ ตระกูลปี้มีอำนาจมากที่สุด มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการควบคุม

จ้าวเฟิงที่ยังคงหลับใหลอยู่ไม่ได้ถูกตรวจสอบเพราะว่าเขาถูกนำมาโดยคนของตระกูลปี้

เมื่อเข้าไปยังเรือนของตระกูลปี้แล้ว จ้าวเฟิงได้ถูกจัดให้นอนในห้องเก็บฟืน ด้านนอกมีผู้ฝึกตนในนภาที่หกและเจ็ดคอยเฝ้าดูอยู่

สองวันต่อมา ตระกูลปี้ได้ตามหมอคนหนึ่งเพื่อเข้ามารักษาและดูอาการของจ้าวเฟิง แต่กลับไม่ได้ผลใด

ทว่าสีหน้าจ้าวเฟิง ลมหายใจ จังหวะหัวใจเต้น ทั้งหมดกำลังฟื้นฟูและใกล้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ

แมวขโมยตัวน้อยเฝ้ารออยู่ข้างๆ มีหาวบ้างเป็นบางครั้ง

ในคืนนี้เอง

“แมวขโมยตัวน้อย ข้านอนหลับไปนานเท่าใด”

น้ำเสียงอ่อนล้าเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา

แมวขโมยตัวน้อยหวาดผวา ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้าน

เด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้า ดวงตาซ้ายนั้นราวกับไพลินน้ำงามที่เย็นเยียบ ประกายหนาวเย็นแพร่กระจายไปในอากาศอย่างเชื่องช้าราวกับสามารถแช่แข็งจิตใจของผู้คน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version