Skip to content

King of Gods 297

King Of Gods

บทที่ 297 : หนึ่งต่อคนจำนวนมาก (3)

การแย่งชิงสมบัติสายธารจันทราได้มาถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด

สามยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงที่ไม่เคยคิดจะร่วมมือกันได้ตัดสินใจร่วมมือกันเพื่อกำจัดจ้าวเฟิงก่อน

ด้านหลังผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวและสตรีในชุดสีสด รวมทั้งโจรสลัดอีกคนหนึ่งได้ร่วมมือกันทำให้ผู้นำตระกูลปี้สิ้นสติ

ปี้เฉี่ยวยู่ได้ถูกสกัดจุด ป้องกันไม่ให้นางฆ่าตัวตาย

สำหรับทั้งสามฝ่าย ในสถานการณ์เช่นนี้สามารถพูดได้ว่าไม่มีทางพ่ายแพ้แน่

“ต้องฆ่าไอ้เด็กนี่ก่อนแล้วเราค่อยมาแบ่งสมบัติให้เท่าๆ กัน จากนั้นค่อยคุยกันว่าผู้ใดจะได้ครอบครอง ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ”

โจรเถาชานเฟ่ยแย้มยิ้มกว้าง

ในใจชายหนุ่มได้ตัดสินใจ ยามที่ฆ่าจ้าวเฟิงได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร เขาก็ต้องครอบครอง ‘สามปทุม’ ให้ได้

เมื่อถึงยามนั้น

ด้านการโจมตีมีพัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา ด้านการป้องกันมีสามปทุม ย่อมนับได้ว่าแข็งแกร่งที่สุด

“…ทำอย่างไรดี?”

อาจารย์เฮยหยุนร้อนใจราวมดที่อยู่ในหม้อน้ำร้อน

แม้พลังของจ้าวเฟิงจะเพิ่มขึ้นถึงขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงและสามารถทำให้ “สามปทุม” ยอมรับได้ ทว่าหากต้องการจะป้องกันการโจมตีร่วมของสามยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงยังนับได้ว่าห่างไกลนัก นอกเสียจากเด็กหนุ่มจะสามารถบรรลุถึงขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง

ในที่สุด

ในยามนี้ จ้าวเฟิงจึงได้ลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้าและนำผ้าปิดตาออก

ร่างของเด็กหนุ่มแพร่กระจายกลิ่นอายของพลังขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงออกมา กลิ่นอายนี้พิเศษกว่าพลังขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงธรรมดาทั่วไป ให้ความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย

“ปราณครึ่งจิตวิญญาณได้เปลี่ยนแปลงไปหนึ่งถึงสองส่วนแล้ว”

อาจารย์เฮยหยุนสายตาส่องประกาย แต่ก็ค่อยๆ หม่นลงอีกครั้ง

เขาส่ายศีรษะก่อนฝืนยิ้ม

หากเทียบพลังด้านพลังแล้ว พลังของจ้าวเฟิงกับอาจารย์เฮยหยุนนับว่าเท่าเทียมกัน

ทว่าต่อให้มีปราณจิตวิญญาณที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วกว่าเก้าส่วน มันก็ยังคงเป็นเพียงขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงอยู่ดี มิใช่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง

“ฮ่า ฮ่า… ไอ้เด็กผมฟ้า ถึงตอนนี้เจ้ายังอยากจะดื้อดึงขัดขืนอีกหรือ?”

ฉานเซว่ตูอิงหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม แลบลิ้นเลียริมฝีปาก

“หึหึ เจ้ามีไพ่ใดอยู่ในมือก็จงใช้ออกมาให้หมดเสียเถอะ”

โจรเถาชานเฟ่ยไร้ซึ่งความกลัวใดๆ

นายท่านปี้สีหน้ายังคงนิ่งเฉย ในใจปรากฏความระแวดระวัง

ใบหน้าเรียบเฉยสุขุมของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวนั้น ตั้งแต่ยามก่อนเข้ามายังถ้ำสายธารจันทรากลับมิเคยแปรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

คว้างงงง

จ้าวเฟิงเค้นพลังขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง หลอมรวมเข้ากับ “สามปทุม” เพื่อขับเคลื่อนมัน

ทันใดนั้น กลีบดอกทั้งสามสีได้ปรากฏแสงเจิดจ้า ป้องกันร่างของจ้าวเฟิงและอาจารย์เฮยหยุน

อาจารย์เฮยหยุนแย้มยิ้มขมขื่น ส่งพลังปราณในร่างเข้าไปยังร่างของจ้าวเฟิง

“ท่านอาจารย์ รอจนท่านพบจังหวะที่เหมาะสม ไปช่วยเหลือกู่เหนียงปี้”

เสียงของจ้าวเฟิงดังก้องขึ้นในจิตของอาจารย์เฮยหยุน

“ถ้าข้าไปช่วยนาง แล้วเจ้าจะทำอย่างไร… อีกทั้งเพียงพลังของข้าจะสามารถรับมือกับพวกผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวและคนอื่นๆ ได้อย่างไร”

อาจารย์เฮยหยุนแทบกระอักโลหิต

“ทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของข้า ท่านแค่ทำตามที่ข้าบอกพอ”

เสียงของจ้าวเฟิงดังก่อนจะสิ้นสุดลงอย่างกะทันหัน

เปรี้ยงงง ตูมมมม ปังงง

การโจมตีของสามยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้มุ่งมายังจ้าวเฟิงในเวลาเดียวกัน

กลีบดอกบัวทั้งสามสีรอบสามปทุมหม่นแสงลงด้วยความเร็วที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ดูจากแนวโน้มแล้วคงต้านทานได้เพียงไม่กี่ลมหายใจ

ในยามนี้ จ้าวเฟิงได้โจมตี

เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึก ดวงตาสีฟ้าอ่อนจางลึกล้ำราวกลับแปรเปลี่ยนไปเป็นนรกไร้ก้นบึ้งอันเย็นเยียบ

ความเย็นยะเยือกเกินธรรมดาได้กัดกินแทรกซึมเข้าไปยังจิตวิญญาณของผู้คน

ยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั้งสามที่กำลังอยู่ระหว่างการโจมตีพลันรู้สึกถึงความหนาวเย็นในอากาศ หัวใจพลันเย็นยะเยือกสั่นไหว

“บัดนี้ข้ามีพลังฝึกตนอยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ขอบเขตจิตวิญญาณเทียบเท่าได้กับขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ทั้งยังมีเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้าที่สามารถใช้พลังจิตออกได้ในระดับเดียวกัน นับว่าแข็งแกร่งแล้ว!”

ใจกลางดวงตาซ้ายสีฟ้าใสราวผลึกส่องประกายเย็นยะเยือก ราวกับดวงดาราจรัสแสงในป่าทึบ

ฟุ่บ!

นายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงร่างแข็งทื่อ

บนใบหน้าของทั้งสองปรากฏความดิ้นรนเล็กๆ ก่อนจะถูกปกคลุมไปด้วยความโหดเหี้ยมและโลภโมโทสัน

“ฆ่า”

นายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงพลันส่งการโจมตีไปยังโจรเถาชานเฟ่ยที่แข็งแกร่งที่สุดพร้อมกัน

“พวกเจ้า!”

บนใบหน้าของโจรเถาชานเฟ่ยปรากฏความตื่นตะลึง หยุดโจมตีจ้าวเฟิงไปชั่วคราวมารับมือกับการโจมตีแสนบ้าคลั่งจากนายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิง

สถานการณ์เต็มไปด้วยความวุ่นวายเกินธรรมดา

นายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงสูญเสียสติสัมปชัญญะ ต้องการจะฆ่าโจรเถาชานเฟ่ยเพียงอย่างเดียว

โจรเถาชานเฟ่ยไม่รู้จะทำอย่างไร จำต้องวาดพัดฉุ่ยเยว่เซียนเถาโจมตีกลับ

“นี่… นี่มันเกิดอันใดขึ้น?”

อาจารย์เฮยหยุนสมองว่างโล่งไปโดยสิ้นเชิง

เหตุใดนายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงจึงได้โจมตีโจรเถาชานเฟ่ย?

จ้าวเฟิงยืนมือไพล่หลังอยู่บนสามปทุม เรือนผมสีฟ้าอ่อนพลิ้วไหวไปบนอากาศราวกับน้ำตก สีหน้าเรียบเฉยเย็นชา

มือข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มยกค้างอยู่กลางอากาศ ราวกับกำลังควบคุมชักเชิดสถานการณ์ทั้งหมด

ในดวงตาซ้ายของเขาไม่อาจมองเห็นจุดสิ้นสุด แพร่ความเย็นเยียบออกสู่อากาศราวกับจะแช่แข็งห้วงเวลา

หากมองอย่างละเอียดจะเห็นว่าดวงตาทั้งคู่ของนายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงได้เรืองแสงสีฟ้าเลือนลางอยู่

“คนเหล่านี้ ขอบเขตพลังจิตของพวกมันกับข้านับว่าไม่ต่างกันนัก ทว่าเมื่อถูกความโลภครอบงำ หากข้าสร้างภาพลวงตาด้วยเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้า พวกมันจะสามารถต้านทานได้อย่างไร”

มุมปากของจ้าวเฟิงบิดยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะหยัน

ในสถานการณ์ที่อีกฝ่ายอยู่ในระดับเดียวกัน เขาลำบากเพียงเหลือบตามองก็สามารถตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว

ทว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น

ในบรรดาสามยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ขอบเขตพลังจิตของโจรเถาชานเฟ่ยเหนือว่าจ้าวเฟิง เข้าใกล้ขั้นผู้วิเศษแท้ โอกาสที่เขาจะควบคุมได้สำเร็จจึงน้อยกว่า

ดังนั้นแล้ว เป้าหมายของเด็กหนุ่มจึงเป็นนายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิง

“เป็นไปได้อย่างไร… สายเลือดดวงตาของเจ้าสามารถควบคุมพวกมันได้ ไม่ใช่สิ ขอบเขตพลังจิตของเจ้าเทียบได้กับพลังขั้นนายเหนือแท้”

โจรเถาชานเฟ่ยตกใจ ใบหน้าซีดเผือด

ชายหนุ่มสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้

ในยามนี้เขาจึงได้เข้าใจอย่างชัดเจน ในถ้ำลับสายธารจันทรา ศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นมิใช่นายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิง

ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดก็คือเด็กหนุ่มผู้นี้!

ในยามนี้ อาจารย์เฮยหยุนพลันเข้าใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ก่อนพลันแปรเปลี่ยนเป็นความยินดี

เขาพลันเข้าใจในคำของเจ้าเฟิงที่เคยเอ่ยยามที่อยู่ในห้องที่เก้า: “วางใจเถอะ นับแต่บัดนี้ ทุกสิ่งล้วนเป็นข้าควบคุม!”

ถูกแล้ว

ในยามนี้ จ้าวเฟิงสามารถควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างไว้ได้สำเร็จ

เด็กหนุ่มไม่เพียงได้ครอบครองสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด สามปทุม แต่กระทั่งสามารถเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้

“ควบคุมผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงสองคน เจ้าทำได้อย่างไร?”

อาจารย์เฮยหยุนยากที่จะทำใจให้เชื่อได้

ความจริงแล้ว จ้าวเฟิงไม่สามารถควบคุมผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงสองคนได้ในเวลาเดียวกัน ทว่าเด็กหนุ่มได้ล่อลวงโน้มน้าวจิตใจของทั้งสอง ไม่ได้ควบคุมโดยตรง คล้ายกับการ “สร้างช่องว่างขึ้นในจิตใจ”

หากนายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงจิตใจไม่ละโมบโลภมากย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ตกลงในวังวนมายาของเคล็ดวิชาพลังจิตมายาพร้อมกัน

นอกจากนั้น สามปทุมใต้ฝ่าเท้าของจ้าวเฟิงยังแพร่กระจายฉีเซียงที่ทำให้เหนื่อยล้าง่วงงุน มีส่วนช่วยเหลือในการเคลื่อนไหวของเขาอยู่ส่วนหนึ่ง

“มัวยืนอึ้งอันใดอยู่?”

เสียงของจ้าวเฟิงดังขึ้นภายในสมองของชายชรา

ได้ได้!

อาจารย์เฮยหยุนพลันนึกขึ้นได้ว่าเขาจะต้องไปช่วยปี้เฉี่ยวยู่

เพียงแต่ ปี้เฉี่ยวยู่ถูกจับเป็นตัวประกันโดยสามผู้ฝึกตนในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ทั้งผู้นำตระกูลปี้ยังสลบอยู่

ด้วยพลังของอาจารย์เฮยหยุน ในบรรดาผู้มีพลังขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง พลังของเขานับว่าต่ำสุด จะช่วยเหลือได้อย่างไร?

ที่มุมหนึ่ง

ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวและสตรีในชุดสีสดตาค้างและอ้าปากกว้าง ไม่อยากจะเชื่อในสายตาตนเองเมื่อเห็นสถานการณ์วุ่นวายในยามนี้

ในยามนี้ อาจารย์เฮยหยุนแข็งใจและพุ่งกายตรงไป

พรึบ พรึบ พรึบ

ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวและผู้ฝึกตนในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงที่เหลือต่างคุกเข่าลงในเวลาหนึ่งลมหายใจ

บนหน้าผากของทั้งสามปรากฏหยาดเหงื่อเย็นเยียบ ร่างสั่นไหวไร้ซึ่งเรี่ยวแรงต่อสู้ราวกับถูกทรมานมาหลายคืนวัน

อาจารย์เฮยหยุนสมองว่างโล่ง

แต่จากมุมที่ปี้เฉี่ยวยู่อยู่ เด็กหญิงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ในยามนั้น จ้าวเฟิงเพียงกวาดตามองคราหนึ่ง สามยอดฝีมือในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงก็สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง

นี่มันเป็นวิชาอันใดกัน

ปี้เฉี่ยวยู่มองไปยังเด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้าผู้เป็นเจ้าชายในฝันของนาง หัวใจพลันสั่นไหว

“เขาย่อมต้องการ ‘โลหิตหยิน’ ของข้าในการครอบครอง ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ”

จิตใจของปี้เฉี่ยวยู่ห่อเหี่ยว ทว่าพลันเปลี่ยนใจ หากครั้งแรกของนางมอบให้แก่เด็กหนุ่มมากความสามารถ ทั้งอายุยังไม่ห่างกันมากนัก เช่นนั้นจะมีสิ่งใดให้ปฏิเสธกัน เทียบกับผู้อื่นแล้วนับว่าดีกว่าหลายเท่านัก

ทันใดนั้น เด็กหญิงพลันเริ่มฝันเฟื่องไป

ในยามนี้ สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง

เป็นเพราะจ้าวเฟิงได้ “แบ่งความสนใจ” ไปจัดการพวกผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวทั้งสามคน พลังที่ใช้ในการล่อลวงสองยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงจึงลดลงอย่างมาก

นายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงได้สติกลับมาบางส่วนอย่างรวดเร็ว

“ไม่…”

จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึก เค้นพลังดวงตาเทพเจ้าถึงขีดสุดและใช้พลังของสามปทุมปลดปล่อยฉีเซียงง่วงงุนออกมา

ไม่ช้า

สองยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงก็พุ่งตรงไปยังโจรเถาชานเฟ่ยอีกครั้ง

พรึบพรึบ

สามปทุมที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเด็กหนุ่มพลันขยับวูบ

มันได้พาจ้าวเฟิงไปยัง ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ที่อยู่ในผลึกน้ำแข็ง

ในตอนนี้

‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ อยู่ห่างจากจ้าวเฟิงเพียงเอื้อมมือ

“ไม่ดีแล้ว! ไอ้เด็กนั่นต้องการ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ”

โจรเถาชานเฟ่ยสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง

ชายหนุ่มเห็นอาจารย์เฮยหยุนนำตัวปี้เฉี่ยวยู่ไปหาจ้าวเฟิงต่อหน้าต่อตา

จ้าวเฟิงพึ่งพาพลังฉีเซียงของสามปทุมรวมทั้งดวงตาเทพเจ้าในการสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของโจรเถาชานเฟ่ยเอาไว้

ดวงตาใสกระจ่างของปี้เฉี่ยวยู่พลันเกิดน้ำตาคลอ มองไปยังเด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้าที่เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด

จ้าวเฟิงไม่แม้แต่จะต้องพยายามมากนักในเมื่อสามปทุมมีฉีเซียงปลุกกำหนัดที่สามารถกระทั่งส่งผลกระทบต่อผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง

ทว่า

ปี้เฉี่ยวยู่เองก็ได้เตรียมใจไว้แล้ว เด็กหนุ่มผู้นี้ที่มีสายเลือดดวงตาที่สูงศักดิ์ ทั้งความสามารถยังโดดเด่น กระทั่งสามารถช่วยนาง ยื้อแย้งชิ้นเนื้อออกจากปากพยัคฆ์ได้

หากจำเป็นต้องสละร่างกาย ในบรรดาคนทั้งหมดในที่แห่งนี้ นางย่อมเลือกเพียงจ้าวเฟิง บุรุษที่ทำให้นางรู้สึกพึงใจเพียงเท่านั้น

“น้องชาย…”

อาจารย์เฮยหยุนนำตัวปี้เฉี่ยวยู่มายังเบื้องหน้าจ้าวเฟิง

สีหน้าของชายชราปรากฏความซับซ้อนขึ้น ในยามนี้เด็กหนุ่มกำลังได้เปรียบ ควบคุมทุกสิ่งอย่าง

บัดนี้เพียงแค่ต้องทำลายพรหมจรรย์ของปี้เฉี่ยวยู่ ย่อมสามารถครอบครอง ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ เปิดเส้นทางออกสู่ภายนอก

“ทุกสิ่ง… จบสิ้นแล้ว”

จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึก พลันโคจรปราณครึ่งจิตวิญญาณทั่วร่าง สำนึกรู้จากมรดกอัสนีและพลังสายเลือดควบรวมกันในฝ่ามือ

รอบฝ่ามือของเด็กหนุ่มปรากฏแสงสีเขียวเข้มส่องสว่างล้อมรอบ รวมตัวกันจนถึงขีดสุด ส่องแสงสว่างเจิดจ้าออกมา

จบสิ้น!

การโจมตีที่รุนแรงที่สุดในชีวิตของจ้าวเฟิงพุ่งตรงไปยังผลึกน้ำแข็งที่ห่อหุ้ม ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ อยู่

ตูมมมม

จากนั้น ทั่วทั้งโลงศพจื่อถงพลันเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง

เปรี้ยะ!

ผลึกน้ำแข็งแตกออก ทำให้กลไกหลายอย่างเริ่มทำงาน

“สวรรค์… เจ้าทำอันใด!”

โจรเถาชานเฟ่ยรู้สึกว่าทั่วทั้งสุสานนี้กำลังร่วงหล่น สามารถพังถล่มลงได้ในทุกวินาที

“เจ้า… เจ้าบังอาจ…”

อาจารย์เฮยหยุนตื่นตะลึง

ยามที่ร่างของจอมโจรฉุ่ยเยว่ตื่นขึ้นนั้นได้เอ่ยไว้แล้วว่าหากใช้พลังทำลายแย่งชิง ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ไป ถ้ำสายธารจันทราจะพังทลายลง

ครื่นนนนนน

เศษหินภายในถ้ำสายธารจันทราเริ่มร่วงหล่นลงมา

โจรเถาชานเฟ่ยนิ่งอึ้งก่อนจะเริ่มลนลาน กรีดร้องเรียกชื่อจ้าวเฟิงออกมา

นายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงที่เพิ่งได้สติกลับมาหวาดกลัวกับสถานการณ์เบื้องหน้าจนสมองโล่งว่าง

ปี้เฉี่ยวยู่เองก็มีสีหน้าว่างโล่งเช่นกัน

“เจ้า… เจ้าบังอาจ…”

ทุกคนต่างจ้องมองไปยังจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงยังคงมีท่าทีนิ่งเฉย ในใจลอบคิดว่า ข้ามีสามปทุม ต่อให้ที่นี่พังทลายลงก็ยังมีโอกาสอย่างมากที่จะล่าถอยออกไปได้

ในยามนี้ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ เองก็ได้อยู่ในเงื้อมมือของเขาแล้ว ตัวตำราปรากฏแสงสว่างเจือจาง

แต่ที่น่าแปลกคือ ถ้ำสายธารจันทรานั้นแม้จะสั่นไหวไปพักหนึ่ง แต่กลับไม่ได้พังทลายลงจริงๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version