Skip to content

King of Gods 371

King Of Gods

บทที่ 371 : อ้อมกอดของสาวงาม

ท้องฟ้าเหนือแม่น้ำเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

จ้าวเฟิงและปิงเว่ยเซียนจื่อเผชิญหน้ากัน ปราณจิตวิญญาณเข้มข้นในอากาศ เชื่อมต่อกับไอสวรรค์ สายลมเย็นเยียบพัดหวนคำรามอย่างเกรี้ยวกราด เสียงสายฟ้าดังครืนคราง

“ไอ้หัวขโมยไร้ยางอาย! ทำให้น้องสาวของข้าต้องพลาดงานชุมนุมเซียนมังกรไม่พอ ยังลอกเลียนแบบ ‘มรดกฉวนปิง’ ของพวกเรา พัฒนาตนเองขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า…”

นัยน์ตาหงส์ของปิงเว่ยเซียนจื่อปรากฎจิตสังหารเย็นเยียบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้นไม่พอใจ ทรวงอกขาวขยับขึ้นลงถี่รัว

ครืนนน

ผิวกายขาวงดงามของนางส่องประกายแสงเย็นเยียบออกมา ‘กายหยกฉวนปิง’ ถูกใช้ออกจนถึงขีดสุด กลิ่นอายเย็นเยียบทรงพลังได้ครอบคลุมไปในระยะหนึ่งร้อยหลา

ความเย็นในอากาศนั้นแทรกซึมเข้าไปถึงไขกระดูก แช่แข็งความคิดมีผลเหมือนกับ ‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’ ของจ้าวเฟิง

“วิชาสายเลือดได้ถูกใช้มากขึ้น พลังป้องกันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ผิวที่ได้รับบาดเจ็บถูกฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว พลังความเย็นได้สร้างอาณาเขตเหมันต์ขึ้น….”

หัวใจจ้าวเฟิงกระตุกวูบ ค้นพบว่าพลังที่ปิงเว่ยเซียนจื่อซ่อนเร้นไว้ลึกล้ำกว่าที่คาดคิดไว้มากนัก

ในระยะเวลามี่ลมหายใจ ผิวกายทั่วทั้งร่างของปิงเว่ยเซียนจื่อก็กลับสู่สภาพขาวใสเป็นปกติไร้ตำหนิ

สิ่งเดียวที่ไม่อาจฟื้นฟูได้ในระยะเวลาอันสั้นคืออาการบาดเจ็บที่จิตใจ

“นี่คือพลังของ ‘อาณาเขตเหมันต์’! ถูกใช้ออกโดยกายหยกฉวนปิงร่วมกับพลังสายเลือด ทำให้ความเย็นในอาณาเขตของมันสามารถแช่แข็งได้ทุกสิ่ง กระทั่งระดับของผู้ถูกเลือกบางคนหากเข้ามา ความเร็วก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด”

ใบหน้าของโม่เทียนอี้เปลี่ยนแปลงไป มองไปยังการต่อสู้ที่อยู่ห่างออกไป

การที่จ้าวเฟิงสามารถเอาชนะชื่อเฉิงเทียนได้ก่อนหน้า เขาได้ตื่นตะลึงอยู่ในใจ เพียงแต่ช่วงเวลานั้นมันไม่นานนัก

ในยามนี้ จ้าวเฟิงได้ต่อสู้กับปิงเว่ยเซียนจื่ออีกครั้ง โม่เทียนอี้รู้สึกเป็นกังวลขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

จะอย่างไร พลังสายเลือดของจ้าวเฟิงก็สามารถต่อต้านพลังของปิงเว่ยเซียนจื่อได้ในระดับหนึ่ง หากใช้วิชาดวงตาอย่างเพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้าก็สามารถที่จะต้านทานปิงเว่ยเซียนจื่อได้

“อาณาเขตเหมันต์! หากวิชานี้ถูกใช้ร่วมกับ ‘อาณาเขตถ่วงศิลา’ ของชื่อเฉิงเทียน ผลของมันจะเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว”

ความคิดของจ้าวเฟิงโลดแล่น เข้าใจถึงแผนการแต่เดิมของปิงเว่ยเซียนจื่อและชื่อเฉิงเทียน

หาก ‘อาณาเขตเหมันต์’ และ ‘อาณาเขตถ่วงศิลา’ ถูกใช้ร่วมกัน กระทั่งสามารถส่งผลได้ในระดับหนึ่งต่อขั้นนายเหนือแท้ ทั่วทั้งงานชุมนุมเซียนมังกรบางทีอาจไม่มีผู้ใดสามารถแก้ไขได้

สายลมเหนือ!

ปิงเว่ยเซียนจื่อสร้างกระแสลมรุนแรงพัดหวนในระยะหนึ่งลี้รอบด้าน แม่น้ำปั่นป่วน ถูกแช่แข็งในเสี้ยววินาที

พลังและปราณจิตวิญญาณทั่วร่างของจ้าวเฟิงพลันแข็งค้าง

หากเขาไม่มีพลังสายเลือดคอยรับมือ ปิงเว่ยเซียนจื่อย่อมนับเป็นคู่ต่อสู้ที่เป็นปัญหาอย่างมาก กระทั่งจำต้องตกอยู่ในสถานการณ์ตั้งรับ

ครืนน!

เบื้องหลังจ้าวเฟิงปรากฏเงาร่างเย็นเยียบสง่างามขึ้นพร้อมบัลลังก์น้ำแข็งรูปลักษณ์ชัดเจนขึ้น

ความเย็นจากการโจมตีของปิงเว่ยเซียนจื่อ เมื่อเข้ามาใกล้ร่างเขาจะถูกดูดกลืนเปลี่ยนแปลงไปเสียเป็นส่วนมาก

ร่างของจ้าวเฟิงมีความสามารถป้องกันความหนาวเย็นในระดับหนึ่ง เพิ่มพลังป้องกันต่อการโจมตีธาตุน้ำแข็งขึ้นมากเป็นพิเศษ

“อสูรผาน้ำแข็ง!”

ปิงเว่ยเซียนจื่อตวาดเสียงเบา เคลื่อนกายเข้าใกล้คู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว มือขาวทั้งสองยกสูง สร้างเงาภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์จำนวนมากขึ้นกลางอากาศ กระแทกลงเบื้องล่างอย่างไร้ปราณี

“ปิงเว่ยเซียนจื่อคิดอันใดอยู่กัน?”

จ้าวเฟิงปรากฏความเคลือบแคลงขึ้นในใจ

เด็กหนุ่มยกมือทั้งสองขึ้น แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณในร่างเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ใช้วิชาฝ่ามือออกจำนวนมาก ทำลายเงาภูเขาน้ำแข็งเหล่านั้น

เมื่อเทียบกับก่อนหน้า การต่อสู้กับปิงเว่ยเซียนจื่อของจ้าวเฟิงในยามนี้นับว่าง่ายดายขึ้นมากนัก

ย่าห์ ฟุ่บ!

นัยน์ตาหงส์ของปิงเว่ยเซียนจื่อเย็นเยียบ เข้าใกล้คู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว พลังของ ‘อาณาเขตเหมันต์’ ใกล้จุดศูนย์กลางได้ครอบคลุมร่างของจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงพลันตกอยู่ท่ามกลางความหนาวเย็นอันไร้ที่สิ้นสุด เงาเย็นเยียบและบัลลังก์เบื้องหลังดูดกลืนความเย็นนั้นอย่างไม่หยุดยั้ง เปลี่ยนแปลงพลังความเย็นเช่นก่อนหน้า ส่องประกายสว่างเจิดจ้าหมุนวนอย่างไม่หยุดยั้ง

“พลังของ ‘อาณาเขตเหมันต์’ แม้แข็งแกร่ง แต่สำหรับข้าแล้วผลของมันด้อยลงอย่างมาก”

จ้าวเฟิงสงสัยอยู่ในใจ

อาณาเขตเหมันต์จะใช้ความเย็นมหาศาลในการแช่แข็งสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งในระยะ

ทว่าสำหรับจ้าวเฟิง ผลของมันลดลงกว่าเจ็ดในสิบส่วน ปิงเว่ยเซียนจื่อนับว่ากำลังเสียไอสวรรค์และพลังสายเลือดไปเปล่าๆ โดยแท้

ทว่าไม่ช้า จ้าวเฟิงพลันรู้สึกถึงความผิดปกติ

ปิงเว่ยเซียนจื่อเข้าใกล้เขาไม่หยุด พลังของอาณาเขตเหมันต์ได้เข้าใกล้จุดศูนย์กลางเข้าไปทุกที

ในจุดศูนย์กลางของอาณาเขตเหมันต์ก็คือ ‘กายหยกฉวนปิง’ ของปิงเว่ยเซียนจื่อ

ทว่าในการต่อสู้ตัวต่อตัว จ้าวเฟิงไม่กลัวอีกฝ่าย

เปรี้ยง ตูม ตูม

พลังน้ำแข็งและสายฟ้าได้ผลิบานออกเป็นบุปผางดงามเข้าปะทะกับอีกฝ่าย พลังแข็งแกร่งไร้ที่ติ

จ้าวเฟิงได้ต่อสู้อย่างรุนแรงเข้มข้น พลังฝึกตนที่เพิ่งจะก้าวหน้า ปราณจิตวิญญาณกระทั่งโคจรได้ไหลลื่นกว่าเก่า

การต่อสู้ระยะประชิดของปิงเว่ยเซียนจื่อไม่อาจดูแคลนได้

จ้าวเฟิงนับว่ามีพลังต่อสู้ในระดับของผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้จริงๆ พลังสายเลือดยังนับเป็นปรปักษ์ต่ออีกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ระยะประชิดหรือการโจมตีใดๆ ล้วนไม่หวาดกลัว

แน่นอนว่าพลังสายเลือดของจ้าวเฟิงก็เป็นธาตุน้ำแข็งเช่นเดียวกับปิงเว่ยเซียนจื่อ

พลังป้องกันของ ‘กายหยกฉวนปิง’ ของปิงเว่ยเซียนจื่อแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก กระทั่งสามารถป้องกันการโจมตีธาตุน้ำแข็งทั่วไปได้โดยไร้รอยขีดข่วน

เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า!

จ้าวเฟิงหาโอกาสใช้วิชาดวงตา การโจมตีนั้นได้อาละวาดภายในร่างของปิงเว่ยเซียนจื่อ ภายใต้ระยะของอาณาเขตเหมันต์ พลังของมันได้ส่งผลต่อปิงเว่ยเซียนจื่อน้อยลงหลายส่วน

นอกจากนั้น ปิงเว่ยเซียนจื่อยังมีเวลาในการเตรียมตัวรับเพลิงอัสนีเทพเจ้า ไม่เผลอตัวไปเหมือนก่อนหน้า

‘เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า’ นี้ จ้าวเฟิงสามารถทำได้เพียงสร้างความเสียหายเล็กๆ ให้จิตใจของปิงเว่ยเซียนจื่อ

ปิงเว่ยเซียนจื่อเค้นเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ ฟันขาวขบแน่น รับการโจมตีของวิชาดวงตานี้ไว้

“มันต้องมีบางอย่าง”

สายตาของจ้าวเฟิงส่องประกายระริก พบว่าปิงเว่ยเซียนจื่อต่อสู้อย่างบ้าบิ่น

จากพลังอันน่ากลัวของ ‘อาณาเขตเหมันต์’ ได้ส่งผลต่อความเร็วการเคลื่อนไหวของจ้าวเฟิงอยู่ในระดับหนึ่ง

ทว่าจ้าวเฟิงพบว่าการต่อสู้ระยะประชิดของปิงเว่ยเซียนจื่อนั้นธรรมดายิ่งนัก ไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งเช่นชื่อเฉิงเทียน และไม่ได้มีความคล่องแคล่วมากมาย

เมื่อจ้าวเฟิงเห็นช่องว่างของปิงเว่ยเซียนจื่อ การต่อสู้ก็ทำท่าจะจบลงอย่างรวดเร็ว

บุปผาเหมันต์อัสนี!

จ้าวเฟิงสร้างประกายแสงขึ้นจำนวนมาก พลังเหมันต์อัสนีพุ่งออกไปพร้อมหนึ่งฝ่ามือ แขนทั้งสองของปิงเว่ยเซียนจื่อผายออก เปิดช่องว่างให้อีกฝ่าย

สีหน้าของปิงเว่ยเซียนจื่อเปลี่ยนไป รีบเบี่ยงกายไปด้านข้าง

เปรี้ยง ฟุ่บ

ทว่ามันช้าเกินไป ฝ่ามือของจ้าวเฟิงได้โจมตีไปยังผิวขาวราวหยกใกล้บริเวณทรวงอก

“หืม?”

จ้าวเฟิงรู้สึกผิดปกติ เพียงรู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่ม ฝ่ามือนั้นได้สัมผัสไปยังทรวงอกขาวอวบอิ่มของปิงเว่ยเซียนจื่อ

อ๋า

เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ใบหน้าแดงก่ำขึ้นเล็กๆ

ในด้านการป้องกัน ‘กายหยกฉวนปิง’ ของปิงเว่ยเซียนจื่อไม่นับว่าด้อยไปกว่าร่างกายอันแข็งแกร่งของชื่อเฉิงเทียน และยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงบริเวณทรวงอกขาวเลย

นอกจากนั้น กายหยกฉวนปิงยังสามารถป้องกันการโจมตีธาตุน้ำแข็งได้แทบจะสิ้นเชิง

สุดท้ายแล้ว ฝ่ามือนี้ของจ้าวเฟิงแทบจะไม่อาจทำอันตรายใดๆ แก่ปิงเว่ยเซียนจื่อได้

“บัดซบ… ถูกหลอก!”

จ้าวเฟิงตระหนักได้ในที่สุดว่าปิงเว่ยเซียนจื่อจงใจเปิดช่องว่างให้เขาใช้ฝ่ามือนี้

และก็เป็นเช่นนั้น เมื่อเห็นว่าปิงเว่ยเซียนจื่อเผยใบหน้าชั่วร้ายขบขันออกมา

เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวเพียงเตรียมตัวที่จะล่าถอย ทว่า ‘อาณาเขตเหมันต์’ ของปิงเว่ยเซียนจื่อพลันถูกใช้ออกจนถึงขีดสุด

ความเย็นอันน่าพรั่นพรึงแช่แข็งอากาศ โลหิตในกายของจ้าวเฟิงแทบจะหยุดไหลเวียน ร่างกายสั่นสะท้านเย็นเยียบ ไม่อาจเคลื่อนไหว

ยิ่งไปกว่านั้น

ปิงเว่ยเซียนจื่อที่ยอมรับการโจมตีครั้งหนึ่ง ในเวลาเดียวกันก็ได้ส่งแขนเรียวขาวราวหิมะไป ‘กอด’ จ้าวเฟิง

“เพ้ย!”

เสียงตกใจดังขึ้นจากหลายที่

ผู้ที่เฝ้ามองอยู่ใกล้ๆ อ้าปากค้าง ตื่นตะลึงนิ่งอึ้ง

ยอดฝีมือจากทั่วทุกทิศบนที่นั่งผู้ชมในลานประลองชางกู่ตกใจ คางแทบจะร่วงหล่นไปถึงพื้น

ใช่แล้ว!

ปิงเว่ยเซียนจื่อได้กอดจ้าวเฟิง ทั้งยังเป็นการกอดแน่นเสียด้วย

หากเป็นยามอื่น นี่คงเป็นภาพของคู่รักที่กำลังตกอยู่ในห้วงความรัก

“ฮี่ฮี่ จ้าวเฟิงนับว่าประมาทคู่ต่อสู้จนถูกหลอกแล้ว”

มุมปากของราชินีฉวนปิงยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มยินดี

จ้าวเฟิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ถูกกอดอย่างแนบแน่นโดยปิงเว่ยเซียนจื่อ ความเย็นเยียบมหาศาลในอากาศได้แพร่กระจายไปทั่วร่าง

ได้ถูกสาวงามที่ราวกับเทพธิดาจำแลงกอดเช่นนี้ควรจะเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างไม่อาจเทียบ ทว่าสำหรับจ้าวเฟิงแล้วมันนับเป็นการก้าวเท้าเข้าไปยังนรกอันเย็นเยียบไร้ที่สิ้นสุดโดยไม่ต้องสงสัย

พลังความเย็นอันไร้ที่สิ้นสุดได้กัดกินไปทั่วร่างของจ้าวเฟิง

ทันใดนั้น บนร่างของเด็กหุ่มพลันปรากฏชั้นน้ำแข็งขึ้น ความเย็นในอากาศกัดกร่อนต้องการจะแช่แข็งปราณจิตวิญญาณและพลังสายเลือดของเขา

“ปิงเว่ยเซียนจื่อผู้นี้มิคาดไร้ยางอายถึงเพียงนี้ ล่อลวงข้าด้วยการเปิดช่องว่างที่หน้าอก แล้วใช้พลังความเย็นกักขังข้าไว้”

ทั่วทั้งร่างของจ้าวเฟิงเย็นเยียบสั่นสะท้าน ไม่อาจเคลื่อนไหว

เขากับปิงเว่ยเซียนจื่อ ‘กอด’ กันอยู่ที่เดิม กลิ่นหอมอบอุ่นโชยออกจากผิวขาวราวหยกที่เย็นเยียบแข็งกระด้าง

คนทั้งสองอยู่ใกล้กันเพียงเอื้อมมือ

ปากของจ้าวเฟิงแทบจะสัมผัสไปที่ใบหน้างดงามราวหยกของปิงเว่ยเซียนจื่อ

ปิงเว่ยเซียนจื่อนั้นราวกับรูปสลักสาวงามที่สร้างขึ้นจากน้ำแข็ง มุมปากปรากฏรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยจิตสังหารเย็นเยียบอีกครั้ง

ในความรู้เกี่ยวกับน้ำแข็งนั้น นอกจากพลังสายเลือดที่มีแล้ว จ้าวเฟิงนับว่าด้อยกว่าปิงเว่ยเซียนจื่อมากกว่าหนึ่งขั้น

ในการสัมผัสกันระยะใกล้เพียงนี้ ความเร็วการเคลื่อนไหวที่จ้าวเฟิงเหนือกว่าไม่อาจใช้ออกได้

มันไม่ใช่ว่าจ้าวเฟิงไม่อยากดิ้นรน

พลังฝึกตนของปิงเว่ยเซียนจื่อเหนือกว่าเขามากกว่าหนึ่งหรือสองขั้น ปราณจิตวิญญาณบริสุทธิ์ มีพลังสายเลือดที่คล้ายคลึงกัน ทั้งยังมี ‘กายหยกฉวนปิง’ ทำให้พลังกายแข็งแกร่งกว่าเขา

ทั้งธาตุน้ำแข็งยังนับเป็นเรื่องที่ปิงเว่ยเซียนจื่อเชี่ยวชาญ ย่อมสามารถไล่ต้อนจ้าวเฟิงได้

เมื่อถูกกอดไว้ไม่ปล่อยเช่นนี้ ร่างของจ้าวเฟิงจึงเย็นเยียบแข็งค้าง ทั่วทั้งร่างถูกแช่แข็ง ไม่อาจดิ้นรนได้

หวืออ

ในความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จ้าวเฟิงและปิงเว่ยเซียนจื่อได้กลายเป็นแท่งน้ำแข็งไปอย่างรวดเร็ว

ร่างกายของจ้าวเฟิงถูกแช่แข็งโดยสิ้นเชิง ตกสู่สถานการณ์สิ้นหวัง ปิงเว่ยเซียนจื่อมีกายหยกฉวนปิง เป็นราวกับแท่งน้ำแข็งเดินได้ การเคลื่อนไหวไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

ในระยะเวลาหลายลมหายใจนี้ ระยะร้อยหลารอบด้านได้ถูกความเย็นมหาศาลแช่แข็ง ผู้ที่อยู่ในขั้นนายเหนือแท้ยังยากที่จะเข้าใกล้

ใจกลางดินแดนแห่งน้ำแข็ง หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งกอดกันแน่น ราวกับคู่รักที่ถูกแช่แข็งคู่กัน

โม่เทียนอี้ที่สังเกตการณ์อยู่ไม่ห่างนิ่งอึ้ง

ชื่อเฉิงเทียนที่ยังไปไม่ไกลรับรู้เพียงความเย็นเยียบที่แพร่กระจายออกมา รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

นี่… นี่มันสถานการณ์อันใดกัน?

อัจฉริยะที่อยู่ในระยะหนึ่งร้อยลี้รอบด้าน ไม่ว่าจะสังเกตการณ์อยู่ในที่แจ้งหรือที่ลับต่างก็อ้าปากกว้างจนสามารถยัดผลผิงกั่วเข้าไปได้

“นี่มันอันใดกัน? บ้าไปแล้ว! สองคนนี้ถูกแช่แข็งด้วยกัน!”

“ปิงเว่ยเซียนจื่อ สตรีผู้นี้โหดเหี้ยมโดยแท้ รู้อยู่แล้วว่านางไม่มีทางมีเจตนาดี”

แฝดไท่หยุนที่อยู่เหนือผาตื่นตะลึงจนความรู้สึกช้าไปชั่วขณะ จับจ้องไปยังร่างที่ถูกแช่แข็งของหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี

ในเวลาเดียวกัน

ทิศตะวันออก ท้องฟ้าเหนือบริเวณแม่น้ำได้ปรากฏการสั่นไหวของไอสวรรค์อย่างรุนแรง ราวกับแสดงความตื่นเต้นออกมา

ครืนน เปรี้ยง

พื้นดินและอากาศสั่นสะท้านเล็กๆ

กลุ่มไอสวรรค์หลากสีได้รวมตัวกันใกล้น้ำในแม่น้ำ สั่นสะท้านไม่เป็นสุข

“ศิษย์น้องหยูเฟ่ยบรรลุขั้นแล้ว!”

โม่เทียนอี้ตะโกนเสียงเบา

พลังของขั้นผู้วิเศษแท้ที่ทรงพลังได้แพร่กระจายออกมาในอากาศ

ไอสวรรค์ไร้ที่สิ้นสุดระหว่างฟ้าดินได้สะท้อนก้องอย่างน่าตื่นตะลึง สร้างภาพที่ยิ่งใหญ่ขึ้น

“การตอบสนองต่อไอสวรรค์ นี่คือระดับที่ขั้นนายเหนือแท้สามารถกระทำได้ เป็นไปได้อย่างไร…”

ยอดฝีมือที่อยู่บนที่นั่งผู้ชมในลานกรประลองชางกู่พลันส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นตะลึงอย่างช่วยไม่ได้

การบรรลุขั้นของจ้าวหยูเฟ่ยนั้น ไอสวรรค์ได้รวมตัวกันเป็นภาพที่งดงามขึ้นจำนวนมาก ราวกับกำลังล้อมรอบผู้ที่ถือกำเนิดลงมา

“นี่มันคือพลังสายเลือดอันใดกัน เพียงบรรลุขั้นเป็นขั้นผู้วิเศษแท้ ทว่าอำนาจราวกับจะเทียบได้กับขั้นนายเหนือแท้”

ผู้สูงศักดิ์ทั้งเก้าล้วนมีสีหน้าตื่นตะลึง ภาพการบรรลุขั้นในระดับนี้ มีเพียงแค่ตัวตนอันเป็นที่สุดบางคนในตำนาน เช่นผู้นำลัทธิมารจันทราชาดและจอมดาบเย่อู๋เสีย หรือหยูเทียนฮ่าวเท่านั้นที่ทำได้

ในเวลาเดียวกัน

ครืนนน

ท้องฟ้าเหนือลานประลองชางกู่ได้ปรากฏเงาขนาดใหญ่ลอยคว้าง กลิ่นอายมรดกที่ทรงพลังได้แพร่กระจายออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version