บทที่ 447 ความยิ่งใหญ่ของงานชุมนุมเซียนมังกร
“ท่านอาจารย์กำลังปิดด่านฝึกตน ไม่อาจรับแขกได้ หากมีเรื่องอันใดให้บอกข้าไว้” น้ำเสียงขององค์หญิงจิงราวกับสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ
นัยน์ตาของนางราบเรียบราวผิวน้ำ ใบหน้าขาวงดงามราวฤดูใบไม้ผลิ ทั้งอาภรณ์ของชนชั้นสูงสีฟ้าก็ยิ่งส่งเสริมความงามของนาง ภายใต้แสงมืดหม่นของยามราตรี ผิวของนางส่องประกายนุ่มนวลราวผลึกไร้ซึ่งรอยตำหนิ เหมือนเช่นรูปวาด
หากจะกล่าวว่าสตรีผู้นี้ไร้ซึ่งที่ติก็ไม่นับว่าเกินเลยไป คำอธิบายความงดงามขององค์หญิงจิงอาจเรียกได้ว่าไร้ผู้เทียบเคียง
บุรุษหลายคน ณ ที่แห่งนั้นกลั้นหายใจ ฝีเท้าชะงักค้าง ยามที่สบตากับองค์หญิงจิงก็พลันหลบไปด้านข้าง อดที่จะรู้สึกด้อยค่าไม่ได้
“น้องเก้า!”
องค์ชายสามเผยสีหน้ายินดีออกมา พี่น้องได้กลับมาเจอกัน ทั้งสองมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม
“จิงเอ๋อร์ อาการบาดเจ็บของ ‘ตาแก่ซู่’ ยังไม่ดีขึ้นอีกหรือ?”
สีหน้าของผู้เฒ่าเจียงเคร่งเครียดขึ้น
องค์หญิงจิงเผยความขมขื่นหดหู่ออกมา ส่ายศีรษะเล็กๆ “วันก่อนท่านอาจารย์ถูกผู้ฝึกตนชั้นนายเหนือแท้หลายคนลอบโจมตี ทำให้บาดเจ็บสาหัส การที่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้จนถึงบัดนี้นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
สีหน้าของราชวงศ์สมบัตินภาและคนอื่นๆ ณ ที่แห่งนั้นก็ดูหดหู่ลง
“ผู้เฒ่าเจียง ครานี้มีแขกผู้มีเกียรติคนใดมากันจึงได้ขอเช้าพบท่านอาจารย์?”
องค์หญิงจิงรักษาจิตใจให้เยือกเย็น สายตากวาดมองกลุ่มคนจากราชวงศ์สมบัตินภา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าเจียงและองค์ชายสามจึงมีปฏิกิริยา
“น้องเก้า ข้าจะแนะนำคนผู้หนึ่งให้ นี่คือจ้าว… เพ้ย!”
องค์ชายสามเพียงผายมือไป เอ่ยพูดไปครึ่งหนึ่งก็พลันอ้าปากค้าง ผู้เฒ่าเจียงและองค์ชายสามหันตัวกลับไป จ้าวเฟิงหายไปไหนแล้ว?
ไม่นาน สายตาของผู้คนจึงมองลงเบื้องล่าง
ท่ามกลางพื้นหญ้า
เด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้ากำลังนอนหลับอย่างเงียบๆ ลมหายใจสม่ำเสมอ
“เขา… หลับไปแล้ว!”
คนจากราชวงศ์สมบัตินภาอุทานขึ้นเบาๆ ทว่าไม่คิดว่าแปลกประหลาดแต่อย่างใด ในเวลา 20 วันที่ผ่านมา อาการนอนมากของจ้าวเฟิงเป็นสิ่งที่พวกเขาคุ้นชินไปแล้ว
“เขาคือผู้ใดกัน?”
ฉากหน้าขององค์หญิงจิงยังคงราบเรียบราวผิวน้ำ ทว่าน้ำเสียงเย็นเยียบ คาดเดาได้ไม่ยากว่านางกำลังไม่พอใจอยู่บ้าง
เมื่อเห็น ‘องค์หญิงจิง’ ที่เป็นหนึ่งในตำนานของแคว้นเมฆา ไม่ว่าจะเป็นเด็กหนุ่มสาวผู้ใดก็ต้องเช้ามาสรรเสริญเยินยอ แม้นางจะรู้สึกกระวนกระวายและไม่สบายใจนัก ทว่านางก็ไม่อาจเสียมารยาทได้
ทว่าแขกเบื้องหน้าผู้นี้กลับหลับลงต่อหน้า ‘องค์หญิงจิง’ เสียเช่นนั้น
ในหมู่บ้าน
สีหน้าของยอดฝีมือของพันธมิตรสังหารมังกรเต็มไปด้วยความอึ้งตะลึง
“ต่อหน้าสตรีที่งดงามที่สุดของแคว้นใหญ่สมบัตินภายังสามารถหลับได้ เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก”
“น่าสนใจ องค์หญิงจิงต้องโกรธเป็นแน่ แต่ด้วยความสามารถในการควบคุมตนเองของนาง นางจึงไม่ได้แสดงมันออกมา”
ผู้คน ณ ที่นั้นลอบกระซิบกัน เฝ้ารอชมดูละคร
“เอ่อ น้องเก้า สถานการณ์ของแขกผู้มีเกียรติผู้นี้ค่อนข้างพิเศษ…”
องค์ชายสามแย้มยิ้มกระอักกระอวล รีบเอ่ยขึ้น
“ ‘แขกผู้มีเกียรติ’ เช่นนี้น้องเพิ่งจะเคยพบเป็นครั้งแรก และแม้ว่าท่านจะเป็นองค์ชายแห่งแคว้นสมบัตินภา แต่คนผู้ที่ไร้ซึ่งแหล่งที่มายังนำมาที่ฐานหลักของ ‘พันธมิตรสังหารมังกร’ รู้สึกพอใจบ้างหรือยังเล่า?”
ชัดเจนว่าด้วยสถานะแล้ว องค์หญิงจิงเมื่อเทียบกับองค์ชายสามแล้วก็มีเพียงแต่จะสูงกว่า ไม่ด้อยกว่า
คนที่เห็นภาพนั้นไม่รู้สึกแปลกประหลาด
องค์หญิงจิงในอดีตอาจกล่าวได้ว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้นใหญ่อาณาจักรนภา กระทั่งได้เช้าร่วมงานชุมนุมเซียนมังกร
นอกจากนั้น นางยังเป็นศิษย์คนสุดท้ายของผู้เฒ่าซู่ด้วย”
ในด้านพรสวรรค์พลังฝึกตน องค์หญิงจิงได้เช้าสู่ชั้นมนุษย์แท้แล้วโดยที่อายุยังไม่ทันถึง 20 ขวบปี ในแคว้นเมฆานับว่าเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ไร้คู่ต่อกร
“น้องเก้า… น้องจ้าวคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของสิบสามแคว้นและคือผู้ที่ช่วยเหลือเราให้หลบหนีมาได้”
บนหน้าผากขององค์ชายสามปรากฏหยาดเหงื่อเย็นเยียบ
แม้ว่าองค์หญิงจิงจะเป็นน้องสาวของเขา ทว่าตั้งแต่เด็กได้ถูกเลือกโดย ‘ตำหนักวายุนภา’ สำนักอันดับหนึ่งแห่งแคว้นใหญ่สมบัตินภา
ในราชวงศ์สมบัตินภา สถานะขององค์หญิงจิงพิเศษอย่างมาก
นางไม่ใช่เพียงแค่องค์หญิง ทว่ายังเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากของตำหนักวายุนภา เป็นตัวเชื่อมระหว่างราชวงศ์และสำนัก
กระทั่งในสายตาของยอดฝีมือของสำนัก แซ่ที่สำคัญของนางยังเหนือกว่าราชาแห่งสมบัตินภาเสียอีก ในยามนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับการสอบถามของ ‘องค์หญิงจิง’ องค์ชายสามจึงพลันรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล จากความเช้าใจในตัวน้องสาวของเขา อีกฝ่ายกำลังโกรธเคืองไม่พอใจอยู่
ผู้เฒ่าเจียงในชุดสีน้ำตาลข้างๆ ร่างเปียกโชกด้วยเหงื่อ
ในสถานการณ์ที่ผู้นำของพันธมิตร ‘ผู้เฒ่าซู่’ ปิดด่านฝึกตน องค์หญิงจิง ศิษย์คนสุดท้ายผู้นี้ก็เป็นเหมือนผู้แทนของเขา
ไม่ว่าภายนอกจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น จ้าวเฟิงที่หลับใหลไปก็ไม่อาจรับรู้ได้
ตราบเท่าที่ภายนอกไม่เกิดเสียงดังอย่างมากหรือปรากฏจิตสังหารเช้ามาใกล้ จ้าวเฟิงจะไม่ตื่นขึ้นมาง่ายๆ
การหลับใหลในช่วงที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับการวิวัฒนาการครั้งก่อนของดวงตาเทพเจ้าแล้วนับว่ามีความแตกต่างอย่างมาก
“ใครก็ได้ มานำคนกับแมวนี่ไปขัง หากไม่มีคำอนุญาตของข้า ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามเช้าใกล้”
ท่าทีขององค์หญิงจิงยังเงียบราบเรียบนุ่มนวล ทว่าคำสั่งที่เอ่ยออกไปเต็มไปด้วยความเด็ดขาด
สิ้นเสียง
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ
ร่างหลายร่างพุ่งเช้าโอบล้อมร่างของจ้าวเฟิงและแมวขโมยตัวน้อยอย่างรวดเร็ว
“จิงเอ๋อร์ ไม่ได้นะ!”
ผู้เฒ่าเจียงสีหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง รีบเอ่ยขัดขวาง เขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเด็กหนุ่มเบื้องหน้าผู้นี้เป็นยอดฝีมือในชั้นผู้วิเศษแท้ พลังลึกล้ำเกินจะคาดเดาเป็นเพราะว่ากำลังอยู่ในช่วงหลับลึก กลิ่นอายบนร่างของจ้าวเฟิงจึงอ่อนจางลงจนไม่อาจสัมผัสได้
ทันใดนั้น บรรยากาศรอบด้านก็พลันหนักอึ้งเลวร้ายลง
ผู้เฒ่าเจียงและองค์ชายสามปกป้องจ้าวเฟิงอย่างจริงจัง ขัดขวางคำสั่งขององค์หญิงจิง
“พวกท่านจะต่อต้านคำสั่งของข้าหรือ?”
ใบหน้างดงามขององค์หญิงจิงเย็นชาลงเล็กๆ สถานการณ์นี้เป็นสิ่งที่นางไม่ได้คาดคิดเอาไว้ เหตุใดผู้เฒ่าเจียงและองค์ชายสามจึงต้องไปปกป้องเด็กหนุ่มที่มีที่มาไม่แน่ชัดผู้นี้ กระทั่งนำเขามายังฐานหลักของพันธมิตรสังหารมังกร?
เมี้ยว เมี้ยว!
แมวขโมยตัวน้อยแยกเขี้ยว วาดกรงเล็บของมันไปมาขณะที่นั่งอยู่บนตัวของผู้เป็นนาย สังเกตสถานการณ์ของสมาชิกพันธมิตรสังหารมังกรอย่างจองหอง
“เพ้ย! แมวนั่น…”
องค์หญิงจิงพลันรู้สึกคุ้นเคยขึ้น
แมวขโมยตัวตรงหน้านั้นได้ปะติปะต่อกับเศษความทรงจำในงานชุมนุมเซียนมังกร
“แมวขโมยตัวน้อย… เด็กหนุ่มผมสีฟ้า…”
ดวงตางดงามขององค์หญิงจิงกลอกไปมองรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มผมสีฟ้าอย่างละเอียดเป็นครั้งแรก
ก่อนหน้า
จ้าวเฟิงนอนอยู่บนพื้น องค์หญิงจิงจึงเห็นได้เพียงลางๆ
“มิคาดว่าเป็น… เขา…”
หลังจากที่สังเกตอย่างละเอียด หัวใจขององค์หญิงจิงก็พลันกระตุบวูบ
“แต่เป็นไปได้อย่างไร… ที่เขาจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่?”
ทั่วทั้งใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจและยินดี ตื่นตะลึงจนสิ้นเสียง เอ่ยคำพูดออกมาติดๆ ขัดๆ นัยน์ตาจับจ้องไปยังเด็กหนุ่มผมฟ้าที่นอนนิ่งไม่ละสายตา
การเปลี่ยนแปลงแบบพลิกตลบนี้ได้ทำให้ผู้คนรอบๆ มองไปอย่างงุนงง อ้าปากค้าง ชั่วครู่ก่อนหน้า องค์หญิงจิงยังขุ่นเคืองจนหน้าเกร็งอยู่เลย แต่ไม่กี่วินาทีต่อมา ท่าทีขององค์หญิงจิงกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทำให้ผู้คนไม่อาจตามได้ทัน
มีคำบอกว่าสตรีนั้นเต็มไปด้วยความแปรปรวน การเช้าไปในหัวใจของพวกนางเหมือนเช่นการร้อยด้ายเช้ารูเข็ม
ในยามนี้ ผู้คน ณ ที่นั้นอดที่จะมีความเช้าใจอย่างล้ำลึกกับประโยคนี้ไม่ได้
องค์หญิงจิงในยามนี้ ใบหน้างดงามแดงก่ำขึ้นเล็กๆ อย่างตื่นเต้นประหลาดใจ สีหน้ายากที่จะปิดบังความเคารพนับถือไว้ได้ กระทั่งเผยความรู้สึกของเด็กหญิงตัวน้อยที่เต็มไปด้วยความชื่นชมออกมาอย่างหาได้ยาก
ปากขององค์ชายสามอ้ากว้าง พลันค้นพบว่าตนเองไม่อาจเช้าใจน้องสาวคนที่เก้าที่อยู่ด้วยกันมาหลายปีผู้นี้ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสีหน้าแบบนี้ของ ‘องค์หญิงจิง’ เห็นท่าทีเอียงอายของน้องเล็กผู้นี้
“จ้าวเฟิงผู้นี้มีความลับอันใดกัน ทำให้อัจฉริยะที่งดงามที่สุดของแคว้นใหญ่สมบัตินภาในอดีตกระทั่งเกิดความชมชอบขึ้นได้”
ยอดฝีมือที่เห็นภาพนั้นเกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายขึ้น
ในยามนี้ ร่างของเด็กหนุ่มผมฟ้าผู้นั้นดูราวกับมีเสน่ห์ลึกลับ แม้ว่าจะกำลังหลับลึกอยู่ก็ได้ทำให้เทพธิดาในความคิดของผู้คนเกิดความรู้สึกชมชอบได้
กระทั่งผู้เฒ่าเจียงที่มากประสบการณ์ยังนิ่งอึ้ง
“ผู้เฒ่าเจียงและพี่สาม มิคาดว่าพวกท่านจะสามารถนำเขามาที่พันธมิตรสังหารมังกรได้ อย่าได้บอกข้าเชียวว่านี่คือลิขิตแห่งสวรรค์?”
องค์หญิงจิงสูดลมหายใจลึก หัวใจเต้นรัว นัยน์ตางดงามหยุดอยู่ที่ร่างของเด็กหนุ่มผมฟ้าแทบจะไม่กระพริบตา
จากนั้นผู้คนจึงได้เห็นด้วยตาตนเองว่าองค์หญิงจิงไม่สนใจร่างที่เป็นสตรีของตนเอง อุ้มจ้าวเฟิงที่อยู่ในสภาวะหลับลึกเช้าไปพร้อมกับสร้างเปลให้อีกฝ่าย กระทั่งดูแลอีกฝ่ายด้วยตนเอง
ในหมู่บ้าน
ยอดฝีมือพันธมิตรสังหารมังกรเริ่มรู้สึกสงสัยในสายตาของตนเอง เทพธิดาในใจของพวกเขา อัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้นใหญ่สมบัตินภา องค์หญิงจิง จะลดตัวลงไปดูแลเด็กหนุ่มในช่วงวัยเดียวกัน
จ้าวเฟิงที่กำลังหลับใหลรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนจาง มือเลื่อนไปจับก้นขององค์หญิงจิง อย่างไม่รู้ตัว ใบหน้างดงามขององค์หญิงจิงแดงก่ำ ปล่อยจ้าวเฟิงไว้ในห้องก่อนจะรีบจากไป
ก่อนจะออกไป
นัยน์ตาของเด็กสาวมองไปยังจ้าวเฟิงที่กำลังหลับใหลปรากฏความอ่อนโยนและคลั่งไคล้อยู่
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ นางจึงออกไป
“น้องเก้า เมื่อใดกันที่เจ้ารู้จักน้องจ้าว?”
องค์ชายสามเอ่ยถามขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว
ในวินาทีนั้น เปลวเพลิงแห่งความสงสัยได้แผดเผาจิตใจของผู้คนในบริเวณนั้น กระทั่งผู้เฒ่าเจียงยังมีความเคลือบแคลงขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
ในใจของผู้คน องค์หญิงเจียงผู้นี้หลงตนเองว่าสูงส่งยิ่งกว่าตะวัน มีหรือที่จะดูแลอัจฉริยะจากแคว้นเมฆาผู้หนึ่ง
“ข้ารู้จักเขา แต่ไม่รู้ว่าเขาจะรู้จักข้าหรือไม่?”
องค์หญิงจิงถอนหายใจอย่างแผ่วเบา
ยามนั้น
ในสมองของนางปรากฏภาพความทรงจำขึ้น
ในภาพนั้น
องค์หญิงจิงอยู่ที่ลานประลองชางกู่ เบื้องหน้าคืออัจฉริยะยอดฝีมือจากหลากหลายแดน จนกระทั่งนางไม่อาจนับเป็นอันใดได้
ในงานชุมนุมเซียนมังกรนั้น อัจฉริยะชั้นมนุษย์แท้ระดับแรกเริ่มอย่างนางเป็นเพียงแค่ตัวตนระดับล่างสุด เมื่อเทียบกับดวงดาวที่เจิดจ้า นางธรรมดายิ่งนัก ไม่ต้องเอ่ยถึงเหล่าผู้ถูกเลือกที่เหนือกว่าผู้อื่นหลายเท่าตัวเลย ในฝูงชน นางทำได้เพียงแหงนมองห้าผู้ถูกเลือกแสดงความสามารถอันยิ่งใหญ่ ทำให้ช่วงเวลานั้นกลายเป็นจุดที่สูงที่สุดตลอดกาล
โดยไร้ซึ่งข้อสงสัย
การประลองแรก นางแพ้
ครั้งที่สอง นางแพ้
ครั้งที่สาม ก็ยังคงเป็นความพ่ายแพ้อันยับเยิน
นางกระทั่งได้รับบาดเจ็บสาหัสกลาง ‘รอบห้าแดนดิ้นรนสู่ความเป็นใหญ่’ ไม่อาจที่จะต่อสู้ต่อไปได้
แน่นอนว่า
นางย่อมไม่เต็มใจที่ถูกตัดสิทธิ์ หวังว่าจะได้ประลองกับอัจฉริยะในช่วงเวลาที่สุดยอดนี้
งานชุมนุมเซียนมังกรยังคงดำเนินต่อไป
จนกระทั่งนางเห็นดวงดาวที่สว่างรุ่งโรจน์ดวงหนึ่ง เป็นม้ามืดและราชาที่ทรงพลังไร้เทียมทาน สร้างปาฏิหาริย์ กลับกลายเป็นผู้ถูกเลือกคนใหม่
เด็กหนุ่มผู้นั้นมีเรือนผมสีฟ้า ข้างกายมีแมวเป็นสัตว์เลี้ยง ทำให้จิตใจของผู้ชมเร่าร้อน เจตจำนงอันเดือดพล่านได้เผาไหม้ทุกซอกมุมของลานประลองชางกู่
การเปลี่ยนแปลงและปาฏิหาริย์ การก้าวข้ามอุปสรรคทั้งหมดทั้งมวล…
เด็กหนุ่มผู้นั้นได้ก้าวเดินสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุดท่ามกลางสายตาของผู้คน
เมื่อใดไม่มีผู้ใดล่วงรู้ที่นัยน์ตาของนางเปียกชื้น อดที่จะร่ำไห้เพื่อเขาไม่ได้
ไม่มีผู้ใดรู้
ในช่วงเวลาสูงสุดของงานชุมนุม หนึ่งคนหนึ่งแมวนี้ได้ชนะใจและเสียงตะโกนร่ำร้องของผู้คนจำนวนมากไป
ความเร็วของความคิดนั้นเป็นเพียงเสี้ยวพริบตา
ภาพเหล่านั้นฝังแน่นอยู่ในสมองขององค์หญิงจิง
นางไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่ง เขา เด็กหนุ่มที่เทียบเคียงได้กับพระเจ้าผู้นั้นจะมาให้พบเจอห่างเพียงเอื้อมมือ สามารถมองเขาตัวเป็นๆ ได้