บทที่ 475 ไล่ล่าจากระยะไกล
ห่างออกไปหนึ่งพันลี้ บนยอดเขา
บนไหล่ของเขาปรากฏร่างของแมวสีเทาเงินตัวหนึ่งที่อ้าปากหาวอย่างเบื่อหน่าย
ทันใดนั้น นัยน์ตาหม่นมัวของเด็กหนุ่มก็ส่องประกายสว่างวาบ มุมมองที่อยู่บนท้องฟ้าสูงกลับมายังร่างกาย
“ระยะทางหนึ่งพันลี้ พลังวิญญาณดวงตาที่ใช้ในการข้ามระยะทางมาก ทว่าพลังวิชาดวงตาไม่อ่อนแอลง กระทั่งมีพลังมากขึ้น”
สีหน้าของจ้าวเฟิงแม้จะดูเหนื่อยล้าแต่ก็เต็มไปด้วยความยินดี
หากสาวกลัทธิมารจันทราชาดรู้สถานการณ์ตอนนี้ของจ้าวเฟิง ไม่รู้ว่าจะรู้สึกตื่นตะลึงจะสิ้นหวังมากเพียงใด ระยะทางห่างไกลกว่าพันลี้สามารถติดตามผ่านระยะทางไกลได้ นับว่าเป็นวิชาดวงตาที่เหนือกว่าจินตนาการ
ทว่าในขณะเดียวกัน เป็นเพราะระยะทางที่ห่างไกล การใช้วิชาดวงตาอื่นๆ จึงกินพลังวิญญาณและพลังดวงตาไปมากกว่าปกตินับสิบเท่า
เป็นเรื่องดีที่จ้าวเฟิงได้ดูดกลืน ‘แก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษา’ ไป ทำให้ดวงวิญญาณแข็งแกร่งอย่างมาก เหนือกว่าขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอดทั่วไป
จากการวิวัฒนาการเล็กๆ ของดวงตาเทพเจ้า การควบคุมพลังดวงตาของ
จ้าวเฟิงก็ก้าวเข้าสู่ระดับใหม่ ทำให้พลังที่ใช้ในการข้ามระยะทางลดลงเล็กน้อย
หลังจากที่เริ่ม ‘ไล่ล่าจากระยะไกล’ ไปครั้งหนึ่งสำเร็จ พลังดวงตาของเขาก็ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง
เด็กหนุ่มนั่งลงขัดสมาธิไม่ช้าไม่เร็ว ฟื้นฟูพลังดวงตาที่เสียไป
ระหว่างการฟื้นฟูพลัง จ้าวเฟิงกระทั่งใช้เวลาในการทำความเข้าใจรายละเอียดของมรดก ‘หอกจักรพรรดิเหมันต์’ และ ‘อนุสรณ์วายุอัสนีโบราณ’ ไปด้วย
ห่างออกไปพันลี้ วิหารโบราณในส่วนลึกของป่าเมฆาคล้อยได้กลายเป็นเพียงซากปรักหักพังไป สาวกลัทธิมารจันทราชาดสีหน้าหวาดกลัวลังเล ในยามค่ำคืน ยอดฝีมือจำนวนมากกลับไม่มีความรู้สึกมั่นคง
“รายงานหัวหน้าสาขา ผู้เชี่ยวชาญในการแกะรอยหลายคน หลังจากที่ค้นหาซ้ำๆ ใช้วิชาที่ทรงพลังทั้งหลาย ทว่ากลับไม่อาจค้นพบกลิ่นอายที่แตกต่างออกไปได้”
เงาหนึ่งกึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
ฟึ่บ ฟึ่บ
ไม่นาน ร่างหลายร่างก็กลับมายังซากปรักหักพัง ไร้ซึ่งผลลัพธ์ใดๆ
“บัดซบ” เสียงคำรามต่ำของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยพัดฝุ่นดินให้ฟุ้งกระจาย สร้างลมรุนแรงท่ามกลางแสงสลัวยามค่ำคืน กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงราวกับสัตว์ปีศาจตัวยักษ์
“หัวหน้าสาขา ผู้น้อยสงสัยว่าวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงนั่นจะสามารถใช้ออกด้วยระยะทางไกลได้”
น้ำเสียงแผ่วเบาของผู้คุ้มครองโหยวม่อดังขึ้นอย่างระมัดระวัง
เมื่อครู่ นางได้ถูกวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงควบคุม สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับสาขา ‘งูหลามยักษ์วารีทมิฬ’ ที่นางทุ่มเทฝึกฝนมาก็ถูกฝังไปพร้อมกัน
สำหรับเจ้าของเนตรสวรรค์นั้น ผู้คุ้มครองทั้งหวาดกลัวและเกลียดชัง
“มีเหตุผล พวกเรามีจำนวนมากกว่า ทั้งพลังต่อสู้ของท่านหัวหน้าสาขายังไร้เทียมทาน แม้ว่าจ้าวเฟิงจะแข็งแกร่ง เด็กนั่นก็ไม่กล้าที่จะนำร่างเข้ามาเสี่ยงอันตราย
สายตาของผู้คุ้มครองศพโลหิตสั่นระริก อดที่จะผงกศีรษะไม่ได้
ยอดฝีมือของลัทธิมารจันทราชาดบริเวณนั้นล้วนมีสายตาที่ดี ข้อสันนิษฐานนี้น่าเชื่อถืออยู่หลายส่วน
“เป็นไปได้ จะอย่างไรเนตรสวรรค์นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถจับต้องได้ แต่มันก็ยังมีคำถามอยู่ ไอ้เด็กจ้าวเฟิงนั่นสามารถค้นหาฐานทัพของเราได้อย่างแม่นยำเช่นนี้ได้อย่างไร?”
สายตาของจ้าวตำหนักโหยวหลงพลันเย็นเยียบ กวาดตามองสาวกลัทธิมารจันทราชาดในบริเวณนั้นผ่านๆ
หลายคนผวาไปกับสายตาของ ‘จ้าวตำหนักโหยวหลง’
“เจ้าจะบอกว่า… ในพวกเรามีสายลับอยู่?”
ท่าทีของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยเคร่งเครียดขึ้น เขาเลียริมฝีปาก เผยสีหน้าโหดเหี้ยมออกมา
ทันใดนั้น สาวกลัทธิมารจันทราชาดต่างรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ล่ะคนมองหน้ากัน สีหน้าตื่นตัวระแวดระวัง
ข้อสงสัยของจ้าวตำหนักโหยวหลงได้ทำให้บรรยากาศเลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก หลายคนเกร็งร่าง ไม่กล้าที่จะประมาทแม้แต่เสี้ยววินาที
เวลาผ่านไปจนถึงยามเที่ยงคืน ‘เนตรสวรรค์’ ก็ไม่ได้ปรากฏขึ้นอีก
หัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยและสาวกของสาขาเอ่ยถามคำถามกันไปมา
“อ๊ากกกก”
เมื่อแสงสว่างเริ่มสาดส่อง ซากปรักหักพังก็เกิดเสียงกรีดร้องขึ้น
“นี่เป็นสายลับคนที่สามแล้วที่หัวหน้าสาขาฆ่า”
ผู้คุ้มครองทั้งหลายมองหน้ากันด้วยสีหน้าว่างเปล่า
“มามัวแต่สงสัยกันแบบนี้ไม่ใช่แผนการที่ดี”
จ้าวตำหนักโหยวหลงส่ายศีรษะ
เขาไม่รู้ว่าต้นเหตุทั้งหมดอยู่ที่ตนเอง
วันต่อมา ดวงอาทิตย์ร้อนแรงได้ลอยอยู่กลางศีรษะ สาวกลัทธิมารจันทราชาดสีหน้าเหนื่อยล้า เร่งรีบไปตลอดทาง
“การป้องกันที่ดีที่สุดคือการโจมตี เราจัดการสำนักจันทร์สลาย ข้าไม่เชื่อว่าเด็กนั่นจะต่อต้านได้อีก”
หัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยเลิกสอบสวนในที่สุด ตัดสินใจที่จะโจมตีด้วยตนเอง
ผู้คุ้มครองทั้งหลายไม่คัดค้าน หากจะพูดในยามนี้ ศัตรูอยู่ในที่แจ้ง เราอยู่ในที่ลับ นี่ย่อมเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ
ยอดฝีมือนับสิบและสาวกลัทธิมารจันทราชาดที่ทรงพลังแข็งแกร่งขี่นกพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
ครึ่งวันต่อมา เนตรสวรรค์ก็ยังคงไม่ปรากฏขึ้น
“วิชาดวงตาของเด็กนั่นคงต้องใช้พลังมาก ไม่อาจที่จะใช้อย่างต่อเนื่องได้”
สาวกลัทธิมารจันทราชาดหลายคนอดที่จะแย้มยิ้มไม่ได้ บรรยากาศเคร่งเครียดระหว่างเดินทางจึงผ่อนคลายลง
เช้าวันที่สอง
สาวกลัทธิมารจันทราชาดบางคนพลันรับรู้ถึงแรงกดดันที่ไม่อาจมองเห็น เมื่อแหงนศีรษะขึ้นมอง ดวงตาขนาดยักษ์เย็นเยียบปรากฏขึ้นกลางเวหา ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ
“มาแล้ว”
สาวกลัทธิมารจันทราชาดหัวใจสั่นสะท้าน คนส่วนมากรู้สึกถึงแรงกดดันจนไม่อาจที่จะหายใจได้
“ทุกคนระวัง”
คนระดับสูงต่ำของลัทธิมารจันทราชาดต่างอยู่ในสถานการณ์อันตราย
“ไอ้เด็กน้อย หากไม่ยอมมาตาย ผู้นำผู้นี้จะฆ่าคนของสำนักจันทร์สลาย ทำลายสำนักของเจ้าทั้งสำนัก” หัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยท่าทีโหดเหี้ยมดุดัน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
‘ขวานเหล็กยักษ์’ ที่เต็มไปด้วยรอยเลือดเกรอะกรังเต็มไปด้วยกลิ่นอายกระหายเลือดหดหู่ถูกวาดออกไปยังท้องฟ้า
แม้ว่าการโจมตีของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยจะแข็งแกร่ง สามารถจัดการผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปได้อย่างง่ายดาย ทว่าการโจมตีนั้นราวกับจู่โจมความว่าเปล่า ดวงตาที่ลอยอยู่กลางท้องฟ้าไร้ซึ่งผลกระทบใดๆ
เนตรสวรรค์คงอยู่ 2-3 ลมหายใจ ไม่ได้โจมตีสาวกลัทธิมารจันทราอย่างชัดเจน
เนตรสวรรค์เผยความรู้สึกเย้ยหยันออกมา ก่อนจะจางหายไปโดยไร้ซึ่งร่องรอย
สาวกลัทธิมารจันทราอดที่จะถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกไม่ได้ ทว่าเมื่อมองดูด้านล่าง นกที่ทุกคนขี่อยู่พลันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมา จิตใจปรวนแปรบ้าคลั่ง ทะยานร่างลงไปยังพื้นดินอย่างเสียสติ
“เกิดอันใดขึ้น”
“ไม่ดีแล้ว ทุกคนระวัง”
สาวกระดับสูงต่ำของลัทธิมารจันทราเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผู้คนคาดไม่ถึงว่าสัตว์เลี้ยงของตนเองจะบ้าคลั่งไป
ฟึ่บ ฟึ่บ ตูมม
นกที่แข็งแกร่งเหล่านี้พุ่งจากท้องฟ้าลงไปยังพื้นดินสิ้นชีวิต
สถานการณ์นั้น กระทั่ง ‘สิงโตยักษ์เพลิงบิน’ ของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
“นู่ชือของข้า”
ดวงตาของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยถลนออก แทบจะเสียสติไป แหงนศีรษะคำราม
สิงโตยักษ์เพลิงบินของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยมีพลังต่อสู้ในระดับเดียวกับขั้นนายเหนือแท้ เป็นสัตว์วิเศษที่ล้ำค่า ทว่าในยามนี้ ‘สิงโตยักษ์เพลิงบิน’ พลันบ้าคลั่งไป สลัดผู้เป็นนายลงจากหลังก่อนจะทะยานลงสู่พื้นดิน กลายเป็นกองเลือดกองหนึ่ง
จากท้องฟ้าสูงพุ่งลงมายังพื้นดิน แรงของมันน่าหวาดกลัวเพียงใด?
ไม่ต้องเอ่ยถึงขั้นนายเหนือแท้เลย แม้จะเป็นผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดก็ต้องร่างแหลกสลายหากต้องลงมาเช่นนั้น
การปรากฏตัวขึ้นของ ‘เนตรสวรรค์’ ครั้งนี้ แม้ว่าจะไม่ได้สร้างความสูญเสียให้กับคน ทว่าทำให้สัตว์ขี่ทั้งหลายของลัทธิมารจันทราชาดตายลง
อย่างน้อย สัตว์ขี่ที่เป็นกำลังหลักก็ตายหมด
ในสามสวรรค์ของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงสามารถบินได้ด้วยตนเอง ทว่าการบินติดต่อกันก็ยังคงเปลืองแรง จำต้องใช้สัตว์ขี่แทนการเดิน สำหรับขั้นมนุษย์แท้สามารถบินได้หลายร้อยลี้ ปราณจิตวิญญาณจึงจะหมดลง สำหรับขั้นนายเหนือแท้ แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณกว้างใหญ่ไพศาล สามารถใช้ไอสวรรค์ได้ สามารถบินได้หลายพันลี้
ชั่วครู่ต่อมา สาวกลัทธิมารจันทราชาดตั้งสติได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย จะอย่างไรสัตว์ขี่ของทุกคนต่างก็เลี้ยงดูมานาน ทุ่มเทฝึกฝนเป็นอย่างดี
“รายงานท่านหัวหน้าสาขา สัตว์ขี่หลักของพวกเราสูญเสียไปทั้งหมด หากเปลี่ยนไปใช้สัตว์ขี่สำรอง ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนจึงจะสามารถไปถึงสำนักจันทร์สลายได้”
สาวกของลัทธิมารจันทราชาดคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเศร้าโศก ยอดฝีมือผู้คุ้มครองสีหน้าเลวร้ายลง รู้สึกถึงอันตรายอย่างมาก
จ้าวเฟิงผู้นี้ แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้คนต้องเสียหาย ทว่าการเคลื่อนไหวของสาวกลัทธิมารจันทราชาดต้องเชื่องช้าลงเท่าตัวหนึ่ง คนของลัทธิมารจันทราชาดต้องใช้เวลามากกว่าเดิมอย่างน้อยสองเท่าจึงจะสามารถไปถึงยังสำนักจันทร์สลายได้
“จ้าวเฟิงผู้นี้มิคาดว่าจะฉลาดเพียงนี้ อย่าได้บอกข้าเชียวว่าตระกูลของเขาเป็นตระกูลนักฝึกสัตว์?”
นัยน์ตาของผู้คุ้มครองโหยวม่อเผยความประหลาดใจออกมา
หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ นางก็ไม่อาจทำความเข้าใจได้ว่าจ้าวเฟิงใช้วิชาดวงตาทำให้สัตว์ขี่ของสาวกลัทธิมารตายได้อย่างไร
เมื่อเดินทางไประยะหนึ่ง สาวกลัทธิมารในกองกำลังรักษาระยะห่าง บางคนคนก็จะแหงนศีรษะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ในเสี้ยวพริบตา วันที่สองก็ได้ผ่านพ้นไป
แม้จะเป็นเช่นนั้น สาวกลัทธิมารจันทราชาดต่างก็หวาดกลัว
“แม้จะต้องบินไป เราก็ต้องทำลายสำนักจันทร์สลาย แล่เนื้อไอ้จ้าวเฟิงนั้น ทำให้มันลิ้มรสความทรมานทั้งหมด…”
สีหน้าของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
คืนวันที่สาม
เนตรสวรรค์ปรากฏขึ้นกลางอากาศอย่างไร้ซึ่งการเตือน กลิ่นอายของมันคลุมเครืออย่างมาก
“มาแล้ว”
สาวกลัทธิมารจันทราชาดที่ให้ความสนใจพลันตวาดออกมา
ฟึ่บ
เสียงแหวกอากาศดังขึ้นเสียดเข้าไปในแก้วหู ทิ่มแทงเข้าไปในดวงวิญญาณ ราวกับคมมีดที่ตัดผ่านอากาศ
“ระวัง”
จ้าวตำหนักโหยวหลงพลันรู้สึกคุ้นเคย ใช้การป้องกันปราณจิตวิญญาณออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทว่า เมื่อสายลมนั้นทิ่มแทงและเสียงเตือนถูกเอ่ยออกไป ทั้งหมดก็สายไปแล้ว คมมีดสายลมสีเขียวส่องประกายตัดผ่านอากาศมาอย่างไร้การเตือน
“อ๊ากกกก”
บุรุษในชุดผ้าไหมสีขาว ‘ผู้คุ้มครองซานหลิง’ กรีดร้องโหยหวน
ปราณจิตวิญญาณป้องกันของผู้คุ้มครองซานหลิงถูกใช้ออกไม่ทันเวลา ถึงยามนั้นคมมีดอากาศก็ได้ตัดร่างของเขาก็เป็นสองส่วนแล้ว
สาวกลัทธิมารต่างก็สูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไป
“ผู้คุ้มครองซานหลิงตายแล้ว…”
ผู้คนต่างหวาดผวาอย่างหนัก ความรู้สึกนั้นราวกับเดินอยู่บนขอบผา หากประมาทแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจจะต้องตายตก เมื่อ ‘เนตรสวรรค์’ จัดการไปหนึ่งคนก็เผยแววเยาะเย้ยออกมาแล้วจางหายไปไร้ซึ่งร่องรอย
สาวกลัทธิมารจันทราชาดรู้สึกราวกับน้ำหนักที่แบกอยู่บนบ่าหายไป
ทว่าเพียงแค่เบนสายตากลับมา ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น
วายุอัสนีเนตรเทพเจ้า
‘เนตรสวรรค์’ กลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวดูล่อลวง พลังธาตุแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง กลุ่มก้อนเพลิงวายุอัสนีสีใสระเบิดขึ้นบนร่างของ ‘ผู้คุ้มครองโหยวม่อ’
“กรี๊ดดดดดด”
สตรีในชุดสีดำกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ร่างกายถูกเพลิงวายุอัสนีเผาไหม้ การโจมตีผ่านจากกายเนื้อ แทรกซึมเข้าไปเผาไหม้ดวงวิญญาณ
ผู้คนที่เห็นภาพนั้นหัวใจชาหนึบ
นางไม่มีพลังสายเลือดที่แข็งแกร่งอย่างจ้าวตำหนักโหยวหลง ทั้งหลังจากที่จ้าวเฟิงบรรลุขั้นนายเหนือแท้ เปลวเพลิงวายุอัสนีในร่างก็มีคุณภาพเพิ่มขึ้นอีกครั้ง