บทที่ 516 ความแข็งแกร่งส่งผ่านทางสายเลือด
กลางอากาศ
ประกายแสงสีรุ้งของดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงในรูปแบบอีกาสีทองเข้าหลอมรวมกัน เพียงแค่ครึ่งลมหายใจ อีกาเพลิงที่สว่างโรจน์จากการโจมตีของโอรสสวรรค์สามตาก็ได้ทำลายทุกสิ่ง กุมความได้เปรียบไว้อย่างสิ้นเชิง
ลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์ของจ้าวเฟิงกำลังจะพังสลายหายไป
ทว่าในช่วงเวลาสำคัญ พลังดวงตาอันเย็นเยียบทรงพลังก็ได้ไหลทะลักออกมา ทำให้พลังของเนตรจิตวิญญาณเหมันต์แปรเปลี่ยนไป
เห็นเพียงว่าลำแสงสีฟ้าเย็นเยียบที่ปะทะกับลำแสงสีรุ้งส่องประกายเจิดจ้า พลังความเย็นควบรวมกันมั่นคงยิ่งขึ้น
สามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ราวกับถูกแช่แข็ง พลังของมันลดลงอย่างมาก
“ลักษณะของลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์คือการกัดกร่อนของความเย็น นับเป็นการโจมตีเสียส่วนมาก ทว่าไม่มั่นคง แต่ลำแสงผนึกจิตวิญญาณนี้ไม่ได้มุ่งเน้นไปทางการโจมตีมากนัก เน้นไปทางการแช่แข็งและผนึก”
ในใจของจ้าวเฟิงได้ปรากฏแก่นแท้ของจิตวิญญาณเหมันต์ขึ้น แปรเปลี่ยนเป็นเศษเสี้ยวเล็กๆ เข้าปะทะกัน ในจิตวิญญาณเหมันต์มีแก่นแท้จำนวนมากเกี่ยวกับน้ำแข็งและในด้านแก่นแท้ของการแช่แข็งนั้น ก่อนหน้าจ้าวเฟิงไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก
ทว่าในยามนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับสามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ของโอรสสวรรค์สามตาที่ทรงพลัง พลังในการแช่แข็งผนึกกลับเหมาะสมยิ่งนัก
ยามนี้
สองวิชาดวงตาที่เป็นขั้วตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงได้เข้าปะทะกันกลางอากาศ แต่ล่ะฝ่ายต่างขยายออก ในเวลาสั้นๆ ไม่อาจมองออกได้ว่าผู้ใดได้เปรียบเสียเปรียบ
ฝ่ายหนึ่งคือการแยกสลาย อีกฝ่ายคือการแช่แข็งผนึก
นี่เป็นเพียงแค่ลักษณะของวิชาดวงตา
รวมทั้งธาตุของสามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ยังตรงข้ามกับธาตุของเนตรจิตวิญญาณเหมันต์
ไม่ว่าจะเป็นลักษณะหรือธาตุก็ล้วนตรงกันข้ามกัน แต่ล่ะฝ่ายต่างต่อต้านกัน
“สามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ของโอรสสวรรค์สามตาถูกยันเอาไว้ได้”
“จ้าวเฟิงนั่นไม่ได้เสียเปรียบ”
เหล่าผู้ชมในที่นั้นเงียบงัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น การประลองนี้คือการประลองเพื่อค้นหามรดกสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปอย่างแน่นอน
“สามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ถูกรับเอาไว้ได้ด้วยเจ้าเด็กธรรมดาๆ ในแดนบุปผาครามให้กำเนิดสายเลือดดวงตาที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร”
ใบหน้าของโอรสสวรรค์สามตาบิดเบี้ยวเล็กๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวไม่เต็มใจ
แม้ว่าเสวียนอ้าวของสำแสงผนึกจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงจะด้อยกว่าเสวียนอ้าวของสามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ของเขาที่มีระบบสมบูรณ์แบบกว่า
จะอย่างไร มรดกสายเลือดดวงตาของตระกูลชินหยางก็มีประวัติความเป็นมายาวนาน ทว่าวิชาสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงได้ถูกค้นพบคัดลอกมาด้วยตนเอง ทำให้ความสามารถของมันยังมีความแตกต่างอยู่เล็กน้อย
ทว่าในด้านของพลังดวงตาและปริมาณของมัน จ้าวเฟิงเมื่อเทียบกับเขาแล้วมีแค่จะแข็งแกร่งกว่าไม่ด้อยกว่า
ดังนั้นแล้ว
‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’ ของจ้าวเฟิงจึงสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของ ‘สามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์’ ของเขาได้
บนยอดเขาห่างออกไป
“เป็นพลังดวงตาที่น่าตื่นตะลึงนัก เพียงในด้านของปริมาณสายเลือดดวงตา เฉิงเอ๋อร์นับว่าด้อยกว่า”
ผู้นำตระกูลชินหยางอุทานขึ้นด้วยใบหน้าประหลายใจ ในแววตาปรากฏความละโมบพาดผ่าน
“สายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงผู้นี้ได้เปรียบโดยแท้ แหล่งกำเนิดพลังดวงตาใหญ่โตและลึกล้ำอย่างที่ไม่อาจคาดวัด ทั้งยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้”
ชายชราหมวกฟางเอ่ยขึ้นอย่างสะเทือนใจ
เมื่อเวลาผ่านไป สีหน้าของคนทั้งสองก็ยิ่งเลวร้ายลง
กลางอากาศ ‘สามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์’ ของโอรสสวรรค์สามตาครอบครองระยะทางสองในสาม นับว่าได้เปรียบกว่าอย่างมาก
ทว่าเมื่อผ่านไปหลายลมหายใจ ระยะของสามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ลดลงเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกัน
ลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์ที่จ้าวเฟิงใช้ออกก็มีความยาวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เข้าใกล้หนึ่งในสองส่วน
ยามที่พลังดวงตาของเขาครอบครองระยะทางหนึ่งในสอง โอรสสวรรค์สามตาก็ไม่ได้เปรียบอีกต่อไป
เมื่อดูจากสถานการณ์แล้ว แหล่งกำเนิดพลังดวงตาของจ้าวเฟิงมหาศาลนัก ความยาวของลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์ค่อยๆ ขยายออก กดดันไปทางชินหยางเฉิงเทียน
“เป็นไปไม่ได้”
โอรสสวรรค์สามตากัดฟันเล็กๆ ฝืนกระตุ้นการเคลื่อนไหวของ ‘ดวงตาที่สาม’ พลังดวงตาไหลทะลักออกมา ทว่าไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าใดก็ไม่อาจสร้างความได้เปรียบได้อีกครั้ง
จ้าวเฟิงครอบครองระยะทางกึ่งหนึ่งเป็นอย่างน้อย ใช้สิ่งนี้เป็นพื้นฐาน กระตุ้นพลังของลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์ให้กดดันอีกฝ่ายไปทีล่ะน้อย
ห้าส่วน… หกส่วน… เจ็ดส่วน
จ้าวเฟิงได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ
“พรสวรรค์ของจ้าวเฟิงนับว่าเป็นสัตว์ประหลาดโดยแท้ สามารถใช้พลังดวงตาปะทะกับโอรสสวรรค์สามตาได้ตรงๆ”
ถัวป๋าฉีและเนตรวิญญาณหนานจื่อมองหน้ากัน อดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้
ในยามนี้
แม้ว่าชัยชนะและความพ่ายแพ้ของแต่ล่ะฝ่ายจะยังไม่ถูกตัดสิน แต่ความได้เปรียบของจ้าวเฟิงมีมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด
ตาชั่งแห่งชัยชนะได้เอนเอียงไปทางจ้าวเฟิงเล็กน้อย
ยามที่ลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์ครอบครองระยะทางสามในสี่ โอรสสวรรค์สามตาก็รู้สึกตึงมือ
สามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังเพียงใดไม่อาจที่จะตั้งข้อสงสัยได้
ทว่าพลังดวงตาที่ต้องใช้ไปนั้นก็น่าพรั่นพรึงเช่นกัน
“เป็นไปได้อย่างไร… เขาไม่แม้แต่จะกระพริบตาด้วยซ้ำ?”
โอรสสวรรค์สามตาไม่อาจทำใจให้เชื่อได้
จ้าวเฟิงที่อยู่อีกฟากหนึ่งของร่องลึกยังคงมีท่าทีเยือกเย็นผ่อนคลาย
ควรรู้ว่า
ดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงนั้นมีขนาดใกล้เคียงผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด มีหรือที่โอรสสวรรค์สามตาจะสามารถเทียบเคียงได้?
หากประลองยืดเยื้อ โอรสสวรรค์สามตาย่อมพ่ายแพ้โดยไม่ต้องสงสัย
“โอรสสวรรค์สามตา การประลองระหว่างเจ้ากับข้า มิใช่ว่าผลลัพธ์มันแน่นอนอยู่แล้วหรือ?”
จ้าวเฟิงเยาะเย้ย ยังคงกดดันอีกฝ่ายต่อไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของโอรสสวรรค์สามตาก็ซีดขาวน่าเกลียด สีหน้าหม่นหมองเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
เป็นความจริง ยามที่ต่อสู้ประลอง โอรสสวรรค์สามตามีความเชื่อมั่นอย่างที่ผู้ใดไม่อาจเทียบ จ้าวเฟิงที่ยอดเยี่ยมในสายเลือดดวงตาต้องตกตายในน้ำมือเขา
ในทางกลับกัน จ้าวเฟิงที่มีพลังดวงตาและพลังวิญญาณที่เหนือกว่าอย่างสิ้นเชิงก็มั่นใจ ทว่าไม่ได้เอ่ยอวดอ้างอันใด
“ชินหยางเฉิงเทียน ไม่ว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้ คนแซ่จ้าวผู้นี้ก็จะออมมือไว้อย่างถ่อมตน ข้าตั้งใจจะมาศึกษาจึงได้ท้าประลองตระกูลชินหยางของเจ้าที่มีมรดกสายเลือดดวงตาอันดับหนึ่ง”
จ้าวเฟิงส่ายศีรษะเอ่ย
ถ่อมตน? ศึกษา?
เหล่าผู้ชมในที่นั้นเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา
สิ่งที่จ้าวเฟิงแสดงออกมาในงานน้ำชานี้ แม้ว่าจะไม่ได้จองหองเพียงนั้น ทว่าเมื่อเอ่ยคำว่าศึกษาอย่างถ่อมตน ไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็ไม่เข้าที
“ศึกษาอย่างถ่อมตน? อย่าได้บอกข้าว่า…”
เนตรวิญญาณหนานจื่อราวกับนึกถึงบางอย่างขึ้นได้ หัวใจสั่นสะท้าน
บนยอดเขาห่างออกไป
“จ้าวเฟิงจะเล่นอันใดกัน?”
คิ้วของผู้นำตระกูลชินหยางมุ่นเข้าหากันเล็กๆ
“ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีการอันใด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เฉิงเอ๋อร์ก็จะแพ้”
ชายชราหมวกฟางปรากฏท่าทีหยิ่งยโส
“หึ มีข้าอยู่ตรงนี้ มีหรือที่เฉิงเอ๋อร์จะพ่ายแพ้”
ผู้นำตระกูลชินหยางเค้นเสียง
เขานั่งอยู่บนยอดเขา ‘ดวงตาที่สาม’ บนหน้าผากเปิดออกอย่างรวดเร็ว
ในฐานะของบิดาของโอรสสวรรค์สามตา สายเลือดดวงตาของผู้นำตระกูลชินหยางจึงมีความคล้ายคลึงกับอีกฝ่ายอยู่ในระดับหนึ่ง ทว่าความบริสุทธิ์ของสายเลือดยังด้อยกว่าอยู่บ้าง ทว่าในด้านของปริมาณพลังดวงตา ผู้นำตระกูลชินหยางมีมากกว่าโอรสสวรรค์สามตามากนัก
ครืนนนน
มือทั้งสองของผู้นำตระกูลชินหยางประสานกัน สายเลือดเนตรเซียนบนหน้าผากปรากฏเลือดไหลออกมา พลังดวงตาอ่อนจางสายหนึ่งราวกับเส้นไหมที่ทะยานผ่านอากาศไป
“เยี่ยม เจ้าบิดากับบุตรมีที่มาเดียวกัน ด้วยวิชาของตระกูลชินหยาง สามารถส่งพลังดวงตาผ่านระยะทางหนึ่งได้”
ชายชราหมวกฟางผงกศีรษะเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกผิดคาด
ด้านล่าง
ในลานโล่งในงานน้ำชา ดวงตาที่สามบนหน้าผากของโอรสสวรรค์สามตาส่องประกายสีทองสว่าง ปรากฏพลังดวงตาจำนวนมากทะลักออกมา
“อันใดกัน”
“โอรสสวรรค์สามตาใช้วิชาอันใดกัน จู่ๆ สามารถระเบิดพลังดวงตาที่แข็งแกร่งเช่นนั้นออกมาได้”
ถัวป๋าฉี เนตรวิญญาณหนานจื่อ และคนอื่นๆ หัวใจกระตุกวูบ อุทานออกมาเสียงดัง ในเวลาสั้นๆ ไม่กี่ลมหายใจ พลังดวงตาของโอรสสวรรค์สามตาก็เพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งเท่าตัว
ครืนนน เปรี้ยง
ลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์ของจ้าวเฟิงเกือบจะไปถึงร่างของโอรสสวรรค์สามตา ทว่ากลับถูกพลังมหาศาลของสามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์กระแทกถอยออกไป
หืม
จ้าวเฟิงประหลาดใจ
เมื่อแรงสะท้อนจากสามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์จะมาถึงร่าง ที่ที่เด็กหนุ่มเคยอยู่ก็หลงเหลือเพียงประกายสายลมและกระแสไฟฟ้า
ปีกวายุอัสนี
แผ่นหลังของจ้าวเฟิงพลันปรากฏ ‘ปีกวายุอัสนี’ ขึ้นคู่หนึ่ง พลังวายุอัสนีในฟ้าดินสั่นสะท้านอย่างตื่นตัว ตอบสนองอย่างรุนแรง สายลมพัดโหมพร้อมเสียงสายฟ้าที่ส่งเสียงครืนคราง
ในยามนี้ จ้าวเฟิงรู้สึกว่าร่างของเขาเบาหวิว ราวกับไร้ซึ่งร่างกาย ปีกวายุอัสนีที่แผ่นหลังเชื่อมต่อกับไอสวรรค์วายุอัสนี
เขากระทั่งรู้สึกว่าตนเองได้ไปยืนอยู่ที่ใจกลางไอสวรรค์วายุอัสนี
แต่เดิม
ในเวลาหกเดือนที่ผ่านมา จ้าวเฟิงได้ทำความเข้าใจ ‘ปีกวายุอัสนี’ ไปสู่ระดับใหม่ โดยเฉพาะเมื่อมีแนวคิดของผู้สูงศักดิ์เข้ามาประกอบ ส่งเสริมซึ่งกันและกัน
“จ้าวเฟิง ไม่ว่าเจ้าจะมีความเร็วมากมายเพียงใดก็ยากที่จะหลบรอดไปจากการเพ่งเล็งของแสงศักดิ์สิทธิ์ของข้าได้”
โอรสสวรรค์สามตาคำรามเสียงดังยาว ความหดหู่บนใบหน้าถูกแทนที่ด้วยความยินดี
ในช่วงเวลาสำคัญ เขาได้รับพลังสายเลือดดวงตาจากบิดา เบื้องหลังราวกับมีพลังดวงตาที่แข็งแกร่งมหาศาลไหลวน เสริมพลังดวงตาอย่างต่อเนื่อง
“สามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์”
โอรสสวรรค์สามตากระตุ้นการเคลื่อนไหวของเนตรเซียนภายใต้การสนับสนุนของผู้เป็นบิดา ส่งลำแสงดวงตาอาทิตย์ที่สั่นสะท้านสรวงสวรรค์ออกมาอีกครั้ง พลังของมันเมื่อเทียบกับก่อนหน้าแล้วเพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งเท่าตัว
จ้าวเฟิงที่ลอยอยู่กลางอากาศได้ถูกพลังดวงตาที่มองไม่เห็นแทรกซึมเข้าไปในร่างกายและจิตวิญญาณ ทำให้ร่างแข็งเกร็งฝืดเคือง
เมื่อถูกจับจ้อง โดยปกติแล้วเขายากที่จะหลบเลี่ยงได้
ทว่าในยามนี้ จ้าวเฟิงกลับแย้มยิ้มบาง ‘ปีกวายุอัสนี’ ที่แผ่นหลังพลันขยับวูบ กระแสสายลมและสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนสั่นสะท้านกวาดไปในอากาศ กระทั่งกระแสไอสวรรค์อื่นๆ ออกไป
ปีกวายุอัสนีสั่นสะท้านวูบ นำร่างของจ้าวเฟิงทะลวงฝ่าออกจากการแทรกซึมของพลังดวงตาที่ไม่อาจมองเห็น ร่างจางหายไปไร้ร่องรอย
เปรี้ยง
สามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ของโอรสสวรรค์สามตาที่มีพลังอำนาจเหนือผู้ใดโจมตีล้มเหลว
“ทำได้อย่างไร?”
สีหน้าของโอรสสวรรค์สามตาแข็งค้าง ไม่อาจทำใจให้เชื่อได้
ตั้งแต่เกิดมา เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจออัจฉริยะที่อยู่ในระดับเดียวกันที่สามารถหลบสามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้อย่างเยือกเย็น
บนยอดเขาห่างออกไป
“นี่มันวิชาอันใดกัน ราวกับมีเสวียนอ้าวของการเคลื่อนไหวผ่านมิติ สลายการเพ่งเล็งของสายเลือดไปได้อย่างสมบูรณ์”
ผู้นำตระกูลชินหยางและชายชราหมวกฟางประหลาดใจ
ภายใต้การเสริมพลังของ ‘ปีกวายุอัสนี’ การเคลื่อนไหวและความเร็วของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นอย่างมาก หายไปจากระยะสายตาของโอรสสวรรค์สามตาอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น
โอรสสวรรค์สามตาพลันรู้สึกหนาวเยือกขึ้นที่เบื้องหลัง ราวกับมีคมดาบแหลมคมที่ไม่อาจมองเห็นทะลวงผ่านร่างกาย ผิวหนังส่งผ่านความเย็นเยียบในอากาศ
“เนตรมรกตพิฆาต”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเปลี่ยนไปเป็นดวงตาสีเขียว ‘ปีกวายุอัสนี’ ที่แผ่นหลังขยับอย่างแผ่วเบา ให้ความรู้สึกราวกับเทพแห่งสงครามที่กำลังบ้าคลั่ง
เคร้ง
คมมีดสายลมสีเขียวส่องประกายขนาดยักษ์ราวกับคมมีดอากาศที่พุ่งตรงไปยังร่างของโอรสสวรรค์สามตา
ยอดอัจฉริยะบางคนในที่นี้รู้สึกคุ้นเคย
คมมีดแสนแหลมคมที่ไม่อาจมองเห็นที่ถูกใช้ออกนั่นให้ความรู้สึกเหมือนกับเนตรคมสวรรค์มิมีผิด
“อันใดกัน นั่นมันวิชาเนตรคมสวรรค์ของตระกูลถัวป๋าของข้า”
ถัวป๋าฉีสะดุ้งลุกขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
ทว่า ยามที่ผู้คนตระหนักได้ ‘เนตรมรกตพิฆาต’ ของจ้าวเฟิงก็เสร็จสิ้น เพราะหลอมรวมแก่นแท้ความเร็วของจักรพรรดิวายุอัสนีเข้าไป ความเร็วของคมมีดสายลมที่ไม่อาจมองเห็นนั้น เมื่อเทียบกับเนตรคมสวรรค์แล้วยังเร็วกว่าหลายส่วน
เคร้ง
แผ่นหลังของโอรสสวรรค์สามตาปรากฏเลือดสาดกระจาย บนแผ่นหลังปรากฏบาดแผลลึกครึ่งนิ้วจนเจ้าตัวอดที่จะส่งเสียงครางออกมาไม่ได้
แม้ว่าเขาจะกระตุ้นใช้การป้องกันรูปแบบทองแล้ว ทว่าก็ยังคงไม่ทันเวลา
แม้ว่าโอรสสวรรค์สามตาจะสามารถสลายกระบวนท่านี้ได้ ทว่า ‘เนตรมรกตพิฆาต’ ของจ้าวเฟิง ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือพลังก็ล้วนแล้วแต่เหนือกว่าถัวป๋าฉี นอกจากนั้นโอกาสที่ใช้ออกยังแม่นยำ โจมตีไปยังมุมอับของโอรสสวรรค์สามตาจากเบื้องหลัง