บทที่ 517 เรียนรู้อย่างถ่อมตน
“เช้ง”
แผ่นหลังของโอรสสวรรค์สามตาถูกคมมีดที่มองไม่เห็นฟาดฟัน เลือดสาดกระจาย ความคมที่ไม่อาจมองเห็นนั้นได้เกินขีดความสามารถในการหลบของผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้
“เหตุใดกระบวนท่านี้จึงดูเหมือนเนตรคมสวรรค์กัน?”
อัจฉริยะเซียนมังกรในที่นั้นตื่นตะลึง รู้สึกคุ้นเคยกับกระบวนท่าเมื่อครู่
รวมทั้งถัวป๋าฉีที่ยันตัวลุกขึ้นยืน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและสงสัย
ในยามนี้
วิชาเนตรคมสวรรค์ของถัวป๋าฉีได้ถูกใช้ออกโดยจ้าวเฟิงอย่างสมบูรณ์ ความเร็วและพลังของมันนั้นเหนือกว่าเนตรคมสวรรค์เดิมอย่างมาก
“ใช้แล้ว นี่คือความสามารถในการคัดลอก…”
เนตรวิญญาณหนานจื่อรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ
ในงานชุมนุมเซียนมังกรก่อนหน้า จ้าวเฟิงเคยได้คัดลอก ‘เนตรวิญญาณ’ ของเขาไปและสร้างเพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้าอันมีพลังน่าตื่นตะลึงขึ้น ในยามนี้มันอยู่ในรูปแบบของเพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้า
ทว่าในยามนี้
ความสามารถในการคัดลอกนี้ได้ปรากฏขึ้นที่จ้าวเฟิงอีกครั้ง
เนตรวิญญาณหนานจื่อไม่เชื่อ ‘เนตรมรกตพิฆาต’ ที่จ้าวเฟิงใช้ออกเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ทั้งมันยังมีความคล้ายคลึงกับ ‘เนตรคมสวรรค์’ กว่าเจ็ดแปดส่วน
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่าง ‘เนตรมรกตพิฆาต’ และ ‘เนตรคมสวรรค์’ คือธาตุของวิชาทั้งสองไม่เหมือนกัน
ฝ่ายแรกเป็นธาตุลม ในขณะที่ฝ่ายหลังเป็นธาตุโลหะ พื้นเพของมันคือพลังในการตัดอันแหลมคมที่ไม่อาจมองเห็นได้
“เขา… เมื่อใดกันที่เขาเลียนแบบวิชาเนตรคมสวรรค์ของข้า?”
ถัวป๋าฉีตื่นตะลึง ทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
ทว่าในยามนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะตั้งคำถาม การปะทะระหว่างสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดของจ้าวเฟิงและโอรสสวรรค์สามตาได้ปรากฏผลแพ้ชนะแล้ว
นอกจากนั้น วิธีการที่จ้าวเฟิงใช้เพื่อแย่งชิงความได้เปรียบยังเป็นเนตรคมสวรรค์ของเขา
ในใจของถัวป๋าฉีเต็มไปด้วยความขมขื่นหดหู่ ก่อนหน้าเขาได้พ่ายแพ้ให้แก่จ้าวเฟิง วิชาเนตรคมสวรรค์ เมื่ออยู่ในมือของจ้าวเฟิงกลับสามารถแสดงพลังออกมาได้รุนแรงกว่า
“เนตรคมสวรรค์? จู่ๆ เขาก็สามารถใช้เนตรคมสวรรค์ของตระกูลถัวป๋าได้”
โอรสสวรรค์สามตาข่มความเจ็บปวดที่แผ่นหลังเอาไว้ ในอดีต ในบรรดาตระกูลสายเลือดดวงตาทั้งสาม เป็นเนตรคมสวรรค์ที่เขาค่อนข้างจะรู้สึกหวั่นเกรงอยู่บ้าง
เพราะความเร็วของเนตรคมสวรรค์นั้นรวดเร็วเกินไป
ในยามนี้
ระดับของจ้าวเฟิงในจิตใจของเขาไม่ใช่เพียงแค่คู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง ทว่าพัฒนาไปสู่ระดับที่ใกล้เคียงกับคำว่าฝันร้ายแล้ว
ความจริงแล้ว การต่อสู้นี้โอรสสวรรค์สามตานับว่าพ่ายแพ้แล้ว
หากไม่ใช่เพราะผู้นำตระกูลชินหยางผู้เป็นบิดาส่งพลังดวงตามาให้ การประลองในด้านสายเลือดดวงตาของโอรสสวรรค์คงไม่อาจต้านทานมาได้ถึงยามนี้
บนยอดเขาห่างออกไป
“เด็กนี่ใช้วิชาของตระกูลอู๋และตระกูลถัวป๋าได้ทั้งคู่ ทั้งยังมีวิชามายาและวิชาเนตรเหมันต์…”
ผู้นำตระกูลชินหยางอดที่จะสูดลมหายใจลึกไม่ได้
ในด้านของการเปลี่ยนแปลงสายเลือดดวงตา จ้าวเฟิงเองก็ได้รับมันมานานแล้ว การใช้งานคล่องแคล่ว เหมาะสมกับสถานการณ์หลากหลาย
รวมทั้งพลังวิญญาณและพลังดวงตาของเขามีมหาศาล ได้สร้างความได้เปรียบอย่างมาก
ในสถานการณ์นี้ สิ่งเดียวที่ผู้นำตระกูลชินหยางสามารถทำได้คือการส่งพลังดวงตาไปสนับสนุนผู้เป็นบุตรชาย
“น่าเสียดายที่การส่งถ่ายพลังดวงตาครั้งนี้ เป็นเพราะเรื่องของระยะทางทำให้สูญหายไปบ้าง”
ชายชราหมวกฟางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา
พลังดวงตาสิบส่วนจากผู้นำตระกูลชินหยาง หลังจากผ่านการส่งถ่าย โอรสสวรรค์สามตาได้รับไปเพียงหกส่วนเท่านั้น
แม้กระนั้น พลังดวงตาของโอรสสวรรค์สามตาก็ยังคงเพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งเท่าตัว
ผลแพ้ชนะในยามนี้ไม่ใช่การแข็งขันพลังดวงตาอีกต่อไป
“สามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์”
ประกายแสงสว่างจ้าของดวงอาทิตย์ที่ทรงพลังไร้ที่สิ้นสุดปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ขัดขวางจ้าวเฟิงอีกครั้ง
ปีกวายุอัสนีที่แผ่นหลังของจ้าวเฟิงกระพือถี่รัว หลบเลี่ยงการโจมตีของโอรสสวรรค์สามตาไปอีกครั้ง
เนตรมรกตพิฆาต
เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้า
จ้าวเฟิงลอยอยู่กลางอากาศ ส่งการโจมตีที่รวดเร็วราวสายฟ้าออกไปจู่โจมโอรสสวรรค์สามตาจนปั่นป่วน
โอรสสวรรค์สามตาป้องกันเนตรมรกตพิฆาตอย่างยากลำบาก ไม่อาจที่จะสลายเพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้าได้ทันเวลา ถูกโจมตีจนร่างสั่นสะท้าน
เสื้อผ้าของเขายุ่งเหยิง ชายหนุ่มคำรามเสียงต่ำ ไม่สนใจอาการบาดเจ็บ กัดฟันส่งการโจมตีตอบโต้
“สามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ อาทิตย์เคลื่อนดาราสวรรค์”
ลำแสงสีทองสว่างจ้าขึ้นจาก ‘ดวงตาที่สาม’ ราวกับอีกาสีทองที่เผาไหม้อีกครั้ง เปลวเพลิงจากดวงอาทิตย์อาละวาดบ้าคลั่งราวกับภูเขาไฟที่ระเบิดออก กลับกลายเป็นจุดดวงอาทิตย์สีทอง มีกลิ่นอายที่ถล่มฟ้าสลายปฐพี
เปรี้ยง
แผ่นดินบริเวณ 1-2 ลี้โดยรอบสั่นสะท้าน สายลมพัดกระโชกจนฝุ่นฟุ้งกระจาย
เห็นเพียงว่าจุดดวงอาทิตย์สีทองนั้นได้สาดพลังเพลิงลงมาอย่างสะท้านฟ้า เมื่อตกลงสู่พื้นดินต่างระเบิดออก ทิ้งหลุมลึกเท่าบ้านหลังหนึ่งเอาไว้
จุดดวงอาทิตย์สีทองนับหมื่นร่วงลงมาอย่างไม่หยุดยั้งราวกับฝนอุกกาบาต อาจเรียกได้ว่าเป็นภัยพิบัติ
ทว่าการโจมตีที่รุนแรงเพียงนั้นกลับมุ่งเป้าไปที่คนเพียงคนเดียว
กระทั่งผู้ฝึกตนขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด หากเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนั้นก็จำต้องหวาดผวาล่าถอย ไม่คิดที่จะปะทะด้วยตรงๆ
“อาทิตย์เคลื่อนดาราสวรรค์ ไม่คิดว่าจะเป็นกระบวนท่านี้”
“เฉิงเอ๋อร์ เจ้าเสียสติไปแล้ว ยังไม่บรรลุขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทว่ากลับใช้กระบวนท่านี้ มันจะสร้างความเสียหายให้กับสายเลือดเนตรเซียนของเจ้า”
ผู้นำตระกูลชินหยางที่อยู่บนยอดเขาสีหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าโศก
วิชาดวงตาที่แข็งแกร่งเพียงนั้นจำเป็นต้องใช้พลังสายเลือดดวงตาปริมาณมหาศาล ตัวอย่างเช่นเพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้าของจ้าวเฟิงที่ไม่อาจใช้ออกได้เกินสามครั้ง ทั้งนี่ยังเป็นสายเลือดดวงตาที่รั้งพลังบางส่วนเอาไว้แล้ว
ทว่ากระบวนท่า ‘อาทิตย์เคลื่อนดาราสวรรค์’ ของโอรสสวรรค์สามตานี้ได้รับการสนับสนุนพลังดวงตาจากผู้เป็นบิดา ทำให้สามารถใช้วิชาดวงตาต้องห้ามได้อย่างฝืนๆ เพียงพอที่จะทำลายประตูทางเข้าสำนักจันทร์สลายได้ในระยะเวลาสั้นๆ
เปรี้ยง
พื้นดินบริเวณงานน้ำชาเซียนมังกรสั่นสะท้านแตกระแหง รอยแยกบนพื้นดินปรากฏขึ้นทั่วบริเวณ
เหล่าผู้ชมหวาดผวาจนใบหน้าซีดขาว เมื่ออยู่ภายใต้ฝนจุดแสงดวงอาทิตย์สีทองนั้นก็รู้สึกราวกับมดตัวเล็กจ้อยที่กำลังเผชิญหน้ากับตัวตนอันยิ่งใหญ่
โชคดีที่
ระยะการโจมตีของกระบวนท่านั้นถูกควบคุมอยู่ในระยะครึ่งลี้ที่จ้าวเฟิงอยู่ หรือมิเช่นนั้นผู้ชมที่อยู่ใกล้ๆ คงตายไปกว่าครึ่งแล้ว
“เป็นวิชาดวงตาระยะกว้างที่แข็งแกร่งนัก”
จ้าวเฟิงย่อมอยู่ในระยะการโจมตีของจุดแสงดวงอาทิตย์เหล่านั้น ‘ปีกวายุอัสนี’ ที่แผ่นหลังสั่นอย่างรวดเร็ว ความเร็วเข้าสู่จุดสูงสุด ออกจากระยะการโจมตี
วูบ
ร่างของจ้าวเฟิงปรากฏม่านน้ำสีน้ำเงินเข้มราวห้วงมหาสมุทรโอบล้อม จุดแสงดวงอาทิตย์ที่พุ่งผ่านจะถูกดูดกลืนสลายไปจนหมด
ทันใดนั้น ‘’ ปีกวายุอัสนี ก็พลันปรากฏประกายสีม่วงอ่อนที่ส่งกลิ่นอายทำลายล้างออกมา ความเร็วของจ้าวเฟิงพลันเข้าสู่ระดับใหม่โดยสิ้นเชิง กลิ่นอายสีม่วงอ่อนนั้นคือวายุอัสนีสีม่วงที่เป็นพลังระดับสูงในอนุสรณ์วายุอัสนีโบราณ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวกลับสามารถเพิ่มพลังได้อย่างก้าวกระโดด
ทันใดนั้น จ้าวเฟิงก็ทะยานขึ้นสู่ชั้นเมฆใกล้ๆ
ระยะของวิชา ‘อาทิตย์เคลื่อนดาราสวรรค์’ ไม่ได้สร้างแรงคุกคามให้จ้าวเฟิงมากนัก กลับเป็นเหล่าผู้ชมบนพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวิชาดวงตาที่กินวงกว้างนี้ ส่งเสียงอุทานออกมา ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว
“เหนือกว่าในด้านความเร็ว… ดูเหมือนว่าการต่อสู้นี้ เฉิงเอ๋อร์คงยากที่จะชนะ”
ชายชราหมวกฟางถอนหายใจอย่างขมขื่น
หากเป็นสามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ธรรมดา จ้าวเฟิงสามารถหลบได้ก็เท่านั้น
ทว่าวิชาดวงตาที่มีระยะการโจมตีวงกว้างอย่างวิชาต้องห้าม ‘อาทิตย์เคลื่อนดาราสวรรค์’ จ้าวเฟิงยังสามารถหลบได้ เช่นนั้นก็จบสิ้นแล้ว
แน่นอนว่าชายชราหมวกฟางย่อมสามารถเห็นได้ว่าจ้าวเฟิงสามารถหลบกระบวนท่านี้ได้อย่างง่ายดาย ในด้านของความเร็วนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง ทว่ายังมีการคาดเดาและสังเกตที่แข็งแกร่งอีกด้วย
ก่อนหน้าที่โอรสสวรรค์สามตาเตรียมตัว จ้าวเฟิงก็รับรู้และเตรียมพร้อมไว้แล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าหวาดกลัวเช่นนั้น ด้วยความสามารถในการสังเกตและตัดสินใจ รวมทั้งความเร็วที่เหนือกว่า ทั้งยังวิชาดวงตาที่แตกต่างกันออกไปตามสถานการณ์ โอกาสที่โอรสสวรรค์สามตาจะชนะมีน้อยนัก
“ไม่อาจชนะได้ ตราบเท่าที่เฉิงเอ๋อร์ป้องกันด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้างและมีพลังดวงตาของข้าที่ส่งถ่ายไป การคานอำนาจไม่ให้แพ้ยังพอมีความเป็นไปได้”
ผู้นำตระกูลชินหยางกัดฟันเอ่ยอย่างไม่เต็มใจ
เขาพลันส่งต่อกลยุทธ์นี้ให้แก่โอรสสวรรค์สามตาผ่านสายเลือดดวงตาในทันที
“มีเพียงแค่วิธีนี้ที่จะสามารถรักษาฉายานามสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปเอาไว้ได้”
หัวใจของโอรสสวรรค์สามตาหล่นวูบ
ผลแพ้ชนะของเขาเป็นเรื่องหนึ่ง ทว่าปัญหาคือเขาคือตัวแทนของอัจฉริยะที่น่าตื่นตะลึงที่สุดของตระกูลชินหยาง มีสายเลือดดวงตาที่เทียบเคียงได้กับกษัตริย์สามตา
หากเขาพ่ายแพ้ บางทีฉายานามมรดกสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปอาจต้องเปลี่ยนเจ้าของโดยไม่รู้ตัว เงื่อนไขของผู้นำตระกูลชินหยางและโอรสสวรรค์สามตาได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ในตอนแรก
พวกเขาพยายามทุกวิถีทางที่จะเอาชนะจ้าวเฟิง
ในยามนี้ เพียงแค่ทำให้มั่นใจว่าจะไม่พ่ายแพ้ก็นับว่าคาดหวังไว้มากแล้ว
“จ้าวเฟิง การประลองสายเลือดดวงตาระหว่างเจ้ากับข้ามีความสำคัญอย่างมาก เจ้าเอาแต่หลบเลี่ยง ชนะไปแล้วจะสำคัญอย่างไร?”
โอรสสวรรค์สามตาสูดลมหายใจลึก มองไปยังเด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินที่อยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ การต่อสู้ที่ผ่านมา จ้าวเฟิงไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แม้จะเป็นยามที่ทะลวงฝ่าออกมาจาก ‘อาทิตย์เคลื่อนดาราสวรรค์’
ไม่ว่าจะเป็นในด้านของความเร็ว พลังป้องกัน เขาได้อยู่ในจุดสุดยอดของขั้นนายเหนือแท้ กระทั่งเหนือกว่าขีดจำกัดนั้น
“ได้ ได้”
จ้าวเฟิงแย้มยิ้มเยือกเย็น เอ่ยคำออกมาสองคำต่อกัน
ร่างของเด็กหนุ่มจางหายไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาซ้ายเปลี่ยนไปเป็นสีเขียว
ครืนนนน
ดวงตาซ้ายสีเขียวของจ้าวเฟิงได้ปรากฏประกายแสงสีเขียวเย็นเยียบขึ้นชั้นแล้วชั้นเล่าจนกลายเป็นแสงสีเขียวสว่างจ้าระยิบระยับราวกับดวงจันทร์สีเขียวส่องประกายใสกระจ่าง
“นั่นมัน”
ถัวป๋าฉีและเนตรวิญญาณหนานจื่อจ้องมองไปยังดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง จิตใจสั่นสะท้าน
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงราวกับดวงจันทร์ที่ส่องสว่าง ดูคล้ายคลึงกับดวงตาที่ราวกับดวงอาทิตย์อันเจิดจ้าของโอรสสวรรค์สามตายิ่งนัก
ในยามนี้
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงได้ควบรวมพลังดวงตาจำนวนมหาศาล แม้ว่าจะไม่มากไปกว่าพลังของโอรสสวรรค์สามตาที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ทว่ามันแม่นยำเป็นพิเศษ ควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เหล่าผู้สืบทอดสายเลือดดวงตารับรู้ได้อย่างลางๆ ทว่าดวงจันทร์ที่ส่องสว่างในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงได้ประกอบขึ้นด้วยประกายแสงสีเขียวเย็นเยียบจำนวนนับไม่ถ้วน
“จ้าวเฟิงจะใช้วิชาอันใดกัน?”
ผู้ชมจำนวนมากเงียบงัน
“เป็นพลังดวงตาที่แข็งแกร่งยิ่งนัก… นี่คือพลังที่แท้จริงของจ้าวเฟิงหรือ?”
โอรสสวรรค์สามตา รวมทั้งผู้นำตระกูลชินหยางที่ลอบมองอยู่จิตใจสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
หากจ้าวเฟิงใช้พลังดวงตาที่แข็งแกร่งเช่นนั้นตั้งแต่แรก โอกาสที่โอรสสวรรค์สามตาจะสามารถต้านทานได้ย่อมน้อยกว่ายามนี้
ทว่าจ้าวเฟิงไม่ได้ทำเช่นนั้น
เป้าหมายของเขาคืออันใดกัน?
“คนแซ่จ้าวผู้นี้ได้เอ่ยแล้วว่าตั้งใจจะมาเรียนรู้อย่างถ่อมตนจึงได้ท้าประลองตระกูลสายเลือดดวงตาอันดับหนึ่งของทวีป”
น้ำเสียงอ่อนโยนแผ่วเบาดังก้องไปทั่วอากาศ
สิ้นเสียง
ดวงตาซ้ายที่ส่องประกายสีเขียวสว่างราวดวงจันทร์พลันระเบิดประกายแสงสีเขียวรุ้งที่สั่นสะท้านอย่างน่าหวาดกลัวออกมา ประกอบขึ้นด้วยประกายแสงเย็นเยียบแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วน
“แสง…ศักดิ์สิทธิ์… ทำลาย… ล้าง”
ลำแสงสีเขียวรุ้งนั้นได้พาดผ่านอากาศ ตัดผ่านและหลอมรวมกันครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกสิ่งบิดเบี้ยวสลาย ทำลายกระทั่งฝุ่นผงที่อยู่ในทาง
ประกายแสงสีเขียวรุ้งอันแหลมคมนั้นเมื่อเคลื่อนเขามาใกล้ร่าง ผู้คนจะพลันรู้สึกได้ถึงพลังเย็นเยียบที่ทะลวงเข้าสู่ร่างกายและจิตใจ
กระทั่งสายตาจากดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงยังให้ความรู้สึกราวกับคมมีดที่ตัดหั่นอย่างไร้ปราณี
“เป็นไปได้อย่างไร แสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้างคือวิชาที่ตระกูลชินหยางของข้าสร้างขึ้น ไอ้เด็กนั่นเหตุใด…”
ผู้นำตระกูลชินหยางที่อยู่บนยอดเขาห่างออกไปเบิกตามองอย่างอึ้งงัน เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงติดขัด
“เขา… ใช้แสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้างของข้าได้อย่างไร?”
โอรสสวรรค์สามตาตื่นตะลึงจนสิ้นเสียง ในยามวิกฤต เขาเองก็ได้กระตุ้นการเคลื่อนไหวของวิชาสามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้างเช่นกัน
เปรี้ยง
ประกายแสงอาทิตย์สีรุ้งอันดุดันปะทะเข้ากับลำแสงสีเขียวรุ้งเย็นเยียบ สร้างประกายแสงระยิบระยับราวกับดวงดาว