บทที่ 515 แสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้าง
ในยามนั้น
แม้อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ก็ยังสามารถมองเห็นประกายแสงเปลวเพลิงสีรุ้งที่ลุกโชนนั้นได้
‘ดวงตาที่สาม’ ของโอรสสวรรค์สามตาราวกับดวงอาทิตย์สีทองที่สว่างเจิดจ้า ราวกับ ‘ดวงตาแห่งสวรรค์’ ได้ปรากฏขึ้นเหนือพื้นดิน
เปรี้ยง
จ้าวเฟิงที่อยู่ห่างออกไปราวร้อยจ้างถูกเปลวเพลิงที่เผาไหม้ทุกสิ่งโจมตี ถูกคลอกไปด้วยเปลวเพลิงรุนแรงสว่างโรจน์
“เป็นวิชาดวงตาที่รุนแรงยิ่งนัก”
“มันเป็นที่เลื่องลือในนามของสามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ทลายหมื่นกฎเกณฑ์”
พลังอำนาจที่มหาศาลไร้ที่สิ้นสุดของพลังดวงตานั้นครอบคลุมระยะหนึ่งลี้โดยรอบ อัจฉริยะที่มีพลังดวงตาบางคนอย่างถัวป๋าฉีและเนตรวิญญาณหนานจื่อดวงตาสั่นสะท้าน ถูกกดดันจนทรมาน
เปรี้ยง ฉ่า
จ้าวเฟิงราวกับถูกกระแทกอย่างรุนแรง ร่างกายแทบจะกระเด็นลอยออกไป ล่าถอยครั้งแล้วครั้งเล่า
ในเสี้ยววินาทีที่ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์จากดวงตาที่สามโจมตี ร่างกายและจิตใจของจ้าวเฟิงก็หนักอึ้งอย่างไม่อาจอธิบาย ราวกับกำลังต้านทานแรงบดขยี้ของมังกรอยู่
บุ๋ง ซ่า
ม่านน้ำสีน้ำเงินที่โอบล้อมร่างของจ้าวเฟิงอยู่สั่นกระเพื่อม หม่นแสงลงด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“แสงศักดิ์สิทธิ์จากดวงตาที่สามนี่เป็นการโจมตีพิเศษ สามารถโจมตีทั้งกายเนื้อและดวงวิญญาณได้พร้อมกัน”
ใจหัวใจของจ้าวเฟิงปรากฏความหวาดผวา ร่างกายล่าถอยไปครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกที่ที่ผ่านจะปรากฏร่องลึกไม่อาจมองเห็นก้นและควันที่ลอยฟุ้ง
พลังโจมตีของแสงศักดิ์สิทธิ์จากดวงตาที่สามแข็งแกร่งไร้เทียมทาน เปลวเพลิงสีรุ้งลุกโชน ทำลายทุกสิ่ง เผาไหม้ทุกอย่าง
พรึ่บ
ร่างของจ้าวเฟิงถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงแสงศักดิ์สิทธิ์ที่เผาไหม้ร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง
ดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงเองก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากการเผาไหม้ของแสงศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
เมื่อผ่านไป 2-3 ลมหายใจ ร่างกายของจ้าวเฟิงก็ล่าถอยออกไปราวครึ่งลี้ การโจมตีจากดวงตาที่สามนั้นจึงสลายไป
ทว่าในยามนี้
ม่านน้ำสีน้ำเงินรอบกายของจ้าวเฟิงได้หม่นแสงลงกว่าครึ่งแล้ว
ควันดำลอยขึ้นจากร่องลึกขนาดยักษ์ ลากบรรจบระหว่างจ้าวเฟิงกับโอรสสวรรค์สามตา
“สมแล้วที่เป็นสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป… เพียงพอโดยแท้”
เสื้อผ้าของจ้าวเฟิงยุ่งเหยิง ร่างกายส่งความเจ็บปวดออกมาเล็กๆ ความรู้สึกนั้นราวกับผ่านการต้านทานแรงบดขยี้มหาศาล
เมื่อครู่ จ้าวเฟิงไม่ใช่ว่าไม่ต้องการหลบการโจมตีนั้น ทว่ามีความสามารถไม่พอที่จะทำเช่นนั้น
ความจริงแล้ว
การโจมตีด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ของโอรสสวรรค์สามตา เมื่อเทียบกับเนตรคมสวรรค์ที่รวดเร็วแล้วยังด้อยกว่าอยู่เล็กน้อย ทว่าเมื่อสายเลือดเนตรเซียนของโอรสสวรรค์จับจ้อง ดวงวิญญาณก็จะถูกพลังดวงตาแสงศักดิ์สิทธิ์แทรกซึม
ภายใต้สภาวะนั้น ร่างกายและจิตใจเหมือนเช่นตกลงไปในหล่มโคลน
ดังนั้นแล้ว แม้จ้าวเฟิงจะเห็นการโจมตีของโอรสสวรรค์สามตาอย่างชัดเจนเมื่อครู่ ทว่าการจะหลบได้นั้นกลับยากลำบากยิ่งนัก
ในเวลาเดียวกัน อีกฝากหนึ่งของร่องลึก
“… ไม่คาดว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงตาที่สามของข้าที่ถูกใช้ออกอย่างเต็มที่ ในบรรดาผู้ที่มีพลังต่ำกว่าขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ไม่มีผู้ใดสามารถรอดพ้นไปได้”
รูม่านตาของโอรสสวรรค์สามตาหดเล็กลง เผยความตื่นตะลึงออกมา
อย่างน้อย แม้ว่าจ้าวเฟิงจะดูเผินๆ เหมือนสภาพย่ำแย่ ทว่าจริงๆ แล้วมีเพียงเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ ไม่มีอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ควรรู้ว่า
แสงศักดิ์สิทธิ์จากดวงตาที่สามนั้นโจมตีทั้งกายเนื้อและดวงวิญญาณ เป็นที่รู้กันว่าทำลายทุกสิ่ง
ผู้ที่มีดวงวิญญาณแข็งแกร่ง ร่างกายก็ยากที่จะต่อต้าน ทว่าผู้ที่มีร่างกายแข็งแกร่งก็จะไม่อาจทำลายการโจมตีในระดับดวงวิญญาณได้
ทว่า
เด็กหนุ่มเบื้องหน้าผู้นี้สามารถทำได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่สายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงผ่านการวิวัฒนาการเล็กๆ สายเลือดธาตุน้ำในร่างก็พัฒนาขึ้น โดยเฉพาะด้านการป้องกัน รวมทั้งการฟื้นฟู
แสงศักดิ์สิทธิ์จากดวงตาที่สามของโอรสสวรรค์สามตา ธาตุบางส่วนคือธาตุไฟจากดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรง ถูกสายเลือดธาตุน้ำของจ้าวเฟิงกดข่มอยู่บ้าง
สำหรับการโจมตีด้านจิตวิญญาณ จ้าวเฟิงไม่เคยสนใจ ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าดวงวิญญาณของเขาแข็งแกร่งยิ่งนัก เทียบกับผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดแล้วแตกต่างไม่มากนัก
“ถึงตาข้าแล้ว”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงพลันแปรเปลี่ยนไปเป็นสีเขียวลึกล้ำราวหุบเหวอันไร้ก้นบึ้ง ประกายสีเขียวเข้มที่มีสีม่วงปะปนอยู่สว่างวูบ
อันใดกัน?
เปลี่ยนสายเลือดดวงตา
โอรสสวรรค์สามตา รวมทั้งอีกสองทายาทตระกูลดวงตาจิตใจสั่นสะท้าน รู้สึกเหลือเชื่อยิ่งนัก
สายเลือดดวงตาทั่วไปมีธาตุที่แน่นอน เป็นสิ่งที่มีมาแต่กำเนิด
ทว่าการเปลี่ยนสายเลือดดวงตานี้มีเพียงแค่ในสายเลือดดวงตาในตำนานบางสายเลือดเท่านั้น
ในเสี้ยวพริบตา
ฟึ่บ เปรี้ยง
เพลิงวายุอัสนีสีใสในรูปแบบมังกรบิดเกลียวพร้อมสายลม ปรากฏขึ้นราวกับข้ามมิติ เสียงครืนครางของสายฟ้าดังขึ้นจากความว่างเปล่า เข้าโจมตีโอรสสวรรค์สามตาจากเหนือศีรษะ
เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้า
วิชาดวงตาที่มีพลังทำลายรุนแรงที่สุดของจ้าวเฟิงที่มีทั้งพลังธาตุลม ธาตุสายฟ้า และธาตุไฟ พลังการโจมตีสามรูปแบบรวมกัน กระทั่งมีกลิ่นอายของการทำลายล้างอยู่
ในเสี้ยวพริบตา เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้าก็ไปถึงร่างของเป้าหมาย โอรสสวรรค์สามตาราวกับยืนอยู่ในใจกลางนรก รู้สึกราวกับถูกเปลวเพลิงเผาไหม้และสายฟ้าฟาดใส่
ในด้านความยาวนานของวิชา เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้าด้อยกว่าสามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ ทว่าหากพูดถึงเรื่องพลังโจมตีในแต่ล่ะวินาทีนั้นมันรุนแรงกว่า
ภายใต้วิกฤตระดับนี้ ดวงตาที่สามของโอรสสวรรค์สามตาก็กระตุกเล็กๆ
“แสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้าง”
ลำแสงอาทิตย์อันดุดันที่บิดเบี้ยวส่องประกายเจิดจ้า ทะยานผ่านอากาศให้ความรู้สึกราวกับแก้วกระจก
ฟึ่บ
แสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้างที่บิดเบี้ยวอย่างแปลกประหลากนั้นได้ส่องประกายที่ไม่อาจมองเห็นเข้าปะทะกับเพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้า
เรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น
เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้าที่อาละวาดดุดันเกรี้ยวกราดเพียงกำลังจะระเบิดออกก็ได้ถูกแสงอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังทะลวงผ่าน พลันสลายหายไป พลังลดลงเสียเป็นส่วนมาก
เปรี้ยง
ร่างของโอรสสวรรค์สามตาสั่นสะท้าน ถอยหลังไปหลายก้าว ร่างกายและจิตใจได้รับแรงระเบิดกัดกร่อนจากเพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้า
ทว่า
หลังจากที่วิชาถูก ‘แสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้าง’ ทำลายไป แรงคุกคามที่มีต่อเขาก็ลดลงต่ำ โอรสสวรรค์สามตาถอนหายใจโล่งอก บนใบหน้าเผยรอยยิ้มบางออกมา
เพลิงวายุอัสนีที่จ้าวเฟิงใช้ออกเมื่อครู่นั้นรุนแรงเกินไป แทบจะสามารถคร่าชีวิตของผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอดได้ในเสี้ยววินาทีเลยทีเดียว
อีกฟากหนึ่งของร่องลึก
“นี่คือแสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้างหรือ? กระทั่งวิชาดวงตาที่มีพลังรุนแรงที่สุดของข้าก็ยังสามารถทำลายได้”
สีหน้าของจ้าวเฟิงปรากฏความครุ่นคิด
สามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ของโอรสสวรรค์สามตามีอยู่หลักๆ สองแบบ:
แบบแรกคือสำหรับโจมตี ทำลายทุกสิ่ง สลายร่างกายและดวงวิญญาณ
แบบที่สองคือสำหรับป้องกัน สามารถแยกสลายการโจมตีต่างๆ ได้ รวมทั้งวิชาสายเลือดดวงตา
ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือการป้องกันล้วนส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ
นี่คือสิ่งที่ทำให้สายเลือดดวงตาเนตรเซียนของตระกูลชินหยางได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุด ทว่าโดยปกติแล้ว ประเภทการโจมตีหรือธาตุของสายเลือดดวงตาจะมีความจำเพาะเจาะจงอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่นจ้าวเฟิงที่ค่อนข้างจะเอนเอียงไปทางดวงวิญญาณ
อย่างชื่อกุ้ยแห่งตำหนักผาดำที่เอนเอียงไปทางศาสตร์แห่งซากศพ เนตรคมสวรรค์ของถัวป๋าฉีที่ส่งผลต่อกายเนื้อมากกว่า
ทว่าสายเลือดดวงตาของตระกูลชินหยางนั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกายหรือจิตวิญญาณล้วนส่งผลสูงนัก
“จ้าวเฟิง ไม่คิดว่าเจ้าจะมีวิชาเปลี่ยนเนตรในตำนาน ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับสายเลือดดวงตาเนตรเซียนของตระกูลชินหยางของข้า ไม่ว่าเจ้าจะเปลี่ยนไปเช่นไรก็ไร้ประโยชน์”
‘ดวงตาที่สาม’ ของโอรสสวรรค์สามตาส่องประกายสีทองสว่างโรจน์พร้อมกับกระตุ้นความเคลื่อนไหว ของพลังดวงตาอีกาสีทองนั้นราวกับถูกเผาไหม้ยิ่งขึ้นไปอีก
เนตรคุกลวงตา
จ้าวเฟิงลงมือก่อน ‘ดวงตาเทพเจ้า’ มองตรงเข้าไปใน ‘ดวงตาที่สาม’ ของโอรสสวรรค์สามตา ในเสี้ยวพริบตา ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็ขยายออกเป็นนรกอันไร้จุดสิ้นสุด ส่งกลิ่นอายล่อลวงดึงดูดที่แข็งแกร่งออกมา
จิตใจของโอรสสวรรค์สามตาสั่นสะท้าน ไม่อาจที่จะต้านทานแรงดึงดูดของพลังลวงตาได้
เนตรคุกลวงตาของจ้าวเฟิงได้แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในวิชามายาลวงตาของจ้าวเฟิง ภายใต้ดวงวิญญาณและจิตใจที่แข็งแกร่งช่วยส่งเสริม กระทั่งผู้ที่แข็งแกร่งอย่างโอรสสวรรค์สามตายังไม่อาจที่จะต่อต้านได้อย่างสมบูรณ์
ฟึ่บ
โอรสสวรรค์สามตาพลันรับรู้ว่าตนเองได้เข้ามาในมิติที่แปลกประหลาด รอบกายถูกโอบล้อมไปด้วยสายลม สายฟ้า และคลื่นความเย็น
ร่างกายของเขาถูกโซ่กระแสไฟฟ้ารัดเอาไว้ ยากที่จะเคลื่อนไหว
“จ้าวเฟิง วิชาดวงตาของเจ้าแข็งแกร่งโดยแท้”
โอรสสวรรค์สามตาที่ถูกคุมขังอยู่ในมิติคุกลวงตา มุมปากกลับปรากฏรอยยิ้มบางขึ้น
แสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้าง
‘ดวงตาที่สาม’ ของโอรสสวรรค์สามตาระเบิดออกกลายเป็นลำแสงดวงอาทิตย์สีใสที่ทะลวงลงมา
เปรี้ยง
มิติคุกลวงตาที่ถูกสร้างขึ้นโดยดวงตาเทพเจ้าพลันพังทลายลง
แสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้างนั้นไม่เพียงแค่ทำลายการโจมตีจากวิชาดวงตา แม้ว่าจะเป็นพลังลวงตาก็สามารถสลายได้
สามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ ทลายหมื่นกฎเกณฑ์
ในความเป็นจริง
จ้าวเฟิงและโอรสสวรรค์สามตายืนอยู่คนล่ะฝั่งของร่องลึกเช่นเคย ราวกับเรื่องก่อนหน้าไม่เคยเกิดขึ้น
เหล่าผู้ชมโดยรอบเงียบสงัด
ระดับการต่อสู้โดยสองยอดอัจฉริยะวิชาดวงตา มีเพียงแค่ถัวป๋าฉี เนตรวิญญาณหนานจื่อ และคนเพียงไม่กี่คนที่สามารถเข้าใจได้
“พลังดวงตาของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเกินไป ดีที่ข้าเชื่อคำแนะนำของน้องเว่ยก่อนหน้า บนร่างจึงได้สวมสมบัติที่มีคุณสมบัติป้องกันดวงวิญญาณได้สามสี่ชิ้น นี่เป็นขีดจำกัดความสามารถของตระกูลชินหยางแล้ว…”
บนหน้าผากของโอรสสวรรค์สามตาปรากฏหยาดเหงื่อเย็นเยียบ
เมื่อเตรียมตัวมาก่อนเช่นนี้ ทำให้โอรสสวรรค์สามตาสามารถทลายมิติคุกลวงตาของจ้าวเฟิงออกมาได้ด้วยสถานการณ์ที่มีพลังดวงตาด้อยกว่าได้
“เช่นนี้เอง”
จ้าวเฟิงยืนนิ่ง เรือนผมสีน้ำเงินพลิ้วไหวไปกับสายลม
มิติคุกลวงตาไม่อาจใช้ได้ ไม่ได้เกินกว่าความคาดหมายของเขา
และที่โอรสสวรรค์สามตาเตรียมสมบัติที่มีคุณสมบัติป้องกันวิญญาณมาสามสี่ชิ้นเองก็ค่อนข้างจะอยู่ในความคาดหมายของจ้าวเฟิง
“จ้าวเฟิง สายเลือดดวงตาที่เจ้าเชี่ยวชาญที่สุดมันจบแล้ว”
โอรสสวรรค์สามตายืนอย่างเย่อหยิ่ง
ในยามนี้ อีกสองทายาทตระกูลสายเลือดดวงตา ถัวป๋าฉีและเนตรวิญญาณหนานจื่อได้ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา
สายเลือดเนตรเซียนของโอรสสวรรค์สามตามีความสามารถในการกดข่มสายเลือดดวงตาในโลกนี้ได้ในระดับหนึ่ง
หรือมิเช่นนั้น ตระกูลชินหยางก็คงยากที่จะได้ครอบครองฉายานามมรดกสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป ตลอดหมื่นปีที่ผ่านมาไม่อาจมีผู้ใดสั่นคลอน
“สามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ เพลิงอีกาทองเผาโลกา”
‘ดวงตาที่สาม’ ของโอรสสวรรค์สามตาส่องแสงเจิดจ้าออกมาพร้อมเสียงดังเปรี้ยง ระเบิดออกมาเป็นเปลวเพลิงสีทองรูปอีกาสามตัวที่ส่งเสียงกรีดแหลมขึ้น ส่องแสงสว่างจ้าท่าทีเย่อหยิ่ง ส่งกลิ่นอายความร้อนมหาศาลแทรกซึมไปทั่วพื้นที่
ครั้งนี้ พลังของวิชาสามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ได้เพิ่มขึ้นไปอีกระดับ
การโจมตียังไม่ทันมาถึงร่าง จ้าวเฟิงก็รู้สึกราวกับว่ามีพลังบางส่วนได้แทรกซึมทิ่มแทงร่างกายจากไอความร้อนสูง ที่ไม่อาจมองเห็น
ตามทฤษฎีแล้ว จ้าวเฟิงยากที่จะหลบการโจมตีนี้ได้ นี่มาจากผลพิเศษของสามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์
ทว่า จ้าวเฟิงไม่คิดจะหลบ
“เนตรวิญญาณเหมันต์ ลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นสีฟ้าหม่นใส
ฟึ่บ เปรี้ยง
เส้นแสงสีฟ้าเย็นเยียบปะทะเข้ากับการโจมตีจากสามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์
เสี้ยววินาทีที่ปะทะกัน ลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์ก็ได้ตกเป็นรอง จะอย่างไร สามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ก็มีธาตุทำลายล้างอยู่ในระดับหนึ่ง มีพลังมหาศาล ทว่าดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงได้ส่องประกายเย็นเยียบกัดกร่อนออกมาอย่างน่าพรั่นพรึง ความเย็นมหาศาลราวกับนรกอันเย็นเยียบที่แผ่ขยายออกอย่างไร้จุดสิ้นสุด
ในมิติในดวงตาซ้าย
ทะเลสาบพลังดวงตาที่มีขนาดราว 17-18 ฉื่อ(หน่วยวัดจีน:ฟุต) สั่นกระเพื่อม ส่งพลังดวงตามาเสริมจ้าวเฟิงอย่างไร้ที่สิ้นสุด
เปรี้ยง
เส้นแสงสีฟ้าหม่นเย็นเยียบนั้นส่องประกายราวผลึกหิมะใส ขยายออกจากกลางอากาศอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง
“เนตรจิตวิญญาณเหมันต์ผนึกวิญญาณ”
ความเข้าใจในจิตวิญญาณเหมันต์ของจ้าวเฟิงได้รับรู้ถึงแก่นแท้เพิ่มมากขึ้นหลายส่วนแล้วในยามนี้
ลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์ที่มีความเย็นมหาศาลโค้งขึ้นเล็กน้อยในอากาศ พลังความเย็นราวกับคลื่นพลังที่ไม่อาจมองเห็น ต่อต้านพลังรูปแบบอีกาจากสามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์ที่เข้ามาใกล้ ผนึกน้ำแข็งได้ควบรวมแข็งตัวจนพลังที่พุ่งเข้ามา ได้ลดลงอย่างรวดเร็ว