บทที่ 581 เจ้านายผู้ไร้ศีลธรรม
ลักษณะภายนอกของเรือเถี่ยเจี่ยวมีขนาดใหญ่กว่าเรือหลานเหลยราวหนึ่งสองเท่า บรรทุกโจรสลัดไว้จำนวนหลายร้อย
ผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั้งสามคนคอยดูแลอยู่บนเรือนั้น
ชายหนุ่มลายพร้อยหน้าตาอำมหิตหนึ่งในนั้นเป็นผู้นำโจรสลัดที่เดินไปมา
ข้างกายของเขามีสตรีสวมผ้าคลุมหน้าสีดำ ใบหน้าเหี่ยวย่นอัปลักษณ์ ดวงตาดำสนิทสงบราวน้ำนิ่ง
หญิงอัปลักษณ์ผู้นี้ฝึกตนอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำ กลิ่นของนางแปลกประหลาดและลึกล้ำ
ทว่าคนทั้งสองก็ไม่ใช่กำลังสำคัญอย่างแท้จริงของกลุ่มโจรสลัดเถี่ยเจี่ยว
บนฐานที่อยู่บนยอดสุดของเรือ มีชายฉกรรจ์หน้าตาองอาจสวมเสื้อคลุมหนังสัตว์ ทั่วร่างเป็นกล้ามเนื้อ ผิวสีน้ำตาลราวหมี ให้ความรู้สึกเย็นชาราวเหล็กที่เพิ่งถูกตี
“พี่น้องทั้งหลาย ล้อมที่นี่ไว้!” ชายฉกรรจ์หน้าตาองอาจที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ยิ้มกว้าง บนลำคอแขวนเหล็กหลากหลายสีสันชิ้นหนึ่ง
เขาเป็นหัวหน้าเรือเถี่ยเจี่ยวและเป็นที่มาของกลิ่นอายขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง
สวบ สวบ สวบ!
บรรดาโจรสลัดของเรือโจรสลัดเถี่ยเจี่ยวบินแหวกอากาศมาภายใต้การนำของสามขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง กระจายตัวออกแล้วจัดการล้อมรอบศพของวาฬยักษ์
“หัวหน้าโจรสลัดเถี่ยเจี่ยว วาฬแห่งทะเลความว่างเปล่าตัวนี้ข้าเป็นผู้ลงมือก่อน ในเมื่อพวกเจ้าก็มาแล้ว นอกเหนือจาก ‘เลือดหัวใจวาฬ’ ร่างมโหฬารของวาฬยักษ์ตัวนี้พวกเจ้าเอาไปก็ได้” ผู้เฒ่าชุดคลุมสีดำเอ่ยเสนอแนะ
ถ้าหากเป็นการสู้รบแบบตัวต่อตัว หรือมีเขาเพียงแค่คนเดียว เขาคงไม่มีทางยอมถอยให้ก่อนแบบนี้ แต่ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อเหตุการณ์ในตอนนี้ไม่ส่งผลดีต่อฝ่ายเขาเท่าไหร่นัก
ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงยอดฝีมือในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดจำนวนสามคน ส่วนเขามีคนหนุ่มสาวมาด้วย นับได้ว่าเขามีจุดอ่อนถึงสองที่
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ผู้เฒ่าสามแห่งหอเฉียนอวิ๋น เหมือนท่านยังไม่เข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่นะ ที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ของ ‘หอเฉียนอวิ๋น’ ทะเลความว่างเปล่าในละแวกนี้เป็นพื้นที่ของพวกเราชาวเรือเหล็กต่างหาก” จอมโจรสลัดเรือเหล็กแหงนหน้าหัวเราะ
“เจ้าจะเอายังไง!” ผู้เฒ่าชุดคลุมสีดำสีหน้าเคร่งขรึมลง
‘หอเฉียนอวิ๋น’ ที่เขาอยู่ ในดินแดนละแวกใกล้เคียงต่างๆ ถือได้ว่าเป็นสำนักที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง มีระดับถึงหนึ่งดาวหรือ แม้กระทั่งระดับหนึ่งดาวสุดยอด เป็นรองก็แค่สำนักใหญ่ระดับสองดาวน้อยนิดเพียงหยิบมือเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าจอมโจรสลัดเถี่ยเจี่ยวรู้จักเขาแต่กลับไม่ยอมเจรจาตกลง
ในทะเลความว่างเปล่า นอกจากฝูงสัตว์ทะเลชนิดต่างๆ ก็เป็นที่อยู่ของเหล่าโจรสลัดแห่งทะเลความว่างเปล่า หากไม่ใช่สำนักระดับสองดาวขึ้นไป หัวหน้าโจรสลัดเถี่ยเจี่ยวก็ไม่เกรงกลัว
“เฮอะเฮอะ ทำอย่างไรงั้นรึ? ที่แห่งนี้คือถิ่นของข้ากลุ่มโจรสลัดเถี่ยเจี่ยว ย่อมต้องเป็นพวกข้าที่ตัดสินใจและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนทะเลแห่งนี้ด้วย” บนใบหน้าของหัวหน้าโจรสลัดเถี่ยเจี่ยวเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
“ตาแก่ หากยังพอรู้ความอยู่บ้างก็หลีกไปไกลๆ เสีย พวกเราอาจจะไว้ชีวิตพวกเจ้าสักครั้ง” ชายหนุ่มลายพร้อยเอ่ยแล้วหัวเราะดูถูก
“มีแบบนี้ที่ไหนกัน!” สีหน้าของผู้เฒ่าบูดเบี้ยวพิกล เขาโกรธจนตัวสั่น
ยามที่อยู่ภายในเขตดินแดน เขาอยากได้อะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเรียกลมเรียกฝน จะเอาชื่อเสียงเกียรติยศระดับไหน บรรดาผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำต่างพินบพินอบเขาทั้งนั้น
พวกโจรสลัดที่ล้อมที่แห่งนี้ไว้บางส่วนก็เริ่มที่จะแล่ซากของวาฬแห่งทะเลความว่างเปล่าแล้ว
หัวหน้าโจรสลัดเถี่ยเจี่ยวจ้องมองไปที่ชายชราด้วยสายตาเย็นชา
สีหน้าของผู้เฒ่าชุดดำเปลี่ยนไปมา แล้วฉับพลันสายตาก็กวาดผ่านจ้าวเฟิงที่อยู่ด้านข้าง รวมไปถึงเรือหลานเหลย ดวงตาจึงสว่างวาบ
ภายในเรือหลานเหลยยังมีผู้สูงศักดิ์อยู่คนหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ที่เขาคุยกับจ้าวเฟิง ไม่ได้ใส่ใจตัวผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำมากนัก อีกทั้งจ้าวเฟิงผู้ที่เป็นหัวหน้าเรือมีดวงวิญญาณแข็งแกร่ง กลิ่นอายไม่ธรรมดา ผู้เฒ่าชุดคลุมสีดำย่อมสำรวจพบ
เรือลำนี้สามารถอยู่รอดเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งในร่างกายของวาฬยักษ์แห่งทะเลความว่างเปล่า จึงย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
“หลานชาย ผู้สูงศักดิ์นั่นเป็นคนแบบเดียวกับข้า สถานการณ์พวกเจ้าก็เห็นแล้ว กลุ่มโจรสลัดเถี่ยเจี่ยวไม่ได้สนใจอะไรเลยแม้แต่น้อย สนใจแต่จะนองเลือด ต่อให้ยกซากของวาฬยักษ์ให้ไป พวกเขาก็อาจไม่ปล่อยพวกเจ้าไปอยู่ดี” ชายชราส่งประสาทสัมผัสจิตวิญญาณมาบอก
จากสถานการณ์ตรงหน้านี้ หากต้องการจะแย่งชิง ‘เลือดหัวใจวาฬ’ จากหัวหน้าโจรสลัดเถี่ยเจี่ยวก็จำเป็นต้องลากจ้าวเฟิงมาเป็นพวกให้ได้
“เจ้าหนุ่ม! ถ้าหากเจ้ากล้าร่วมมือกับตาแก่หนังเหนียวนี่ อย่าโทษว่าพวกข้าใจร้ายจนฉีกพวกเจ้าเป็นชิ้นๆ แล้วโยนลงทะเลให้ปลากินเสียเล่า” จอมโจรสลัดเถี่ยเจี่ยวเอ่ยอย่างข่มขู่
ทางฟากของกลุ่มโจรสลัด สายตาของผู้นำหลายคนกวาดตาผ่านจ้าวเฟิงและคนอื่นๆ ในเรือหลานเหลย แต่ไม่ได้ปกปิดแววตาละโมบโลภมาก สายตาของพวกเขาสามารถตัดสินได้ว่าเรือลำนี้เป็นของล้ำค่าชั้นดี
พวกเขายังคงกังวลพลังรบของผู้เฒ่าชุดคลุมสีดำในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง จึงไม่อยากลงมือให้ยุ่งยาก แต่ว่ากับส่วนเล็กน้อยอย่างอื่น แน่นอนว่าคงไม่อาจปล่อยให้โอกาสดีเช่นนี้หลุดมือไปได้
“ท่านผู้อาวุโส เป็นท่านที่ช่วยพวกเราออกมา พวกเราย่อมไม่ปฏิเสธที่จะร่วมมือกับท่าน”
จ้าวเฟิงไม่ได้ใส่ใจแววตาข่มขู่ของพวกโจรสลัดเถี่ยเจี่ยวเลยแม้แต่น้อย
“ดี!” ใจของชายชราเต้นลิงโลด เมื่อได้จ้าวเฟิงมาเป็นพวก ความต่างของกำลังพลทั้งสองฝั่งจึงน้อยลงกว่าเดิม
อีกทั้งตัวตัดสินแพ้ชนะคือการประลองของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง
“ผู้เยาว์ทั้งสองคนนี้ ขอฝากพวกเจ้าไว้ก่อนแล้วกัน” ผู้เฒ่าชุดดำโบกมือ ผลักชายหญิงที่อยู่ข้างกายลอยละลิ่วไปยังเรือหลานเหลย
เมื่อเอ่ยจบ เขาไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย รวบรวมพลังจากฟ้าดิน แหวกอากาศตรงดิ่งไปยังจอมโจรสลัดเถี่ยเจี่ยว
“ตาแก่สามานย์! กล้าเปิดศึกกับข้างั้นรึ?” จอมโจรสลัดเแลบลิ้นเลียริมฝีปากน้อยๆ เลือดขึ้นหน้า เตรียมตัวตั้งรับการโจมตีของชายชรา
ผัวะ ปัง โครม!
ยอดฝีมือในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงสองคนบินถลามากลางทะเลหมอก พลังที่แข็งแกร่งพุ่งปะทะเข้าหากัน สะท้อนเป็นคลื่นพลังระเบิดออกเป็นรัศมีหลายสิบลี้
เพียงชั่วพริบตา บรรดาผู้คนมองเห็นเพียงแค่จุดดำสองจุดที่สู้รบพัวพันกันบนท้องฟ้าสูง เป็นเหมือนกลุ่มก้อนที่ดูเลือนราง
“จัดการสังหารคนข้างล่างให้หมด” หัวหน้ากลุ่มเถี่ยเจี่ยวยิ้มอำมหิต ฟากหนึ่งสู้รบอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนอีกฟากก็สร้างความปั่นป่วนทางจิตใจให้กับผู้เฒ่าชุดดำ
เขามั่นใจในตัวลูกน้องของเขายิ่งนัก
ผู้เฒ่าชุดดำลงมือสุดแรง พลังของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงสร้างความปั่นป่วนให้กับสภาพแวดล้อม ตราประทับฝ่ามือสีเขียวสว่างปะทุออกไม่หยุด
แต่ว่าคู่ต่อสู้ของเขาเองก็อยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าโจรสลัดที่มีประสบการณ์ในการรบอย่างมากและมีฝีมือโหดเหี้ยมอำมหิต
ในระยะเวลาสั้นๆ ชายชราจึงแทบไม่ได้เปรียบอะไรเลย
สิ่งที่เขากังวลคือพลังรบของจ้าวเฟิงที่อยู่เบื้องล่าง จึงรู้สึกพะวงใจอยู่ไม่น้อย
แต่ที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขาคือ เด็กหนุ่มหัวหน้าเรือผู้นั้นเยือกเย็นอย่างประหลาด ดูไม่ลุกลี้ลุกลนแม้แต่นิดเดียว
บรรดาลูกเรือเผชิญหน้ากับศัตรูมากมายเช่นนี้ยังวางค่ายกลทรงพลังที่เรือหลานเหลยอีกด้วย
“จื๋อสุ่ย พวกเจ้าปกป้องเรือไว้ให้ดี” จ้าวเฟิงถ่ายทอดคำสั่ง
ด้วยพลังในการป้องกันของเรือหลานเหลย ขอแค่คนในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดไม่ลงมือ ทนตั้งรับอีกครึ่งชั่วยามก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
ส่วนเรื่องการสู้รบเขากับเจ้าหอโครงกระดูกจะจัดการเอง
พรึ่บ พรึ่บ!
จ้าวเฟิงและเจ้าหอโครงกระดูกยืนอยู่บนสุดของเรือ
“เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นหัวหน้าเรือของพวกเจ้างั้นรึ?” สตรีท่าทางอ่อนหวานคนนั้นจ้องมองใบหน้าเย็นชาของจ้าวเฟิงอย่างไม่เชื่อสายตา
จ้าวเฟิงอายุยังน้อย ฝึกตนอยู่เพียงแค่ขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ต่อให้อยู่ที่ดินแดนเกาะของพวกเขาก็ไม่สามารถหาอัจฉริยะเช่นนี้ได้อีกเป็นคนที่สอง อีกทั้งดูจากสถานการณ์แล้ว ขนาดผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดผู้นั้นยังฟังคำสั่งของเขา
“นายท่าน ฝ่ายตรงข้ามมีผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดสองคน ท่านเลือกเอาคนไหน”
ลูกไฟสีแดงในเบ้าตาของเจ้าหอโครงกระดูกสั่นระริกขณะหัวเราะออกมา
สวบ สวบ!
ในเวลาดังกล่าว ชายหน้าตาอำมหิตและหญิงผ้าคลุมหน้าสีดำนำคนจำนวนหนึ่งบินมายังทิศทางของเรือ
กลุ่มโจรสลัดเถี่ยเจี่ยวส่งกองกำลังส่วนหนึ่งมา กำลังพยายามที่จะแล่ซากของวาฬ ถึงขนาดที่ว่าเตรียมจะส่งคนเข้าไปภายในร่างของซากวาฬแล้ว
“เจ้าจัดการทั้งสองคน” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบทั้งแววตาเคร่งขรึม
“หา! อะไรกัน…” เจ้าหอโครงกระดูกแข้งขาอ่อน
ผู้นำโจรสลัดทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงกลาง ส่วนอีกคนอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลาย เขาเพียงคนเดียวหากไม่มีค่ายกลหุ่นเชิดศพเกรงว่าจะลำบากไม่น้อย
“หยุดใช้คำสาปร้อยศพไปก่อนชั่วคราว” จ้าวเฟิงเอ่ยสำทับมาอีก ทำให้เจ้าหอโครงกระดูกโอดครวญ
ตั้งแต่กลายเป็นข้ารับใช้ของจ้าวเฟิง ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยสบายเลยสักครั้ง แทบทุกๆ สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานจะโดนทำร้ายจนร่างแทบแหลก
แซ่ด พรึ่บ!
จ้าวเฟิงทิ้งร่องรอยควันกรุ่นของเงาวายุอัสนีสีม่วงไว้บนพื้น แล้วบินไปยังกลุ่มโจรสลัดที่เข้าใกล้วาฬแห่งทะเลความว่างเปล่า
“ก็แค่คนในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด”
หัวหน้าโจรสลัดทั้งสองแทบไม่เห็นจ้าวเฟิงอยู่ในสายตา ด้วยเพราะว่าในกลุ่มโจรสลัดเถี่ยเจี่ยวมีคนในข้ันครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดกว่าสิบคน ในสายตาของคนทั้งสอง เจ้าหอโครงกระดูกต่างหากจึงจะเป็นตัวอันตรายที่สุด ขอเพียงแค่สังหารเจ้าหอโครงกระดูก ก็จะส่งผลต่อสถานการณ์ทั้งหมด
“ฆ่า!” หัวหน้าโจรสลัดทั้งสองตรงดิ่งมาที่เจ้าหอโครงกระดูกด้วยความอำมหิต
แกรก แกรก แกรก แกรก!
เจ้าหอโครงกระดูกกระตุ้นเคล็ดวิชา หลอมรวม ‘กระดูกเก้าทมิฬ’ ที่อยู่ภายในร่างเข้ากับโครงกระดูกของตน
วิ้ง!
ในระยะเวลาสั้นๆ ร่างโครงกระดูกก็ยาวยืดออกสองสามจั้ง เพลิงสีดำห่อหุ้มทั่งร่างราวกับเป็น ‘โครงกระดูกเพลิง’
โครม คราม!
‘โครงกระดูกเพลิง’ ที่แท้เป็นเจ้าหอโครงกระดูกที่ยืดร่างออก เขาฟาดมือลงครั้งหนึ่ง พลังเพลิงมรณะที่เกิดขึ้นน่ากลัวยิ่งนัก พื้นดินสะเทือนอย่างรุนแรง หอบเอาร่างของชายหนุ่มหน้าอำมหิตผู้นั้นลอยละลิ่วไปไกล
“เป็นพลังที่แข็งแกร่งนัก! เหมือนมีกลิ่นอายที่แข็งกล้าของอาวุธชั้นพิภพด้วย” ชายหนุ่มหน้าอำมหิตถอยร่นไปไกล เลือดในกายปั่นป่วน กลิ่นอายมรณะเข้าไปภายในร่างจนเเทบจะกระอักเลือดออกมา
สตรีอัปลักษณ์ในผ้าคลุมหน้าสีดำมีสีหน้าเคร่งขรึม คิดไม่ถึงเลยว่าโครงกระดูกร่างนี้จะมีพลังรบที่กล้าแกร่งถึงเพียงนี้
ไป!
มือผอมที่เหี่ยวย่นโบกเบาๆ แล้วทั้งร่างของนางก็เกิดเป็นเพลิงไฟสีขาว กลิ่นอายมารมรณะที่หนาแน่นกระจายปกคลุมทั่วฟ้า ก่อนตรงดิ่งไปหาเจ้าหอโครงกระดูก
ไม่เพียงเท่านั้น
พรึ่บ!
ครั้นนางโบกมืออีกครั้ง เบื้องหน้าของนางก็ปรากฏร่างโครงกระดูกทำจากหยกทมิฬซึ่งสูงใหญ่ถึงสองจั้ง กลิ่นอายเย็นยะเยือกลึกลับ ทั่วร่างมีเพลิงสีดำสนิท มันตรงดิ่งไปที่เจ้าหอโครงกระดูก
“เป็นร่างโครงกระดูกในขั้นผู้สูงศักดิ์!”
เจ้าหอโครงกระดูกพูดไม่ออก เขาเพิ่งเคยเห็นหุ่นเชิดศพขั้นผู้สูงศักดิ์เป็นครั้งแรก ส่วนประกอบของร่างโครงกระดูกหยกทมิฬก็ไม่ธรรมดา กลิ่นอายของหุ่นเชิดศพโครงกระดูกนี้เข้าใกล้ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงกลางอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าสตรีอัปลักษณ์สวมผ้าคลุมหน้าสีดำคนนี้จะต้องอยู่ในสำนักที่คล้ายคลึงกับเจ้าหอโครงกระดูก
เพียะ พรึ่บ ตุบ ตุบ~
ทันใดนั้น หัวหน้าโจรสลัดทั้งสองกับหุ่นเชิดศพโครงกระดูกในขั้นผู้สูงศักดิ์ล้อมเจ้าหอโครงกระดูกไว้
“ทำไมทุกครั้งถึงต้องเป็นข้า…” เจ้าหอโครงกระดูกโอดครวญ เกือบจะระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว
ยังดีที่เขามี ‘กระดูกเก้าทมิฬ’ หลอมรวมอยู่ในร่าง ทำให้เขากลายเป็น ‘โครงกระดูกเพลิง’ ซึ่งมีพลังป้องกันเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ตุบ ตุบ ตุบ!
หุ่นเชิดศพโครงกระดูกในขั้นผู้สูงศักดิ์โจมตีมายัง ‘โครงกระดูกเพลิง’ ลูกไฟแตกกระจายออก ภายในเวลาสั้นๆ ยังไม่ถือว่าเป็นพลังคุกคามอะไร
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
‘เจ้านายผู้ไร้ศีลธรรม’ ที่เจ้าหอโครงกระดูกลอบด่าในใจก็ค่อยๆ หลีกหนีออกจากวงต่อสู้ของผู้สูงศักดิ์
“เหอะเหอะ มีความสามารถเท่าใดก็แบกรับความกดดันเท่านั้นแล้วกัน” จ้าวเฟิงลอบกวาดตามองแล้วก็ต้องประหลาดใจอยู่บ้าง
ไม่ได้มีเพียงแต่พลังของเจ้าหอโครงกระดูกที่เพิ่มขึ้น ทางฟากของโจรสลัด สตรีในผ้าคลุมหน้าสีดำเรียกเอาหุ่นเชิดศพโครงกระดูกในขั้นผู้สูงศักดิ์ออกมาเช่นกัน
“โครงกระดูกนั้นมีพลังรบที่แข็งแกร่งมากนัก”
ชายหญิงคู่ดังกล่าวในเรือจ้องตาโตอ้าปากค้าง ถึงแม้เจ้าหอโครงกระดูกจะอยู่ในสถานะโดนโจมตี แต่ว่าเขาใช้กำลังของตนเพียงคนเดียวรับมือกับผู้สูงศักดิ์ถึงสามคน
“ชั่วช้ายิ่งนัก! เป็นถึงหัวหน้าเรือ แต่กลับฉวยโอกาสหนีเอาตัวรอด”
สตรีบอบบางผู้นั้นขมวดคิ้ว จ้องมองจ้าวเฟิงที่ค่อยๆ หายไปจากบนเรือ หันหลังหนีไปจากวงต่อสู้โดยใช้การเคลื่อนกายที่ว่องไวราวกับสายฟ้า
ชายหนุ่มท่าทางองอาจข้างกายนางก็อดมองด้วยสายตาเหยียดหยามไม่ได้เช่นกัน