บทที่ 691 ลองธนูครั้งแรก
“แลกเปลี่ยน?” จ้าวเฟิงหรี่ตามองเด็กน้อยครึ่งเซียนที่เอ่ยเสียงอ้อแอ้ รูปร่างหน้าตาเหมือนเด็กอายุสองสามขวบ แต่กลับมีสีหน้าที่เคร่งขรึม ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นถือกำเนิดใหม่จากเลือดครึ่งเซียน ไม่มีใครกล้าดูแคลนและมองข้ามไปแน่นอน
“เหอะ เหอะ” จ้าวเฟิงอดไม่ได้หัวเราะออกมา “หรือบางทีจ้าคงจะลืมความสัมพันธ์ระหว่างเราไปแล้ว”
ผู้เป็นนายกับข้ารับใช้ แต่เดิมก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เท่าเทียมกันตั้งแต่แรก
สิ่งเรียกว่าการแลกเปลี่ยนตามปกติธรรมดานั้น จะต้องเกิดขึ้นบนระดับขั้นที่เท่าเทียมกัน
เจ้าหอโครงกระดูกที่อยู่ข้างกาย ในดวงตาลอดแววอำมหิตออกมา แล้วในเวลาเดียวกันก็มองเด็กน้อยครึ่งเซียนอย่างคาดคะเน เขาเองไม่รู้อะไรแน่ชัดเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเด็กน้อยครึ่งเซียน ด้วยในขณะที่อยู่ในอุทยานครึ่งเซียน เขาแบกรับแรงกดดันมหาศาลในฟ้าดินและพลังครึ่งเซียน จึงไม่มีโอกาสได้ออกมา
และแน่นอนว่าเขาเองก็ไม่กล้าดูแคลน
เด็กน้อยที่ดูมีอายุเพียงแค่สองสามขวบ แต่กลับฝึกตนอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงปลาย น่าจะอยู่เหนือกว่าเขา เทียบเท่าได้กับจ้าวเฟิง ต่อให้เจ้าหอโครงกระดูกจะโง่เง่ากว่านี้ แต่ก็ไม่มีทางมองเขาเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง
“ข้าเป็นถึงครึ่งเซียน! ดังนั้นจึงมีคุณสมบัติเพียงพอ อีกทั้งข้อต่อรองแลกเปลี่ยนของข้า เกรงว่าเจ้าจะไม่มีทางปฏิเสธได้ลง”
เด็กน้อยครึ่งเซียนพูดอย่างหยิ่งยโส ต่อให้เขาตกอับกลายเป็นคนใช้ ชีวิตโดนคุกคาม เขาก็ยังคงมีเกียรติของครึ่งเซียนอยู่
“ครึ่งเซียน!” สีหน้าของเจ้าหอโครงกระดูกหวาดหวั่น ไม่รู้จะเอ่ยอะไรเมื่อจ้องมองไปที่เด็กน้อยผิวสีทองใกล้ตัว
ที่แท้จ้าวเฟิงคืนชีวิตให้ครึ่งเซียน? แล้วยังรับมาเป็นข้ารับใช้?
นี่…นี่มันบ้าไปแล้ว!
เมื่อเปรียบกับครึ่งเซียนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าลัทธิจันทราชาดที่เคยนับถือในอดีต หรือว่าจะจักรพรรดิแห่งความตายที่ไล่ตามล่าสังหาร ทั้งสองก็ยังเทียบไม่ได้
“ก่อนอื่นลองพูดข้อต่อรองของเจ้าให้ดึงดูดใจข้าได้จริงๆ เสียก่อน”
จ้าวเฟิงยังไม่ได้ตอบรับ เขารู้ว่าในขณะที่ฟื้นฟูพลัง ความทรงจำมากมายของเด็กน้อยครึ่งเซียนก็ได้ฟื้นกลับมา
“อันดับแรก ข้ามีวิธีช่วยเหลือนายท่านให้เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึม ‘พลังอัสนีเทวะ’ ” เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ยเรียบๆ
พลังอัสนีเทวะ!
ดวงตาจ้าวเฟิงเป็นประกาย พลังอัสนีเทวะนั่นเป็นถึงพลังอัสนีอันสูงส่งซึ่งเป็นของดั้งเดิมในฟ้าดิน สามารถควบคุมสรรพชีวิตนับหมื่นในโลกนี้ได้ ถ้าหากว่าสามารถเข้าฌานเพื่อดูดซึมพลังอัสนีเทวะ ย่อมส่งผลให้พลังของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
แล้วยังมีอีกหนึ่งสิ่งคือ การฝึกตนลึกซึ้งในพลังอัสนีเทวะ ย่อมส่งผลช่วยเหลืออย่างมากต่อการต้องเผชิญ ‘ด่านเคราะห์เซียน’ ในภายหน้า
“ในความทรงจำส่วนลึกของข้ามี ‘เคล็ดวิชาผลาญอัสนี’ อยู่ชุดหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวบันทึก แต่กลับเป็นวิชาเซียนที่สูงส่งอย่างยิ่ง อยู่เหนือกว่า ‘หมื่นอัสนีห้าสาย’ และ ‘วิชากระบี่กลืนสายฟ้า’ เสียอีก
ในยามรุ่งโรจน์ของข้า ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ศึกษาวิชาดังกล่าวเพื่อเพิ่มแรงต้านทานต่อ ‘ภัยอัสนี’ ซึ่งก็ได้ผลเสียด้วย” เด็กน้อยครึ่งเซียนอธิบาย
เคล็ดวิชาผลาญอัสนี!
จ้าวเฟิงใจเต้น เขาสืบทอดมรดกวายุอัสนี จึงพอจะเคยได้ยิน ‘เคล็ดวิชาอัสนี’ ในตำนานมาบ้าง
ว่ากันว่า ยอดฝีมือผู้มากความสามารถได้สรรสร้างวิชาดังกล่าวตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อที่จะต้านทานภัยในฟ้าดิน
เคล็ดวิชาผลาญอัสนีจะส่งผลต่อพลังอัสนีเทวะโดยตรง
“มิน่าล่ะ ครึ่งเซียนผู้นั้นจึงยังหลงเหลือร่างศพที่สมบูรณ์เอาไว้ได้ แล้วยังดูดซึมเอาพลังอัสนีเทวะไปไม่น้อย” จ้าวเฟิงเชื่อไปมากกว่าครึ่ง
เขาครอบครองมรดกวายุอัสนีและ ‘วิชาหมื่นอัสนีห้าสาย’ กลายเป็นยอดฝีมือในศาสตร์อัสนี ดังนั้นจึงยากที่จะหลอกลวงเขาเรื่องลักษณะที่แท้จริงของเคล็ดวิชาผลาญอัสนีได้
“อันดับที่สอง พลังอัสนีเทวะ ยากที่จะหลอมรวมกับปราณที่แท้จริงในร่างกาย รวมไปถึงการจะผสานให้เข้ากันกับพลังอัสนี วิธีที่ดีที่สุดก็คือดูดซึมมันเข้าไปในร่าง นี่เป็นเพราะก่อนหน้านี้นายท่านเริ่มเหยียบย่างเข้าไปด้วยวิธีการผิดๆ” เด็กน้อยครึ่งเซียนหัวเราะเบาๆ
จ้าวเฟิงได้ยินดังนั้น รู้สึกเห็นแสงสว่างรำไรขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง
มิน่าล่ะ ก่อนนี้เขาลองเข้าฌานเพื่อซึมซับพลังอัสนีเทวะ กลับเจอแรงต้านทานที่รุนแรงอย่างยิ่ง
พลังอัสนีเทวะประเภทนี้เกี่ยวโยงกับสายฟ้าที่ลงทัณฑ์เทพเจ้าในกฎเกณฑ์ของฟ้าดิน แล้วยังอยู่เหนือพลังในใต้หล้าจำนวนนับไม่ถ้วน
เมื่อลองคิดดูแล้ว พลังประเภทนี้จะสามารถสอดประสานกับพลังอัสนีหรือไม่ก็ปราณที่แท้จริงอื่นๆได้อย่างไร?
เด็กน้อยครึ่งเซียนชี้วิธีการแก้ปัญหาให้แล้ว
“วิธีการที่ดีที่สุดก็คือใช้ร่างกายแบกรับและดูดซึมพลังอัสนีเทวะ แต่ว่าใจกลางแก่นก่อกำเนิดของข้าล้วนแต่เป็นพลังวายุอัสนี ไม่สามารถสอดประสานกับสิ่งอื่นได้” จ้าวเฟิงเข้าใจอย่างรวดเร็ว
“สภาพร่างกายทั่วไปนั้นยากจะดูดซึม ‘พลังอัสนีเทวะ’ ได้ จึงต้องการวิชาศักดิ์สิทธิ์ในการฝึกร่างระดับสูง” เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ยด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
วิชาฝึกกายศักดิ์สิทธิ์!
จ้าวเฟิงเข้าใจในทันที จ้องเข้าไปในแววตาของเด็กน้อยครึ่งเซียน
ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ถนัดในวิชาฝึกร่างกาย ย่อมต้องมีวิชาศักดิ์สิทธิ์ในการฝึกร่างที่แข็งแกร่งสูงส่ง
“ตกลง บอกเงื่อนไขของเจ้ามา” จ้าวเฟิงตัดสินใจทำการแลกเปลี่ยนกับเด็กน้อยครึ่งเซียน
ไม่ว่าจะเป็น ‘เคล็ดผลาญอัสนี’ หรือว่าจะวิชาฝึกกายศักดิ์สิทธิ์ ก็ล้วนแต่อยู่ในกำมือครึ่งเซียนคุนอวิ๋น มิฉะนั้น ถึงจ้าวเฟิงจะครอบครองกะโหลกครึ่งเซียนก็ยากที่จะฝึกตนซึมซับพลังอัสนีเทวะได้
“ข้าต้องการเลือดเนื้อชนิดนั้นเหมือนก่อนหน้านี้ อีกทั้งต้องการในจำนวนมากด้วย”
เมื่อเด็กน้อยครึ่งเซียเอ่ยจบก็เหลือบมองหุ่นเชิดศพต้องสาป
หุ่นเชิดศพต้องสาปที่ดูดซึมพลังของเลือดเนื้อในห้วงฝันบรรพกาลเข้าไป ไม่อาจจะปิดบังเด็กน้อยครึ่งเซียนได้
“เจ้าต้องการเท่าไหร่?” จ้าวเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“หนึ่งหมื่นชั่ง ห้ามต่อรอง” เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ย
หนึ่งหมื่นชั่ง?
จ้าวเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย จะทำให้ได้จำนวนหนึ่งหมื่นชั่งตามเป้าแล้วล่ะก็ เขาจำเป็นต้องสังหารสัตว์ที่มีขนาดใหญ่บางส่วนในห้วงฝันบรรพกาล
“ข้อต่อรองของข้าคุ้มค่ากับสิ่งที่ท่านจะได้รับอย่างแน่นอน” เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ยด้วยท่าทางแข็งขัน
เขาดูออกว่าจ้าวเฟิงจะต้องมีเลือดเนื้อดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
หุ่นเชิดศพต้องสาปคือตัวอย่างที่เห็นกันอยู่เต็มตา จ้าวเฟิงจะต้องทุ่มเทเลือดเนื้อห้วงฝันเข้าไปในร้อยศพต้องสาปเป็นพันชั่งหรือสองพันชั่งเป็นอย่างน้อย
“ตกลง” จ้าวเฟิงพยักหน้าเป็นการตอบรับ “แต่ว่าเจ้าต้องรับรองว่าของที่จะเอามาแลกเปลี่ยนนั้นอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อย่างแท้จริงก่อน”
ถึงแม้ว่าเลือดเนื้อจากห้วงฝันบรรพกาลจำนวนหมื่นชั่งจะมาก แต่สำหรับการกระตุ้นพลังของเด็กน้อยครึ่งเซียน น่าจะจำกัดอยู่เพียงก่อนไปถึงขั้นราชัน
เลือดเนื้อเหล่านั้นยิ่งใช้มาก สุดท้ายผลลัพธ์นับวันก็จะยิ่งลดลง นี่เหมือนกับการที่จ้าวเฟิงใช้กลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาล ซึ่งเป็นหลักเหตุผลเดียวกัน
“ข้าขอสาบานในนามของ ‘เทวะภัย’ จะไม่เล่นตุกติกอะไรกับเงื่อนไขข้อตกลง และขอรับรองว่าเป็นของจริงด้วย”
เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ยอย่างขึงขัง จ้าวเฟิงค่อยๆ ผงกศีรษะอย่างพึงพอใจ
ชีวิตก่อนหน้านี้ เด็กน้อยครึ่งเซียนก็ตายเพราะภัยจากด่านเคราะห์เซียน พลังชนิดนี้ก็ยังป็นเงามืดติดอยู่ในจิตวิญญาณของเขา
ในเวลาเดียวกัน พลังของด่านเคราะห์เซียนยังเกี่ยวพันถึงกฎเกณฑ์ดั้งเดิมในการลงทัณฑ์เทพอีกด้วย
เด็กน้อยครึ่งเซียนย่อมไม่กล้าที่จะหยิบยกเอาของเช่นนี้มาล้อเล่น
แต่เห็นได้ว่าเด็กน้อยครึ่งเซียนทำการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้อย่างจริงใจ หรือบางทีเขาคงจะมีที่พึ่งอื่น จึงไม่เกรงกลัวว่าจ้าวเฟิงจะตอบรับข้อเสนอดังกล่าว
“เพื่อแสดงถึงความจริงใจ ข้าจะมอบ ‘เคล็ดวิชาผลาญอัสนี’ ให้เจ้าไว้ก่อน” เด็กน้อยครึ่งเซียนเสนอตัว
จ้าวเฟิงประหลาดใจอย่างยิ่ง เด็กน้อยครึ่งเซียนจะ ‘จริงใจ’ มากขนาดนี้เลยงั้นหรือ?
แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก รับเอาข้อมูลกลุ่มหนึ่งที่เด็กน้อยครึ่งเซียนส่งให้
ในหัวของจ้าวเฟิงปรากฏเศษเสี้ยวบันทึกหนึ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นก็คือเคล็ดวิชาผลาญอัสนี
เคล็ดวิชาผลาญอัสนี เป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้ยิ่งใหญ่สมัยโบราณกาลสรรสร้างขึ้นเพื่อต้านทานภัยจากด่านเคราะห์เซียนโดยเฉพาะ เป็นเคล็ดวิชาเซียนฝืนชะตาฟ้าดินที่จะดูดซึมเอาพลังสายอัสนีไว้
เนื้อหาของเศษเสี้ยวบันทึกนี้ไม่ได้เอ่ยถึงวิธีการฝึกตนมากนัก
มันไม่ได้เหมือนกับ ‘มรดกวายุอัสนี’ หรือว่า ‘หมื่นอัสนีห้าสาย’ ที่มีกระบวนวิชาครบถ้วนสมบูรณ์
พูดให้เข้าใจง่ายๆ มันเป็นวิชาแขนงหนึ่ง แต่ว่ามีเงื่อนไขที่สูงส่งอย่างยิ่งในเรื่องการทำความเข้าใจและขอบเขตดวงวิญญาณ
จ้าวเฟิงปิดตาลงลองฝึกตน สุดท้ายเขาจึงค้นพบว่าเนื้อหาของวิชาดังกล่าวถึงแม้จะไม่มาก แต่ความยากในการฝึกตนกลับไม่น้อยตามไปด้วย
ยังดีที่เขามีขั้นพื้นฐานของ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ด้วยความสามารถในการทำความเข้าใจและแยกแยะของดวงตาเทพเจ้า จึงทำให้พอที่จะฝึกได้
“รออีกสักหน่อย แล้วข้าจะเอาเลือดเนื้อหมื่นชั่งให้กับเจ้า” จ้าวเฟิงเปิดตา
เด็กน้อยครึ่งเซียนพยายามปกปิดสายตาดีอกดีใจ
หลายวันจากนั้น จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ ดูเหมือนกำลังฝึกตนอยู่
ห้วงความคิดของเขาหยุดอยู่ที่โลกทะเลวิญญาณ
โลกทะเลวิญญาณของจ้าวเฟิง กลิ่นอายถูกปิดผนึกขั้นสูงสุด จนไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้อย่างสะดวก
แต่ว่านี่ก็ไม่ได้เป็นการขัดขวางเขาที่จะฝึกฝนและพัฒนาตนในทะเลวิญญาณ
พรึ่บ!
ห้วงความคิดของจ้าวเฟิงดำดิ่งลงไปในห้วงฝันบรรพกาลอีกครั้ง
ณ บริเวณริมแม่น้ำ จ้าวเฟิงก็เริ่มลงมือสังหารสัตว์กินพืชที่ไม่ตอบโต้ประเภทวัว แพะ และอื่นๆ
เพื่อเพิ่มสัดส่วนของความสำเร็จ จ้าวเฟิงจึงนำ ‘ธนูเหนือนภา’ ออกมา
พลังของธนูเหนือนภาก็ยังโดนกดข่มอย่างรุนแรงเมื่ออยู่ในห้วงฝันบรรพกาล แต่ทว่าให้โจมตีในระยะสิบยี่สิบลี้ยังพอไหว
กึก!
จ้าวเฟิงค่อยๆ ง้างคันธนูโบราณที่มีสีเงินในมือ จากนั้นจึงหลอมรวมเจตจำนงดวงตาเข้าไปในนั้นด้วย
วิ้ง!
ทันใดนั้นเอง ลายจารึกบนคันธนูโบราณสาดแสงสีเงินสว่างเจิดจ้า ประหนึ่งเค้าโครงที่เป็นรูปเป็นร่าง ราวกับลูกกบที่มีชีวิตชีวาวิ่งล้อมรอบทั่วทั้งคันธนู
ในขณะเดียวกัน บนธนูก็ปรากฏ ‘ลำแสงลูกธนูสีทอง’ ที่เรียวเล็กและเย็นยะเยือกดอกหนึ่ง
เมื่อมาถึงระดับขั้นของ ‘ธนูเหนือนภา’ ไม่จำเป็นจะต้องตระเตรียมลูกธนู สามารถสร้าง ‘แสงลูกธนู’ เป็นรูปเป็นร่างได้เอง
ขอแค่มีพลังมากเพียงพอ ตามทฤษฎีแล้วธนูเหนือนภาจะถูดปลดปล่อยออกมาได้โดยที่ไร้ขีดจำกัด เปรียบเทียบได้กับปืนหน้าไม้ที่ลูกดอกไม่มีวันหมด
วิ้ง โครม!
แสงสว่างสีทองเงินของธนูเหนือนภาหมุนวนไขว้เป็นเกลียว แสงลูกศรสีทองที่แหลมคมทะลวงผ่านไปในอากาศพร้อมกับเส้นสายสีเงิน
“ฟุ่บ!”
แสงธนูสีทองเป็นประกายบนฟ้า ก่อนจะปรากฏตัวไกลออกไปกว่าสิบจั้ง แล้วทะลุกลางสมองของกวางตัวหนึ่งที่กำลังดื่มน้ำอยู่
“เป็นพลังที่แข็งแกร่งมาก!”
จ้าวเฟิงมองตาค้าง ประหลาดใจยิ่งนัก
ก่อนหน้านี้เขาต้องเก็บงำอาวุธสังหาร จึงยังไม่ได้เรียกธนูคันดังกล่าวออกมา
ภายในห้วงฝันบรรพกาล สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นมีการป้องกันร่างกายแข็งแกร่งมากเหลือเกิน
จ้าวเฟิงคิดที่จะฆ่ากวางหรือแพะหนึ่งตัว ล้วนต้องสิ้นเปลืองพลังและวิชาต่างๆ
แต่ว่าธนูเหนือนภาสามารถทำได้ถึงขั้นสังหารให้ตายในกระบวนท่าเดียว
“ก็ยังดี ในห้วงฝันบรรพกาลข้าสามารถใช้คันธนูดังกล่าวได้ แล้วยังขัดเกลาวิชาต้องห้ามดวงตาได้อีกด้วย” จ้าวเฟิงกระตือรือร้น
เขารีบเก็บร่างศพของกวางตัวลายนั่นไว้ แล้วเก็บกวาดกลิ่นอายเพื่อหลีกเลี่ยงความสนใจจากสัตว์กินเนื้อประเภทอื่นๆ
สองวันหลังจากนี้ จ้าวเฟิงได้สังหารสัตว์กินพืชที่มีร่างกายใหญ่โตและน้ำหนักมากโดยใช้ธนูเหนือนภา
แต่ว่าธนูเหนือนภาสิ้นเปลืองพลังดวงวิญญาณและปราณที่แท้จริงมหาศาล
ในทุกๆ วันจ้าวเฟิงจะใช้ลูกธนูเพียงสี่ห้าดอกเท่านั้น ทุกครั้งลูกศรก็จะลงมือโจมตีจนตายในครั้งเดียว
เป้าหมายที่ถูก ‘ธนูเหนือนภา’ เล็งเป้าไว้แล้วแทบไม่สามารถจะหลบหนีไปได้เลย
ธนูคันดังกล่าวคล้ายทะลวงผ่านมิติ หรือกระทั่งเล็งเป้าหมายดวงวิญญาณจนไม่อาจจะหลบหนีได้ นับว่าเหมาะกับชื่อ ‘เหนือนภา’ อย่างยิ่ง
สี่วันให้หลัง ในห้องหัวหน้าเรือ จ้าวเฟิงเรียกเด็กน้อยครึ่งเซียนออกมา
“นี่คือเลือดเนื้อหมื่นชั่ง” จ้าวเฟิงหยิบถุงสะสมสัตว์ออกมามอบให้กับเด็กน้อยครึ่งเซียน
เด็กน้อยครึ่งเซียนรับถุงเก็บสัตว์นั่นมา กวาดตามองทีหนึ่งก็แสดงสีหน้าพอใจ
“นายท่าน นี่เป็น ‘กายศักดิ์สิทธิ์ปฐพีทอง’ ในชาติก่อนของข้า เป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์ในการฝึกฝนร่างกายขั้นสูงสุดในทะเลชังไห่ วิชาดังกล่าวเป็นหนึ่งในหมื่นวิชาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดในตำนานของดินแดนทวีป”
เด็กน้อยครึ่งเซียนรู้สึกสบายใจอย่างมาก มอบ ‘หยดเลือดสีทอง’ ที่มีความพิเศษให้กับจ้าวเฟิงไป
หยดเลือดสีทองนี้ ที่แท้มาจากการฟูมฟักพลังเลือดเนื้อโลหิตจิตวิญญาณในร่างกายเด็กน้อยครึ่งเซียน
จ้าวเฟิงสงสัยเล็กน้อย รับเอาหยดเลือดสีทองนั่นมา
เขาคาดเดาได้รางๆ ว่า มรดกชนิดนี้เกรงว่าจะมาจากสายเลือดที่มีมาอย่างยาวนาน
แต่ว่า ได้รับวิชาศักดิ์สิทธิ์ในการฝึกฝนร่างกายที่แกร่งกล้าของครึ่งเซียนตอนยังมีชีวิตอยู่มาอย่างสบายๆ จ้าวเฟิงก็รู้สึกคาดคิดไม่ถึงอยู่เหมือนกัน
เด็กน้อยครึ่งเซียนมองปราดผ่านด้วยสายตาเยาะเย้ย
‘กายศักดิ์สิทธิ์ปฐพีทอง’ ที่เขาแลกเปลี่ยนไปอย่างง่ายดายนั้นย่อมเป็นของจริงแน่นอน ทว่าวิชาศักดิ์สิทธิ์ในการฝึกร่างตกไปอยู่ในมือของจ้าวเฟิง เขากลับไม่กังวลใจเลยแม้แต่น้อย