บทที่ 698 ราชาเหมันต์จันทรา
จ้าวเฟิงคิดไม่ถึงว่า สตรีในชุดสีเงินยวงที่ทั้งงดงามเย็นชา มีเสน่ห์น่าดึงดูด จะเป็น ‘ราชาเหมันต์จันทรา’ ผู้เป็นหนึ่งในสามราชาโจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดสิบแปดยอดมีราชาโจรสลัดทรงอำนาจสิบแปดคน ทั้งหมดล้วนแต่เป็นราชันในขอบเขตปราณเทวะทั้งสิ้น
ทั้งนี้ราชาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามในบรรดาราชาโจรสลัด แบ่งเป็น
ราชาฉลามยักษ์ ราชามังกรดำ และราชาเหมันต์จันทรา
ราชาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามพลังอยู่ในขั้นราชันระดับสุดยอด แล้วยังมีหวังที่จะทะลวงผ่านไปยังขอบเขตปราณเทวะที่สมบูรณ์ด้วย
“ราชันระดับสุดยอด กำลังรบอยู่เหนือกว่าคนในขั้นราชันทั้งมวล กระทั่งมีความเป็นไปได้ที่จะท้าทายจักรพรรดิเสียด้วยซ้ำ”
ร่องรอยความกังวลปรากฎขึ้นบนใบหน้าของจ้าวเฟิง
ราชาเหมันต์จันทราผู้นี้ กลิ่นอายแรงกดดันที่ส่งมาให้เขาแข็งแกร่งกว่าราชันธรรมดาหลายเท่าตัว
พู่ว พู่ว โครม!
ด้านซ้ายขวาของเรือสีเงินยวง ยังมีเรือในตำนานสองลำใหญ่ที่มีคนขั้นราชันอยู่ขนาบข้างมาด้วย
มีราชันปราณเทวะสามคน ราชาเหมันต์จันทราเป็นราชันในระดับสุดยอด แล้วยังมีราชันในระดับลึกซึ้งกับราชันธรรมดาอีกผู้หนึ่ง
ลักษณะกระบวนทัพพร้อมกองเรือที่ใหญ่โตเช่นนี้มากพอจะกวาดล้างสำนักสองดาวทั่วไปได้เลยทีเดียว
“เจ้าเด็กน้อย ได้รับการชื่นชมจาก ‘ราชาเหมันต์จันทรา’ นับว่าเป็นเกียรติของเจ้าแล้ว”
ชายมีหนวดวัยกลางคนที่อยู่ในเรือลำด้านข้างเอ่ยขึ้นด้วยเสียงไม่พอใจ
ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัด ราชาเหมันต์จันทราเป็นโฉมสะคราญอันดับหนึ่ง เป็นสตรีผู้เย็นชาที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วกลุ่มดินแดนวั่นหยวน
เมื่อเปรียบกับเรือนร่างและใบหน้างดงามแล้ว ชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยมที่ขจรขจายของนาง ทำให้ยอดฝีมือจำนวนมากต้องขวัญหนีดีฝ่อเสียมากกว่า
“เหอะ เหอะ บีบบังคับให้เข้าร่วมอีกแล้ว? นี่เป็นวิธีการของพวกเจ้าโจรสลัดเช่นนั้นหรือ?”
ในรอยยิ้มของจ้าวเฟิงแฝงความเย็นชา
ราชาอสรพิษดำในคราวก่อนก็คิดบีบบังคับให้จ้าวเฟิงเข้าร่วมกับราชามังกรดำ หรือไม่ก็จะกลืนกินเรือลำนี้ไปเสีย
“นายท่าน ราชันในระดับสุดยอดผู้นั้นไม่ใช่คนที่พวกเราจะรับมือได้ นอกเสียจากว่าท่านจะให้ข้าหลอมรวมพลังครึ่งเซียน บางทีอาจพอมีความน่าจะเป็นที่จะประมือกันได้”
เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ยเตือนลังจากที่ลอบปาดเหงื่อ
การสังหารราชันในระดับลึกซึ้งเมื่อครู่ คนทั้งสองร่วมมือกันจึงปลิดชีพคนผู้นั้นลงได้อย่างยากลำบาก อีกทั้งส่วนหนึ่งยังเป็นเพราะโชคช่วยเสียด้วย
ถึงแม้ว่าธนูเหนือนภาจะสูงส่ง แต่ว่าก็ยังห่างไกลกับอาวุธวิเศษนัก
ราชาเหมันต์จันทราผู้นั้นเห็นได้ชัดว่าเข้าใกล้ราชันระดับสุดยอดเต็มที และพลังก็ยังสูงส่งอีกด้วย
ทันทีที่ลงมือเข้าโจมตี เกรงว่าจ้าวเฟิงและพวกคงไม่มีโอกาสโต้กลับเสียด้วยซ้ำ
“ผู้เยาว์! เจ้านี่มันรนหาที่ตาย! กล้าหาเรื่อง ‘ราชามังกรดำ’ กับ‘ราชาฉลามยักษ’ การเข้าร่วมกับ ‘ราชาเหมันต์จันทรา’ เป็นเพียงตัวเลือกเดียวของเจ้า”
ชายหนุ่มผมทองเอ่ยเสียงเหยียดหยามเย็นชาบนเรืออีกลำหนึ่ง ชายหนุ่มผมสีทองผู้นี้เป็นราชันในระดับลึกซึ้ง
จ้าวเฟิงสัมผัสได้ว่าในมือของชายหนุ่มผมสีทองมีตราคำสั่งราชาโจรสลัด จึงเห็นได้ชัดเจนว่าเขาเป็นหนึ่งในราชาโจรสลัดสิบแปดยอด
ราชาเหมันต์จันทราโบกมือเบาๆ ขัดขวางชายหนุ่มเรือนผมสีทอง นัยน์ตางดงามราวจันทร์เสี้ยว มีวี่แววเชื่อมั่นในตนเอง
“เรือของเจ้าหลอมรวมเข้ากับกลิ่นอายของ ‘ตราคำสั่งราชาโจรสลัด’ กลายเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ จะไม่สามารถหนีออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์สิบแปดยอดได้ นี่เป็นกฎเกณฑ์ของจักรพรรดิโจรสลัดรุ่นแรก ไม่เคยมีข้อยกเว้นมาก่อน”
เสียงเย็นชาของราชาเหมันต์จันทราเอ่ยขึ้น เรือนผมสีเงินโบกสะบัดไปตามสายลม ไอสังหารเย็นยะเยือกพวยพุ่ง ราชันธรรมดาไม่สามารถมองสบตานางตรงๆ ได้
เมื่อจ้าวเฟิงได้ยินเช่นนั้น หน้าก็เปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
ในขณะที่กลิ่นอายของตราคำสั่งราชาโจรสลัดหลอมรวมเข้าไปภายในเรือหุ่นเชิดศพ เขาเกิดความรู้สึกสูญเสียการควบคุมตัวเองไปโดยสิ้นเชิง
ตั้งแต่นั้น เรือหุ่นเชิดศพก็ไม่สามารถออกจากหุบเขาสิบแปดยอดได้
“เจ้าสังหารราชาอสรพิษดำได้ เห็นได้เลยว่าเจ้ามีความสามารถอยู่ไม่น้อย หากว่าเจ้าเข้าร่วมกับพวกข้า รอให้การช่วงชิงตำแหน่ง ‘จักรพรรดิโจรสลัด’ จบลง ตราคำสั่งโจรสลัดทั้งสิบแปดจะแบ่งสรรกันเสียใหม่ ถึงเวลานั้นเรือของเจ้าก็จะไม่โดนควบคุมอีก” ราชาเหมันต์จันทราเอ่ยเสียงราบเรียบ
จ้าวเฟิงขมวดคิ้ว แล้วเข้าสู่ภวังค์ความคิด
เมื่อสูญเสียเรือหุ่นเชิดศพ เขาก็จะไม่มีเรือที่เหมาะสมไปมากกว่านี้อีก เรือรบประกายมืดมนที่ช่วงชิงมาได้ลำใหญ่เกินไป ยากที่จะใช้ได้ อีกทั้งยังสะดุดตามากเกินไปด้วย
“ข้าผู้เป็นราชาเหมันต์จันทราแยกแยะผิดชอบ หากว่าข้าช่วงชิงตำแหน่ง ‘จักรพรรดิโจรสลัด’ มาได้ แล้วเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิโจรลัด ถึงเวลานั้นเจ้าจะต้องได้อะไรดีตอบแทนอย่างแน่นอน”
สีหน้าของราชาเหมันต์จันทราเย็นชาราวน้ำแข็ง ใช้ผลประโยชน์เข้ามาล่อลวงด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น
จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนสบตาแลกเปลี่ยนสายตากัน ภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า เหมือนกับว่าการเข้าร่วมกับราชาเหมันต์จันทราจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
จ้าวเฟิงล่วงเกินขั้วอำนาจอย่างราชาฉลามยักษ์และราชามังกรดำ เรือหุ่นเชิดศพย่อมไม่สามารถออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดสิบแปดยอด มีเพียงราชาเหมันต์จันทราผู้เดียวที่เขายังไม่ได้มีปัญหาด้วย ซ้ำยังยื่นสัญญาสงบศึกมาให้
“หากต้องการให้ข้าเข้าร่วมด้วย ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง” จ้าวเฟิงเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วเปลี่ยนหัวข้อในทันที
“ไหนลองว่ามา” ราชาเหมันต์จันทราไม่แปลกใจ
จ้าวเฟิงฝีมือดีเพียงนี้ แล้วยังเป็นราชาโจรสลัดคนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นราชาโจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่คนไหนก็ย่อมต้องการดึงเขาเข้ามาร่วมด้วย ราชามังกรดำไม่มีทางเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาของเขาและราชาอสรพิษดำ อีกทั้งราชาฉลามยักษ์ก็ไม่ได้ตายหรือถูกล่วงเกิน จะต้องเปิดประตูต้อนรับจ้าวเฟิงอย่างแน่นอน
ดังนั้นราชาเหมันต์จันทราย่อมพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเติมเต็มความต้องการของจ้าวเฟิง
“ขอแค่เอาชนะข้าได้ ถึงจะมีคุณสมบัติให้ข้าเข้าร่วมด้วย” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ
ราชาเหมันต์จันทราและพวกพลันมีอาการแปลกใจด้วยเพราะคาดคิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะยื่นเงื่อนไขเช่นนี้
เด้กน้อยครึ่งเซียนอดครุ่นคิดไม่ได้ จ้าวเฟิงคงจะมีแผนการของตนเอง
“ได้ ถ้าหากว่าเจ้าชนะ ข้าราชาเหมันต์จันทราจะช่วยเหลือเจ้าช่วงชิงตำแหน่งจักรพรรดิโจรสลัดมา แต่ถ้าหากว่าเจ้าพ่ายแพ้แล้วล่ะก็ เจ้าจะต้องเข้าร่วมกลุ่มกับพวกข้า”
ราชาเหมันต์จันทรากล้าได้กล้าเสียอย่างยิ่ง
นางเข้าใจว่ายอดฝีมืออย่างจ้าวเฟิงเคารพนับถือในพลัง ถ้าหากว่าสามารถใช้ศักยภาพของตนทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัวก็จะได้รับความเคารพนับถือมา
ในทางกลับกัน คนประเภทนี้ง่ายดายกว่ามาก เพราะจะไม่คิดอะไรมากนัก
แต่นางไม่รู้เลยว่าจ้าวเฟิงก็มีเจตนาอื่นแอบแฝงเช่นกัน
เบื้องบนเหนือทะเลความว่างเปล่า
ใจกลางของเรือสี่ลำเป็นบริเวณที่ไร้คนในรัศมีหลายสิบลี้
จ้าวเฟิงและราชาเหมันต์จันทรายืนเผชิญหน้ากันจากที่ไกลๆ
“เหอะ เหอะ เจ้าเด็กคนนี้ไม่ประเมินพลังความสามารถ ยังไม่ถึงแม้แต่ขั้นราชันแล้วยังกล้าท้าทายราชาเหมันต์จันทรา” ราชันวัยกลางคนที่มีหนวดผู้นั้นเอ่ยด้วยสีหน้านึกสนุก
อีกฟากหนึ่ง ชายหนุ่มผมสีทองที่อยู่ในระดับลึกซึ้งมีสีหน้าเยาะเย้ย
“ปีกวายุอัสนี!”
ด้านหลังของจ้าวเฟิงปรากฏลำแสงปีกสีชาด ดูประหนึ่งเค้าโครงของปีกที่มีรูปร่างเหมือนจริง วายุและอัสนีหมุนวนเกี่ยวประสานกัน ร่างกายล้อมรอบด้วยพายุหมุนสีแดง อบอวลด้วยกลิ่นอายบ้าคลั่งทำลายล้างฟ้าดิน
แซ่ด วูบ!
บนพื้นเหลือเพียงร่องรอยของเงาวายุอัสนีสีชาดของจ้าวเฟิง
“รวดเร็วเสียจริง!”
บรรดายอดฝีมือผู้เป็นลูกน้องของราชาเหมันต์จันทราพูดไม่ออก ชายหนุ่มผมทองและชายไว้หนวดสีหน้าค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น
ประกายปีกอัสนี!
ความเร็วของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด ปีกวายุอัสนีโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง ชั้นพายุหมุนสีชาดทั่วร่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ในครรลองสายตา ใบหน้างดงามของราชาเหมันต์จันทราเย็นชาและเต็มไปด้วยไอสังหาร ร่างกายแบบบางเหยียดตรง ทรวงอกอวบอิ่มเผยให้เห็นร่องอกเล็กน้อย เรียวขาคู่งามเรียวยาว กลิ่นกายหอมกรุ่น รวมกันเป็นเรือนร่างที่ช่างสมบูรณ์แบบ
จ้าวเฟิงจำต้องยอมรับว่า ราชาเหมันต์จันทราผู้นี้เป็นสตรีสมบูรณ์พร้อมที่สุดที่เขาเคยเจอมา อีกทั้งนิสัยกล้าหาญเด็ดเดี่ยวนั่นยังเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของนางเช่นเดียวกัน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเร็วสูงสุดของจ้าวเฟิง สีหน้าของราชาเหมันต์จันทราเย็นยะเยือก รูปร่างสมบูรณ์แบบแข็งเกร็ง
ฟุ่บ แซ่ด โครม! ปีกอัสนีพิฆาตสีชาดที่สั่นสะเทือนรุนแรงด้วยความรวดเร็ว กระตุ้นพายุหมุนสีชาดที่เต็มไปด้วยแรงทำลายล้างกลุ่มหนึ่ง ทะลวงไปยังเบื้องหน้าของราชาเหมันต์จันทรา
ภายในรัศมีนับร้อยจั้งถูกปกคลุมด้วยพายุนี้จนหมดสิ้น
ราชาเหมันต์จันทรายืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่เดิม กลับไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด ในมือของนางปรากฏกระบี่เหมันต์จันทร์เสี้ยวที่ดูราวหยกเนียนละเอียด
“เหมันต์จันทราไร้เทียมทาน!”
คมกระบี่จันทร์เสี้ยวแหวกอากาศ ลำแสงไอกระบี่เย็นยะเยือก ราวกับเป็นแสงจันทร์เย็นเยียบที่ทะลวงผ่านในทุกช่องโหว่
กระบี่เล่มนั้นเหมือนประกายอัสนีวูบวาบ รวดเร็วจนน่าหวาดกลัว
ทั่วทั้งบริเวณโดนลำแสงกระบี่จันทราที่เย็นยะเยือกครอบคลุมไปทั่ว จนตกเข้าไปสู่โลกฟ้ากระจ่างดาวที่พื้นเต็มไปด้วยสีขาว
พู่ โครม โครม!
พายุหมุนสีชาดสีที่หมุนวนรอบกายจ้าวเฟิงสูญสลายไปในพริบตา ปีกวายุอัสนีด้านหลังก็โดนแสงจันทร์เย็นเยือกขนาดเล็กนับไม่ถ้วนทะลวงผ่าน
ร่างของเขานิ่งไม่ไหวติงบนพื้นจุดเดิม อากาศรอบบริเวณเย็นเฉียบ แสงกระบี่เหมันต์จันทราเรียกเขตแดนมิติดุจน้ำค้างแข็งมา
“แพ้แล้วหรือ?”
จ้าวเฟิงรู้สึกว่าเลือดเนื้อทั่วร่างของเขาถูกไอกระบี่เหมันต์ไร้ขอบเขตปิดผนึกไว้
กระบี่พระจันทร์เสี้ยวที่เนียนละเอียดราวหยกอยู่ห่างจากคอหอยของจ้าวเฟิงเพียงครึ่งฉื่อเท่านั้น
ไอกระบี่เย็นยะเยือกนั่นเหมือนกับว่าทะลวงผ่านเข้าไปในทะเลวิญญาณของเขา
“เจ้าพ่ายแพ้แล้ว” ราชาเหมันต์จันทราเผยยิ้มที่ดูเหมือนไม่ใช่ยิ้ม แล้วเก็บกระบี่หยกพระจันทร์เสี้ยวไป
จ้าวเฟิงใบหน้าเรียบสนิทไร้อารมณ์ เขาสัมผัสได้ถึงตอนที่กระบี่ของราชาเหมันต์จันทราพาพลังเขตแดนมิติทะลวงผ่านอัสนีบาตเมื่อครู่
คมกระบี่นั่นรุนแรงมากพอจะสังหารราชันธรรมดาได้
อีกทั้งเขายังสามารถมองออกว่า แนวทางที่ราชาเหมันต์จันทราที่ถนัดคือ ‘ระลอกดาบและกระบี่’
ดาบและกระบี่รวมกันจึงจะสามารถแสดงพลังที่แท้จริงของราชาเหมันต์จันทราได้ นางในยามที่อยู่ในสภาวะเช่นนั้นน่าจะสามารถท้าทายคนในระดับจักรพรรดิได้เลยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าการโจมตีเมื่อครู่ จ้าวเฟิงก็ยังคงเหลือทางหนีทีไล่ไว้ ไม่ได้กระตุ้น ‘วิชาปีกอัสนีข้ามมิติ’ แล้วยิ่งไม่สามารถใช้สายเลือดดวงตาได้
“นี่แหละคือราชันระดับสุดยอด หากไม่ใช้สายเลือดดวงตา ข้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลยแม้แต่น้อย” จ้าวเฟิงนึกหวั่นเกรงในใจ
ถึงแม้ว่าเขาจะรวดเร็วอย่างยิ่ง แต่ว่าราชาเหมันต์จันทราผู้นั้นก็เป็นคู่ต่อสู้ที่ปราดเปรียวว่องไวเช่นกัน
หากไม่ใช้สายเลือดดวงตา เขาแทบจะไม่มีข้อได้เปรียบใดยามที่เผชิญหน้ากับราชาเหมันต์จันทรา
ราชันในระดับสุดยอด ที่สุดแล้วก็ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของขั้นราชัน พลังเข้าใกล้จักรพรรดิปราณเทวะมากที่สุด
“พลังของเจ้าแข็งแกร่งยิ่งนัก ข้าจะเข้าร่วมเป็นการชั่วคราว ช่วยเจ้าช่วงชิงเอาตำแหน่ง ‘จักรพรรดิโจรสลัด’ มาให้ได้”
จ้าวเฟิงผงกศีรษะเป็นการตอบรับ
พลังของราชาเหมันต์จันทราทำให้เขานับถืออย่างแท้จริง
“ยินดีต้อนรับเจ้าเข้าร่วมกลุ่ม ข้าราชาเหมันต์จันทราไม่เอาเปรียบลูกน้องคนใด”
บนใบหน้าของราชาเหมันต์จันทราเผยรอยยิ้มอ่อนโยนที่หาได้ยากยิ่ง แล้วยังมีแววชื่นชมแฝงอยู่ด้วย
นิสัยที่เยือกเย็นตรงไปตรงมาและยอมรับในความพ่ายแพ้เช่นนี้ของจ้าวเฟิง ทำให้นางชื่นชมอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าจะพ่ายแพ้แต่ว่าจ้าวเฟิงก็ไม่ได้ท้อถอยแต่อย่างใด
“เจ้าหนุ่ม ยินดีต้อนรับ” ชายหนุ่มผมทองและชายวัยกลางคนมีหนวดเดินยิ้มแย้มเข้ามา แล้วตบบ่าเขาเบาๆ
จ้าวเฟิงพาเด็กน้อยครึ่งเซียนเดินเข้าไปภายในโถงใหญ่บนเรือของราชาเหมันต์จันทรา
ภายในโถงใหญ่
ราชาเหมันต์จันทราบนบัลลังก์ที่สูงส่ง เรียวขาเล็กเรียวยาว ขาวนวลเนียนราวหยก บอบบางทว่าไม่ไร้เรี่ยวแรง อ่อนโยนแต่ก็แฝงไปด้วยพลัง
เบื้องล่างของนางมีชายหนุ่มเรือนผมทอง ชายวัยกลางคนมีหนวด และจ้าวเฟิง ทั้งสามเข้าประจำที่นั่งเป็นลำดับต่อกัน
ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงจะไม่ใช่ราชัน แต่ว่าผลงานที่สามารถสังหารราชาอสรพิษดำ ชื่อเสียงของราชาโจรสลัดทำให้คนไม่อาจมองข้าม
ด้วยเหตุนี้ ที่นั่งของจ้าวเฟิงจึงเทียบเท่าราชันคนอื่นๆ ที่อยู่ในที่แห่งนี้
จ้าวเฟิงทำความรู้จักกับคนระดับสูงในกองทัพของราชาเหมันต์จันทรา
“การแย่งชิงตำแหน่งจักรพรรดิโจรสลัดส่งสัญญาณเริ่มต้นแล้ว ในระยะนี้ราชาโจรสลัดที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดส่วนหนึ่งอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว แต่ว่าขั้วอำนาจของราชามังกรดำและราชาฉลามยักษ์กลับเคลื่อนกำลังอยู่บ่อยๆ…” ราชาเหมันต์จันทราเอ่ยช้าๆ
จ้าวเฟิงรู้ว่านางอธิบายสถานการณ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดสิบแปดยอดให้เขาฟังอยู่
บรรดาราชาโจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามล้วนแต่มีขั้วอำนาจเป็นของตนเอง แต่ว่ายังมีราชาโจรสลัดบางส่วนที่แยกตนเป็นอิสระ แถมยังแข็งแกร่งอีกด้วย
ในความเป็นจริงแล้ว จ้าวเฟิงไม่ได้สนใจมรดกจักรพรรดิโจรสลัดมากนัก
มีเพียงโจรสลัดที่แท้จริงจึงจะสามารถครอบครองมรดกของจักรพรรดิโจรสลัดได้
เขากลับอยากจะเพิ่มศักยภาพของตนเองจากการเข่นฆ่า และให้หุ่นเชิดศพของเขาเพิ่มพลังจากการกลืนกินสังหารศัตรู
ราชาโจรสลัดเหล่านั้นมีใครบ้างไม่เคยร่วมรบนับร้อยสนาม ฆ่าคนราวมดปลวก
บนสนามรบเช่นนี้ เขาย่อมสามารถพบเจอศัตรูที่แข็งแกร่งได้เป็นจำนวนมาก
จากนั้น ราชาเหมันต์จันทราก็เริ่มอธิบายที่มาและกฎเกณฑ์ในการช่วงชิงตำแหน่งจักรพรรดิโจรสลัด
ในขณะที่กำลังฟังอยู่นั้น สีหน้าของจ้าวเฟิงเปลี่ยนไป มีท่าทีเคร่งเครียด หลังจากค้นพบว่าตนเองดูแคลนมรดกจักรพรรดิโจรสลัดไปเสียแล้ว