Skip to content

King of Gods 697

King Of Gods

บทที่ 697 ตราคำสั่งราชาโจรสลัด

เด็กน้อยครึ่งเซียนหน้าดำคล้ำลงเมื่อเห็นการกระทำของจ้าวเฟิง

ธนูเหนือนภาเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นเก็บสะสมเอาไว้ในยามที่ยังมีชีวิตอยู่

เขาย่อมเข้าใจถึงความพิเศษและความร้ายกาจของคันธนูนี้

วิ้ง!

ธนูเหนือนภาในมือของจ้าวเฟิง คันธนูมีสีเงินเข้ม ลายจารึกสีเงินเปล่งแสงวาววับออกมา กลายเป็นภาพคล้ายลูกกบที่ดูมีชีวิตชีวาและสมจริง

มืออีกข้างของเขาง้างสายธนูสีทองเรืองรอง ปราณที่แท้จริงพิฆาตสีชาดทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ทันใดนั้น บนคันธนูปรากฏลูกธนูทองที่เรียวเล็กและเย็นยะเยือก วายุอัสนีพิฆาตชาดที่หมุนวนบนลูกธนู เกี่ยวกระหวัดกันกับลายจารึกสีเงิน

เด็กน้อยครึ่งเซียนรู้สึกได้เพียงว่าไอแหลมคมทะลวงผ่านมาในอากาศ ทิ่มแทงร่างกายและจิตใจจนต้องตกตะลึง

ธนูเหนือนภาที่มีแสงสีเงินและทองหมุนพันกันนั้น กลิ่นอายเพิ่มขึ้นไปจนถึงระดับสุดยอด

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงผุดแสงสีม่วงอ่อนขึ้นน้อยๆ แล้วเจตจำนงตั้งมั่นก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธนูเหนือนภา

ในวินาทีนั้น เขาค่อยๆ รวบรวมพลังสายเลือดดวงตา

“นั่นมัน…”

ราชาอสรพิษดำที่ห่างไปร้อยลี้ตกใจจนใจเย็นชืด ด้านหลังราวกับโดนของแหลมคมทิ่มแทง เหมือนโดนกลิ่นอายปลายแหลมที่พุ่งมาในอากาศเล็งเป้าอยู่

ฟุ่บ ตุบ!

จ้าวเฟิงปล่อยสายธนู แสงสีเงินสว่างวาบในอากาศ ลูกธนูสีทองแสบตาที่มีวายุอัสนีพิฆาตสีชาดหายไปในพริบตา แล้วในเสี้ยววินาทีต่อมา มันวิ่งผ่านอากาศเป็นระยะทางกว่าร้อยลี้ ทะลวงเข้าไปเรือรบประกายมืดมิด

“แย่แล้ว!”

ราชาอสรพิษดำหน้าเปลี่ยนสี ใจและกายเย็นเฉียบ

แสงวงแหวนมืดมิดที่อยู่รอบตัวเขาหอมรวมเข้ากับการป้องกันของเขตแดนมิติ ในขณะที่เขาบินถอยออกไปเป็นระยะทางกว่าร้อยจั้ง

แต่ว่าลูกศรนั่นได้ยึดติดกับดวงวิญญาณของเขาไว้ ต่อให้ข้ามมิติก็ไม่มีทางจะหนีพ้น

พลั่ก!

ลำแสงลูกศรสีทองซึ่งมีไอแหลมคมทะลวงผ่านมาในอากาศ วายุอัสนีพิฆาตสีชาดหมุนวนอยู่รอบๆ ก่อนจะทะลุผ่านร่างของราชาอสรพิษดำไป

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน….”

ราชาอสรพิษดำตัวค้างแข็ง เปล่งเสียงแหบแห้งออกมาอย่างยากเย็น

แสงลูกศรสีทองดอกหนึ่งทะลุผ่านหัวใจของเขา วายุอัสนีพิฆาตสีชาดค่อยๆ แผ่กระจายในร่างกาย

แสงวงแหวนมืดมิดบนผิวกายเขาซึ่งเป็นเขตแดนมิติ เหมือนว่าจะไม่มีผลอะไรเท่าไหร่นักในการป้องกัน

 

ราชันในระดับลึกซึ้งคนหนึ่ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับลูกศรนั่นกลับไม่สามารถจะหลบหนีได้เลย

“เป้าหมายที่ถูก ‘ธนูเหนือนภา’ ยึดไว้ ไม่มีทางหลบหนี เขตแดนมิติที่ไม่เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง สำหรับธนูเหนือนภาแล้วจะมีหรือไม่มีก็ไม่แตกต่างกัน”

เด็กน้อยครึ่งเซียนพึมพำในใจ

เขาขลาดกลัวขึ้นมา คิดไม่ถึงจ้าวเฟิงจะควบคุมธนูเหนือนภาได้สำเร็จ แล้วยังสำแดงความพิเศษของอาวุธออกมา

ในความทรงจำของเขา เงื่อนไขในการใช้ธนูเหนือนภาเข้มงวดเด็ดขาดไม่น้อย

หากไม่มีสายเลือดดวงตาที่พิเศษ หรือไม่มีพรสวรรค์ดวงวิญญาณด้านมิติ ก็ยากที่จะได้รับการยอมรับจากธนูคันนี้หรือกระทั่งปลดปล่อยอานุภาพที่แท้จริงออกมา

แต่ว่าดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงกับธนูเหนือนภากลับสอดประสานเข้าหากันได้อย่างยิ่ง

“ราชันแล้วเป็นอย่างไร?”

จ้าวเฟิงวางธนูเหนือนภาในมือลง สีม่วงอ่อนในดวงตาข้างซ้ายหายไปแล้ว

การเล็งเป้าหมายของสายเลือดดวงตาแบบนี้ แทบจะใช้พลังของสายเลือดดวงตาน้อยนิดนัก

แต่ถึงอย่างไรจ้าวเฟิงก็ยังคงระมัดระวังมาก

“ราชาอสรพิษดำ!” บนเรือรบสีดำเกิดความโกลาหลวุ่นวาย เหล่าโจรสลัดพากันตกใจหวาดกลัว

กลิ่นอายชีวิตบนร่างของราชาอสรพิษดำสูญสลายไปอย่างรวดเร็ว ภายในร่างกายโดนคมลูกธนูสีทองและวายุอัสนีพิฆาตสีชาดเผาไหม้ไปเรื่อยๆ

จ้าวเฟิงเชื่อมั่นในลูกธนูนี้อย่างมาก

‘ลูกธนู’ ของธนูเหนือนภาแฝงไปด้วยพลังของธาตุทองขั้นสูงสุด แหลมคมเกินจะเปรียบ อีกทั้งแรงทะลุผ่านยังทรงพลัง แกร่งกล้าจนทำลายทุกสิ่ง

เมื่อเสริมวายุอัสนีสีชาดของจ้าวเฟิงเข้าไปบนลูกธนูนั้น อานุภาพยิ่งไม่มีสิ่งใดเทียบได้

แล้วลูกศรนั่นยังไม่มีหนทางจะหลบหนีได้อีก จึงทะลุเข้าหัวใจของราชาอสรพิษดำ

“ธนู… ธนูเหนือนภา!” แววตาของราชาอสรพิษดำลอดแววหวาดกลัว เข้าใจถึงสาเหตุที่ตนเองพ่ายแพ้

แต่ว่าเขายังไม่ได้สิ้นหวังจริงๆ

“ข้า…ไม่มีทางปล่อยเจ้าไป” แววตาของราชาอสรพิษดำสาดแสงประกาย ก่อนจะหายวับไปในทันที

“นายท่าน เขายังไม่ตายจริงๆ…”

เด็กน้อยครึ่งเซียนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในฉับพลัน จึงละล่ำละลั่กบอก

เพิ่งจะเปล่งเสียง พลังราชันและระลอกพลังดวงวิญญาณจากร่างราชาอสรพิษดำก็วูบวาบแล้วหายวับไป

แล้วจึงปรากฏเป็น ‘กายจิตวิญญาณ’ ของเงาแสงสีดำขึ้นกลางฟ้า แหวกอากาศมาด้วยพลังของราชัน

“วิญญาณดั้งเดิมหลบหลีก” จ้าวเฟิงหน้าเปลี่ยนสีเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างในที่สุด

ราชันที่สามารถไปถึงระดับลึกซึ้งได้แล้ว ชั้นดวงวิญญาณจะเกิดการเปลี่ยนแปลง วิญญาณภายในร่างกายจะสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน จนกลายเป็น ‘วิญญาณดั้งเดิม’ ประเภทหนึ่ง

 

วิญญาณดั้งเดิมแข็งแกร่งกว่าดวงวิญญาณธรรมดามาก สามารถท่องไปภายนอกจักรวาลที่ว่างเปล่าได้

จนกระทั่งมีกำลังรบเสียด้วยซ้ำไป

ในพลังราชันวิญญาณดั้งเดิมก็เป็นกายจิตวิญญาณได้อีกด้วย ความเร็วมีมากกว่ายามอยู่ในสภาวะธรรมดากว่าสิบเท่า!

วูบ!

เพียงชั่วพริบตา วิญญาณดั้งเดิมของราชาอสรพิษดำก็โบยบินไปเป็นระยะทางหลายร้อยลี้

“นายท่าน ธนูเหนือนภาของท่านมีความสามารถในการเล็งเป้าหมายและควบคุมวิญญาณดั้งเดิมจำพวกนี้ได้ดียิ่ง” เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ยเตือน

ถ้าหากว่าเป็นเหตุการณ์ปกติทั่วไป จ้าวเฟิงก็คงทำได้เพียงมองเฉยๆ ปล่อยให้วิญญาณดั้งเดิมของราชันหลบหนีไป

เพราะว่าวิญญาณดั้งเดิมเป็นกายจิตวิญญาณประเภทหนึ่งที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ความเร็วก็ยังว่องไวอย่างยิ่ง

ต่อให้เป็นจ้าวเฟิงก็ยากจะตามวิญญาณดั้งเดิมนั่นทัน

ในทันทีที่วิญญาณดั้งเดิมหลบหนีไปได้ ก็จะสามารถหาร่างอาศัยอยู่ใหม่ แล้วถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง

“เหอะ เหอะ จะไปไหนล่ะ”

จ้าวเฟิงหยิบธนูเหนือนภาขึ้นมาง้างอีกครั้ง กลิ่นอายสีม่วงอ่อนในดวงตาซ้ายสว่างวาบแล้วหายไป

“ไม่!”

ราชาอสรพิษดำที่อยู่ไกลออกไปหลายร้อยลี้ วิญญาณดั้งเดิมเย็นยะเยือก เกิดความรู้สึกว้าวุ่นเหมือนโดนหนามแหลมตรึงไว้ ต่อให้เขาบินได้เร็วกว่านี้ก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัย

ธนูเหนือนภามีชื่อว่าเหนือนภาเพราะสามารถปิดผนึกฟ้าและดินได้เมื่อถึงระดับขั้นสูงสุดแล้ว

ฟุ่บ โครม!

แสงลูกศรสีทองเจิดจ้า พุ่งทะลวงผ่านเป็นระยะทางหลายร้อยลี้อย่างรวดเร็ว เส้นสายสีเงินพาดผ่าน มันมีคุณสมบัติในการข้ามมิติด้วยตัวของมันเอง และมีความสามารถในการข้ามผ่านขีดจำกัดของมิติ

“อ๊าก…”

วิญญาณดั้งเดิมของราชาอสรพิษดำร้องออกมาเมื่อถูกลูกศรแทงทะลุผ่านร่าง จากนั้นระเบิดออกเป็นระลอกลำแสงนับหมื่นเส้นสาย ทำให้พื้นที่ในรัศมีร้อยลี้พินาศเป็นความว่างเปล่า

“สังหารราชัน!”

จ้าวเฟิงดีอกดีใจอย่างยิ่ง นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาลงมือสังหารราชันในขอบเขตปราณเทวะได้สำเร็จ

ถึงแม้ว่าจะร่วมมือกับเด็กน้อยครึ่งเซียน แต่ว่าราชันที่สังหารก็เป็นระดับลึกซึ้ง ซึ่งแข็งแกร่งกว่าราชันธรรมดา

“ไป!” จ้าวเฟิงเก็บธนูเหนือนภา แล้วเอ่ยกำชับเด็กน้อยครึ่งเซียนและเจ้าหอโครงกระดูกให้จัดการเรือรบประกายมืดมิดนั่น

จากนั้นเขาจึงรีบโบยบินไปเก็บของกำนัลจากราชาอสรพิษดำ

ไม่นานนัก จ้าวเฟิงเจอกำไลสีดำชิ้นหนึ่ง มิติด้านในมีขนาดพอๆ กันกับแหวนเหล็กโบราณ มูลค่าของในครอบครองของราชันในระดับลึกซึ้งผู้หนึ่งย่อมไม่ธรรมดา หนำซ้ำอีกฝ่ายยังเป็นถึงราชาโจรสลัด

“ไม่เลว ไม่เลว”

จ้าวเฟิงเก็บกำไลสีดำขึ้นมา ทรัพยากรล้ำค่าภายในเรียกได้ว่ามากมายมหาศาล

หลังจากครั้งอุทยานครึ่งเซียน ทรัพยากรของจ้าวเฟิงต้องใช้กับตนเอง แล้วในเวลาเดียวกันยังต้องให้เจ้าแมวขโมยกับครึ่งเซียนคุนอวิ๋นใช้ด้วย ในตอนนี้จึงนับว่าค่อนข้างจะขาดแคลน

ตอนนี้ได้ทรัพย์สมบัติของราชาโจรสลัด ทรัพยากรของมีค่าของจ้าวเฟิงก็ฟื้นคืนขึ้นมาบางส่วน

“เอ๋? นี่คือ…”

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงมองเห็นตราคำสั่งที่ทำจากวัสดุพิเศษแผ่นหนึ่ง ไม่ได้เสียหายจากการระเบิดของวิญญาณดั้งเดิมแม้แต่น้อย

ตราคำสั่งแผ่นนั้นเป็นสีขาวซีดคล้ายกับท่อนกระดูก แล้วยังมีแสงสีทองสว่างเรืองรอง

ในด้านหนึ่งของตราคำสั่งสลักรูปกะโหลกไขว้เอาไว้ ส่วนขอบของตราคำสั่งอีกด้านหนึ่งมีเปลวไฟมืดมนเต้นระเร่า บริเวณตรงกลางสลักตัวอักษร ‘ราชา’ เอาไว้

“ตราคำสั่งราชาโจรสลัด” จ้าวเฟิงกำตรานี้เอาไว้ แล้วในหัวจึงผุดข้อมูลที่เกี่ยวข้องขึ้นมา

ในวินาทีเดียวกัน เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของตราคำสั่งราชาโจรสลัดอีกสิบเจ็ดแผ่นที่เหลือ ซึ่งกระจายในแต่ละมุมของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สิบแปดยอด

อีกฟากหนึ่ง

เจ้าหอโครงกระดูกและเด็กน้อยครึ่งเซียนกำลังทำลายโจรสลัดบนเรือรบ

บรรดาโจรสลัดแห่งทะเลความว่างเปล่าเหล่านั่น มีครึ่งก้าวสู่ราชันหลายคน เมื่อร่วมมือกันสามารถต่อกรกับราชันธรรมดาได้

แต่ทว่า หลังจากที่ราชาอสรพิษดำจากไป คนเหล่านี้อกสั่นขวัญแขวน เมื่อขาดผู้นำไปแล้ว มีทั้งคนที่หนี และบางส่วนก็ตาย

เจ้าหอโครงกระดูกควบคุมค่ายกลหุ่นเชิดศพ กลืนกินแก่นจิตวิญญาณของยอดผู้สูงศักดิ์และผู้สูงศักดิ์จำนวนมาก

เพลิงหมอกควันของหุ่นเชิดศพที่มืดมิด ปราณศพเพลิงปิศาจ รวมทั้งพลังอาฆาตล้วนกำลังเพิ่มระดับขึ้น

จ้าวเฟิงจงใจให้เจ้าหอโครงกระดูกกลืนกินร่างศพของราชาอสรพิษดำ รวมไปถึงเศษเสี้ยวพลังดวงวิญญาณที่กระจัดกระจายจากการระเบิดของวิญญาณดั้งเดิม

จากการกลืนกินครึ่งก้าวสู่ราชัน จึงทำให้แรงอาฆาตและปราณศพเพลิงปีศาจของค่ายกลอยู่ในระดับขั้นที่ทำให้คนตกใจ

ไม่นานนัก เรือรบประกายมืดมิดก็ถูกจ้าวเฟิงเก็บกวาดจนสิ้น

“แต่ว่า ตราคำสั่งแผ่นนี้…” จ้าวเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตราคำสั่งราชาโจรสลัดแผ่นนี้ ไม่อาจที่จะเก็บเข้าไปในมิติเก็บของได้ กลิ่นอายของมันสอดประสานอย่างลี้ลับกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัด

จ้าวเฟิงกลับมายังเรือหุ่นเชิดศพ ตราคำสั่งโจรสลัดในมือก็เกิดสัมผัสอะไรบางอย่างได้

เรือหุ่นเชิดศพสั่นสะเทือนรุนแรง

เรือหุ่นเชิดศพของจ้าวเฟิง ในตอนแรกสุดอยู่ในรูปร่างของเรือโจรสลัด ในฐานะที่เป็นเรือโจรสลัดในตำนาน มันย่อมมีจิตวิญญาณเป็นของตนเอง

ในเวลาดังกล่าว ทั้งสองกลิ่นอายก็หลอมรวมเข้าหากัน

จ้าวเฟิงที่เป็น ‘หัวหน้าเรือ’ สัมผัสได้ว่าตราคำสั่งราชาโจรสลัดกับเรือหุ่นเชิดศพที่อยู่ในมือค่อยๆ สอดประสาน

วิ้ง!

บริเวณพื้นผิวของตราคำสั่งราชาโจรสลัดผุดเพลิงไฟออกมา กลายเป็นตราประทับพิเศษ เสียงดัง ‘สวบ’ แล้วหลอมรวมเข้าสู่เรือหุ่นเชิดศพทันที

“เรื่องอะไรกัน!” จ้าวเฟิงคนอื่นๆ รู้สึกถึงแรงสะเทือนของเรือหุ่นเชิดศพ

ต่อมา กลิ่นอายของเรือหุ่นเชิดศพก็โหดร้ายน่ากลัวมากยิ่งขึ้น แล้วเกิดความสัมพันธ์ลึกลับกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของราชาโจรสลัดแห่งนี้

“นายท่าน ความสามารถของเรือทะเลเลื่อนขั้นขึ้นแล้ว” เจ้าหอโครงกระดูกเอ่ยอย่างดีใจ

จากการต่อสู้ครั้งนี้ ทรัพยากรของจ้าวเฟิง อานุภาพของค่ายกลหุ่นเชิดศพ และความสามารถของเรือ ล้วนเลื่อนขั้นขึ้น

เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ทว่าหัวคิ้วของจ้าวเฟิงกลับยังขมวดอยู่

เขารู้สึกได้ว่าเรือหุ่นเชิดศพเหมือนกลายเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สิบแปดยอด ถึงแม้ว่าความสามารถจะเพิ่มขึ้นแต่ก็สูญเสียอิสระไป

ในเวลานี้เอง บริเวณทะเลเบื้องหน้าทะลักกลิ่นอายดุจพายุฝนที่บ้าคลั่ง

ฮู!

เรือโจรสลัดในตำนานที่ใหญ่กว่าเรือของราชาอสรพิษดำฝ่าพายุลมฝนมา แสงจันทราที่เยือกเย็นปรากฏขึ้นกลางเสียงอัสนีบาตที่ร้องลั่น

เรือรบสีเงินยวงที่หมุนวนด้วยแสงจันทร์เย็นเยือกปรากฏขึ้นในครรลองสายตา มันมีความยาวกว่าร้อยสองร้อยจั้ง การปรากฏตัวของมันทำให้ทะเลหมอกและคลื่นลมในละแวกนั้นปั่นป่วนอย่างรุนแรง

ลมพายุร้องคำราม เสียงฟ้าแลบฟ้าร้องอยู่ระหว่างฟ้าดิน ราวกับว่าเป็นราชาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

เรือขนาดใหญ่สีเงินยวงเป็นดั่งดวงจันทร์กลมโตในทะเลความว่างเปล่า

ไอแห่งความตายที่เย็นวาบทะลวงผ่านไปยังอีกฝั่งของเขตทะเล

คนหลายคนบนเรือหุ่นเชิดศพล้วนรู้สึกหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ เกิดความรู้สึกว่าตนเองตัวเล็กจ้อยเหลือเกิน

“สังหารราชาอสรพิษดำ กลายมาเป็นราชาโจรสลัดคนใหม่ และเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าสนใจเข้าร่วมกองทัพของข้า ‘ราชาเหมันต์จันทรา’ หรือไม่”

เสียงหญิงสาวที่เย็นยะเยือกดังผ่านทั่วแผ่นทะเลความว่างเปล่า

เห็นแต่หญิงสาวชุดคลุมสีเงิน ด้านหลังสะพายกระบี่ ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ที่บริเวณส่วนหัวของเรือรบสีเงินยวง

สตรีในชุดคลุมสีเงินนั่นมีใบหน้าสวยสดงดงามไร้สิ่งเติมแต่ง เรือนร่างแบบบาง เรียวขาเหยียดตรง เป็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ กระบี่ด้านหลังที่ไขว้กันทำให้ดูองอาจกล้าหาญ รอบกายมีกลิ่นอายพลังมหาศาลของแสงจันทร์ที่เย็นยะเยือกหมุนวน

ดวงตาทั้งสองของนางงามราวจันทร์เสี้ยว แต่ทั่วทั้งร่างกายกลับมีกลิ่นอายแห่งความตาย

จ้าวเฟิงและคนอื่นรู้สึกได้ถึงการโจมตีที่สั่นสะเทือน

เสน่ห์เฉพาะตัวที่มาจากสตรีชุดคลุมสีเงินช่างองอาจ และหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับเรือรบที่เหมือนดวงจันทร์ขนาดใหญ่

“สตรีนางนี้เป็นราชันระดับสุดยอด”

เด็กน้อยครึ่งเซียนเกิดความรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version