บทที่ 76 : สองตัวเลือก
รางวัลพิเศษ?
จ้าวเฟิงหายใจถี่กระชั้นขึ้น
“ข้าขอบังอาจถามท่านองครักษ์สามได้หรือไม่ว่ามันคือสิ่งใด?”
“ตัวเลือกแรกคือแต้มพิเศษจำนวน 100 แต้ม ส่วนตัวเลือกที่สองคือใช้แต้มทั้งหมดแลกกับวิชาเซียน” ชายหนุ่มเอ่ย
100 แต้มต่อสู้… อันใดนะ!? วิชาเซียน?
ตัวเลือกแรกนั้นจะทำให้เด็กหนุ่มได้ของมากขึ้นเพราะแต้ม 10 แต้มนั้นสามารถแลกได้กับวิชาระดับสุดยอดแล้ว ทว่าตัวเลือกที่สองนั้นคือวิชาเซียน!
ไม่แปลกใจเลยที่ตำหนักกว่านจวินนั้นจะเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด มันสามารถนำวิชาระดับเซียนออกมาได้ง่ายๆ
“แน่นอนว่าข้าแนะนำให้เจ้าเลือกตัวเลือกแรกเพราะเจ้าสามารถใช้มันกับอะไรได้หลายๆ อย่าง ส่วนวิชาเซียนนั้น มันยากเกินกว่าที่จะฝึกฝนสำหรับผู้ที่มีระดับต่ำกว่าขั้นเจ็ด กระทั่งผู้ฝึกตนขั้นเก้าบางคนก็ไม่อาจฝึกฝนได้” องครักษ์สามแนะนำ
จ้าวเฟิงจมลึกลงในห้วงความคิด
บุรุษเบื้องหน้าเขานั้นเป็นอันดับสามในบรรดากองกำลังกว่านจวิน และเขายังเป็นหนึ่งในมือขวาของเจ้าเมืองกว่านจวิน ดังนั้นแล้วคำแนะนำของเขานั้นนับว่ามีเหตุผล
หากเขาเลือกตัวเลือกแรก เด็กหนุ่มจะได้รับแต้มพิเศษ 100 แต้มและแลกเปลี่ยนมันกับวิชาอรรธเซียน ทั้งยังแลกทรัพยากรในการฝึกตนได้อีกจำนวนหนึ่ง ในขณะที่แต้มทั้งหมดของเขาจะถูกใช้ไปหากเขาเลือกตัวเลือกที่สอง
เขาต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงอย่างใหญ่หลวงหากเขาเลือกวิชาเซียน เพราะมันอาจไร้ประโยชน์หากเขาไม่สามารถฝึกฝนมันได้ หากคิดอย่างมีเหตุผล ตัวเลือกแรกนับว่าดีกว่า ทว่ามันเป็นถึงวิชาเซียน! โอกาสที่จะก้าวข้ามหนทางแห่งการฝึกตนและเข้าสู่หนทางเซียนในตำนาน…
เฮือก!
จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึก มันยากสำหรับเขาในการตัดสินใจ
“โอ้ใช่ ข้าลืมที่จะบอกเจ้าว่าหนึ่งในกฎของตำหนักกว่านจวินนั้นเอ่ยว่าผู้ที่มีพลังฝึกตนต่ำกว่าขั้นเจ็ดไม่สามารถเลือกวิชาเซียนได้ ข้าสามารถให้เวลาเจ้าตัดสินใจได้อีก 7 วัน” กองกำลังกว่านจวินพลันเอ่ยขึ้น
ขั้นเจ็ดแห่งหนทางผู้ฝึกตน?
จ้าวเฟิงผงกศีรษะ เช่นนั้นให้สวรรค์เป็นผู้ตัดสิน
จากภารกิจที่ผ่านมานั้น พลังฝึกตนของเขาได้เข้าสู่ขั้นสุดยอดของขั้นหก
เจ็ดวัน
หากเขาสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นเจ็ดได้ จ้าวเฟิงก็จะเลือกตัวเลือกที่สอง แต่หากเขาทำไม่ได้ เช่นนั้นเขาสามารถเลือกได้เพียงตัวเลือกแรก
หลังจากตัดสินใจ จ้าวเฟิงจึงกลับไปยังห้องไม้ของเขาอย่างรวดเร็ว
หลังภารกิจ เด็กหนุ่มสาวจำนวนนับไม่ถ้วนได้ไปยังคลังสมบัติเพื่อแลกแต้มต่อสู้ของพวกเขากับวิชา ทรัพยากร และอาวุธ มีเพียงจ้าวเฟิงที่ยังคงอยู่ภายในห้องของเขา
บ่ายวันนั้น จ้าวหยูเฟ่ยและฮวงชี่กลับมาพร้อมด้วยความยินดียิ่งนัก จ้าวหยูเฟ่ยเลือกวิชาระดับสุดยอดหนึ่งวิชาและทรัพยากรในการฝึกตนจำนวนมาก
เฟิงฮันเยว่และเหล่ยเฮาต่างแลกแต้มของพวกเขาส่วนมากไปสำหรับทรัพยากรในการฝึกตน ในขณะที่เหล่ยเฮาแลกทั้งหมดไปกับทรัพยากรและยา
“ฮะฮะฮะ… หญ้าเพลิงพันปีที่แสนหายากนี่กับยาเสริมโลหิตจะช่วยให้ข้าทะลวงเข้าสู่ขั้นเจ็ด… ข้าย่อมสำเร็จแน่ครานี้!” เหล่ยเฮานั่งขัดสมาธิในห้องไม้ของเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
หญ้าเพลิงพันปีนั้นล้ำค่าเสียยิ่งกว่าสมุนไพรพันปีชนิดอื่นๆ เมื่อมันมีพลังงานภายในมากกว่า
ยาเสริมโลหิตนั้นช่วยในการรวบรวมและกลั่นกรองพลังภายในของคนผู้หนึ่งให้บริสุทธิ์ขึ้นและยังช่วยเหลือผู้กินในการทะลวงเข้าสู่ขั้นเจ็ดในระดับหนึ่ง
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เด็กหนุ่มสาวในกองพันองครักษ์ฟ้าก็ได้เริ่มฝึกตน
เพียงแค่คืนนั้นเพียงคืนเดียว เด็กหนุ่มสาวหลายคนก็ได้ทะลวงเข้าขั้นห้าและขั้นหก
วันที่สอง วันที่สาม… เด็กหนุ่มสาวบางคนพัฒนาขึ้นอย่างมากมาย ในวันที่สามนั้น กลิ่นอายทรงพลังได้แผ่พุ่งออกจากห้องของเหล่ยเฮาซึ่งทำให้เด็กหนุ่มสาวในกองพันองครักษ์ฟ้าต้องถอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้
“โอ้สวรรค์… เหล่ยเฮาเข้าสู่ขั้นเจ็ดแล้วหรือ?” สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไป
ในเวลาเดียวกันนั้นก็เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นภายในห้องไม้ห้องอื่นๆ
วันที่สี่ วันที่ห้า… เด็กหนุ่มสาวคนแล้วคนเล่าได้ออกจากการฝึกตน
“ศิษย์พี่เหล่ยอายุเพียง 17 ปีทว่าได้เป็นผู้ฝึกตนขั้นเจ็ดแล้ว นับว่าอัจฉริยะโดยแท้”
“ฮะฮะ ข้าไม่จำเป็นต้องไว้หน้าเฟิงฮันเยว่อีกต่อไป ข้าสามารถทำทุกสิ่งได้เช่นต้องการ!” ระหว่างที่ชายหนุ่มเดินไปนั้นเขารู้สึกได้ถึงความระแวดระวังและเคารพจากแววตาของเด็กหนุ่มสาวใกล้ๆ
ในเวลานี้ ลู่เซียวเหลียนได้เดินเข้าไปหา
“ยินดีด้วยศิษย์พี่เหล่ยสำหรับการที่ได้เข้าขั้นจอมยุทธ์”
ลู่เซียวเหลียนมีความพัฒนาขึ้นเช่นเดียวกัน เขาได้เข้าสู่ขั้นสุดยอดของขั้นหก ห่างจากขั้นเจ็ดเพียงก้าวเดียว
หลังจากพูดคุยกันชั่วครู่ ลู่เซียวเหลียนก็ดึงเหล่ยเฮาไปด้านข้างก่อนจะเอ่ยบางอย่างด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
โฮ่?
เหล่ยเฮากวาดตามองไปยังห้องไม้ที่สิบหลังจากที่ได้ยิน
จ้าวเฟิงได้ขังตนเองอยู่ภายในห้องตั้งแต่พวกเขากลับจากภารกิจและไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาได้รับสิ่งใด มีเพียงจ้าวหยูเฟ่ยและฮวงชี่ที่รู้ว่าจ้าวเฟิงไม่ได้ไปยังคลังสมบัติเพื่อแลกเปลี่ยนแต่อย่างใด
เขาทำอันใดกัน?
แม้ว่าเขาจะฝึกตน มิใช่ว่ามันจะง่ายดายกว่าหากแลกเปลี่ยนแต้มของเขาเพื่อทรัพยากรหรือยาหรือ?
ในตอนนั้น จ้าวเฟิงนั่งบนพื้นขณะที่พลังภายในในร่างของเขาแผ่กระจายไปทั่วร่าง ขณะที่เขาหายใจนั้น กลิ่นอายที่เขาปลดปล่อยออกมากระทั่งแข็งแกร่งกว่าปกติ
ไม่กี่วันก่อน เขาได้กินสมุนไพรพันปีต้นสุดท้ายเข้าไปและรู้สึกได้ว่าพลังภายในของเขานั้นบริสุทธิ์ขึ้น ทว่าจ้าวเฟิงไม่สามารถทะลวงขั้นเจ็ดได้สำเร็จ ทว่าห่างเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น
“มันดูไม่เหมือนว่าข้าจะสามารถเข้าสู่ขั้นเจ็ดได้ในสองวันข้างหน้า” เด็กหนุ่มถอนหายใจ
ความแตกต่างระหว่างขั้นหกและขั้นเจ็ดนั้นมากมายนัก ผู้ฝึกตนหลายคนหยุดอยู่ที่ขั้นสุดยอดของขั้นหกไปชั่วชีวิตและไม่อาจทะลวงเข้าสู่ขั้นเจ็ดได้
“จ้าวเฟิง! ออกมาแล้วรับคำท้าประลองของข้า!” ด้านนอกห้องปรากฏเสียงตะโกนของใครบางคน
หืม?
เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องและพบกับกลุ่มคนที่รวมตัวกัน คำท้าประลองนั้นมาจากเด็กหนุ่มผู้ฝึกตนขั้นสุดยอดของขั้นหก
เพื่อที่จะได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าในฐานะของสิบองครักษ์ฟ้า พวกเขาย่อมต้องเป็นสิบองครักษ์ฟ้า
ได้ ข้าจะพยายามให้สุดชีวิต
จ้าวเฟิงเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขั้นสุดยอดของขั้นหกอีกคน
มังกรคำรามลั่นนภา!
คู่ต่อสู้พลันใช้วิชาเคลื่อนไหวระดับสุดยอดและวิชาหมัดขั้นหลอมรวมออก จ้าวเฟิงยืนนิ่งพร้อมด้วยมือข้างหนึ่งไขว้หลัง จากนั้นจึงชี้นิ้วไปยังอีกฝ่าย
อ๊าก!
ฝ่ายตรงข้ามร้องลั่น พลังภายในที่รวบรวมไว้ภายในนิ้วนิ้วเดียวนั้นไม่อาจหยุดได้ และมันเกือบทำให้เขากระอักโลหิต
เพียงแค่สองกระบวนท่า เขาก็พ่ายให้กับจ้าวเฟิง
“เป็นพลังภายในที่แข็งแกร่งอันใดเช่นนี้!”
“จ้าวเฟิงผู้นี้ดูไม่เหมือนในข่าวลือเลยแม้แต่น้อย”
เด็กหนุ่มสาวใกล้ๆ ชะงักไปเล็กๆ เมื่อความแข็งแกร่งของจ้าวเฟิงนั้นสามารถติดหนึ่งในสามอันดับแรกได้ หากไม่ใช่ก็คงเป็นห้าอันดับแรก
“ว้าว แข็งแกร่งยิ่ง!” ลู่เซียวเหลียนหัวเราะแผ่วจากที่ที่ไม่ไกลนัก
ด้านข้างเขาเป็นชายหนุ่มหัวโล้นในชุดสีเงิน
หืมมม?
จ้าวเฟิงตะลึงไปเมื่อเขาจ้องไปยังเหล่ยเฮาที่เข้าสู่ขั้นเจ็ดแล้ว เพียงแค่ไม่กี่วัน ผู้ฝึกตนขั้นเจ็ดอีกคนก็ปรากฏตัวขึ้น
ขณะที่พวกเขาสบตากันนั้น จ้าวเฟิงก็รู้สึกได้ถึงความไม่เป็นมิตรและเย็นชาจากแววตาของอีกฝ่าย วันนั้นที่อาณาเขตของโจร เหล่ยเฮาต้องการที่จะแบ่งแต้มจากแต้มของจ้าวเฟิง ทว่าเขาทำไม่สำเร็จ
“อันใดที่นำพวกเจ้าทั้งสองมาที่นี่?”
จ้าวเฟิงไม่ได้หวาดกลัวอีกฝ่าย เป็นเพราะว่าเขายังทะลวงขั้นไม่สำเร็จ เด็กหนุ่มจึงต้องการที่จะประลองกับใครสักคนเพื่อปลดปล่อยความหงุดหงิดของเขา
“ไอ้เด็กเหลือขอสกุลจ้าว เจ้าเป็นอันดับหนึ่งในด้านของแต้มต่อสู้ ข้า เหล่ยเฮา อยากจะเห็นว่าเจ้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร” ประสายแสงแล่นวาบในดวงตาของชายหนุ่ม
“เดี๋ยว! ให้ข้าประลองกับเขาก่อน” ลู่เซียวเหลียนท้าประลองกับเด็กหนุ่มก่อน
“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” จ้าวเฟิงสั่นศีรษะ
แม้ว่าเขาจะห่างจากการเป็นจอมยุทธ์เพียงครึ่งก้าว พลังที่แท้จริงของเขายังนับว่าเทียบเท่าได้กับจอมยุทธ์อยู่ดี
“เราไม่ได้เจอกันเพียงไม่กี่วันทว่าเจ้ากลับกลายเป็นจองหองเพียงนี้ ข้าอยากจะเห็นนักว่าเจ้าจะพัฒนาขึ้นสักเท่าใดกัน” คิ้วของลู่เซียวเหลียนกระตุกขณะที่เขาใช้วิชาที่ดีที่สุดของเขา ‘หมัดสลายเมฆา’
“สลายไปซะ!” จ้าวเฟิงตวาดเสียงแผ่วขณะที่ริ้วแสงสีเขียวจะพุ่งออกจากปลายนิ้วของเขา
“พลังภายในออกนอกร่าง!” สีหน้าของผู้คนใกล้ๆ พลันแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
ฟุ่บ!
หมัดสลายเมฆาของลู่เซียวเหลียนถูกพุ่งทะลุด้วยริ้วแสงสีเขียว รูปรากฏขึ้นบนหน้าอกของเขา
“ได้อย่างไร…? เจ้ายังไม่เข้าสู่ขั้นเจ็ดเลย!” ใบหน้าของลู่เซียวเหลียนขาวซีด ไม่อาจทำใจให้เชื่อในสิ่งที่ตนเห็น
จ้าวเฟิงเอาชนะลู่เซียวเหลียนในกระบวนท่าเดียว เพราะว่าเด็กหนุ่มนั้นอยู่ที่ขั้นสุดยอดของขั้นหกและดรรชนีดาราของเขานั้นอยู่ที่ระดับสี่ พลังโจมตีของเขานั้นเทียบเท่ากับจอมยุทธ์
“จ้าวเฟิง ความแข็งแกร่งของเจ้าเหนือความคาดหมายของข้า ทว่าเจ้าก็ยังไม่อาจเอาชนะข้าได้” เหล่ยเฮาเอ่ยอย่างมั่นใจขณะที่เดินไปอย่างช้าๆ
หลังจากเข้าสู่ขั้นเจ็ด ทั้งปริมาณและคุณภาพของพลังภายในของเขาก็เพิ่มขึ้น เพียงแค่การกระทำธรรมดาก็ดูลึกล้ำ
“หยุดสำรอกไร้สาระ หากเจ้าต้องการสู้ เช่นนั้นก็รีบเข้า” จ้าวเฟิงเอ่ย
“ดี ดี ดี!”
ชายหนุ่มหัวเราะแทนที่จะโกรธเคือง ทันใดนั้นแสงสีเงินก็เปล่งประกายออกและพุ่งไปยังร่างของจ้าวเฟิง
ฝ่ามือวายุสุดท้าย!
พลังภายในขั้นเจ็ดของเหล่ยเฮาระเบิดออกขณะที่ฝ่ามือถูกผลักไปเบื้องหน้า คลื่นอากาศสีเงินสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ดรรชนีชี้ดารา!
ปลายนิ้วของจ้าวเฟิงปลดปล่อยพลังภายในสีครามที่วาดผ่านทองฟ้าราวกับอุกกาบาตออกก่อนปะทะเข้ากับฝ่ามือของอีกฝ่าย
ตูมมม
แรงกระแทกจากการปะทะของทั้งสองสร้างควันฟุ้งกระจายหนาและกลืนกินร่างทั้งสองไป