Skip to content

King of Gods 828

King Of Gods

บทที่ 828 ชื่อเสียกระฉ่อนไปทั่ว

บนหน้าผา

จ้าวเฟิงกระตุ้น ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ แล้วจึงเริ่มหล่อหลอม ดูดซึมพลังวิญญาณภายใน ‘หินสะกดวิญญาณ’

ไอชั่วร้ายในหินสะกดวิญญาณแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ภายในเคยกดข่มเศษเสี้ยววิญญาณอาฆาตจำนวนนับไม่ถ้วน หรือไม่ก็เศษเสี้ยวพลังส่วนหนึ่ง แต่ทว่า พลังจิตวิญญาณที่ชั่วร้ายพวกนี้ เมื่อถูกผนึกเป็นระยะเวลานานก็ค่อนข้างอ่อนแอ

‘เศษเสี้ยววิญญาณเซียน’ ที่แข็งแกร่งที่สุดก่อนนี้ ถูกอัสนีเทวะของจ้าวเฟิงสังหาร พลังและเศษเสี้ยวความคิดจิตวิญญาณชั่วร้ายที่เหลือล้วนแต่ใจสั่นอย่างหวาดกลัว

จ้าวเฟิงครอบครองดวงตาเทพเจ้า จึงมีแรงต้านทานที่แข็งแกร่งต่อการโจมตีวิญญาณ ถึงกล้าซึมซับหินสะกดวิญญาณอย่างอุกอาจเช่นนี้ แต่จ้าวเฟิงยังค่อนข้างระแวดระวัง ในโลกนี้มีคำสาปลึกลับวิชาชั่วร้ายส่วนหนึ่งที่อยู่เกินเลยระดับขั้นของกายเนื้อและวิญญาณ รับมือได้ยากนัก อย่างเช่นคำสาปมรณะ

ครึ่งวันต่อมา

จากการชะล้างและเพิ่มความบริสุทธิ์ครั้งหนึ่ง พลังวิญญาณที่หนาวเหน็บในหินสะกดวิญญาณ หลอมรวมเข้าไปภายในทะเลวิญญาณทีละเส้นสาย

‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ เป็นเพียงแค่การชะล้างและเพิ่มความบริสุทธิ์รอบแรกของจ้าวเฟิง กำจัดเอาพลังชั่วร้ายและสิ่งเจือปนส่วนมากออกไป

รอบที่สอง เป็นการกลั่นกรองของกลิ่นอาย ‘พลังอัสนีเทวะ’

พลังวิญญาณที่หนาวเหน็บทั้งหมดล้วนต้องผ่านการชะล้างของพลังอัสนีเทวะ

สุดท้ายแล้ว พลังวิญญาณที่ค่อนข้างบริสุทธิ์จะหลอมรวมเข้าไปในทะเลวิญญาณสีม่วง และเข้าสู่การกลืนกินและเพิ่มความแข็งแกร่งเป็นครั้งสุดท้าย

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว

เมื่อผ่านการเพิ่มระดับและการชะล้างสามครั้งแล้ว พลังดวงวิญญาณที่ชั่วร้ายก็บริสุทธิ์ขึ้นอย่างมาก ไม่ได้มีคุณลักษณะที่ชัดเจนจนเกินไป ที่ทำเช่นนี้ จุดเด่นคือพลังวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ได้มีผลร้ายอะไร ส่วนผลเสียเองก็เห็นได้ชัดเช่นกัน นั่นคือช้าและค่อนข้างจะซับซ้อน

“พลังวิญญาณ เป็นใจกลางแหล่งกำเนิดที่สำคัญของสรรพชีวิตทั้งหมด ไม่สามารถแปดเปื้อนได้”

จ้าวเฟิงรัดกุมอย่างยิ่ง ยินยอมเชื่องช้าส่วนหนึ่ง

ดีที่ระดับความลึกซึ้งในศาสตร์วิญญาณของเขาไม่ธรรมดา ใช้ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ควบคู่กับพลังอัสนีเทวะ ความเร็วในการเสริมสร้างและเพิ่มความบริสุทธิ์นับว่าค่อนข้างไว

เวลาห้าหกวันผ่านไปเพียงพริบตาเดียว

‘ทะเลวิญญาณสีม่วง’ ของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขยายใหญ่ออกเป็นรัศมีสามสี่ร้อยจั้ง

“ระดับขั้นดวงวิญญาณของข้าในตอนนี้ เทียบเท่าได้กับปราณเทวะช่วงกลาง พลังเทียบเท่าได้กับราชันระดับสุดยอด ใกล้เคียงกับจักรพรรดิปราณเทวะ”

แววตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย

ในเวลานี้ ทุกห้วงคิดของเขาล้วนแต่แฝงไปด้วยพลังที่ไม่ธรรมดา กระตุ้นพลังมหาศาลในฟ้าดิน ใกล้จะเท่าจักรพรรดิปราณเทวะ

จ้าวเฟิงมีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่า พลังจักรพรรดิของตนเองกำลังจะตื่นขึ้น

ขอแค่พลังจักรพรรดิฟื้นคืน อานุภาพของเคล็ดวิชาศาสตร์วิญญาณกับวิชาสายเลือดดวงตาจะไปถึงขั้นที่น่ากลัว

ถึงยามนั้น ภายในมิติเทพลวงตา นอกเหนือจากคนจำนวนน้อยนิดอย่างยิ่งแล้ว ยอดฝีมืออัจฉริยะจำนวนมากเมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวเฟิงล้วนไม่มีแรงจะต้านทาน

“จ้าวเฟิง ข้าเจออุปสรรคแล้ว”

หนานกงเซิ่งเปิดปาก

วินาทีที่เขาเปิดตา ดวงตาคู่นั้นมืดสนิท มีระลอกสีม่วงประหลาดเส้นสายหนึ่งโคจร ตราประทับจันทร์เสี้ยวโลหิตม่วงบนหน้าผากสะดุดตาอย่างยิ่ง

ทั่วทั้งร่างของหนานกงเซิ่งเผยความแข็งแกร่งและชั่วร้าย เป็นประหนึ่งเจ้าลัทธิมารผู้หนึ่ง

จ้าวเฟิงเพ่งสมาธิมอง พลังฝึกตนของหนานกงเซิ่งที่แตะระดับสุดยอดของขอบเขตปราณเทวะช่วงกลาง แต่ยังห่างจากปราณเทวะช่วงปลายอยู่บ้าง

นอกจากนี้ ระดับความแข็งแกร่งของเขตแดนมิติสูงส่งอย่างยิ่ง ปราณที่แท้จริงถึงขั้นเทียบเท่าได้กับราชันระดับสุดยอด จ้าวเฟิงลอบผงกศีรษะ อดยอมรับไม่ได้ว่าความเร็วในการเติบโตของหนานกงเซิ่งแทบจะไม่ด้อยไปกว่าตนเอง

“ออกเดินทาง ไล่ตามไปต่อ”

จ้าวเฟิงผงกศีรษะและลุกขึ้น

ทะเลวิญญาณของเขาดูดซึมพลังวิญญาณจากโลกภายนอกเข้าไปจำนวนมาก ไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นมากนัก แต่ยังต้องการเวลาในการย่อยสลายและขัดเกลา

อุปสรรคของหนานกงเซิ่งเองก็ประมาณนี้

แน่นอนว่า ถ้าหากมีสมบัติล้ำค่าที่ยิ่งหายาก สามารถรวมวิญญาณ ชะล้างปราณที่แท้จริงได้ เช่นนั้นย่อมดียิ่งกว่า

“ผลสุดท้าย”

ก่อนออกเดินทาง จ้าวเฟิงหยิบผลไม้จิตวิญญาณผลหนึ่งออกมา ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะกินมันเข้าไป

นับแต่บัดนั้น

ผลไม้จิตวิญญาณบนหอคอยพฤกษาในห้วงฝันบรรพกาลก็ถูกใช้ไปจนหมด

ผลไม้จิตวิญญาณพวกนี้ทำให้ร่างกาย สายเลือด หรือกระทั่งปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล

‘ผลไม้จิตวิญญาณในห้วงฝัน’ ผลสุดท้าย ต่อให้ไม่สามารถทำให้จ้าวเฟิงทะลวงผ่านกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ห้าได้ แต่ยังทำให้แตะขีดสุดของขั้นที่สี่ ขาดหายไปเพียงครึ่งเศษเสี้ยวเท่านั้น

เสียดายก็เพียงแต่ หลังจากเมืองใต้ดินแล้ว จ้าวเฟิงก็ไม่มีโอกาสพบทรัพยากรฝึกฝนร่างกายชั้นยอดที่มากพออีกเลย

ระหว่างทาง จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งไม่ได้จงใจรีบเร่งมากนัก

จากการที่เข้าใกล้ตำแหน่งของ ‘มังกรวารีล้างโลกา’ ไอสวรรค์ในฟ้าดินยิ่งปั่นป่วนและบริสุทธิ์ขึ้น จำนวนของสัตว์อสูรประเภทต่างๆ ที่ปรากฏกายในระหว่างทางก็เพิ่มมากขึ้น

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งยังจงใจใช้ฝูงสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมาฝึกฝีมือ เพื่อขัดเกลาพลังฝึกตนหรือดวงวิญญาณ ในมิติเทพลวงตา กำลังรบของสัตว์อสูรขั้นราชันที่มีสายเลือดแกร่งกล้าจำนวนไม่มากนัก เทียบเท่าได้กับราชันระดับสุดยอด

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งร่วมมือกัน สามารถจัดการราชันในระดับสุดยอดได้อย่างสบายๆ กระทั่งต่อสู้ตัวต่อตัวก็มีโอกาสชนะ

ครึ่งเดือนต่อมา

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งเดินๆ หยุดๆ มาจนถึงพื้นที่ราบกว้างขวาง

บนที่ราบแห่งนี้ มีฝูงสัตว์อสูรจำนวนมาก ราชาสัตว์อสูรแทบทุกตัวล้วนอยู่ในขั้นราชัน

“กลิ่นอายของมังกรวารีล้างโลกายิ่งรุนแรงขึ้นทุกที…”

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งมองสบตากัน

เมื่อดูจากสัญญาณต่างๆ แล้ว มังกรวารีล้างโลกาจะต้องนำทางคนทั้งสองเข้าไปยังใจกลางสำคัญของมิติเทพลวงตาแน่ ระหว่างทาง คนทั้งสองสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทำลายล้างรุนแรงที่เหลืออยู่ รวมไปถึงฝูงสัตว์อสูรที่เผชิญหน้ากับการโจมตีทำลายล้างส่วนหนึ่ง

ฝูงสัตว์อสูรขนาดใหญ่พวกนั้น เมื่ออยู่เบื้องหน้าของมังกรวารีล้างโลกา ล้วนมีแต่ชะตาถึงฆาต ถึงจะเป็นราชัน เมื่ออยู่เบื้องหน้ามังกรวารีก็ไม่ได้ต่างอะไรกับมดปลวก

สามารถพูดได้ว่า มังกรวารีล้างโลกาเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดที่จ้าวเฟิงเคยเจอมาในช่วงชีวิตนี้ เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!

ต่อให้เป็นในจินตนาการ ‘ครึ่งเซียนคุนอวิ๋น’ ที่อยู่ในช่วงสุดยอดก็ยังไม่อยู่ในระดับเดียวกัน

ในเวลาหนึ่ง

บนทุ่งราบเบื้องหน้า ปรากฏหลุมรอยไหม้ขนาดมโหฬาร กว้างหลายสิบลี้ โดยรอบยังมีหลุมลึกหลายร้อยหลายพันจั้ง

“ไสหัวไป!”

“พวกเรา ‘จวนจี้กง’ เจอชิ้นส่วนกระดูกของ ‘จักรพรรดิจิ้งจอก’ ตัวนี้ก่อน ใครเข้ามาขวางคนนั้นต้องตาย!”

ในหลุมรอยไหม้ขนาดใหญ่เกิดเสียงสู้รบอย่างดุเดือด

ฟู่ว! พาหนะเพลิงวายุที่จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งนั่งอยู่กำลังโบยบินเข้าไปใกล้

สถานการณ์ในหลุมรอยไหม้ที่มองเห็นได้จากบนอากาศไกลๆ ทำให้คนทั้งสองอดสูดหายใจลึก เห็นได้ว่าหลุมรอยไหม้ขนาดหลายสิบลี้ รวมไปถึงระยะร้อยลี้ในละแวกใกล้เคียง มีโครงกระดูกของสัตว์อสูรหลายตัวเหลือทิ้งไว้

โครงกระดูกจำนวนมากล้วนแต่กลายเป็นฝุ่นธุลี เหลือเพียงโครงร่างไหม้เกรียมบนที่ๆ มันเคยอยู่จ้าวเฟิงสามารถมองเห็นโครงกระดูกสัตว์อสูรขั้นราชันรางๆ น่าจะมีประมาณเกือบสิบร่าง

ที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุด เป็นโครงกระดูก ‘จักรพรรดิจิ้งจอก’ ในขั้นจักรพรรดิที่ส่วนลึกของหลุมรอยไหม้ ถึงแม้ว่าร่างมันจะดำไหม้เกรียมทั่วร่าง แต่ก็ยังค่อนข้างจะสมบูรณ์

นอกจากนี้แล้ว โครงกระดูกของจักรพรรดิจิ้งจอกยังแฝงกลิ่นอายทำลายล้างของมังกรวารีล้างโลกาหลายเส้นสาย ถึงแม้ว่าไม่ใช่เพลิงมังกรล้างโลกาที่บริสุทธิ์ดั้งเดิมที่สุด เสียดายก็เพียงจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งมาช้าไปเล็กน้อย ของชิ้นใหญ่แถวๆ หลุมที่มีรอยไหม้ถูกแบ่งไปมากกว่าครึ่งแล้ว

แถวหลุมที่ไหม้เกรียม มีขั้วอำนาจราชันสามกลุ่มเข้าร่วมการช่วงชิงด้วย ขั้วอำนาจระดับสองดาวในนั้น เหมือนไม่มีราชันคอยดูแลอยู่ ทำให้ได้เพียงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อันน้อยนิดอยู่ไกลๆ

ขั้วอำนาจที่สูงส่งทั้งสามแบ่งเป็น จวนจี้กง ตระกูลเจียง รวมไปถึงสำนักสามดาวแห่งหนึ่ง

ขั้วอำนาจเหล่านี้ล้วนอยู่ในระดับสามดาว

ณ ราชวงศ์ต้าเฉียน กลุ่มสถาบันที่มีคำเรียกว่า ‘จวนกง’ ล้วนแต่เป็นสถานที่ปกครองสูงสุดในแต่ละ ‘หนึ่งมณฑล’

‘หนึ่งมณฑล’ ของราชวงศ์ต้าเฉียนเทียบเท่าได้กับระดับของชางไห่

จากจุดนี้จะเห็นได้ว่า ทุกคนที่อยู่ใน ‘บรรดาศักดิ์กง’ สูงส่งขนาดไหน โดยมากต่างมีเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับคอยดูแล สถานะเป็นรองเพียงจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์แห่งต้าเฉียน

“แย่แล้ว! มารคู่ผมม่วงมาแล้ว…”

ละแวกหลุมไหม้ ไม่รู้ว่าใครตะโกนเสียงดัง

ทันใดนั้นเอง

กำลังคนจำนวนมากแถวนั้นราวกับเจอศัตรูยิ่งใหญ่ หรือได้รับผลกระทบจากบรรยากาศ สีหน้าระแวดระวัง

“ ‘มารคู่ผมม่วง’ จริงๆ ด้วย…ทุกคนระวังให้ดี!”

เจียงเฉินแห่งตระกูลเจียงสีหน้าเคร่งขรึม

ขณะนั้น แววตาของของอัจฉริยะยอดฝีมือจำนวนมากมองพาหนะเพลิงวายุที่อยู่กลางอากาศ

ชายหนุ่มผมม่วงสองคนบนพาหนะเพลิงวายุทั้งลึกลับชั่วร้าย กำลังมองสำรวจลงมาด้านล่าง

“มารคู่ผมม่วง? ได้ยินมาว่ากองกำลังของราชวงศ์และจวนหยวนกง ต่างเสียเปรียบให้กับคนทั้งสอง”

ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาในชุดเกราะดำของจวนจี้กงหรี่ดวงตาสองข้าง

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งโบยบินอยู่กลางอากาศ แล้วค่อยๆ ผ่อนความเร็วลง

“จ้าวเฟิง จะลงมือหรือไม่?” หนานกงเซิ่งตั้งหน้าตั้งตารอจะช่วงชิง

ในระยะทางที่ผ่านมา คนทั้งสองร่วมมือกันปล้นชิงไปทั่วทุกหนแห่ง จนเหมือนว่าจะ ‘ติดใจ’ เสียแล้ว

ถึงอย่างไร คนทั้งสองก็ศักยภาพไม่มากพอ พึ่งพาการปล้นชิงทำให้ได้สมบัติมาเร็วขึ้น

“กำลังคนจำนวนมากเช่นนี้ ลำบากแล้ว…” จ้าวเฟิงส่ายศีรษะ

ในขณะที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ชื่อเสียงของคู่มารผมม่วงก็ขจรขจายไปทั่ว อีกทั้งชื่อเสียงของพวกเขาก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก จะเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้

จ้าวเฟิงพอสังเกตได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

อัจฉริยะที่เข้ามาภายในมิติเทพลวงตา ล้วนเป็นยอดฝีมือของขั้วอำนาจใหญ่ๆ และยังมีผู้ถูกเลือกของดินแดนทวีปด้วย

“ทุกคนทำต่อไปเถิด พวกเราลงมาสำรวจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

หลังจากที่จ้าวเฟิงสงบจิตใจแล้ว จึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และแนวคิด

เพราะการสะสมทรัพยากรขั้นต้น คนทั้งสองพอใช้แล้ว ถ้าหากยังคงเห็นแก่ผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย และมีปัญหาต่อขั้วอำนาจมากกว่านี้ จะก่อให้เกิดความเกรี้ยวกราดของคนจำนวนมาก นั่นจะไม่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

พู่ว! จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งค่อยๆ ร่อนลงมา สีหน้านิ่งสงบ

อัจฉริยะและกำลังคนส่วนหนึ่งอย่างตระกูลเจียงรู้สึกแปลกใจอย่างมาก

ไม่ว่าครั้งไหนที่ ‘มารคู่ผมม่วง’ ปรากฏกายขึ้น จะลงมือช่วงชิงทันทีไม่ใช่หรือ ตอนนี้กลับเปลี่ยนนิสัยแล้ว?

“ระวัง ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นแผนชั่วของ ‘มารคู่ผมม่วง’ ”

‘เจียงเฟยเสวี่ย’ หญิงงามลำดับหนึ่งของตระกูลเจียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางเกลียดชังคู่หูโจรผมม่วงยิ่งนัก

นางลอบแนะนำ ‘เจียงเฉิน’ ผู้เป็นอัจฉริยะลำดับหนึ่งของตระกูลเจียง ให้ร่วมมือกับขั้วอำนาจต่างๆ ในที่แห่งนี้ และล้อมสังหาร ‘มารคู่ผมม่วง’

เจียงเฉินส่ายศีรษะ ถอนหายใจ “กลิ่นอายพวกนั้นแกร่งกล้ากว่าเดิมแล้ว เมื่อก่อนเคยได้ยินมาว่าเขายังลงมือเอาเปรียบ ‘ราชามังกรวารี’ ซึ่งเป็นรายชื่อจักรพรรดิลำดับที่แปด และล่าถอยได้อย่างปลอดภัย”

บางที ขั้วอำนาจจำนวนมากร่วมมือกัน อาจมีความหวังที่จะล้อมสังหารคู่หูโจรผมม่วงได้ แต่จะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่แสนสาหัส อีกทั้งยอดฝีมือและขั้วอำนาจส่วนหนึ่งไม่ได้กระทบกระทั่งกันกับสองคนนี้มาก่อน จึงไม่มีทางลงมืออย่างไร้สาเหตุ

วูบ! ร่างกายที่กล้าแกร่งของจ้าวเฟิงลงไปภายในหลุมไหม้ด้านล่าง สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเพลิงมังกรทำลายล้างที่อยู่ภายใน ถึงแม้เป็นกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขา ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย

“จักรพรรดิจิ้งจอกตัวนั้น เมื่ออยู่เบื้องหน้ามังกรวารีล้างโลกาแทบจะไม่มีโอกาสได้โต้กลับ โดนสังหารเสียแล้ว”

จ้าวเฟิงได้ข้อสรุปจากการสำรวจ

ข้อสรุปนี้ทำให้สีหน้าของคนทั้งสองเคร่งเครียด

มีข้อหนึ่งที่แน่ใจโดยไม่ต้องถามเลยคือ มังกรวารีล้างโลกาในมิติเทพลวงตาช่างไร้เทียมทาน อย่างน้อยสำหรับอัจฉริยะที่มาจากโลกภายนอกก็ต้องเป็นเช่นนี้

ถึงจะเป็นเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับ ก็มีเพียงแค่ ‘ความเป็นไปได้’ ว่าอาจสามารถคุกคามมังกรวารี อีกทั้ง มังกรวารีล้างโลกาตัวนี้ยังอ่อนแอถึงขีดสุด บนร่างยังมีขีดจำกัดจาก ‘โซ่ผนึกวิญญาณ’

เวลาค่อยๆ เคลื่อนคล้อยไป

ยอดฝีมือที่เดินทางลำพังและขั้วอำนาจส่วนหนึ่งต่างแยกย้ายจากไป

ภายในหลุมขนาดใหญ่จึงเหลือเพียงจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่ง

จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิที่ใจกลางของหลุม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เพลิงของมังกรวารีล้างโลกาเคยโจมตีมาก่อน ความร้อนแรงของกลิ่นอายเพลิงมังกรที่หลงเหลืออยู่ เหมือนจะมีผล ‘หล่อเลี้ยง’ กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version