Skip to content

King of Gods 844

King Of Gods

บทที่ 844 กระบี่สนิมทองแดง

“อ๊ากกก….”

คลื่นไอเพลิงที่ร้อนผ่าวหลั่งไหลมาจากประตูใหญ่หอหลอมศาสตรา ท่ามกลางเสียงร้องแหลมทุกข์ทรมาน อัจฉริยะสี่ห้าคนสลายกลายเป็นกองเถ้าถ่าน ครึ่งก้าวสู่ราชันที่เหลือซึ่งบาดเจ็บจากเพลิงมีมากถึงสิบกว่าคน

ในกลุ่มเชื้อพระวงศ์ คนผู้หนึ่งที่เพิ่งเลื่อนเป็นราชันถูกคลื่นไอร้อนกวาดผ่านซึ่งหน้า ร่างกายจึงไหม้เกรียม ล้มลงกองอยู่หน้าประตู

ด้านหน้าประตูเหล็กมืดดำของหอหลอมศาสตรา

กลุ่มขั้วอำนาจเช่นเหล่าราชนิกุล หอกระบี่ฟ้า ตระกูลตวนมู่ หรือจวนหยวนกง แต่ละคนฉวยโอกาสหนีกันสุดชีวิต

เฮือก!

ยอดฝีมือส่วนที่รอดพ้นความตายมาได้ยังหวาดผวา สูดลมหายใจเย็นเข้าลึก

ถ้าถูกมันกวาดผ่านโดยตรง เหล่ายอดฝีมืออัจฉริยะมากกว่าเก้าส่วนในที่นั้นคงยากจะโชคดี

กล่าวได้เพียงว่า คนที่อยู่ใกล้ประตูพวกนั้นโชคไม่ค่อยดีนัก

มีหลายครั้งหลายครา ผู้ที่ยืนหยัดจนถึงที่สุดและกลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นผู้มีกำลังรบแก่กล้าที่สุด บางทีอาจแค่โชคดีหน่อยเท่านั้น

“ข้าประมาทไป หอหลอมศาสตราไม่ได้เปิดมานานนัก เปลวไฟภายในยังไม่มอดดับ ความร้อนกระจายตัวไม่ดี จึงสะสมอุณหภูมิสูงไว้หนาแน่น เมื่อเปิดประตูออก ไอร้อนจึงทะลักออกมา…”

ปรมาจารย์ค่ายกลฝ่ายเชื้อพระวงศ์มีสีหน้าละอาย กระวนกระวายใจ

บนหน้าผากและเสื้อของเขาไหม้ดำเช่นกัน หากวินาทีสุดท้ายองค์ชายแปดกับผู้เฒ่าหน้าเหี่ยวไม่คุ้มกันไว้ เขาคงหนีไม่พ้นความตาย

ผ่านไปพักหนึ่ง

เริ่มเห็นไอร้อนระอุที่ทะลักจากด้านในไม่ชัดเจน ทว่าอุณหภูมิยังสูงดังเดิม

หน้าประตูเหล็กสีดำ ยามนี้ยังไม่มีผู้ใดกล้าเหยียบย่างเข้าไป

“ดีที่สุดคือรอสักครึ่งวัน ให้ไอร้อนระอุในหอระบายออกจนถึงที่สุดสักหน่อย”

ปรมาจารย์ค่ายกลสองสามคนตรงนั้นให้ความเห็นร่วมกัน

จากประตูเหล็ก ทุกคนมองเห็นเตาไฟขนาดใหญ่ ภายในมีแสงจางๆ สีชาดขยับอยู่เลือนราง หากกล่าวว่าเตาไฟนั้นคือเตาหลอมอย่างหนึ่ง ไม่สู้กล่าวว่าเป็นหลุมไฟใหญ่ยักษ์ หรือเป็นกระทั่งหุบเหวแห่งเพลิง

แม้ยืนอยู่ระยะไกล แสงเพลิงจากหลุมไฟก็ทำให้คนทั้งหลายร้อนผ่าวจนหายใจลำบาก

“ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานเพียงนี้ เตาหลอมก็ยังแผ่พลังไฟที่น่าสะพรึงได้…”

ในที่นั้นมียอดฝีมืออาวุโสที่เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธเช่นกัน

เพลิงที่คล้าย ‘ไม่มีวันดับสลาย’ ในหลุมไฟหลอมละลาย ล้มล้างความรู้ทั่วไปที่พวกเขามีไปแล้ว

“นี่อาจเป็นขอบเขตของเทพ!”

กลุ่มคนร้องตกใจ ใบหน้าฉายแววตื่นเต้นรอคอย บางทีพวกเขาอาจได้สัมผัสกับ ‘สถานที่สำคัญ’ อย่างแท้จริงภายในคฤหาสน์เสียหยาง ก่อนหน้านี้ แม้ทุกคนเก็บเกี่ยวโอกาสมาได้มากมาย ทว่าของเหล่านั้นล้วนธรรมดาสามัญอย่างยิ่ง

“ทุกคนระวัง! ข้ารู้สึกถึงพลังไฟต้องห้ามที่แรงกล้าในเตาหลอม มันปะทุถึงที่สุดเมื่อใด ต่อให้เป็นครึ่งเซียนก็หนีรอดปลอดภัยได้ยาก”

ผู้เฒ่าเคราขาวฝั่งหอกระบี่ฟ้าเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ

คนทั้งหมดได้ยินแล้วใจหวาดหวั่น

พลังที่แม้แต่ครึ่งเซียนยังหนีรอดไปได้ยาก เกรงว่ามีแต่จะเป็นระดับขอบเขตเซียนสวรรค์

เวลาเคลื่อนผ่านไป ไอร้อนรุนแรงที่แผ่มาจากในหอหลอมศาสตราลดลงเรื่อยๆ

อีกนานหลังจากนั้น พลังไฟร้อนแรงที่สั่งสมมาเนิ่นนานก็ลดลงไปพอประมาณ

ยามนี้ ด้านในหอโลหะอุณหภูมิสูงและแสบตาอับแสงลงส่วนหนึ่ง จนมองเห็นหินแร่หลอมอาวุธ รวมทั้งพวกอาวุธวิเศษและเศษชิ้นส่วนที่ชำรุดเสียหายกระจัดกระจายอยู่ในนั้น

แม้ผ่านเวลามานานเพียงนี้ กลิ่นอายจากอาวุธวิเศษและเศษชิ้นส่วนแตกหักเหล่านั้นยังคงชวนให้ประหวั่นพรั่นพรึง

‘กระบี่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์’ ในมือองค์ชายสิบสามร้องเสียงต่ำ สั่นเทาเบาๆ คล้ายกำลังตื่นตัว

“เหล็กกล้าเทวะ! นั่นมันวัสดุโบราณที่เก็บรักษาไว้ในพื้นที่ต้องห้ามของราชวงศ์…”

สีหน้าองค์ชายแปดตกตะลึง

เขาจำ ‘เหล็กกล้าเทวะ’ หรือหินแร่หลอมอาวุธที่อยู่หน้าหลุมไฟได้

หินแร่ประเภทนี้พบเห็นได้ยากยิ่งในหลายหมื่นปีที่ราชวงศ์ต้าเฉียน ขนาดเชื้อพระวงศ์ยังมีเพียงไม่กี่ชิ้น ซ้ำยังต้องปิดผนึกรักษาไว้อย่างแน่นหนา

ทว่านี่เป็นแค่หินแร่อย่างหนึ่งในนั้น วัสดุที่คล้ายเหล็กกล้าเทวะเห็นได้ทั่วตรงหน้าหลุมไฟหลอมละลาย

แน่นอนว่าสิ่งที่ดึงดูดใจอย่างแท้จริงคือเศษชิ้นส่วนและเศษอาวุธ กระทั่งมีส่วนที่เสร็จสมบูรณ์แล้วหรือใกล้สมบูรณ์

ส่วนลึกเข้าไปอีกของเตาหลอม คลับคล้ายมีกลิ่นอายอาวุธวิเศษสะเทือนภพกระจายออกมา

กลุ่มคนตรงนั้น มีเพียงเซียนกระบี่ องค์ชายเก้า จ้าวหยูเฟย และคนส่วนน้อยมากที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสมบัติอาวุธวิเศษที่เหมือนจะสมบูรณ์จากส่วนลึกของหลุมไฟ ทว่ากลิ่นอายพวกนั้นเงียบสงบอยู่นานเกินไป แม้แต่ประสาทสัมผัสของพวกเขายังไม่กล้าแตะต้องโดยตรง ด้วยกลัวว่าจะนำภัยร้ายที่มิอาจต้านทานได้มา

ถึงอย่างไรที่แห่งนี้ก็เป็นหอหลอมศาสตราในคฤหาสน์เทพ!

หากมีอาวุธชั้นพิภพหรือกระทั่ง ‘ศาสตราเทพเก่าแก่’ ในตำนานปรากฏขึ้นที่นี่ ก็ไม่นับว่าเกินความคาดหมายเท่าไหร่นัก

“ข้าจะเข้าไปดูก่อน”

เคราขาวของเซียนกระบี่พลิ้วไหว ดวงตาเด็ดขาดดุดัน เรือนร่างมีพลังกระบี่สูงส่งที่ไม่แยแสเป็นตายอยู่รางๆ

ตุบ!

ร่างขาวเพียงสั่นไหว ผู้เฒ่าเซียนกระบี่เหยียบก้าวแรกเข้าสู่หอหลอมศาสตรา

เหล่ายอดฝีมืออัจฉริยะด้านหลังมองส่งเงาร่างของเขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเคารพ

คนไม่น้อยรู้ว่าอายุขัยเซียนกระบี่ถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว ตอนเข้าสู่คฤหาสน์เสียหยางเขาก็ตัดสินใจจะเดินหน้าต่อสู้สุดชีวิต

“ตามไป!”

กลุ่มคนจำนวนมากเช่นหอกระบี่ฟ้า ราชนิกุล และตระกูลตวนมู่ ตามหลังเซียนกระบี่ไปอย่างระมัดระวัง

เมื่อก้าวเข้าหอหลอมศาสตรา ฝ่าเท้าคนทั้งหมดแสบร้อน

“ว้าก…” ความร้อนเผาไหม้รุนแรง ทำเอาอัจฉริยะไม่น้อยวิ่งพล่านไปทั่วพลางร้องลั่นไม่หยุด

เวลานี้ ผู้มากฝีมือจากสำนักศาสตร์ไฟหรือน้ำส่วนหนึ่งกลับรู้สึกสบายกว่าเล็กน้อย

ยอดฝีมือศาสตร์อัคคีมีคุณสมบัติต้านพลังไฟแข็งแกร่งกว่า ส่วนพวกที่ฝึกแขนงวารีสามารถสกัดกั้นและคลายความร้อนแผดเผาได้

“ร้อนเกินไปแล้ว!”

องค์ชายสิบสามร้อนจนทนแทบไม่ไหว

ถึงแม้เขาจะเลื่อนขึ้นเป็นราชันในคฤหาสน์แล้ว แต่คนสถานะสูงส่งเช่นเขาเคยสัมผัสความร้อนอย่างนี้เสียที่ไหน

“ร้อนยิ่งนัก ต่อให้เป็นจักรพรรดิ หากอยู่ที่นี่นานก็โดนแผดเผาเอาได้”

พวกครึ่งก้าวสู่ราชันเพิ่งเข้ามาไม่กี่ชั่วอึดใจ หน้าผากก็มีเหงื่อไหลซึม ทั้งกายร้อนรุ่มไม่เป็นสุข

ภายในหอหลอมศาสตรา มีหลุมไฟหลอมละลายเป็นศูนย์กลาง ยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่ยิ่งร้อนมากขึ้นเท่านั้น

ตอนนี้คนทั้งหมดเพิ่งเข้าไปในหอ ยังอยู่แค่รอบนอก ไม่ได้เดินไปลึกแต่อย่างใด แล้วนับประสาอะไรกับหลุมไฟนั่น

ทว่า หินแร่กับชิ้นส่วนอาวุธจำนวนมากอยู่ค่อนข้างใกล้กับเตาหลอมทั้งสิ้น

เศษชิ้นส่วนและอาวุธที่ชำรุดทรุดโทรมเหล่านั้นเป็นถึงหินแร่หลอมอาวุธ สุ่มเอาสักอย่างสองอย่างไปที่โลกภายนอก เกรงว่าจะทำให้สำนักสามสี่ดาวบ้าคลั่งแย่งชิงกันได้

‘เหล็กกล้าเทวะ’ ที่ดูธรรมดาอย่างยิ่งในบรรดาทั้งหมด ราชวงศ์ต้าเฉียนยังถึงขั้นปิดผนึกรักษาไว้เคร่งครัด

ส่วนพวกที่ราคาสูงค่ายิ่งกว่าคืออาวุธวิเศษที่สมบูรณ์มากพอสมควร

“ใกล้แล้ว…”

เซียนกระบี่เคราขาวเผยยิ้มบางอย่างปลงแล้วซึ่งความเป็นความตาย

ทั้งร่างอยู่ท่ามกลางชั้นแสงกระบี่ระยิบระยับราวรุ้งขาว เดินนำหน้าคนทั้งหมดไปใกล้เตาหลอมทีละก้าว

ขณะนั้น พลังกระบี่แรงกล้าบนร่างผู้เฒ่ายังให้ทุกคนในที่นั้นสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ฉับพลันทันใด เสียงร้องกระบี่ทะลวงวิญญาณดังสะเทือนฟ้าดินมาจากในส่วนลึกของเตาหลอม

ดวงวิญญาณ ร่างกายเลือดลม และปราณที่แท้จริงของทุกคนกระเทือนตามไปด้วย

“กลิ่นอายกระบี่น่าสะพรึงนัก…”

เสียงกระบี่ร้องดังกล่าว ทำให้ใจกายครึ่งก้าวสู่ราชันและราชันในบริเวณนั้นคล้ายถูกทิ่มแทงจนหนาวเหน็บ ฝีก้าวชะงักไป

กลุ่มคนฝืนเพ่งสายตามอง เห็นเพียงใกล้หลุมไฟหลอมอาวุธมีกระบี่ทองแดงขึ้นสนิมปักอยู่หนึ่งเล่ม พวกเขาตกตะลึง ยังคงสั่นเทาเพราะตื่นกลัว

กระบี่ขึ้นสนิมเล่มนั้นดูเหมือนเศษเหล็กผุพัง แต่เมื่อมองให้ละเอียดจะพบว่าวัสดุของมันเก่าแก่ไม่ธรรมดา กระบี่ปักอยู่ที่พื้น ยามส่งเสียงร้อง กลิ่นอายพลังกระบี่ไร้เทียมทานแทรกซึมผ่านสรรพสิ่งและความว่างเปล่า ทะลวงเข้าสู่วิญญาณ

อึก! อึก!

อัจฉริยะส่วนที่จิตไม่หนักแน่นพอกระอักเลือดทันใด จิตใจได้รับบาดเจ็บ

ตุ้บ! ตุ้บ! เมื่อรวมกับความร้อนภายในหอ ครึ่งก้าวสู่ราชันหลายคนต้านรับไม่ไหว ล้มลงสลบไปโดยพลัน

“เหตุใดจึง…”

‘กระบี่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์’ ขององค์ชายสิบสามกำลังสั่นไหวเบาๆ

ท่ามกลางเสียงร้องจากกระบี่สนิมทองแดง แม้แต่ ‘กระบี่ของจักรพรรดิ’ เล่มนี้ยังหวาดกลัวยำเกรงเล็กน้อย

“สามารถทำให้ ‘กระบี่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์’ เกรงกลัว ถึงเป็นอาวุธชั้นพิภพก็ยังทำไม่ได้ ทว่าสิ่งนี้เป็นเพียงอาวุธวิเศษที่แตกหัก อานุภาพและปัญญาเสียหายไปมาก”

กลุ่มคนฝ่ายราชวงศ์ต้าเฉียนหวาดผวากันยิ่งนัก

องค์ชายแปด องค์ชายเก้า และองค์ชายสิบสาม ราชนิกุลผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามสบสายตากันด้วยสีหน้าหวั่นเกรง

ในฐานะสมาชิกราชวงศ์ พวกเขาย่อมรู้ถึงความหมายของ ‘กระบี่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์’

ถึงแม้มันจะสำแดงอานุภาพที่แท้จริงในมิติเทพลวงตาไม่ได้ก็ตาม

“กระบี่เทพเก่าแก่!”

“เกรงว่ามันจะเป็นศาสตราเทพเก่าแก่ที่ชำรุดแล้ว”

ขณะสามองค์ชายแห่งต้าเฉียนตกตะลึงเป็นที่สุด ก็ได้ข้อสรุปมาดังนี้

อีกทั้งข้อสรุปที่ว่ายิ่งทำให้ทั้งสามคนหวั่นเกรงมากขึ้นอีก

เมื่อใดที่ระดับของสมบัติอาวุธวิเศษไปถึงขั้นเขย่าขวัญผู้คน เกรงว่ามันมีแต่จะเป็นเผือกร้อนที่ลวกมือ

ศาสตราเทพเก่าแก่มีที่มาจากยุคโบราณ หรือกระทั่งยุคบรรพกาล

มันจะมีพลานุภาพแก่กล้ามากเท่าใด ขึ้นอยู่กับยุคสมัยของเรื่องเล่าตำนาน

“หลายพันปีก่อน ‘อาวุธเทพชั้นรอง’ ชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น ทำให้สำนักสามดาวแห่งหนึ่งล่มสลาย ขั้นเซียนสามคนล้มตาย…”

“อาวุธเทพชั้นรองชิ้นนั้นมาจากสำนักสี่ดาว…วังลอยฟ้า!”

แถวเตาหลอมละลายแว่วเสียงร้องตกใจ

‘กระบี่สนิมทองแดง’ เล่มนี้ไม่ใช่ ‘อาวุธเทพชั้นรอง’ อย่างแน่นอน เพียงกลิ่นอายเล็กน้อยของมันก็ส่งผลให้ ‘กระบี่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์’ หวาดเกรงได้

ด้านนอกหอหลอมศาสตรา

“กลิ่นอายอาวุธเทพเก่าแก่!”

สองเงาร่างผมม่วงหายตัวเข้าไปในหอโลหะภายใต้ชั้นแสงสีม่วงเงิน

“มารคู่ผมม่วง!”

หน้าประตูใหญ่หอหลอมศาสตรา อัจฉริยะส่วนหนึ่งที่ออกมาสูดหายใจเพราะทนทรมานไม่ไหวร้องลั่นทันใด สีหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและเป็นปฏิปักษ์

ทว่าตอนนี้

ภายในหอทรงหกเหลี่ยม คนส่วนใหญ่เหนื่อยล้ากับการป้องกันตัวเองจากพลังไฟแผดเผาและกลิ่นอายของ ‘กระบี่สนิมทองแดง’

ในสถานการณ์ที่มีผลประโยชน์มากมายและอันตรายแอบแฝง ทุกคนไม่มีกะจิตกะใจหรือพละกำลังจะไปจัดการ ‘มารคู่ผมม่วง’ กล่าวได้ว่า สองโจรมาได้ประจวบเหมาะพอดี

ผู้เฒ่าเคราขาวที่มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุด จิตใจทั้งหมดอยู่ที่กระบี่เทพเก่าแก่ ไม่แบ่งสมาธิไปแม้แต่น้อย

“อย่ายอมให้เซียนกระบี่ได้ ‘กระบี่เทพเก่าแก่’ ไปเด็ดขาด เขาแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้มาเยือนทั้งหมด”

“ถึงแม้อัตราความสำเร็จน้อยมาก…แต่เราไม่ทำไม่ได้”

สามองค์ชายแห่งต้าเฉียนกำลังหารือว่าจะรับมือกับอานุภาพจาก ‘กระบี่เทพเก่าแก่’ อย่างไร และจะนำหินแร่เช่น ‘เหล็กกล้าเทวะ’ ที่อยู่ค่อนข้างใกล้มาด้วยวิธีไหน

ขณะเดียวกัน กลุ่มสิ่งปลูกสร้างในคฤหาสน์ หน้าหอตำรามืดทะมึน

คนจากวังลอยฟ้ากำลังตกอยู่ในภวังค์กับตำราเก่าแก่ที่เปล่งแสงราวดาวเต็มฟ้าภายในหอกว้างใหญ่

“เอ๊ะ! กลิ่นอายอาวุธเทพเก่าแก่…”

เซวียนหยวนเหวินพลันลืมตา แผ่นหยกประหลาดตรงหน้าอกเปล่งแสงสีขาวบริสุทธิ์พลางสั่นเทาเบาๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version