Skip to content

King of Gods 846

King Of Gods

บทที่ 846 ความช่วยเหลือข้ามระยะทาง

กลุ่มอาคารในคฤหาสน์เสียหยาง หอตำรามืดทะมึน

“เตรียมออกเดินทาง!” ศิษย์พี่จูเก๋อถือพัดโบราณ กล่าวพลางยิ้มบาง “ต่อจากนี้พวกเราไปแสวงโชคกันได้ บางทีอาวุธเทพเก่าแก่อาจมีวาสนากับใครสักคนในหมู่พวกเรา”

อาวุธเทพเก่าแก่?

เหล่าอัจฉริยะผู้โดดเด่นของวังลอยฟ้าตะลึงจนเอ่ยไม่ออก อาวุธเทพเก่าแก่ที่มีแต่ในยุคตำนานโบราณกลับปรากฎในคฤหาสน์?

ข่าวคราวนี้สั่นสะเทือนจิตใจทุกคนครั้งใหญ่

ในกลุ่มคน ชายหนุ่มเกราะเงินนามเติ้งเชาแววตาเป็นประกาย ทว่าไม่ได้ตื่นเต้นตกใจเช่นคนอื่น

แกรก! ประตูหอตำราถูกเปิด สมาชิกวังลอยฟ้าเดินออกไปทีละคน

คนที่เดินอยู่หลังสุดยังเป็น ‘ศิษย์น้องเติ้งเชา’ ผู้สวมเกราะเงิน

“เคลื่อนย้ายมิติ!”

ศิษย์น้องเติ้งเชายืนอยู่ที่มุมหนึ่ง ใบหน้าเคารพนบนอบ รอบกายผุดลวดลายสายน้ำเลือนรางจากพลังดวงตา

เนื่องจากในหอตำรามีการปกปักของพลังที่สัมพันธ์กับ ‘ค่ายกลเทพคุ้มกัน’ คนภายนอกจึงรู้สึกถึงภายในได้น้อยมาก

พรึ่บ!

ครั้นศิษย์น้องเติ้งเชายื่นมือไป ‘บัวสีขาว’ ซึ่งแผ่กลิ่นอายสดชื่นอ่อนโยนจึงปรากฏเบื้องหน้าหลายต้น

บัวขาวบริสุทธิ์มีกลีบดอก เม็ดบัว และใบบัว กลิ่นอายทั้งหมดไม่ธรรมดา

“บัวฟ้าวารีคราม!”

ศิษย์น้องเติ้งเชาเผยสีหน้ายินดี เก็บบัวเหล่านั้นเข้าในแหวนเก็บของ

จากนั้นเขาจึงรีบเดินออกจากหอตำราอย่างรวดเร็ว แม้ออกมาช้ากว่าคนอื่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่กระตุ้นให้ใครสงสัย เพราะท่ามกลางคนเหล่านี้ ตำแหน่งและพลังของศิษย์น้องเติ้งเชานับว่าค่อนข้างต่ำ

“ไปได้!”

กลุ่มอัจฉริยะวังลอยฟ้ารีบออกเดินทาง

วิ้ง!

ผู้นำอยู่ด้านหน้าคือเซวียนหยวนเหวิน แผ่นหยกตรงหน้าอกเขามีปฏิกิริยาบางอย่าง

แกรก!

หลังจากวังลอยฟ้าจากไป ประตูหอเก็บตำราปิดลงด้วยตัวเอง พลังของค่ายเทพคุ้มกันปกคลุมมันไว้ทันใด

วูบ!

เวลานั้น บุรุษชุดฟ้าผู้สุขุมเยือกเย็นทะยานมา

“ถึงแม้จะรู้วิธี ทว่าแรงข้าเพียงคนเดียวไม่มากพอเปิดที่แห่งนี้”

บุรุษชุดฟ้ายืนเอามือไพล่หลัง เก็บมืออีกข้างมาจากประตู

อันดับแรก เพราะมีพลังของสามผู้ยิ่งใหญ่อย่างศิษย์พี่จูเก๋อ เซวียนหยวนเหวิน และสตรีชุดแดง จึงสามารถเปิดประตูหอตำราได้

ในกลุ่มนั้น ศิษย์พี่จูเก๋อก็รู้กลวิธีเช่นกัน

ยามนี้เอง ความแตกต่างระหว่างหนึ่งคนและกลุ่มคนจึงปรากฏให้เห็น

ทว่า บุรุษชุดฟ้าไม่ได้ท้อแท้หรือเศร้าใจ สายตามองไปยัง ‘หอผลึกม่วง’ ในส่วนลึกของกลุ่มสิ่งปลูกสร้าง

หอผลึกม่วงนั้นสูงตระหง่านเสียดฟ้า เป็นถึงสิ่งก่อสร้างที่สูง กว้างใหญ่ และอยู่ตรงใจกลางที่สุดของที่แห่งนี้

แต่พลังอำนาจที่แผ่จากหอน่าหวาดกลัวเกินจะเปรียบ มันปกคลุมหมู่อาคารทั้งคฤหาสน์ ถึงแม้ราชันเข้าต่อกรกับพลังก็จิตใจบาดเจ็บ กระอักเลือดทันที

วูบ!

บุรุษชุดฟ้ากายวูบไหว จากไปสำรวจทิศทางตรงกันข้ามกับวังลอยฟ้า

ในหมู่อาคารที่พักมีโอกาสมากมายนัก ทั้งยังมีไม่น้อยที่ถูกอัจฉริยะจากขั้วอำนาจอื่นขุดค้นเอาไป อีกอย่าง คนชั้นหัวกะทิที่เข้ามาในคฤหาสน์เป็นเพียงส่วนน้อยของเหล่า ‘ผู้มาเยือน’ ยังมีอัจฉริยะจำนวนหนึ่งของกลุ่มอื่นกระจายตัวตามจุดต่างๆ ในมิติเทพลวงตา

ด้านในหอหลอมศาสตราทรงหกเหลี่ยม

“จ้าวหยูเฟย! สองโจรผมม่วงโลภมากไม่รู้จักพอ แผลงฤทธิ์กับตระกูลตวนมู่ของเราครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงตอนนี้เจ้ายังหลงใหลมันอยู่อีก?”

บุรุษชุดฟ้าซึ่งเป็นราชันคนใหม่เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ยิ่ง

พวกผู้เฒ่าชุดเขียวมุ่นคิ้วเล็กน้อย

ระหว่างปะทะกันเมื่อครู่ มองออกชัดเจนว่า ‘จ้าวเฟิง’ หนึ่งในสองโจรโจมตีนางได้เหี้ยมโหด

“เขาไม่ใช่พี่เฟิง! คนที่พวกท่านเห็นเป็นคู่หูโจรตัวปลอม”

เสียงจ้าวหยูเฟยเย็นเยือกลง

ความไม่เชื่อใจและความเป็นปฏิปักษ์ของตระกูลในตอนนี้ทำให้นางเศร้าใจอยู่บ้าง

แต่ ‘ความจริง’ วางอยู่เบื้องหน้านี่เอง

ไม่นานก่อนหน้า ตระกูลตวนมู่ ‘ตายหนึ่งเจ็บหนักสอง’ ล้วนเป็นมารคู่ผมม่วงก่อขึ้นทั้งทางตรงทางอ้อม

จ้าวหยูเฟยมั่นใจว่านั่นคือสองโจรตัวปลอม ทว่าไม่มีผู้ใดเชื่อ

ขนาดตระกูลตวนมู่ของนางเองยังไม่เชื่อ เช่นนั้นจะพูดโน้มน้าวกองกำลังกลุ่มอื่นได้อย่างไร?

“ฮี่ฮี่…คู่หูโจรผนึกกำลัง ใต้หล้าข้าเป็นหนึ่ง!”

สองเงาร่างเรือนผมม่วงพุ่งไปตามแต่ละมุมในหอ เดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวหาย ทั้งยังส่งเสียงหัวเราะร้ายกาจ

จิตใจเซียนกระบี่เคราขาวผู้แข็งแกร่งที่สุดกลับถูก ‘กระบี่สนิมทองแดง’ ดึงดูดไปหมด

ด้วยพลังของพวกองค์ชายเก้าและจ้าวหยูเฟย พวกเขาไม่เกรงกลัวหากต่อสู้กับโจรทั้งสอง

ทว่า สองคนนั้นเคลื่อนไหวปราดเปรียวว่องไว โจมตีใส่ก็หายไป การป้องกันร่างกายที่ช่างอหังการไปจนถึงวิชาอำพรางกายหลบหนีส่งผลให้จนปัญญาจะทำสิ่งใด

“คนของวังลอยฟ้ามาแล้ว…”

นอกหอหลอมศาสตรามีเสียงร้องต่ำจากอัจฉริยะส่วนหนึ่ง

กล่าวจบ พวกเชื้อพระวงศ์ ตระกูลตวนมู่ ตระกูลเฉาและกำลังคนอื่นๆ ยินดีระคนกังวล ยินดีที่พลังความสามารถของวังลอยฟ้าแกร่งกล้า เชื่อว่ารับมือสองโจรได้สบายมือ

ส่วนกังวลคือกำลังคนของพวกนั้นจัดกระบวนได้ทรงพลังมากเกินไป

สวบ! สวบ! สวบ! เงาร่างราวยี่สิบสายตรงเข้าใกล้หอหกเหลี่ยมอย่างรวดเร็ว

ในกลุ่มคนวังลอยฟ้ามีราชันปราณเทวะมากถึงห้าหกคน!

สามคนในนั้นคือผู้ที่เลื่อนขั้นหลังเข้าสู่มิติเทพลวงตาและคฤหาสน์เสียหยาง

“อาวุธเทพเก่าแก่!”

วินาทีที่เซวียนหยวนเหวินผ่านประตูใหญ่ พลังมหาศาลไร้ขอบเขตของจักรพรรดิสะเทือนไปทั่ว

“จักรพรรดิปราณเทวะ!”

ราชันและครึ่งก้าวสู่ราชันในที่นั้นจิตใจสั่นระรัว วิญญาณถูกสะกด นอกจากเซียนกระบี่หนวดเคราขาว ไม่มีใครเทียบพลังอำนาจของเซวียนหยวนเหวินได้

พรึ่บ!

เซวียนหยวนเหวินเดินเข้าไปส่วนลึกแถวเตาหลอมในหนึ่งก้าว อยู่ห่างจากเซียนกระบี่ไม่ไกล ไม่ว่าเป็นจิตวิญญาณหรือด้านสำนึกรู้ เซียนกระบี่เคราขาวมีไม่ต่างจากเขา หรืออาจจะได้เปรียบกว่าเล็กน้อย แต่ด้านอื่นเช่นอายุ ระดับพลัง สภาวะ อีกฝ่ายล้วนเหนือกว่าผู้เฒ่า

เคร้ง! ‘กระบี่สนิมทองแดง’ หน้าเตาหลอมอาจถูกกระตุ้นโดยพลังจักรพรรดิ มันสาดแสงกระบี่เขียวหม่นทะลวงฟ้าดินในฉับพลัน

พริบตาเดียว จิตกระบี่สะเทือนภพแทรกซึมไปทั่วทั้งหอหลอมศาสตรา

เตาหลอมตกอยู่ท่ามกลางเงามิติทับซ้อนสีเขียวหม่นไร้จุดสิ้นสุด สับสนวุ่นวายไปหมด

อึก! ตุ้บ! อานุภาพแก่กล้าของอาวุธเทพเก่าแก่ทำให้สภาวะจิตใจอัจฉริยะหลายคนได้รับบาดเจ็บ กระอักเลือดหมดสติไป

เคร้ง! เปรี้ยง!

ด้านหน้าเตาหลอมได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน สองกลิ่นอายที่ไม่ด้อยไปกว่า ‘กระบี่สนิมทองแดง’ พลันลอยขึ้น

เห็นเพียง ‘ดาบคมบิ่น’ ที่แดงราวแสงอรุโณทัยกับ ‘ขวานเว้าแหว่ง’ สีดำทะมึน ตื่นขึ้นจากในกองเศษเสี้ยวอาวุธใกล้ขอบนอกของเตาหลอม

“ศาสตราสองอย่าง สมบูรณ์พร้อมกว่า กลิ่นอายพลังใกล้เคียงอาวุธเทพเก่าแก่!”

“เป็นอาวุธเทพชั้นรอง!”

ศิษย์พี่จูเก๋อฟากวังลอยฟ้าดวงตาเป็นประกายวูบวาบ

อาวุธเทพชั้นรอง!

ยอดฝีมืออัจฉริยะบริเวณนั้นใจสั่นไหว

สำหรับพวกเขาทุกคน อาวุธเทพเก่าแก่ระดับสูงเกินไป มีอยู่แค่ช่วงเวลาในตำนาน แม้จะเป็นส่วนที่เป็นเศษเสี้ยวก็ตาม แต่อาวุธเทพชั้นรองอาจมีความหมายกับพวกเขามากกว่า ความยากในการได้มาก็น้อยกว่ามาก

ดวงตาของสามองค์ชายแห่งต้าเฉียนฉายความหวัง

ที่ดินแดนทวีป ‘อาวุธเทพชั้นรอง’ คือพลังควบคุมต้องห้ามอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกครั้งที่ปรากฏจะสะเทือนดินฟ้า ส่งผลต่อสถานการณ์ของสำนักและราชวงศ์

ทว่ายามนี้ ด้านหน้าหลุมไฟมีอาวุธเทพชั้นรองที่เกือบสมบูรณ์ถึงสองชิ้น

‘ดาบคมบิ่น’ ราวแสงอรุโณทัย มีรอยบิ่นที่คมดาบแค่น้อยนิด ทั้งเล่มไม่เสียหายอะไรมาก

‘ขวานเว้าแหว่ง’ ดำทะมึนเล่มหนัก บนตัวขวานเพียงมีรอยเว้าแตกร้าวบางส่วน

ไม่รู้ผ่านศึกเช่นไรมา อาวุธทั้งสองจึงเสียหายไปเล็กน้อย

เคร้ง! เปรี้ยง…

กระบี่สนิมทองแดง ดาบคมบิ่น และขวานเว้าแหว่ง อานุภาพเก่าแก่ยิ่งใหญ่ของอาวุธเทพชั้นเลิศทั้งสามแทรกผ่านอากาศ อยู่เหนือฟ้าทั้งแปดทิศ

เวลานั้น ทั้งหอหลอมศาสตราเกิดเงาปรากฏการณ์น่าพรั่นพรึงหลากหลายอย่าง มันทะลวงสู่วิญญาณ แทรกซึมร่างกาย ชวนให้รู้สึกไปว่าเวลาผิดเพี้ยน ทุกเสี้ยวเงาของอาวุธเทพเก่าแก่และอาวุธเทพชั้นรอง ราวกับเงาเสมือนจริงของโลกมิติส่วนตัว

แม้แต่ราชันบางคนตรงนั้นยังถูกพลังบีบจนถอยร่นไปติดๆ กัน

“คนต่ำกว่าราชันถอยไปด้านหลังให้หมด!”

ศิษย์พี่จูเก๋อเอ่ยสั่งคนแรก

“ครึ่งก้าวสู่ราชันออกไปนอกหอก่อนชั่วคราว…”

ฝั่งราชนิกุลต้าเฉียนออกคำสั่งเช่นกัน

ในขณะนี้ อาวุธเทพชั้นเลิศทั้งสามในหอหลอมศาสตราตื่นขึ้นอีกขั้น สาดซัดกลิ่นอายไปตามแต่ใจก็ปลิดชีพคนต่ำกว่าราชันได้ มีเพียงราชันปราณเทวะถึงจะยืนหยัดในสถานการณ์เช่นนี้ได้

ในบรรดาคนเหล่านั้น ขอบเขตปราณเทวะจากฝั่งเชื้อพระวงศ์และวังลอยฟ้ามีจำนวนมากที่สุด จึงเป็นฝ่ายได้เปรียบ

วังลอยฟ้ามีปราณเทวะหกคน รวมจักรพรรดิด้วยหนึ่ง

ฝ่ายราชวงศ์มีสามองค์ชาย ลั่นจุน และผู้เฒ่าหน้าเหี่ยว พร้อมทั้งราชันคนใหม่อีกหนึ่งคน รวมมีปราณเทวะหกคน

ทั้งสองฝ่ายยังมีข้อได้เปรียบมหาศาลภายใต้การแย่งชิงอาวุธชั้นเลิศ

“เหตุใดไม่เห็นร่องรอยมารคู่ผมม่วงแล้ว?”

อัจฉริยะจากขั้วอำนาจเช่นพวกเชื้อพระวงศ์ ตระกูลตวนมู่ จวนหยวนกง มองหากันโดยไม่รู้ตัว

กับสองโจรผมม่วง พวกเขาไม่ระวังไม่ได้ เพราะทั้งคู่จะลงมือในช่วงเวลาสำคัญที่สุดทุกครั้ง

ความจริงแล้ว ก่อนวังลอยฟ้ามาจะถึง มารคู่ผมม่วงก็ไม่เคยปรากฏกายอีก

เวลาเดียวกัน บนต้นไม้ใหญ่ในลานใกล้หอหลอมศาสตรา มีสองเงาร่างผมม่วงขยับวูบวาบ

“นายท่านมังกรวารีทมิฬ ท่านมั่นใจหรือว่าจ้าวเฟิงผู้นั้นจะมาร่วมการแย่งชิงในหอนั้นด้วย?”

“จุ๊ๆ หากเป็นไปตามนี้ เกรงว่ามนุษย์พวกนั้นคงมีศึกภายในกันครั้งใหญ่…”

คนทั้งสองเอ่ยด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

“หึ! จ้าวเฟิงนั่นมาร่วมด้วยแล้ว…”

เสียงเฉยชาที่ช่างโอหังดังผ่านหูพวกเขา

มาเข้าร่วมแล้ว?

ได้ยินดังนั้น เงาร่างทั้งคู่มีใบหน้าตกตะลึง พวกเขาไม่เห็นวี่แววของมารคู่ผมม่วงตัวจริงเลยชัดๆ

ภายในช่วงสั้นๆ

คนทั้งสองไม่กล้าเข้าไปในหอหลอมศาสตราอีก พวกเขากำลังรอคอยคู่หูโจรตัวจริง

วินาทีนั้น ด้านนอกหอ คนหนุ่มเกราะเงินที่กำลังนั่งขัดสมาธิ พลังราชันพลันผุดขึ้นบนร่าง กลิ่นอายวิญญาณเปลี่ยนแปลงสภาพเป็นสมบูรณ์ดังใจนึก

คลื่นพลังมหาศาลของราชัน ส่งผลให้ครึ่งก้าวสู่ราชันที่อยู่ใกล้กันตื่นตกใจ

“ราชันคนใหม่!”

“ศิษย์น้องเติ้งเชากลับเลื่อนขึ้นเป็นราชันแล้ว?”

ยอดฝีมืออัจฉริยะของวังลอยฟ้าบางคนตกตะลึงอย่างยิ่ง ครึ่งก้าวสู่ราชันที่เหลือเผยสีหน้าริษยา

ผู้ข้ามผ่านขั้นคือชายหนุ่มสวมเกราะเงินที่รั้งท้ายในกลุ่มพวกเขา..เติ้งเชา!

“ขอบคุณนายท่านมาก หากไม่มีความช่วยเหลือจากท่าน ข้าคงไม่อาจข้ามผ่านปราณเทวะได้เร็วขนาดนี้…”

ดวงตาศิษย์น้องเติ้งเชาฉายแววซาบซึ้งและยำเกรง

ไม่มีใครเห็นว่าตอนเขาได้พลังราชัน ตราสีม่วงอ่อนกลางหน้าผากหายวับไป

และก็ไม่มีใครพบเช่นกัน ศิษย์น้องเติ้งเชากินกลีบและเม็ดบัวของ ‘บัวฟ้าวารีคราม’ไปสองต้น

หากเปลี่ยนเป็นครึ่งก้าวสู่ราชันส่วนหนึ่งในที่นั้น เมื่อมีบัวฟ้าวารีครามสองต้น ก็มีหวังสี่ห้าส่วนในการจะทะลวงถึงขั้นราชัน

ถ้าได้รับความช่วยเหลือจากพลังระดับจักรพรรดิอีก อัตราความสำเร็จยิ่งมากขึ้นมหาศาล

ศิษย์น้องเติ้งเชามีเงื่อนไขข้างต้นพร้อมสรรพ

เขามาจากสำนักใหญ่สี่ดาวอย่างวังลอยฟ้า ได้เป็นสมาชิกในกลุ่มที่ยอดเยี่ยมที่สุด พรสวรรค์ยังเทียบเท่าศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักสามดาวส่วนหนึ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version