Skip to content

King of Gods 868

King Of Gods

บทที่ 868 วินาทีสุดท้าย

“แทบพลิกสถานการณ์ไม่ได้แล้ว!”

ช่วงสำคัญสุดท้ายของการปิดม่านมิติเทพลวงตา

ข่าวคราวที่สำคัญนี้ทำให้เกิดคลื่นความวุ่นวายขึ้น บรรยากาศที่อันตรายและน่าหวาดกลัวปกคลุมทั่วทั้งคฤหาสน์เสียหยางอีกครา กองกำลังยอดฝีมือของขั้วอำนาจต่างๆ เช่นวังลอยฟ้า เชื้อพระวงศ์ต้าเฉียน หอกระบี่ฟ้า และตระกูลตวนมู่ ต่างก็ไปสืบเสาะหาตำแหน่งแห่งที่ของ ‘ราชามังกรฟ้าวารี’

แต่ทว่า ตัวของคฤหาสน์เสียหยางก็เท่ากับมิติที่เป็นเอกเทศน์ ประสาทสัมผัสห้วงคิดเซียนแต่ละประเภทถูกสะกดไว้อย่างยิ่ง จะหาคนสองคนที่อยู่ในคฤหาสน์ขนาดใหญ่แห่งนี้จะยากเย็นขนาดไหนกัน? แต่เรื่องที่รับมือยากที่สุดคือวิชามายาอำพรางกายของมังกรมายาพันผันแปร มีคนจำนวนไม่มากที่สามารถมองเห็นเบาะแสร่องรอยของมันได้

“จ้าวเฟิง เจ้ารีบคิดหาวิธีเร็ว!”

จีหลานเหมือนคว้าเอาฟางเส้นสุดท้ายของชีวิต เอ่ยด้วยน้ำเสียงวิงวอน

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นางจึงเชื่อมั่นในตัวเด็กหนุ่มผมม่วงที่พลังฝึกตนไม่ถือว่าสูงส่งอย่างบอกไม่ถูก ถ้าหากแม้กระทั่งจ้าวเฟิงยังไม่มีวิธีใด ภยันอันตรายทำลายล้างของ ‘มังกรวารีล้างโลกา’ ก็มาถึงจุดสำคัญแล้ว

“เหลือเพียงวิธีการเดียว”

จ้าวเฟิงครุ่นคิดอยู่นานแล้วทอดถอนใจ

คิดจะหาคนสองคนที่จงใจเร้นกายอยู่ในอาณาเขตกว้างใหญ่ของคฤหาสน์เสียหยาง ต่อให้เรียกใช้ดวงตาข้ามระยะทางก็ยังยากอยู่ดี

คราวก่อน จ้าวเฟิงสามารถยืนยันตำแหน่งของคู่หูโจรตัวปลอม เป็นเพราะพวกนั้นลงมือเปิดเผยตัว แต่ในครั้งนี้ พวกราชามังกรวารีสองคนย่อมเฝ้าระวังจ้าวเฟิง เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับ ‘เนตรเพ่งเทพเจ้า’ อีกครั้ง

“วิธีการอะไร?” ในดวงตาสีม่วงคู่สวยของจีหลานฉายความหวังออกมา

แต่จ้าวเฟิงมองนางอยู่คราหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรออกมา

จีหลานเข้าใจในทันที บนร่างตนมี ‘ตราประทับล้างโลกา’ ยังไม่อาจหนีจากประสาทสัมผัสของมังกรวารีล้างโลกาได้

“ไป” จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งสบตากัน

พรึ่บ! อาวุธเทพชั้นรองบนแขนจ้าวเฟิงเป็นประกายวาบหนึ่ง เงาสีเงินว่างเปล่าเงียบงันชั้นหนึ่งทับซ้อนบนร่างทั้งสอง พร้อมด้วยระลอกอากาศสายหนึ่ง

วินาทีต่อมา จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งหายวับไปจากสายตาของตระกูลจีและพวก

“นี่…คือพลังของ ‘มนตราอากาศ’ ที่เป็นอาวุธเทพชั้นรองหรือ?”

พวกยอดฝีมือของตระกูลจีเบิกตาโตอ้าปากค้าง

พวกจีหลานย่อมไม่ล่วงรู้ จ้าวเฟิงเคยทิ้งตราสัญลักษณ์มิติไว้ถึงสิบเก้าจุดที่รอบนอกคฤหาสน์เสียหยาง

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ราชันชั้นยอดของวังลอยฟ้าและเชื้อพระวงศ์ต้าเฉียนต่างเร่งรุดไปที่รอบนอกของคฤหาสน์เสียหยางก่อน

“หวังว่ายังทัน!”

ศิษย์พี่จูเก๋อสูดลมหายใจลึก “จะขัดขวางพวกราชามังกรฟ้าวารีมีเพียงวิธีการเดียวเท่านั้น!”

เวลานี้ อัจฉริยะราชันจำนวนมากในคฤหาสน์เสียหยางต่างทะยานไปยังรอบนอกของคฤหาสน์

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในช่วงเวลาหนึ่ง ณ รอบนอกคฤหาสน์เสียหยาง

“จะถึงแล้ว…”

เงาแสงสว่างสีเขียวเข้มกึ่งโปร่งใสชั้นหนึ่งกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อม กำลังแฉลบผ่านไปยังทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว

บริเวณด้านหน้า

นอกค่ายกลเทพคุ้มกัน พอเห็นเงาใหญ่ของร่างมังกรเกล็ดดำหมุนวนอยู่กลางอากาศได้เลือนรางแล้ว ในเงาแสงสีเขียวเข้มอำพรางตัวราชามังกรวารีและมังกรมายาพันผันแปรเอาไว้

“นายท่านมังกรวารีล้างโลกา พวกเราใกล้จะถึงแล้ว…”

ใบหน้าของราชามังกรวารีมีแววตื่นเต้น

“หยุด!” และในเวลานี้เอง ในอากาศด้านหน้ามีเงาสีเทาเงินวูบไหวทันใด ร่างผมสีม่วงสองร่างปรากฏขึ้น

“มารคู่ผมม่วง! เป็นไปได้อย่างไรกัน”

ราชามังกรวารีและมังกรมายาพันผันแปรใจกายสั่นเทา ตื่นตกใจอย่างมาก

เมี้ยว เมี้ยว! ด้านหน้าจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งปรากฏแมวขโมยที่กระโดดโลดเต้นตัวหนึ่ง

พรึ่บ! เมื่อราชามังกรวารีและมังกรมายาพันผันแปรเผยตัว ทั้งสองสั่นกลัวและเงียบขรึมก่อน แล้วจึงแหงนศีรษะพลางหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ฮ่า ฮ่า…จ้าวเฟิง! วิชาดวงตาศาสตร์วิญญาณของเจ้าทำอะไรพวกเราไม่ได้อีกแล้ว!”

ยามราชามังกรวารีลากเสียงยาว พลังจักรพรรดิที่แช่แข็งฟ้าดินทะลักในท้องฟ้า ผืนดินต้นไม้ใบหญ้าทั่วบริเวณมีน้ำค้างแข็งเกาะตัวในพริบตา

วูบ! เกล็ดสีฟ้าที่ปกคลุมทั่วร่างราชามังกรวารี แข็งและหนาราวผลึกน้ำแข็ง เปล่งแสงสุกสกาว กลิ่นอายของร่างกายและสายเลือดกลุ่มนั้นมากพอจะทำลายราชันทั่วไปให้แตกสลายได้

“พลังจักรพรรดิ! ราชามังกรวารีผู้นี้เลื่อนขั้นเป็นจักรพรรดิแล้ว!”

พวกจ้าวเฟิงทั้งสองตื่นตระหนกไปเล็กน้อย

สายเลือดของราชามังกรวารีจัดอยู่ในสิบลำดับต้นของสายเลือดวิถีราชาได้ ทันทีที่เลื่อนขึ้นเป็นจักรพรรดิ กำลังรบจะใกล้เคียงกับจักรพรรดิชั้นยอดเป็นอย่างน้อย

“หน้ากากเทพมายา!”

มังกรมายาพันผันแปรส่งเสียงหัวเราะ ‘เหอะ เหอะ’ บนใบหน้าปรากฏหน้ากากอัปลักษณ์ พลังมายาศาสตร์วิญญาณที่แกร่งกล้าผุดขึ้นชั้นหนึ่ง

“นี่คือมรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของศาสตร์วิญญาณ!”

สีหน้าจ้าวเฟิงเคร่งขรึมขึ้นมา

มิน่าล่ะ พวกราชามังกรวารีถึงไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย

ราชามังกรฟ้าวารีเลื่อนระดับขึ้นเป็นจักรพรรดิ พึ่งเพียงสายเลือดที่แข็งแกร่ง ก็ทำให้พลังอยู่เหนือกว่าจักรพรรดิมู่อวิ๋น

ส่วนมังกรมายาพันผันแปร ตัวของมันเองก็มีภูมิคุ้มกันชั้นยอดต่อวิชามายาและเคล็ดวิชาศาสตร์วิญญาณ วันนี้เมื่อได้มรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในศาสตร์วิญญาณชิ้นหนึ่งจากคฤหาสน์เสียหยาง จึงไม่ต้องหวาดกลัวเคล็ดวิชาศาสตร์วิญญาณขั้นจักรพรรดิอีกต่อไป

“สองปะทะสอง มาสู้กันสักยก”

หนานกงเซิ่งเลียริมฝีปากเล็กน้อย ตราประทับโลหิตม่วงกลางหน้าผากเป็นสีแดงสดชั่วร้าย ระลอกพลังบนร่างทำให้อากาศฟากหนึ่งเหมือนหยุดเคลื่อนไหว และถูกกดดันอย่างประหลาด

จ้าวเฟิงเบิกสายเลือดดวงตาซ้าย บนร่างปลดปล่อยริ้วแสงสีฟ้าทอง กลิ่นอายแก่นแท้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งออกมา

แต่ทว่า นี่เป็นเพียงแค่การกระทำเพียงภายนอกของจ้าวเฟิงเท่านั้น เขาเริ่มควบคุมผึ้งราชากับผึ้งระดับสูงในอาวุธเทพชั้นรอง ‘มนตราอากาศ’ อย่างเงียบเชียบแล้ว

คนทั้งสองลอบสะสมแรง เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้แล้ว

“เฮอะ! พวกเราไม่ได้โง่ขนาดนั้น!”

“เจ้าหัวขโมยสองคนนี้ คนหนึ่งรับสืบทอดพลังเทพปีศาจ ส่วนอีกคนครอบครองอาวุธเทพชั้นรองมนตราอากาศ…” ราชามังกรวารีและมังกรมายาพันผันแปรมีสีหน้าเจ้าเล่ห์

คนทั้งสองรับรู้สถานการณ์ในคฤหาสน์เสียหยางได้อย่างแจ่มชัดผ่านมังกรวารีล้างโลกา

เปรี๊ยะ พรึ่บ! เงาแสงสีเขียวเข้มสว่างวาบขึ้น ราชามังกรวารีและมังกรมายาพันผันแปรหายวับไปในทันที

“เอ๊ะ!” จ้าวเฟิงพบว่าพื้นที่ใกล้เคียงไม่ปรากฏร่องรอยของคนทั้งสอง

“อยู่ใต้พื้นดิน!”

แววตาของจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งทอดสายตาไปยังใต้พื้นดินพร้อมกัน

เห็นเพียงเขาผลึกบนส่วนศีรษะของมังกรมายาพันผันแปรหมุนวนอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นคมแสงสีเหลืองอมส้มประกายเรืองรอง

เปรี๊ยะ! มังกรมายาพันผันแปรพาราชามังกรวารีมุดลงใต้พื้นดินอย่างปลอดภัยและราบรื่น

“หนีลงใต้ดิน! คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ามังกรบ้าตัวนี้ยังขุดดินได้ด้วย?”

หน้าของทั้งสองพากันเปลี่ยนสี

กำลังรบและร่างกายของมังกรมายาพันผันแปร ถึงแม้จะด้อยกว่าราชามังกรวารี แต่ความสามารถในการช่วยเหลือและหลบหนีเป็นชั้นยอดทั้งสิ้น

“จ้าวเฟิง เจ้าขุดดินเป็นหรือไม่?” หนานกงเซิ่งถาม

ใบหน้าจ้าวเฟิงเกร็งกระตุกไปเล็กน้อย กลอกตามองบน เขาไม่ได้มีความสามารถครบทุกด้านเสียหน่อย

ยามนี้เขาเองก็รู้สึกเสียใจทีหลังอยู่เล็กน้อย เหตุใดในขณะที่เลือกวายุอัสนีห้าสายลำดับแรกถึงไม่เลือก ‘ธาตุดิน’

ถ้าหากว่าเลือก ‘วายุอัสนีธาตุดิน’ แล้วจ้าวเฟิงก็จะสามารเดินทางทะลุในชั้นดินได้

จ้าวเฟิงใช้เท้ากระทืบพื้นดิน มันแข็งอย่างยิ่ง หากเขาคิดจะสร้างรอยปริร้าวสักรอยก็ต้องเปลืองแรงไปไม่น้อย ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงทะลวงผ่านชั้นดิน

ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นคฤหาสน์เสียหยาง ต่อให้เป็นพื้นดิน ไม่ใช่แผ่นหิน ก็ยังพิเศษเหนือสามัญ

แต่ความพิเศษเฉพาะทางสายเลือดของมังกรมายาพันผันแปร มีความสามารถพิเศษซึ่งทำลายขีดจำกัดของตัวเองได้

เมี้ยว เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยตัวน้อยพลันโบกพลั่วโลหะ และขุดลงบนพื้นอย่างแรง

ปึก! โครม ทันใดนั้นเอง พื้นที่ใกล้เคียงสั่นไหวอย่างรุนแรง

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งสัมผัสได้ถึงการแตกตัวพังทลายของชั้นดินด้านล่าง

“อ๊าก…” ด้านล่างของพื้นดิน เกิดเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากพวกราชามังกรวารีที่ดำลังเดินทางผ่าน

อัก! อัก! ทั้งสองพากันกระอักภายใต้พลังน่าพรั่นพรึงของพื้นดินที่ถล่มลง เกือบติดอยู่ด้านล่างอยู่รอมร่อ

สีหน้าของจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งแปลกประหลาด เมืองมองไปที่พลั่วโลหะในมือของเจ้าแมวขโมยตัวน้อย

ตำแหน่งที่ถูกเจ้าแมวขโมยตัวน้อยขุดปรากฏรอยแยกที่ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง รอยแตกเป็นพืดขยายออกไปทั่วบริเวณ

จ้าวเฟิงคาดเดาว่าพลั่วของเจ้าแมวขโมยตัวน้อยสามารถทุบและขุดสิ่งของจำพวกดินหินทองต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม

พลั่วโลหะนี้มิใช่ประเภทโจมตี แต่น่าจะเป็นอาวุธเทพชั้นรองในประเภทช่วยเหลือ

ตุบ! โครม! เจ้าแมวขโมยตัวน้อยกวักแกว่งพลั่ว ขุดลงไปอย่างแรงหลายครั้ง

“น่ารังเกียจ!”

ราชามังกรวารีและมังกรมายาพันผันแปรกระอักเลือดออกมา พยายามจะหลุดออกจากชั้นแสงสีเหลืองสว่างที่ปกคลุมอยู่

“เจ้าทั้งสองมอบกุญแจ ‘โซ่ผนึกวิญญาณ’ มาให้ข้าโดยดีเสียเถอะ มิติเทพลวงตากำลังจะจากไป ถึงเวลานั้นทุกคนจะรอดพ้นภัยอันตรายได้”

จ้าวเฟิงเปิดปากเอ่ยเสียงเรียบ

หากว่าเป็นสองปะทะสอง จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งก็มีโอกาสจะชนะค่อนข้างมาก

แต่หากพวกราชามังกรวารีจงใจจะหนี คิดจะรั้งคนพวกนี้เอาไว้ก็ค่อนข้างยากเอาการอยู่

เอาชนะและลงมือสังหารเป็นของสองสิ่งที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

สวบ สวบ สวบ! เวลานี้เอง เกิดเสียงแหวกอากาศดังขึ้นจากพื้นที่ไกลๆ

“ไล่ตามทันแล้ว!”

เซวียนหยวนเหวินกลายร่างเป็นรอยผลึกสว่างเจิดจ้า โผทะยานมาลำดับแรก

ต่อมาจากนั้น จึงพอจะเห็นเงาของราชันที่เก่งกาจทั้งหลายอย่างจ้าวหยูเฟย โม่ตงเหยา และศิษย์พี่จูเก๋อได้รางๆ

ขณะที่ไม่รู้ตัว พวกราชามังกรทั้งสองเข้ามาโจมตีตามๆ กัน

“จ้าวเฟิง ขอแค่พวกเจ้ารั้งพวกนั้นได้เพียงชั่วครู่ พวกเราก็ทำสำเร็จแล้ว” ศิษย์พี่จูเก๋อเอ่ยอย่างตื่นตกใจ

“ไม่มีปัญหา” จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าเชื่อมั่น

ทางด้านหลัง ราชันชั้นหัวกะทิที่ไล่ตามมาพวกนั้นอดจะรู้สึกโชคดีไม่ได้

ดีที่ได้ ‘มนตราอากาศ’ ที่เป็นอาวุธเทพชั้นรองของจ้าวเฟิงลงมือก่อนล่วงหน้า ขัดขวางพวกของราชามังกรวารีเอาไว้

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”

ราชามังกรวารีกลับหัวเราะออกมาเสียงดัง ทั้งๆ ที่ตกอยู่ในอันตรายทั้งหน้าและหลัง

มังกรทั้งสองยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แต่กลับไม่ได้ขยับอะไร

“เจ้าหัวเราะอะไร!”

พวกจ้าวเฟิงสองคนรวมไปถึงคนที่ไล่ตามมาจากด้านหลัง จิตใจพลันหนักอึ้ง

“พวกเจ้าทุกคนยากจะหนีรอดไปได้!”

แววตาของราชามังกรวารีเย็นชา มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ น้ำเสียงหนักแน่นมีพลัง

วูบ พรึ่บ~~

เวลานั้นเอง เสียงร้องคำรามกึกก้องของมังกรดังมาจากนอกค่ายกลเทพคุ้มกัน ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีไป

แววตาของผู้คนมองไปที่ ‘มังกรวารีล้างโลกา’ ที่อยู่นอกค่ายกลเทพคุ้มกัน

“นายท่านมังกรวารีล้างโลกา นี่คือกุญแจของโซ่ผนึกวิญญาณ”

ชายฉกรรจ์คิ้วเข้มโยน ‘กุญแจสีดำสนิท’ ที่ใหญ่หนาราวกิ่งไม้ไปที่มังกรวารีทมิฬด้านนอกรอยแตก

กุญแจโซ่ผนึกวิญญาณ!

มนุษย์จำนวนมากด้านหลังมองเห็นภาพนั้น หัวใจของแต่ละคนมีเสียงดัง ‘ตุบ’

“กูเจาจื้อ!”

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งร้องเสียงหลง

ชายฉกรรจ์คิ้วเข้มที่ส่งมอบกุญแจให้ ที่แท้ก็คือ ‘กูเจาจื้อ’ แห่งตำหนักวิญญาณปฐพี

“เหอะ เหอะ นายท่านมังกรวารีทมิฬมองแผนการของพวกเจ้าออกตั้งนานแล้ว กุญแจดอกนี้ได้มอบให้กับคนอื่นไปก่อนนั้น พวกข้าสองคนเป็นเพียงแค่คนขนส่งก็เท่านั้น…” มังกรมายาหัวเราะอย่างลำพองใจ

“กูเจาจื้อ! ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะเผ่าพันธุ์มนุษย์ เหตุใดเจ้าถึงช่วยเหลือมังกรวารีล้างโลกา?” หนานกงเซิ่งอดถามไม่ได้

ขณะอยู่ในราชวังใต้ดิน ตำหนักวิญญาณปฐพีของกูเจาจื้อยังเคยร่วมมือกับหนานกงเซิ่งและสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นที่จ้าวเฟิงอยู่

“พวกเราที่เพิ่งมาถึงทีหลังโดน ‘ตราประทับล้างโลกา’ แรงควบคุมของมันไม่ได้แข็งแกร่งแค่ธรรมดา พวกเจ้าถ่วงเวลาเอาไว้ก็หนีไปได้โดยที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่พวกเรากลับยากจะหนีรอด” ราชามังกรวารีเว่ยจิ้งเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา

จ้าวเฟิงและพวกตกอยู่ในความเงียบสงัด

ภายใต้ภัยคุกคามต่อชีวิตและแรงเย้ายวนของทรัพย์สมบัติต่างๆ คนที่อยู่ ณ ตรงนี้ต้องเลือกทำเช่นเดียวกับพวกราชามังกรวารีอย่างแน่นอน

ยามนี้ สถานการณ์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว

ภายนอกคฤหาสน์เสียหยาง

แกรก! โซ่ผนึกวิญญาณบนร่างมังกรวารีล้างโลกาส่งเสียงสะเดาะกุญแจชัดเจน กลิ่นอายของพลังมังกรทำลายล้างจึงเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้นโดยฉับพลัน

ตุบ ตุบ! ตุบ ตุบ!

คนทั้งหมดในที่นั้นใจเต้นแรงขึ้น ร่างกายเย็นเยียบแข็งทื่อ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version