Skip to content

King of Gods 869

King Of Gods

บทที่ 869 เดินทางกลับ

การเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวทั้งหมดนี้ทำให้คนทั้งหมดต่างก็รับมือไม่ทัน

ที่แท้แล้วพวกมังกรฟ้าวารีทั้งสองเป็นเพียงแค่ตัวหลอกเท่านั้น กุญแจที่แท้จริงถูกสับเปลี่ยนไปก่อนหน้านี้แล้ว

มังกรวารีล้างโลกาควบคุมสถานการณ์ในคฤหาสน์เสียหยางทั้งหมด ในฐานะที่มีชีวิตอยู่มาไม่รู้กี่หมื่นปี เผ่าพันธุ์มนุษย์ประเมินแผนการและสติปัญญาของมันต่ำไปอีกครั้ง

ในระยะห่างนั้น คนทั้งหมดไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบโต้ ไม่มีแรงจะขัดขวางด้วยซ้ำ

“แกรก!” โซ่สีดำที่เส้นผ่าศูนย์กลางพอๆ กับถังน้ำบนร่างมังกรวารีล้างโลกาเกิดเสียงดังขึ้นและเปิดออก เสียงโลหะกระทบกันเป็นดั่งเสียงของความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน

“ทั้งหมดกำลังจะสิ้นสุดลง ข้าจะฉีกทึ้งมดปลวกอย่างพวกเจ้าแล้วทำลายคฤหาสน์ของเสียหยางทีละน้อย”

มังกรวารีล้างโลกาแหงนหน้าพลางเอ่ยเสียงดัง บนร่างมังกรที่มีเกล็ดสีดำเกิดเพลิงสีดำแดงลุกโชนขึ้น

พริบตาเดียว กลิ่นอายบนร่างมังกรวารีล้างโลกาเพิ่มขึ้นพรวดพราดมากกว่าสองเท่า!

โครม~ อานุภาพมังกรล้างโลกาที่ต้องห้ามหนาวเหน็บกลุ่มนั้น ปกคลุมอากาศทั้งหมดของคฤหาสน์เสียหยาง สรรพสิ่งนับหมื่นในฟ้าดินเหมือนกำลังสั่นสะท้าน ตกลงไปในความหวาดกลัวและกดดันไม่มีที่สิ้นสุด

ในคฤหาสน์เสียหยาง

ยอดฝีมือจากโลกภายนอกตกอยู่ในสภาพแข็งเป็นหิน ใจกายสายเลือดสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ปราณที่แท้จริงโคจรไม่ได้ ความคิดก็ยากที่จะต่อต้าน ทำได้เพียงสั่นสะท้านอยู่ที่เดิม

กลิ่นอายสายเลือดของ ‘เผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา’ ในลำดับที่เก้าของสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ยืนอยู่บนจุดสุดยอดในตำนานที่สูงส่งเกินเอื้อม

“โซ่ผนึกวิญญาณถูกปลดออก มังกรวารีล้างโลกาตัวนั้นกำลังจะโคจรพลังเทพมังกร…”

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งทำได้เพียงแค่ฝืนประคองร่างให้มั่นคง ยากที่จะปกปิดความหวาดกลัวในแววตาได้

ราชันและครึ่งก้าวสู่ราชันภายในคฤหาสน์เสียหยางจำนวนไม่น้อยที่ถูกตีตราประทับล้างโลกาล้วนทรุดนอนลงบนพื้น ไม่ว่าจะสายเลือด ขั้นชีวิต หรือขั้นพลัง มังกรวารีล้างโลกามีเหนือกว่าคนทั้งหมดไปมาก

ภายใต้วิกฤตอันตรายที่เกิดขึ้นในวินาทีนี้ จ้าวเฟิงสัมผัสอาวุธเทพชั้นรองเกราะแขนเบาๆ

มุมปากหนานกงเซิ่งกลับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย

เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นฉับพลันในวินาทีต่อมา

โครม! ‘โซ่ผนึกวิญญาณ’ ที่มังกรวารีทมิฬเพิ่งไขออกรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกุญแจขนาดใหญ่ ทะลักอัสนีบาตหลากสีที่แสบตาน่าเกรงขามออกมา

แซ่ด! โครม เปรี้ยง เปรี้ยง——

ในช่วงวินาทีนั้น อัสนีบาตห้าสีกลุ่มนั้นมีโซ่สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนขยายออกมามัดทั่วร่างของมังกรวารีล้างโลกาไว้

“กรร——”

ร่างเกล็ดดำของมังกรวารีล้างโลกาบิดเบี้ยวเกร็งกระตุกกลางอากาศ ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนสุดขีดออกมา

“ช่างเป็นพลังอัสนีที่น่ากลัวยิ่งนัก!”

พลังวายุอัสนีในร่างจ้าวเฟิงสั่นสะท้านอย่างหวาดกลัว แม้กระทั่งอัสนีเทวะก็ยังสั่นเทาไปด้วย

จ้าวเฟิงไม่สามารถคาดเดาได้ว่าพลังของ ‘อัสนีบาตห้าสี’ น่ากลัวขนาดไหน แม้กระทั่งมังกรวารีล้างโลกายังโดนโจมตีอย่างแสนสาหัส

เพี๊ยะ โครม!

โซ่สายฟ้าห้าสีเกี่ยวพันบนร่างของมังกรวารีล้างโลกา ร่างกายมโหฬารของมันร่วงหล่นลงบนพื้น กระทบจนเกิดเป็นหลุมยักษ์ ฝุ่นละอองคละคลุ้งปกคลุม

“เจ้าเสียหยางไร้ยางอาย…เจ้าถึงกับกล้าหลอกลวงข้า!”

น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของมังกรวารีล้างโลกากึกก้องไปทั่วฟ้า กลิ่นอายของเศษเสี้ยวพลังที่เหลืออยู่ทำให้จิตใจของมนุษย์ทั้งหมดจะแหลกสลาย

โครม~ ในกลุ่มควันฝุ่นธุลี ร่างขนาดมโหฬารของมังกรวารีล้างโลกาดิ้นรนกระเสือกกระสน ในขณะที่โซ่สายฟ้าห้าสีบาดลึกลงในผิวของมันมากขึ้นไม่หยุด

“จิ๊ๆ เหลือทางหนีทีไล่ให้ศัตรู ไม่ใช่แนวทางของเสียหยางเลยจริงๆ”

เสียงชั่วร้ายเสียงหนึ่งดังมาจากร่างของหนานกงเซิ่ง

“เทพบรรพกาลเสียหยางในยามก่อนรู้ตัวดีว่าไม่สามารถผนึกมังกรวารีล้างโลกาไว้ได้ตลอดกาล จุดประสงค์ที่เขาทิ้งกุญแจดอกนี้เอาไว้ ก็เพื่อแผนจัดการมังกรวารีล้างโลกาอีกขั้นหนึ่ง”

หนานกงเซิ่งอธิบาย

สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องนี้ เขาเองก็รู้มาจากจิตเทพปีศาจ

พู่~ ภายในคฤหาสน์เสียหยาง พวกยอดฝีมือของขั้วอำนาจต่างๆ อดจะถอนใจยาวไม่ได้ แผ่นหลังเต็มไปด้วยเหงื่อโชก

ของสิ่งหนึ่งจะอยู่เหนือสิ่งหนึ่ง ทุกภูผาย่อมมีภูผาที่สูงตระหง่านกว่าเสมอ

ถึงแม้มังกรวารีล้างโลกามีกำลังรบไร้เทียมทาน แต่กลับถูกผนึกโดยเทพบรรพกาลเสียหยาง

ไม่เพียงเท่านั้น เทพบรรพกาลเสียหยางยังทิ้งแผนสำรองเอาไว้ในคฤหาสน์ เพื่อจัดการมังกรวารีล้างโลกาอีกขั้น

“เสียดาย กุญแจดอกนั้นถูกเก็บเอาไว้นานจนเกินไป พลังอัสนีเทวะที่สำแดงออกมาไม่ถึงหนึ่งในร้อยของช่วงสุดยอด หากไม่เช่นนั้นแล้วละก็…”

เสียงชั่วร้ายในร่างหนานกงเซิ่งเอ่ยอย่างติดเสียดายน้อยๆ

“ถอยก่อน!” ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงสำรวจเห็นว่าพลังโซ่สายฟ้าห้าสีบนร่างมังกรวารีล้างโลกาค่อยๆ อ่อนกำลังลง

ในเวลาเดียวกัน พื้นผิวของโซ่ผนึกวิญญาณก็ปรากฏรอยแตกร้าวที่เล็กจนไม่อาจสังเกตได้

จ้าวเฟิงแน่ใจ พลังของสายฟ้าห้าสีไม่สามารถสังหารมังกรวารีทมิฬได้ ผ่านไปไม่นานมันก็อาจมีลมหายใจรอดต่อไป

พวกมนุษย์ชั้นหัวกะทิที่รีบตามมาทีหลัง แต่ละคนต่างได้สติ จึงถอยเข้าไปในส่วนลึกของคฤหาสน์เสียหยาง

“มิติเทพลวงตากำลังจะปิดฉากลง ฝืนทนอีกเพียงครู่เดียว ความหวังที่จะมีชีวิตรอดก็น่าจะเพิ่มอยู่หลายส่วน…”

ศิษย์พี่จูเก๋อถอยหนีไปโดยไม่ลังเล

ต้นไม้ใบหญ้าทั้งมวลในคฤหาสน์เสียหยางที่ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาค่อยๆ จางลงไป ยิ่งโปร่งใสมากอย่างเห็นได้ชัด

สวบ สวบ สวบ!

ยอดฝีมือราชันที่เร่งรุดมาถึงต่างหลีกหนีไปจากทิศทางที่มังกรวารีล้างโลกาอยู่

ราชามังกรวารีและมังกรมายาพันผันแปรอาศัยโอกาสนี้มุดเข้าไปในชั้นดิน เผ่าพันธุ์มนุษย์คนอื่นก็ไม่อาจจัดการพวกนั้นได้

ขณะที่ถอยหนีไป จ้าวเฟิงสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าการขยับดิ้นรนของมังกรวารีล้างโลกาลดลงไปหลายส่วน

ครึ่งวันต่อมา

อัจฉริยะชั้นหัวกะทิของแต่ละสำนักถอยเข้าไปส่วนลึกที่สุดของคฤหาสน์เสียหยาง และรวมตัวอยู่ด้วยกัน

“รอจนถึงตอนมังกรวารีล้างโลกาฝ่าเข้ามา การทับซ้อนบรรจบของมิติเทพลวงตาก็จะออกห่างจากดินแดนทวีป ความหวังที่พวกเราจะรอดชีวิตยังมีอยู่ไม่น้อย”

องค์ชายแปดผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ยิ้มน้อยๆ

อย่างน้อยพลังคุกคามของมังกรวารีล้างโลกาก็เบาบางลงกว่าก่อนหลุดออกจากโซ่ตรวนไปมากนัก

ในขณะที่เวลาเปลี่ยนไปช้าๆ

ภายในคฤหาสน์เสียหยาง ทุกคนตกอยู่ในความทุกข์ทรมาน

เวลาครึ่งวันผ่านไปอีกครั้ง อาการดิ้นรนของมังกรวารีล้างโลกาด้านนอกคฤหาสน์เสียหยางก็แน่นิ่งไปสนิท

“เจ้าพวกมนุษย์ ในฐานะที่ข้าเป็นเผ่าพันธุ์ล้างโลกา ต่อให้อาการบาดเจ็บหนักหนาเท่าไหร่ จะสังหารมดปลวกอย่างพวกเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องยากแม้แต่น้อย”

น้ำเสียงกราดเกรี้ยวมืดทะมึนดังไปทั่วคฤหาสน์เสียหยางผ่านตราประทับล้างโลกา

โครม ครืน! ‘ค่ายกลเทพคุ้มกัน’ ภายนอกคฤหาสน์เสียหยางสั่นไหวอีกครา

“เข้าไป!” มังกรวารีล้างโลกากลายร่างเป็นบุรุษที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดมังกรสีดำสนิท แยกรอยแตกเส้นหนึ่งออกก่อนเข้าไปภายในคฤหาสน์เสียหยาง

ด้านนอกคฤหาสน์เสียหยาง โซ่ผนึกวิญญาณแตกหักออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เมื่อไม่มีการรัดรั้งจาก ‘โซ่ผนึกวิญญาณ’ แล้ว มังกรวารีล้างโลกาก็สามารถเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ได้ และสำแดงพลังของเคล็ดวิชาต่างๆ ได้มากมาย

สวบ! ในเวลาดังกล่าว ใบหน้าบุรุษเกล็ดดำที่อยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์เผยความชั่วร้ายเจ้าเล่ห์ ท่ามกลางกลุ่มเพลิงสีดำแดงที่ปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง รอบๆ เกิดพายุหมุนมังกรดำที่รุนแรงหมุนคว้างไปหลายสิบลี้

วูบ! โครม เปรี้ยง เปรี้ยง!

ทุกที่ที่มังกรวารีล้างโลกาในรูปลักษณ์มนุษย์ผ่านไป สิ่งมีชีวิตต่างมอดไหม้ หมื่นสรรพสิ่งกลายเป็นจุณ

“มังกรวารีล้างโลกาตรงดิ่งมาแล้ว…”

ยอดฝีมือมนุษย์ในคฤหาสน์เสียหยางส่วนหนึ่งหวาดกลัวจนหน้าถอดสี

บุรุษที่ร่างกายปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำ ถึงแม้ว่าร่างกายจะไม่ใหญ่โตนัก แต่พลังทำลายล้างกลับทำให้คนตื่นตระหนกอย่างยิ่ง

ถึงแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่พลังของคฤหาสน์เสียหยางปกคลุมอยู่ ก็ยังส่งผลสะเทือนฟ้าดินอย่างถล่มทลาย

ยอดฝีมือมนุษย์ส่วนมากอยู่ในส่วนลึกของกลุ่มคฤหาสน์เสียหยาง

ในห้องใต้ดินแห่งหนึ่ง

“หยูเฟย พวกเราได้ร่วมมือกันทำลาย ‘ตราประทับล้างโลกา’ ในร่างของเจ้าแล้ว”

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งค่อยๆ คลายมือลง

ดวงตาสองข้างของจ้าวหยูเฟยเบิกกว้าง ฉายแววยินดี แต่ใบหน้ากลับเผยแววครุ่นคิด เรียวคิ้วงามขมวดมุ่น จ้าวเฟิงรู้ดีว่านางเป็นกังวลในความปลอดภัยของตระกูลตวนมู่คนอื่นๆ

“หยูเฟย ไม่ทันแล้ว ตราประทับล้างโลกาบนร่างของเจ้าถูกเพิ่มความแข็งแกร่งโดยมังกรวารีล้างโลกา ทำให้เสียเวลาไปมากนัก”

จ้าวเฟิงส่ายศีรษะน้อยๆ

จะสลายตราประทับล้างโลกา เป็นเรื่องที่เปลืองพลังจิตใจเป็นอย่างมาก

จ้าวเฟิงไม่ได้มีหน้าที่และไม่มีความสามารถสลายตราประทับล้างโลกาให้กับใครๆ

ข้อดีในการสลายตราประทับล้างโลกาคือหลังจากที่มังกรวารีล้างโลกาทะลวงเข้าไปสังหารคฤหาสน์เสียหยางแล้วจะไม่สามารถสัมผัสเป้าหมายนี้ได้อีก

มังกรวารีล้างโลกาฝ่าเข้าไปในคฤหาสน์เสียหยาง ลำดับแรกคือมันสัมผัสได้ถึงเป้าหมายที่มีตราประทับล้างโลกาพวกนั้น เป้าหมายอื่นที่ไม่มีตราประทับสามารถหลบหลีกไปได้

ดังนั้นเหนือสิ่งอื่นใด คนทั้งหมดในคฤหาสน์ล้วนกำลังคิดหาวิธีกำจัดตราประทับล้างโลกา แต่คนที่สามารถทำได้สำเร็จก็มีน้อยนิดนัก

คนที่มีความสามารถคลายผนึกนี้ได้คือจ้าวเฟิง โม่ตงเหยา หนานกงเซิ่ง

คนจำนวนหนึ่งถูกระลอกพายุเพลิงของมังกรทมิฬซัดจนกระจุยไปในเสี้ยววินาที

เปรี๊ยะ! มังกรวารีล้างโลกาที่อยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ มีความเร็วและความปราดเปรียวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่กำลังไล่ล่าอยู่นั้นก็จงใจลากอัจฉริยะยอดฝีมือส่วนหนึ่งเข้าไปเอี่ยวด้วย

มนุษย์จำนวนมาก ณ คฤหาสน์เสียหยางตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างไม่มีสิ้นสุด

อัจฉริยะราชันที่ไม่ได้กำจัดตราประทับของ ‘ตราประทับล้างโลกา’ จึงกลายเป็นเป้าหมายกลุ่มแรกที่โดนสังหาร แทบจะไม่มีแรงโต้กลับเสียด้วยซ้ำไป

เป็นหรือตาย จะตายเร็วหรือตายช้า ต้องอาศัยดวงชะตาเป็นหลัก

แต่บนหอคอย เงาผมม่วงสองร่างมีท่าทีเงียบสงบ ไม่ได้มีสีหน้าหวาดกลัว

“อาการบาดเจ็บของมังกรวารีล้างโลกาหนักหนาสาหัส แต่ทว่ายังคงฝืนทะลวงเข้ามาในคฤหาสน์เสียหยางเพื่อระบายความโกรธในใจ…”

หนานกงเซิ่งเอ่ยเสียงเรียบ

หลังจากที่โดนทำร้ายจากเสียหยางแล้ว แรงคุกคามของมังกรวารีล้างโลกาลดลงไปมากกว่าครึ่ง

พวกจ้าวเฟิงทั้งสอง หนึ่งไม่มีตราประทับล้างโลกา สองมีอาวุธเทพชั้นรองมนตราอากาศ สามารถพูดได้ว่ามีอัตราส่วนในการรอดชีวิตสูงสุด

“สายเลือดอย่างเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกานับว่าประหลาดพิสดาร สามารถใช้การทำลายล้างมาเพิ่มพลัง ถึงขั้นที่ว่าสามารถฟื้นฟูไอสวรรค์และอาการบาดเจ็บ ว่ากันว่าในทุกครั้งที่ ‘เผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา’ ทำลายมิติหรือไม่ก็โลกหนึ่ง จะสามารถดูดซึมพลังจากแหล่งกำเนิดพลังทำลายล้างมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองได้”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างทอดถอนใจ

นี่ก็คือลักษณะพิเศษของเผ่าพันธุ์สายเลือดลำดับที่เก้าของสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ

หากไม่เช่นนั้นแล้ว เมื่อไม่ได้ประโยชน์ใดๆ เผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาจะเอะอะอะไรก็ทำลายได้อย่างไรกัน?

“อ๊าก อ๊าก…”

“รีบหนีเร็ว!”

ในคฤหาสน์เสียหยางสับสนอลหม่าน หวาดกลัวไปหมด พวกอัจฉริยะหัวกะทิเหล่านั้นกระจายตัวหนีไปทั่ว

อ๊าก! ชั่วเวลาหนึ่ง มังกรวารีล้างโลการ้องคำรามเสียงดัง ตรงดิ่งมาในพื้นที่ที่พวกจ้าวเฟิงอยู่

ในขณะที่กลุ่มพลังยังไม่มาถึง วิญญาณและร่างกายของจ้าวเฟิงก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว รู้สึกละม้ายคล้ายว่าจะถูกทำลาย และมีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นเถ้าธุลี

พรึ่บ! เงาสีเงินเข้มชั้นหนึ่งปกคลุมร่างของพวกจ้าวเฟิง ทำให้ร่างกายของคนทั้งสองอับแสงลง ก่อนหายไปอย่างไร้ร่องรอย

วินาทีถัดมา

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งปรากฏตัวขึ้นบริเวณขอบนอกของคฤหาสน์เสียหยาง

ก่อนหน้านี้ที่รอบนอกของคฤหาสน์เสียหยาง จ้าวเฟิงได้ทิ้งเครื่องหมายมิติสิบกว่าอันไว้

“หืม?” จ้าวเฟิงพลันร้องเสียงต่ำ ทอดสายตามองยังมิติเบื้องหน้าที่อ่อนแสงและโปร่งใสไปทุกที

ทันใดนั้นเอง ดวงตาเทพเจ้าของเขามองทะลุผ่านมิติที่อ่อนแสงลงเรื่อยๆ จนสามารถมองเห็นภูเขาแม่น้ำที่ยาวทอดต่อกันเป็นสายด้านล่าง

“กลิ่นอายของดินแดนทวีป”

สีหน้าจ้าวเฟิงฉายแววยินดี ตราคำสั่งสำนักชิ้นหนึ่งบนร่างส่งคลื่นการตอบสนอง ถึงกระทั่งทะลักแรงดึงดูดออกมา

ที่แท้แล้ว ก่อนที่จะเข้ามาในมิติเทพลวงตา สำนักที่โดดเด่นแต่ละแห่งล้วนแต่ทิ้ง ‘ตราคำสั่งเดินทางกลับ’ ให้กับคนชั้นหัวกะทิที่เข้ามาภายในมิติ

ในขณะที่มิติเทพลวงตาทับซ้อนจนอ่อนแสงลงถึงที่สุดแล้ว จะสามารถกลับไปยังสำนักโดยใช้ตราคำสั่งเดินทางกลับและไม่หลงทาง

“กลับไปได้แล้ว!” ในมิติเทพลวงตาเกิดเสียงยินดีและปลื้มปีติดังขึ้น

พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!

อัจฉริยะชั้นยอดพวกนั้นตกอยู่ในอากาศด้านล่างโปร่งใสและอับแสงลง โบยบินตรงดิ่งไปยังมิติดินแดนทวีปที่เลือนราง

เงาพวกนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมิติในตอนนี้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นเพียงภาพเก่าแก่ประดุจภาพฝัน

“มิติรูปธรรมที่แท้จริง…”

มังกรวารีล้างโลกาที่ทำลายล้างอย่างโหดร้ายทารุณชะงักค้างไปอย่างอดไม่ได้ ทอดสายตามองมิติดินแดนทวีปที่เลือนรางเบื้องล่างในแววตาฉายแววโหดเหี้ยมเย็นชา

ขวับ! ขวับ! ขวับ!

ยอดฝีมือจากโลกภายนอกจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งบริเวณด้านนอกคฤหาสน์เสียหยาง เงาร่างต่างๆ ณ มุมอื่นของมิติเทพลวงตาแต่ละร่างก็ค่อยๆ สลายไป

“หนานกงเซิ่ง ไว้เจอกันวันหน้า!”

ร่างกายของจ้าวเฟิงร่วงหล่นลงสู่เบื้องล่างแล้ว โดยปล่อยตัวตามแรงดึงจากปฏิกิริยาของตราคำสั่งเดินทางกลับ เข้าไปภายในอุโมงค์หมอกควันที่เหมือนจะเป็นรูปธรรมและภาพลวงตาปะปนกัน

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่ช่วงลมหายใจ

สวบ! ร่างของจ้าวเฟิงหนักอึ้ง ปรากฏแท่นบูชาสีดำสนิทแห่งหนึ่ง พลันมีเสียงร้องตะโกนของสมาชิกลูกศิษย์แห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น

ที่แห่งนี้คือสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นแห่งดินแดนเกาะเทียนเฟิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version