Skip to content

King of Gods 894

King Of Gods

บทที่ 894 คำขอร้องของปี้ชิงเยวี่ย

“เด็กหนุ่มที่ลึกลับผู้นั้นเป็นใครกันแน่? เพราะเหตุใดถึงรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้?”

“เหมือนจะคล้ายคลึงกับใครสักคนในข่าว…”

ไม่เพียงแต่จักรพรรดิศาสตร์มารหลายคนของวังเก้านิรย คนระดับสูงจำนวนไม่มากนักของหอควันสมุทรต่างจ้องที่จ้าวเฟิง

ปี้ชิงเยวี่ยกลับมาในครั้งนี้เปลี่ยนแปลงไปกะทันหัน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มผู้นี้มากกว่าครึ่ง

“เด็กหนุ่มผมม่วง? เป็นราชันในขอบเขตปราณเทวะที่อายุน้อยเช่นนี้”

“เป้าหมายที่วังเก้านิรยและเจ้าหอสังหารในครั้งนี้ เหมือนว่าจะใช่…หรือจะเป็นเขา!”

คนระดับสูงจำนวนน้อยนิดภายในตำหนัก ใจและกายสั่นสะท้าน

เพียงไม่นาน คนระดับสูงที่พอจะรู้ข้อมูลก็คาดเดาสถานะของจ้าวเฟิงออก เพียงแค่ไม่กล้ายืนยัน

“หรือว่าจะเป็นเขา…”

จักรพรรดิศาสตร์มารของวังเก้านิรย รวมไปถึงราชันศาสตร์มารอีกสองคน สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

เพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น บนหน้าผากของคนทั้งสามก็ผุดเหงื่อเย็นๆ ออกมา

ข่าวคราวการโจมตีจักรพรรดิมารเสวียนหลัวจนถอยร่นไป ตอนนี้มีเพียงคนจำนวนไม่มากนักในพื้นที่ติดทะเลที่ล่วงรู้

“เขา? เป็นใครกันแน่?”

การเปลี่ยนแปลงสีหน้าอารมณ์ของคนระดับสูงเหล่านั้นใน ตำหนัก ล้วนปรากฏอยู่ในแววตาของจานเจี๋ยเอ๋อร์

นัยน์ตาคู่งามของนางฉายแววตื่นตะลึงพาดผ่าน แล้วจึงค้นพบได้ในฉับพลัน เด็กหนุ่มผมม่วงผู้นี้คล้ายคลึงกับอัจฉริยะที่ผงาดขึ้นในรายชื่อจักรพรรดิต้าเฉียนเมื่อเร็วๆ นี้

อัจฉริยะคนนั้นก็เป็นเด็กหนุ่มผมม่วงเช่นกัน มีชื่อเสียงโด่งดังเพราะการต่อสู้ในมิติเทพลวงตา

แต่หากเป็นเพียงแค่อัจฉริยะรุ่นใหม่ผู้นี้ ก็ไม่สามารถทำให้อาจารย์เปลี่ยนแปลงได้มากมาย หรือทำให้จักรพรรดิศาสตร์มารวังเก้านิรย มีสีหน้าเคร่งขรึมตึงเครียดเช่นนี้ได้

แน่นอนว่าจานเจี๋ยเอ๋อร์ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับหน่วยข่าวกรองที่หอควันสมุทร จึงไม่รู้เรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทพราชาดวงตาซ้ายแม้แต่น้อย

“เจ้าคือจ้าวเฟิง?”

สีหน้าของจักรพรรดิศาสตร์มารผู้นั้นชะงักค้างพลางจับจ้องเด็กหนุ่มผมม่วงที่อยู่มุมด้านใน

ราชันศาสตร์มารสองคนที่ขนาบซ้ายขวาของเขาก็มีสีหน้าระแวดระวัง

“จ้าวเฟิง? เป็นเขางั้นหรือ?”

จานเจี๋ยเอ๋อร์ใจเต้นระรัว “หลังจากที่ชื่อเสียงโด่งดังจากการสู้รบในมิติเทพลวงตา เขาอยู่ในรายชื่อจักรพรรดิต้าเฉียนลำดับที่แปดเป็นการชั่วคราว ว่ากันว่าลำดับชื่อนี้ประมาณการคร่าวๆ จากพลังที่ไม่ชัดเจน”

จานเจี๋ยเอ๋อร์เองก็เป็นอัจฉริยะที่ออกมาจากมิติเทพลวงตา

แต่นางไม่ได้เข้าไปภายในคฤหาสน์เสียหยาง แต่เก็บเกี่ยวไปได้ไม่น้อยจากพื้นที่อื่นในมิติเทพลวงตา

หลังจากที่ออกมาจากมิติเทพลวงตาแล้ว นางก็ได้ยินเรื่อง ‘ศึกในคฤหาสน์เสียหยาง’ และตื่นตะลึงอย่างยิ่ง เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว อันตรายและโอกาสที่ตนเองประสบพบเจอเทียบกันไม่ติดแม้แต่น้อย

แต่เมื่อเอ่ยถึง ‘คฤหาสน์เสียหยาง’ ก็ไม่มีใครมองข้าม ‘มารคู่ผมม่วง’

ว่ากันว่ามารคู่ผมม่วงเป็นผู้คว้าชัยชนะที่ได้ผลประโยชน์ในคฤหาสน์เสียหยางมากที่สุด

สิ่งที่จานเจี๋ยเอ๋อร์ไม่รู้ก็คือ จ้าวเฟิงใช้ชื่อเทพราชาดวงตาซ้าย ไม่ใช่ ‘จ้าวเฟิง’ วัยเยาว์ผู้นั้นในตอนเริ่มต้นอีกแล้ว

ยามนี้

นางสูดลมหายใจเข้าลึก และมองประเมินเด็กหนุ่มลึกลับตรงมุมตำหนักที่เคยได้ยินเพียงในข่าวลืออย่างละเอียด

“ถูกต้อง ข้าก็คือจ้าวเฟิง”

จ้าวเฟิงสำรวมท่าที แล้วจึงรวบรวมสติประเมินผู้แข็งแกร่งปราณเทวะทั้งสามของวังเก้านิรย

พูดตามความจริง

ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตปราณเทวะทั้งสามคนนี้มีจักรพรรดิเพียงคนเดียว และยังไม่ใช่จักรพรรดิชั้นยอดเสียด้วยซ้ำไป จ้าวเฟิงรู้สึกเหนื่อยหน่ายยิ่งนัก

“เทพราชาดวงตาซ้าย จ้าวเฟิง! รีบหนีเร็ว”

จักรพรรดิศาสตร์มารและพวกหน้าถอดสีอย่างรวดเร็ว และต่างโบยบินหนีไปนอกตำหนักอย่างไม่คิดชีวิต

ปฏิกิริยาประหวั่นพรั่นพรึงเช่นนี้ทำให้คนระดับสูงจำนวนมากในตำหนักมีสีหน้าหวาดกลัว

“เรื่องอะไรกัน…”

จานเจี๋ยเอ๋อร์ตกตะลึง เหมือนว่าเด็กผู้นั้นเพียงแค่บอกชื่อก็สามารถทำให้จักรพรรดิสายมารทั้งหมดขวัญหนีดีฝ่อ

“คิดหนีงั้นรึ?”

ปี้ชิงเยวี่ยยิ้มเย็น กำลังจะลงมือ

“ให้ข้าเอง” เด็กหนุ่มผมม่วงที่อยู่ในมุมเปิดปากเอ่ยในฉับพลัน

ปี้ชิงเยวี่ยและคนระดับสูงก็มีหวังจะสังหารพวกวังเก้านิรยทั้งสามอยู่บ้าง เพียงแต่จะไม่ง่ายดายเช่นนั้น อีกทั้งหลังจากต่อสู้แล้ว สำนักนี้ยังต้องโดนทำลายย่อยยับ

ทันทีที่เอ่ยจบ

ในดวงตาทั้งสองข้างของจ้าวเฟิงปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงกลัวออกมา ในชั้นวิญญาณเหมือนมีเสียงดังกึกก้องของอัสนีนับหมื่น

เปรี้ยง! เปรี้ยง!

พลังแสงศักดิ์สิทธิ์แบ่งเป็นสายฟ้าสีม่วงเข้มที่โปร่งแสงสองสาย พริบตาเดียวก็ทะลวงเข้าไปภายในดวงวิญญาณของราชันสองคน

“อ๊าก…”

ในชั้นวิญญาณมีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น

เพียงชั่วพริบตา คนระดับขั้นสูงของหอควันสมุทรที่อยู่ตรงนั้นต่างสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายวิญญาณดั้งเดิมที่แหลกสลายของราชัน

ห้วงคิดเซียนของคนเหล่านั้นถึงกระทั่งสัมผัสได้ถึงวินาทีที่ดวงวิญญาณของราชันศาสตร์มารทั้งสองสูญสลายกลายเป็นผุยผง

ตุ้บ! ตุ้บ! ศพของราชันศาสตร์มารที่สมบูรณ์ไร้ความเสียหายทั้งสองร่วงหล่นลงมา

แต่พวกเขาที่ดวงวิญญาณสูญสลายไปย่อมตายอย่างแน่นอน

แซ่ด!

พวกคนระดับสูงของหอควันสมุทรแต่ละคนสูดลมหายใจเข้าปอด

จานเจี๋ยเอ๋อร์รู้สึกได้เพียงความเย็นเยือกจากเท้าขยายไปทั่วร่าง จนตัวสั่นด้วยความหนาวเหน็บ

สองราชันศาสตร์มารเป็นราชันอาวุโส ซึ่งในนั้นยังมีราชันระดับสุดยอดคนหนึ่ง เมื่ออยู่เบื้องหน้าของจ้าวเฟิงกลายเป็นว่าเผชิญหน้าก็ต้านทานไม่ไหว

เพียงแววตาเดียวก็ปลิดชีพราชันในขอบเขตปราณเทวะสองคนอย่างรวดเร็ว!

“น่ากลัวเกินไปแล้ว…”

จักรพรรดิศาสตร์มารผู้นั้นสีหน้าซีดเผือด ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

หลังจากที่จ้าวเฟิงสังหารราชันศาสตร์มารทั้งสองโดยพลังจักรพรรดิ แววตาก็หยุดลงบนร่างของจักรพรรดิศาสตร์มารผู้นั้น

สวบ!

จักรพรรดิศาสตร์มารพลันทะลวงออกจากตำหนักทันทีด้วยความเร็วเป็นเลิศ

ในตำหนัก บรรดาคนระดับขั้นสูงของหอควันสมุทรอดกังวลไม่ได้ คนที่เร้นกายหนีไปเป็นถึงจักรพรรดิศาสตร์มาร และจ้าวเฟิงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตามไป

“เนตร…เพ่ง…เทพ…เจ้า!”

สายเลือดดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเปิดออก ภายในทะลักพลังดวงตาวิญญาณที่ตื่นตะลึงออกมา ก่อนค่อยๆกลายเป็นน้ำวนสีม่วงที่ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง ขยายออกไปอย่างไม่มีขีดจำกัด

จักรพรรดิศาสตร์มารผู้นี้เพิ่งจะทิ้งระยะห่างไปได้ไม่มาก ก็สัมผัสได้ว่ามีระลอกกลิ่นอายศาสตร์ดวงวิญญาณต้องห้ามถาโถมเข้ามา

ภายในตำหนัก สายเลือดดวงตาซ้ายของเด็กหนุ่มผมม่วงตรึงเป้าหมายไว้ที่เขาเรียบร้อยแล้ว

“อย่า”

ดวงวิญญาณของจักรพรรดิศาสตร์มารตกลงสู่ห้วงความหนาวเหน็บไร้ขอบเขต ประหนึ่งถูกกักขังเอาไว้อย่างนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่อาจทำอะไรได้อีก

ถึงแม้ว่าเขาดิ้นรนอย่างสุดแรง ดวงวิญญาณของเขาก็ยังหลุดลอยออกมาภายนอกช้าๆ

“นี่…นี่มันวิชาการอะไรกัน?”

“วิชาดวงตาต้องห้ามนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับท่าไม้ตายของจักรพรรดิแห่งความตายผู้เก่าแก่แห่งชางไห่ผู้นั้น ”

ภายในตำหนัก เหล่าคนระดับสูงของหอควันสมุทรตกใจจนพูดไม่ออก

คนที่แตะขั้นราชันสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงดวงวิญญาณที่หลุดลอยออกนอกร่างของชายคนนั้น

โครม!

ทันใดนั้นเอง การโจมตีอัสนีเทวะที่ไม่สูญสลายสายหนึ่งก็ทำให้ดวงวิญญาณของจักรพรรดิศาสตร์มารหมุนคว้าง จนแรงดิ้นรนของดวงวิญญาณลดลงไปอย่างมาก

มุมปากจ้าวเฟิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็น

สวบ!

วินาทีต่อมา ดวงวิญญาณของจักรพรรดิศาสตร์มารหลุดลอยออกจากกายเนื้อ ล่องลอยไปในอากาศ

จนที่สุดแล้ว

ดวงวิญญาณดังกล่าวก็กลายเป็นเพียงจุดสีดำเล็กๆ ก่อนถูกจ้าวเฟิงดูดซึมเข้าไปภายในน้ำวนสีม่วงในดวงตาข้างซ้าย

ตุ้บ!อีกฟากหนึ่ง ร่างของจักรพรรดิศาสตร์มารร่วงลงมาจากกลางอากาศ

เวลาเดียวกัน ในมิติดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็ปรากฏวิญญาณของจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะผู้หนึ่งที่ตกอยู่ในสภาวะถูกสะกด

ชั่วขณะนั้น ทั้งตำหนักเงียบสงบอย่างยิ่ง

คนระดับสูงของหอควันสมุทร ณ ตรงนั้น แต่ละคนตัวสั่นเทาจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มที่เป็นดั่งนายของฝันร้าย

“ลำบากผู้อาวุโสสูงสุดต้องลงมือแล้ว”

ปี้ชิงเยวี่ยถอนหายใจยาว เอ่ยด้วยสีหน้าเคารพนบนอบ

ในฐานะคนที่ถูกจับเป็นทาสรับใช้ นางยิ่งสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเด็กหนุ่มผู้นี้

ขณะอยู่ที่จวนอ๋องโหว หลักๆ จ้าวเฟิงใช้กลยุทธ์บางอย่างกับจักรพรรดิชั้นยอดทั้งหลาย แต่ยังไม่เคยใช้สายเลือดดวงตาที่เป็นไพ่ไม้ตายจริงๆ เลยสักครั้ง

“ทะเลวิญญาณของข้าในตอนนี้ดูดซึมตราอัสนีเทวะไปหนึ่งพันหลายร้อยเส้นสาย ขอแค่โคจรพลังอัสนีเทวะ พลังจักรพรรดิก็จะสำแดงออกมา ต่อให้เป็นจักรพรรดิชั้นยอดก็ต้านได้ไม่กี่ช่วงลมหายใจ”

จ้าวเฟิงค่อยๆ เปิดเปลือกตา

ดวงวิญญาณของจักรพรรดิศาสตร์มารในทะเลวิญญาณสีม่วงถูกเขาทรมานจนร้องโหยหวน

“คารวะท่านผู้อาวุโสสูงสุด!”

ในเวลานี้เอง มีเสียงทำความเคารพของคนระดับสูงดังขึ้น

ผู้อาวุโสสูงสุด?

จ้าวเฟิงขมวดคิ้วน้อยๆ จ้องที่ปี้ชิงเยวี่ยอย่างลึกล้ำ

เดิมทีเขาคิดจะควบคุมหอควันสมุทรอยู่เบื้องหลัง ไม่คิดจะรับตำแหน่งใดๆ ของสำนักนี้ทั้งสิ้น

หนำซ้ำหน้าที่ของ ‘ผู้อาวุโสสูงสุด’ เห็นได้ชัดว่าเป็นความเห็นของตัวปี้ชิงเยวี่ยเอง และอาจเป็นไปได้ว่ามีความคิดจะรั้งจ้าวเฟิงไว้ที่หอ

ถึงอย่างไร

จ้าวเฟิงก็สังหารผู้แข็งแกร่งของวังเก้านิรยไปมาก ทำให้ตำหนักควันสมุทรทรยศ ถ้าหากไม่ใส่ใจใยดีในเรื่องนี้ อีกเดี๋ยวตำหนักควันสมุทรจะต้องล่มสลายลงไป

“ช่างเถอะ ข้าจะยอมรับตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดนี้ไปชั่วคราวก่อน แต่ว่ากิจธุระเล็กน้อยของสำนักให้เจ้ามีอำนาจจัดการทั้งหมด”

จ้าวเฟิงถอนหายใจยาวออกมา

ผู้อาวุโสสูงสุด ด้วยตำแหน่งแล้วอยู่เหนือเจ้าหอหรือเจ้าสำนัก

พูดได้ว่าจ้าวเฟิงกลายเป็นผู้มีตำแหน่งสูงสุดในสำนักระดับสองดาว

เมี้ยว เมี้ยว!

และในเวลานี้เอง เจ้าแมวขโมยตัวน้อยใช้แส้งูมังกรทองรัดศพของจักรพรรดิศาสตร์มารแล้วดึงมาข้างตัว

ขวับ!

จ้าวเฟิงโบกมือ เก็บศพของจักรพรรดิศาสตร์มารเข้าไปในมนตราอากาศ

ครึ่งเดือนต่อมา

คนทั้งหอควันสมุทร ‘เก็บกวาดขนานใหญ่’ สังหารยอดฝีมือหรือสายลับที่วังเก้านิรยส่งมาทั้งหมด

หลังจากครั้งนั้น จ้าวเฟิงก็ไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกเลย เอาแต่พำนักอยู่ในคฤหาสน์ของปี้ชิงเยวี่ยเจ้าหอผู้งดงาม

สิ่งที่จ้าวเฟิงไม่รู้ก็คือ ความสัมพันธ์ของเขาและปี้ชิงเยวี่ยทำให้เกิดการคาดเดาและสงสัยจากบางคนในหอควันสมุทร เพราะว่าเขาเป็นชายหนุ่มคนแรกที่ได้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของปี้ชิงเยวี่ย

ในวันนี้

จ้าวเฟิงออกจากเข้าฌาณ และได้รับคำเชิญของปี้ชิงเยวี่ยให้ไปทำความเข้าใจโครงสร้างที่สำคัญต่างๆของตำหนักควันสมุทร เพื่อวางแผนการในภายภาคหน้า

“พลังและศักยภาพของหอควันสมุทรไม่เลวนัก แต่คิดจะยึดครองแถบชายทะเลยังขาดไปอีกมาก…”

จ้าวเฟิงครุ่นคิดในใจอย่างหนัก แววตาจ้องไปด้านหน้า

ประจวบเหมาะพอดี เงาแบบบางของสตรีผู้งดงามผุดผ่องปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของเขา

“ผู้อาวุโสสูงสุด อาจารย์ ”

จานเจี๋ยเอ๋อร์ทำความเคารพด้วยสีหน้านับถือ ไม่ค่อยกล้าสบตาจ้าวเฟิง

คิดถึงวันนั้นที่จ้าวเฟิงมองนางด้วยแววตาหลงใหล จานเจี๋ยเอ๋อร์รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

ภาพเหตุการณ์ในวันนั้น ปี้ชิงเยวี่ยยังจำได้อย่างแม่นยำ

ในใจของนางกังวล กลัวว่าจ้าวเฟิงจะ ‘ลงมือ’ กับศิษย์ที่ไร้เดียงสาของตน

ถ้าหากว่าเงื้อมมือมารของจ้าวเฟิงมุ่งมายังจานเจี๋ยเอ๋อร์จริง เกรงว่าทั้งหอควันสมุทรก็ไม่มีใครสามารถขัดขวางได้

แต่ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่สามารถจะ ‘ต่อต้าน’ พลังของจ้าวเฟิงได้เช่นกัน

“เจี๋ยเอ๋อร์เป็นต้นกล้าที่ไม่เลว ต่อไปในภายหน้าต้องอบรมให้มาก”

จ้าวเฟิงโพล่งขึ้นมา

เมื่อเอ่ยจบ ใจของปี้ชิงเยวี่ยก็ดัง ‘ตุบ ตุบ’ ด้วยคิดว่าจ้าวเฟิงสนใจในตัวของจานเจี๋ยเอ๋อร์เข้าแล้วจริงๆ

ดีที่ในตอนนี้จ้าวเฟิงยังไม่ได้เปิดปากเอ่ย และก็ยังไม่เคยมีความต้องการอะไรที่เกินไปนัก

ตกดึกของวันนั้น

จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ กำลังตรวจสอบสถานการณ์ภายในมนตราอากาศ

ภายในมนตราอากาศ จักรพรรดิศาสตร์มารฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์แล้ว และกลายมาเป็นทาสอีกคนหนึ่งของจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงวางแผนจะให้จักรพรรดิผู้นี้ควบคุมดูแลหอควันสมุทร

“นายท่าน” น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นจากด้านนอกประตู

“หืม?เข้ามาสิ”

สีหน้าของจ้าวเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย และมองไปที่ปี้ปี้ชิงเยวี่ยที่ด้านนอกประตู

ในค่ำคืนนี้ ปี้ชิงเยว่อยู่ในชุดขาวปลอด รอบกายมีแสงจันทราเลือนราง ใบหน้างดงามสูงส่ง ให้ความรู้สึกสงบราวกับกลิ่นอายบริสุทธิ์ของดวงจันทร์ในยามราตรี

ปี้ชิงเยวี่ยในวินาทีนี้ส่องประกายไปกับจันทราและดวงดาวบนฟากฟ้า เหมือนดั่งเทพธิดาแสงจันทร์ที่ไม่อาจล่วงเกินได้

“มีเรื่องอะไร?”

จ้าวเฟิงรู้สึกแปลกใจ แต่ไม่ได้ปกปิดทีท่าชื่นชมในความงามของนางในวินาทีนี้

แอ๊ด!

ปี้ชิงเยว่ปิดประตู ขบฟันขาวพลางเอ่ย “ชิงเยวี่ยมีเรื่องจะขอร้องเรื่องหนึ่ง หวังว่านายท่านจะไม่ล่วงเกินเจี๋ยเอ๋อร์ ถ้าหากมีความต้องการอะไร ข้าผู้เป็นอาจารย์สามารถทำได้ทั้งสิ้น”

เมื่อเอ่ยจบ

หญิงงามผู้สุขุมเยือกเย็นก็ปลดผ้าออกช้าๆ เผยผิวขาวนวลเนียนราวหยกชิ้นดีที่ทำให้ต้องเลือดลมปั่นป่วน โดยเฉพาะขาเรียวยาวดั่งรากบัวสีขาวภายใต้ชุดเรียบง่ายที่เผยให้เห็นเล็กน้อย

พรึ่บ!

เมื่อชุดขาวทั้งหมดถูกปลดออก ไหล่ผุดผาดขาวอมชมพูและผ้าคาดบนหน้าอกก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นแก่สายตา สุดท้ายกระทั่งกระโปรงยาวสีขาวก็ถูกถอดลงถึงต้นขา

ภาพงดงามเช่นนี้มากพอทำให้ชายหนุ่มคนใดก็ตามตกอยู่ในความบ้าคลั่งได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version