บทที่ 894 คำขอร้องของปี้ชิงเยวี่ย
“เด็กหนุ่มที่ลึกลับผู้นั้นเป็นใครกันแน่? เพราะเหตุใดถึงรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้?”
“เหมือนจะคล้ายคลึงกับใครสักคนในข่าว…”
ไม่เพียงแต่จักรพรรดิศาสตร์มารหลายคนของวังเก้านิรย คนระดับสูงจำนวนไม่มากนักของหอควันสมุทรต่างจ้องที่จ้าวเฟิง
ปี้ชิงเยวี่ยกลับมาในครั้งนี้เปลี่ยนแปลงไปกะทันหัน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มผู้นี้มากกว่าครึ่ง
“เด็กหนุ่มผมม่วง? เป็นราชันในขอบเขตปราณเทวะที่อายุน้อยเช่นนี้”
“เป้าหมายที่วังเก้านิรยและเจ้าหอสังหารในครั้งนี้ เหมือนว่าจะใช่…หรือจะเป็นเขา!”
คนระดับสูงจำนวนน้อยนิดภายในตำหนัก ใจและกายสั่นสะท้าน
เพียงไม่นาน คนระดับสูงที่พอจะรู้ข้อมูลก็คาดเดาสถานะของจ้าวเฟิงออก เพียงแค่ไม่กล้ายืนยัน
“หรือว่าจะเป็นเขา…”
จักรพรรดิศาสตร์มารของวังเก้านิรย รวมไปถึงราชันศาสตร์มารอีกสองคน สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น บนหน้าผากของคนทั้งสามก็ผุดเหงื่อเย็นๆ ออกมา
ข่าวคราวการโจมตีจักรพรรดิมารเสวียนหลัวจนถอยร่นไป ตอนนี้มีเพียงคนจำนวนไม่มากนักในพื้นที่ติดทะเลที่ล่วงรู้
“เขา? เป็นใครกันแน่?”
การเปลี่ยนแปลงสีหน้าอารมณ์ของคนระดับสูงเหล่านั้นใน ตำหนัก ล้วนปรากฏอยู่ในแววตาของจานเจี๋ยเอ๋อร์
นัยน์ตาคู่งามของนางฉายแววตื่นตะลึงพาดผ่าน แล้วจึงค้นพบได้ในฉับพลัน เด็กหนุ่มผมม่วงผู้นี้คล้ายคลึงกับอัจฉริยะที่ผงาดขึ้นในรายชื่อจักรพรรดิต้าเฉียนเมื่อเร็วๆ นี้
อัจฉริยะคนนั้นก็เป็นเด็กหนุ่มผมม่วงเช่นกัน มีชื่อเสียงโด่งดังเพราะการต่อสู้ในมิติเทพลวงตา
แต่หากเป็นเพียงแค่อัจฉริยะรุ่นใหม่ผู้นี้ ก็ไม่สามารถทำให้อาจารย์เปลี่ยนแปลงได้มากมาย หรือทำให้จักรพรรดิศาสตร์มารวังเก้านิรย มีสีหน้าเคร่งขรึมตึงเครียดเช่นนี้ได้
แน่นอนว่าจานเจี๋ยเอ๋อร์ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับหน่วยข่าวกรองที่หอควันสมุทร จึงไม่รู้เรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทพราชาดวงตาซ้ายแม้แต่น้อย
“เจ้าคือจ้าวเฟิง?”
สีหน้าของจักรพรรดิศาสตร์มารผู้นั้นชะงักค้างพลางจับจ้องเด็กหนุ่มผมม่วงที่อยู่มุมด้านใน
ราชันศาสตร์มารสองคนที่ขนาบซ้ายขวาของเขาก็มีสีหน้าระแวดระวัง
“จ้าวเฟิง? เป็นเขางั้นหรือ?”
จานเจี๋ยเอ๋อร์ใจเต้นระรัว “หลังจากที่ชื่อเสียงโด่งดังจากการสู้รบในมิติเทพลวงตา เขาอยู่ในรายชื่อจักรพรรดิต้าเฉียนลำดับที่แปดเป็นการชั่วคราว ว่ากันว่าลำดับชื่อนี้ประมาณการคร่าวๆ จากพลังที่ไม่ชัดเจน”
จานเจี๋ยเอ๋อร์เองก็เป็นอัจฉริยะที่ออกมาจากมิติเทพลวงตา
แต่นางไม่ได้เข้าไปภายในคฤหาสน์เสียหยาง แต่เก็บเกี่ยวไปได้ไม่น้อยจากพื้นที่อื่นในมิติเทพลวงตา
หลังจากที่ออกมาจากมิติเทพลวงตาแล้ว นางก็ได้ยินเรื่อง ‘ศึกในคฤหาสน์เสียหยาง’ และตื่นตะลึงอย่างยิ่ง เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว อันตรายและโอกาสที่ตนเองประสบพบเจอเทียบกันไม่ติดแม้แต่น้อย
แต่เมื่อเอ่ยถึง ‘คฤหาสน์เสียหยาง’ ก็ไม่มีใครมองข้าม ‘มารคู่ผมม่วง’
ว่ากันว่ามารคู่ผมม่วงเป็นผู้คว้าชัยชนะที่ได้ผลประโยชน์ในคฤหาสน์เสียหยางมากที่สุด
สิ่งที่จานเจี๋ยเอ๋อร์ไม่รู้ก็คือ จ้าวเฟิงใช้ชื่อเทพราชาดวงตาซ้าย ไม่ใช่ ‘จ้าวเฟิง’ วัยเยาว์ผู้นั้นในตอนเริ่มต้นอีกแล้ว
ยามนี้
นางสูดลมหายใจเข้าลึก และมองประเมินเด็กหนุ่มลึกลับตรงมุมตำหนักที่เคยได้ยินเพียงในข่าวลืออย่างละเอียด
“ถูกต้อง ข้าก็คือจ้าวเฟิง”
จ้าวเฟิงสำรวมท่าที แล้วจึงรวบรวมสติประเมินผู้แข็งแกร่งปราณเทวะทั้งสามของวังเก้านิรย
พูดตามความจริง
ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตปราณเทวะทั้งสามคนนี้มีจักรพรรดิเพียงคนเดียว และยังไม่ใช่จักรพรรดิชั้นยอดเสียด้วยซ้ำไป จ้าวเฟิงรู้สึกเหนื่อยหน่ายยิ่งนัก
“เทพราชาดวงตาซ้าย จ้าวเฟิง! รีบหนีเร็ว”
จักรพรรดิศาสตร์มารและพวกหน้าถอดสีอย่างรวดเร็ว และต่างโบยบินหนีไปนอกตำหนักอย่างไม่คิดชีวิต
ปฏิกิริยาประหวั่นพรั่นพรึงเช่นนี้ทำให้คนระดับสูงจำนวนมากในตำหนักมีสีหน้าหวาดกลัว
“เรื่องอะไรกัน…”
จานเจี๋ยเอ๋อร์ตกตะลึง เหมือนว่าเด็กผู้นั้นเพียงแค่บอกชื่อก็สามารถทำให้จักรพรรดิสายมารทั้งหมดขวัญหนีดีฝ่อ
“คิดหนีงั้นรึ?”
ปี้ชิงเยวี่ยยิ้มเย็น กำลังจะลงมือ
“ให้ข้าเอง” เด็กหนุ่มผมม่วงที่อยู่ในมุมเปิดปากเอ่ยในฉับพลัน
ปี้ชิงเยวี่ยและคนระดับสูงก็มีหวังจะสังหารพวกวังเก้านิรยทั้งสามอยู่บ้าง เพียงแต่จะไม่ง่ายดายเช่นนั้น อีกทั้งหลังจากต่อสู้แล้ว สำนักนี้ยังต้องโดนทำลายย่อยยับ
ทันทีที่เอ่ยจบ
ในดวงตาทั้งสองข้างของจ้าวเฟิงปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงกลัวออกมา ในชั้นวิญญาณเหมือนมีเสียงดังกึกก้องของอัสนีนับหมื่น
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
พลังแสงศักดิ์สิทธิ์แบ่งเป็นสายฟ้าสีม่วงเข้มที่โปร่งแสงสองสาย พริบตาเดียวก็ทะลวงเข้าไปภายในดวงวิญญาณของราชันสองคน
“อ๊าก…”
ในชั้นวิญญาณมีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น
เพียงชั่วพริบตา คนระดับขั้นสูงของหอควันสมุทรที่อยู่ตรงนั้นต่างสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายวิญญาณดั้งเดิมที่แหลกสลายของราชัน
ห้วงคิดเซียนของคนเหล่านั้นถึงกระทั่งสัมผัสได้ถึงวินาทีที่ดวงวิญญาณของราชันศาสตร์มารทั้งสองสูญสลายกลายเป็นผุยผง
ตุ้บ! ตุ้บ! ศพของราชันศาสตร์มารที่สมบูรณ์ไร้ความเสียหายทั้งสองร่วงหล่นลงมา
แต่พวกเขาที่ดวงวิญญาณสูญสลายไปย่อมตายอย่างแน่นอน
แซ่ด!
พวกคนระดับสูงของหอควันสมุทรแต่ละคนสูดลมหายใจเข้าปอด
จานเจี๋ยเอ๋อร์รู้สึกได้เพียงความเย็นเยือกจากเท้าขยายไปทั่วร่าง จนตัวสั่นด้วยความหนาวเหน็บ
สองราชันศาสตร์มารเป็นราชันอาวุโส ซึ่งในนั้นยังมีราชันระดับสุดยอดคนหนึ่ง เมื่ออยู่เบื้องหน้าของจ้าวเฟิงกลายเป็นว่าเผชิญหน้าก็ต้านทานไม่ไหว
เพียงแววตาเดียวก็ปลิดชีพราชันในขอบเขตปราณเทวะสองคนอย่างรวดเร็ว!
“น่ากลัวเกินไปแล้ว…”
จักรพรรดิศาสตร์มารผู้นั้นสีหน้าซีดเผือด ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
หลังจากที่จ้าวเฟิงสังหารราชันศาสตร์มารทั้งสองโดยพลังจักรพรรดิ แววตาก็หยุดลงบนร่างของจักรพรรดิศาสตร์มารผู้นั้น
สวบ!
จักรพรรดิศาสตร์มารพลันทะลวงออกจากตำหนักทันทีด้วยความเร็วเป็นเลิศ
ในตำหนัก บรรดาคนระดับขั้นสูงของหอควันสมุทรอดกังวลไม่ได้ คนที่เร้นกายหนีไปเป็นถึงจักรพรรดิศาสตร์มาร และจ้าวเฟิงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตามไป
“เนตร…เพ่ง…เทพ…เจ้า!”
สายเลือดดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเปิดออก ภายในทะลักพลังดวงตาวิญญาณที่ตื่นตะลึงออกมา ก่อนค่อยๆกลายเป็นน้ำวนสีม่วงที่ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง ขยายออกไปอย่างไม่มีขีดจำกัด
จักรพรรดิศาสตร์มารผู้นี้เพิ่งจะทิ้งระยะห่างไปได้ไม่มาก ก็สัมผัสได้ว่ามีระลอกกลิ่นอายศาสตร์ดวงวิญญาณต้องห้ามถาโถมเข้ามา
ภายในตำหนัก สายเลือดดวงตาซ้ายของเด็กหนุ่มผมม่วงตรึงเป้าหมายไว้ที่เขาเรียบร้อยแล้ว
“อย่า”
ดวงวิญญาณของจักรพรรดิศาสตร์มารตกลงสู่ห้วงความหนาวเหน็บไร้ขอบเขต ประหนึ่งถูกกักขังเอาไว้อย่างนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่อาจทำอะไรได้อีก
ถึงแม้ว่าเขาดิ้นรนอย่างสุดแรง ดวงวิญญาณของเขาก็ยังหลุดลอยออกมาภายนอกช้าๆ
“นี่…นี่มันวิชาการอะไรกัน?”
“วิชาดวงตาต้องห้ามนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับท่าไม้ตายของจักรพรรดิแห่งความตายผู้เก่าแก่แห่งชางไห่ผู้นั้น ”
ภายในตำหนัก เหล่าคนระดับสูงของหอควันสมุทรตกใจจนพูดไม่ออก
คนที่แตะขั้นราชันสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงดวงวิญญาณที่หลุดลอยออกนอกร่างของชายคนนั้น
โครม!
ทันใดนั้นเอง การโจมตีอัสนีเทวะที่ไม่สูญสลายสายหนึ่งก็ทำให้ดวงวิญญาณของจักรพรรดิศาสตร์มารหมุนคว้าง จนแรงดิ้นรนของดวงวิญญาณลดลงไปอย่างมาก
มุมปากจ้าวเฟิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็น
สวบ!
วินาทีต่อมา ดวงวิญญาณของจักรพรรดิศาสตร์มารหลุดลอยออกจากกายเนื้อ ล่องลอยไปในอากาศ
จนที่สุดแล้ว
ดวงวิญญาณดังกล่าวก็กลายเป็นเพียงจุดสีดำเล็กๆ ก่อนถูกจ้าวเฟิงดูดซึมเข้าไปภายในน้ำวนสีม่วงในดวงตาข้างซ้าย
ตุ้บ!อีกฟากหนึ่ง ร่างของจักรพรรดิศาสตร์มารร่วงลงมาจากกลางอากาศ
เวลาเดียวกัน ในมิติดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็ปรากฏวิญญาณของจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะผู้หนึ่งที่ตกอยู่ในสภาวะถูกสะกด
ชั่วขณะนั้น ทั้งตำหนักเงียบสงบอย่างยิ่ง
คนระดับสูงของหอควันสมุทร ณ ตรงนั้น แต่ละคนตัวสั่นเทาจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มที่เป็นดั่งนายของฝันร้าย
“ลำบากผู้อาวุโสสูงสุดต้องลงมือแล้ว”
ปี้ชิงเยวี่ยถอนหายใจยาว เอ่ยด้วยสีหน้าเคารพนบนอบ
ในฐานะคนที่ถูกจับเป็นทาสรับใช้ นางยิ่งสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเด็กหนุ่มผู้นี้
ขณะอยู่ที่จวนอ๋องโหว หลักๆ จ้าวเฟิงใช้กลยุทธ์บางอย่างกับจักรพรรดิชั้นยอดทั้งหลาย แต่ยังไม่เคยใช้สายเลือดดวงตาที่เป็นไพ่ไม้ตายจริงๆ เลยสักครั้ง
“ทะเลวิญญาณของข้าในตอนนี้ดูดซึมตราอัสนีเทวะไปหนึ่งพันหลายร้อยเส้นสาย ขอแค่โคจรพลังอัสนีเทวะ พลังจักรพรรดิก็จะสำแดงออกมา ต่อให้เป็นจักรพรรดิชั้นยอดก็ต้านได้ไม่กี่ช่วงลมหายใจ”
จ้าวเฟิงค่อยๆ เปิดเปลือกตา
ดวงวิญญาณของจักรพรรดิศาสตร์มารในทะเลวิญญาณสีม่วงถูกเขาทรมานจนร้องโหยหวน
“คารวะท่านผู้อาวุโสสูงสุด!”
ในเวลานี้เอง มีเสียงทำความเคารพของคนระดับสูงดังขึ้น
ผู้อาวุโสสูงสุด?
จ้าวเฟิงขมวดคิ้วน้อยๆ จ้องที่ปี้ชิงเยวี่ยอย่างลึกล้ำ
เดิมทีเขาคิดจะควบคุมหอควันสมุทรอยู่เบื้องหลัง ไม่คิดจะรับตำแหน่งใดๆ ของสำนักนี้ทั้งสิ้น
หนำซ้ำหน้าที่ของ ‘ผู้อาวุโสสูงสุด’ เห็นได้ชัดว่าเป็นความเห็นของตัวปี้ชิงเยวี่ยเอง และอาจเป็นไปได้ว่ามีความคิดจะรั้งจ้าวเฟิงไว้ที่หอ
ถึงอย่างไร
จ้าวเฟิงก็สังหารผู้แข็งแกร่งของวังเก้านิรยไปมาก ทำให้ตำหนักควันสมุทรทรยศ ถ้าหากไม่ใส่ใจใยดีในเรื่องนี้ อีกเดี๋ยวตำหนักควันสมุทรจะต้องล่มสลายลงไป
“ช่างเถอะ ข้าจะยอมรับตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดนี้ไปชั่วคราวก่อน แต่ว่ากิจธุระเล็กน้อยของสำนักให้เจ้ามีอำนาจจัดการทั้งหมด”
จ้าวเฟิงถอนหายใจยาวออกมา
ผู้อาวุโสสูงสุด ด้วยตำแหน่งแล้วอยู่เหนือเจ้าหอหรือเจ้าสำนัก
พูดได้ว่าจ้าวเฟิงกลายเป็นผู้มีตำแหน่งสูงสุดในสำนักระดับสองดาว
เมี้ยว เมี้ยว!
และในเวลานี้เอง เจ้าแมวขโมยตัวน้อยใช้แส้งูมังกรทองรัดศพของจักรพรรดิศาสตร์มารแล้วดึงมาข้างตัว
ขวับ!
จ้าวเฟิงโบกมือ เก็บศพของจักรพรรดิศาสตร์มารเข้าไปในมนตราอากาศ
ครึ่งเดือนต่อมา
คนทั้งหอควันสมุทร ‘เก็บกวาดขนานใหญ่’ สังหารยอดฝีมือหรือสายลับที่วังเก้านิรยส่งมาทั้งหมด
หลังจากครั้งนั้น จ้าวเฟิงก็ไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกเลย เอาแต่พำนักอยู่ในคฤหาสน์ของปี้ชิงเยวี่ยเจ้าหอผู้งดงาม
สิ่งที่จ้าวเฟิงไม่รู้ก็คือ ความสัมพันธ์ของเขาและปี้ชิงเยวี่ยทำให้เกิดการคาดเดาและสงสัยจากบางคนในหอควันสมุทร เพราะว่าเขาเป็นชายหนุ่มคนแรกที่ได้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของปี้ชิงเยวี่ย
ในวันนี้
จ้าวเฟิงออกจากเข้าฌาณ และได้รับคำเชิญของปี้ชิงเยวี่ยให้ไปทำความเข้าใจโครงสร้างที่สำคัญต่างๆของตำหนักควันสมุทร เพื่อวางแผนการในภายภาคหน้า
“พลังและศักยภาพของหอควันสมุทรไม่เลวนัก แต่คิดจะยึดครองแถบชายทะเลยังขาดไปอีกมาก…”
จ้าวเฟิงครุ่นคิดในใจอย่างหนัก แววตาจ้องไปด้านหน้า
ประจวบเหมาะพอดี เงาแบบบางของสตรีผู้งดงามผุดผ่องปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของเขา
“ผู้อาวุโสสูงสุด อาจารย์ ”
จานเจี๋ยเอ๋อร์ทำความเคารพด้วยสีหน้านับถือ ไม่ค่อยกล้าสบตาจ้าวเฟิง
คิดถึงวันนั้นที่จ้าวเฟิงมองนางด้วยแววตาหลงใหล จานเจี๋ยเอ๋อร์รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
ภาพเหตุการณ์ในวันนั้น ปี้ชิงเยวี่ยยังจำได้อย่างแม่นยำ
ในใจของนางกังวล กลัวว่าจ้าวเฟิงจะ ‘ลงมือ’ กับศิษย์ที่ไร้เดียงสาของตน
ถ้าหากว่าเงื้อมมือมารของจ้าวเฟิงมุ่งมายังจานเจี๋ยเอ๋อร์จริง เกรงว่าทั้งหอควันสมุทรก็ไม่มีใครสามารถขัดขวางได้
แต่ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่สามารถจะ ‘ต่อต้าน’ พลังของจ้าวเฟิงได้เช่นกัน
“เจี๋ยเอ๋อร์เป็นต้นกล้าที่ไม่เลว ต่อไปในภายหน้าต้องอบรมให้มาก”
จ้าวเฟิงโพล่งขึ้นมา
เมื่อเอ่ยจบ ใจของปี้ชิงเยวี่ยก็ดัง ‘ตุบ ตุบ’ ด้วยคิดว่าจ้าวเฟิงสนใจในตัวของจานเจี๋ยเอ๋อร์เข้าแล้วจริงๆ
ดีที่ในตอนนี้จ้าวเฟิงยังไม่ได้เปิดปากเอ่ย และก็ยังไม่เคยมีความต้องการอะไรที่เกินไปนัก
ตกดึกของวันนั้น
จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ กำลังตรวจสอบสถานการณ์ภายในมนตราอากาศ
ภายในมนตราอากาศ จักรพรรดิศาสตร์มารฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์แล้ว และกลายมาเป็นทาสอีกคนหนึ่งของจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงวางแผนจะให้จักรพรรดิผู้นี้ควบคุมดูแลหอควันสมุทร
“นายท่าน” น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นจากด้านนอกประตู
“หืม?เข้ามาสิ”
สีหน้าของจ้าวเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย และมองไปที่ปี้ปี้ชิงเยวี่ยที่ด้านนอกประตู
ในค่ำคืนนี้ ปี้ชิงเยว่อยู่ในชุดขาวปลอด รอบกายมีแสงจันทราเลือนราง ใบหน้างดงามสูงส่ง ให้ความรู้สึกสงบราวกับกลิ่นอายบริสุทธิ์ของดวงจันทร์ในยามราตรี
ปี้ชิงเยวี่ยในวินาทีนี้ส่องประกายไปกับจันทราและดวงดาวบนฟากฟ้า เหมือนดั่งเทพธิดาแสงจันทร์ที่ไม่อาจล่วงเกินได้
“มีเรื่องอะไร?”
จ้าวเฟิงรู้สึกแปลกใจ แต่ไม่ได้ปกปิดทีท่าชื่นชมในความงามของนางในวินาทีนี้
แอ๊ด!
ปี้ชิงเยว่ปิดประตู ขบฟันขาวพลางเอ่ย “ชิงเยวี่ยมีเรื่องจะขอร้องเรื่องหนึ่ง หวังว่านายท่านจะไม่ล่วงเกินเจี๋ยเอ๋อร์ ถ้าหากมีความต้องการอะไร ข้าผู้เป็นอาจารย์สามารถทำได้ทั้งสิ้น”
เมื่อเอ่ยจบ
หญิงงามผู้สุขุมเยือกเย็นก็ปลดผ้าออกช้าๆ เผยผิวขาวนวลเนียนราวหยกชิ้นดีที่ทำให้ต้องเลือดลมปั่นป่วน โดยเฉพาะขาเรียวยาวดั่งรากบัวสีขาวภายใต้ชุดเรียบง่ายที่เผยให้เห็นเล็กน้อย
พรึ่บ!
เมื่อชุดขาวทั้งหมดถูกปลดออก ไหล่ผุดผาดขาวอมชมพูและผ้าคาดบนหน้าอกก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นแก่สายตา สุดท้ายกระทั่งกระโปรงยาวสีขาวก็ถูกถอดลงถึงต้นขา
ภาพงดงามเช่นนี้มากพอทำให้ชายหนุ่มคนใดก็ตามตกอยู่ในความบ้าคลั่งได้