บทที่ 926 รอมานานแล้ว
ในห้วงฝันบรรพกาล เมื่อใช้แก่นผลึกของจ้าวเฟิงเป็นต้นกำเนิดพลัง มิติส่วนตัวอันเลือนรางก่อตัวเป็นเงา ค่อยๆ ปรากฏซ้อนทับในอากาศ ภายในเงาของโครงร่าง ทิวทัศน์ที่คล้ายกับรอบด้านเดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวเลือนหาย
ขณะเดียวกัน กลิ่นอายในห้วงฝันบรรพกาลก็เริ่มหลอมรวมเข้าไปในนั้นอย่างช้าๆ
ทำให้เมื่อมองไปแล้ว สิ่งของวัตถุต่างๆ เหมือนกับในห้วงฝันบรรพกาลไม่ผิดเพี้ยน
วู้ม! ตาซ้ายของจ้าวเฟิงผุดประกายแสงสีทอง คลื่นแสงสีทองอ่อนสายหนึ่งแผ่กระจายออกทะลุผ่านทุกสิ่ง
“เงาเสมือนจริงของมิติส่วนตัว ในตอนนี้ยังเป็นพลังจิตวิญญาณ แต่ว่าพลังวัตถุในมิติแก่นผลึกก็เชื่อมประสานอย่างใกล้ชิดแล้ว!”
ตาซ้ายของจ้าวเฟิงสำรวจรากฐานทั้งหมด
ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฟิงก็เข้าใจว่าทำไมวัตถุในมิติส่วนตัวกับวัตถุในโลกแห่งความเป็นจริงจึงต่างกัน วัตถุในมิติส่วนตัวอาศัยพลังของต้นกำเนิดพลังสร้างขึ้น
ต้นกำเนิดพลังทั่วไปหรือพลังภายในแก่นผลึกของจักพรรดิ จะมีธาตุค่อนข้างไม่หลากหลาย ดังนั้นวัตถุที่สร้างขึ้น ธาตุก็จะไม่หลากหลายเช่นเดียวกัน เพียงแค่รูปร่างลักษณะเหมือนเท่านั้น ก็เหมือนกับที่ตวนมู่ชิงเป็นเซียนแขนงพฤกษา ในมิติส่วนตัวของเขา วัตถุก็ย่อมเป็นธาตุไม้ยืนพื้น ส่วนธาตุไฟซึ่งเป็นธาตุที่ขัดแย้งกันแทบจะไม่มี
‘มิติแก่นผลึกของข้าไม่เหมือนกับคนอื่น ดังนั้นแล้วโลกมิติส่วนตัวของข้าน่าจะยิ่งเหมือนจริงและมั่นคงกว่า!’
ในสมองของจ้าวเฟิงชัดเจน
ตอนนี้ ในแก่นผลึกของจ้าวเฟิงมีทั้งธาตุลม สายฟ้า น้ำ ไม้ ไฟต่างๆ
แม้กระทั่งจ้าวเฟิงคิดว่า ในตอนที่ธาตุทั้งห้าก่อตัวสำเร็จ
โลกมิติส่วนตัวของเขาจะกลายเป็นมิติของจริงได้หรือไม่
ในยามนี้ ทุกอย่างยังห่างไกลไปนิด
‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ เพิ่งจะฝึกฝนได้ถึงขั้นที่แปดระดับต่ำ ยังห่างจากห้าธาตุสมบูรณ์แบบอีกไกลนัก ในตอนนี้ เขาสร้างโลกมิติส่วนตัววายุอัสนีก่อนจะดีกว่า วันข้างหน้าหากมีเวลาค่อยฝึกให้สมบูรณ์
“ถึงเวลาเริ่มนำเขตแดนวายุอัสนีหลอมรวมด้วยแล้ว!”
อากาศรอบตัวจ้าวเฟิงเกิดชั้นเงาวายุอัสนีลอยขึ้น สายฟ้าและพายุดังครืนไม่ขาดสาย
เปรี้ยง เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ! จ้าวเฟิงควบคุมเขตแดนวายุอัสนี เปลี่ยนแปลงรูปร่างและตำแหน่ง ภายใต้การควบคุมที่แม่นยำของดวงตาซ้าย เขตแดนวายุอัสนีกับเงาสมจริงของโลกมิติส่วนตัวทับซ้อนกันอย่างสมบูรณ์แบบ
‘ต่อไปก็หลอมรวมและทำให้มั่นคงขึ้น!’
จ้าวเฟิงคุ้นเคยกับขั้นตอนเป็นอย่างดี
นำมิติแก่นผลึก เขตแดนวายุอัสนี เค้าโครงร่างของมิติส่วนตัว หลอมรวมทั้งสามเข้าด้วยกัน นี่จะต้องทำไปตามลำดับขั้นตอน ยืนหยัดไปไม่หยุดยั้ง
……
เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งปีก่อนจะเริ่มศึกชิงตำแหน่งรัชทายาท
หอควันสมุทรริมทะเลที่อยู่ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่ ยามนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเดินทาง
“เจ้าตำหนักปี้ พวกเรามาช้าไปแล้วรึไม่!”
เฒ่าประหลาดสวีหัวเราะฮ่าๆ พูดขึ้น
ตอนนี้หอควันสมุทรจับมือกับสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น ยิ่งรวมกับกลุ่มลอบสังหารที่พัฒนาอยู่ใต้ดินของเทพราตรีทมิฬ ต่อให้เป็นสำนักศักดิ์สิทธิ์สามดาวธรรมดาก็ไม่กล้ามาระรานพวกเขา
ริมทะเลทั้งแถบอยู่ในการควบคุมดูแลของหอควันสมุทร ตำหนักวิญญาณปฐพีก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร จากนั้น อิทธิพลอำนาจของหน่วยข่าวกรองหอควันสมุทรขยายเข้ามายังเขตชายแดนของแผ่นดินใหญ่อีกขั้น พัฒนาไปรวดเร็วมาก ทุกคนต่างยุ่งกันไปหมด
“ข้าเชื่อว่านายท่านจะต้องปูทางเดินต่อไปไว้ให้พวกเราที่นี่แล้วอย่างแน่นอน!”
แววตาของปี้ชิงเยวี่ยอ่อนโยน แฝงไว้ด้วยความระลึกถึง พร้อมพูดอย่างมั่นใจ
“นายท่านตามเซียนตวนมู่จากมา น่าจะเข้าร่วมกับฝั่งองค์ชายสิบสามตามตระกูลตวนมู่กระมัง!”
เทพราตรีทมิฬพูดเดา
การหมั้นหมายของจ้าวหยูเฟยและองค์ชายสิบสาม ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ต่อให้อยู่แถบชายฝั่งเช่นนี้ก็รู้ข่าวคราวอยู่เหมือนกัน อีกทั้งอำนาจเบื้องหลังองค์ชายสิบสามแผ่ขยายออกไปอีก เร็วยิ่งกว่าการขยายอำนาจของหอควันสมุทรด้วยซ้ำ
“ข้าเชื่อในสายตาของนายท่าน!”
ปี้ชิงเยวี่ยเอ่ยตามมาทันที
สีหน้าของเทพราตรีทมิฬกระอักกระอ่วน เขาเข้าใจดี ปี้ชิงเยวี่ยอาวรณ์จ้าวเฟิงมากเกินไป ยิ่งเมื่อรวมกับผลของตราผนึกดวงใจทมิฬด้วยแล้ว นางยินยอมพร้อมใจที่โดนจ้าวเฟิงจับเป็นเชลย
แต่เทพมารราตรีนั้นไม่เหมือนกัน เขายังหวังว่าหลังจากร้อยปีไปแล้วตนจะหลุดพ้นจากเงื้อมมือของจ้าวเฟิง แต่เขาก็จะยังคงอยู่ที่หน่วยลอบสังหาร คอยช่วยเหลือจ้าวเฟิงต่อไป
‘ถึงแม้องค์ชายสิบสามจะอายุน้อย แต่เป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา ยิ่งเมื่อรวมกับกลุ่มอำนาจเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ ก็มีสิทธิ์มากที่จะเอาชนะองค์ชายสี่ที่แข็งแกร่งที่สุดได้!’
เฒ่าประหลาดสวีคาดเดาในใจ หากนายท่านเข้าไปในสุสานราชวงศ์ ช่วยเหลือองค์ชายสิบสาม เช่นนั้นโอกาสชนะจะยิ่งมีมาก
“ตอนนี้พวกเรามาถึงมณฑลเฉียน ห่างจากราชวงศ์ต้าเฉียนอีกเพียงแค่เมืองเดียวเท่านั้น”
ใบหน้าของปี้ชิงเยวี่ยตื่นเต้นยินดี อีกไม่นานก็จะได้พบหน้านายท่านแล้ว
การเดินทางของหอควันสมุทรในครั้งนี้ ยังมีจานเจี๋ยเอ๋อร์ จักรพรรดิหนุ่มชุดดำแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น และราชันอีกสามสี่คน ทันใดนั้น เสียงหัวเราะเย็นเยือกก็ดังมาจากที่ไกล ทะลุผ่านชั้นวิญญาณและชั้นวัตถุ ทำเอาทุกคนใจสั่นสะท้าน หยุดฝีเท้าลงทันที
“พวกเจ้าคิดอยากจะไปราชวงศ์ต้าเฉียนงั้นรึ? ข้ารออยู่ที่นี่มานานแล้ว!”
เห็นเพียงเงาร่างคนในชุดดำ ทั่วทั้งร่างหุ้มล้อมด้วยแสงทมิฬ พุ่งเข้ามาราวกับดาวสีดำ
พลังอำนาจสายมารมืดฟ้ามัวดิน ทำให้ท้องฟ้ากว้างใหญ่ตกเข้าสู่โลกมืดหม่นไร้อากาศหายใจ
ราชันขอบเขตปราณเทวะที่บินอยู่ข้างๆ เสมือนโดนภูเขายักษ์พุ่งโจมตี กระอักเลือดออกมา รีบอ้อมออกไปทันที
เงาร่างคนที่มีแสงสีดำหุ้มล้อมอยู่เหมือนจอมมารทรงอำนาจมาเยือน มองลงมายังหอควันสมุทรทุกคน
“ท่านเป็นใครกัน ไยจึงมาขวางทางพวกเราเช่นนี้?”
สีหน้าของเฒ่าประหลาดสวีเคร่งขรึม รีบก้าวอออกมา กลิ่นอายและคำพูดของอีกฝ่ายสื่อถึงความเป็นศัตรูอย่างชัดเจน
ร่างของเทพราตรีทมิฬปรากฏขึ้น เข้าต้านพลังเซียนให้กับเหล่าสมาชิกด้านหลัง
มิฉะนั้น ราชันที่รวมจานเจี๋ยเอ๋อร์รวมอยู่ในนั้นด้วย เกรงว่าจะโดนกลิ่นอายพลังของเซียนคนนี้เข้ากดดันจนตาย
ปี้ชิงเยวี่ยเผยสีหน้าตื่นตะลึง “วังเก้านิรย เซียนโม๋ยวน!”
“ฮ่าๆ หอควันสมุทรหักหลังวังเก้านิรย ข้าไม่มีสิทธิ์จัดการงั้นรึ?”
ในม่านแสงดำ เซียนโม๋ยวนผู้สูงส่งยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม ท่าทางบ้าคลั่ง
วังเก้านิรย! ใจของทุกคนหล่นวูบ
วังเก้านิรยคือสำนักสามดาวระดับสุดยอด สำนักสายมารอันดับหนึ่งแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน สำหรับพวกเขาแล้ว นี่คือบุคคลที่ยิ่งใหญ่ ต่อให้เป็นหอควันสมุทรที่พัฒนาขึ้นในวันนี้ก็ไม่อาจเทียบได้ และเซียนโม๋ยวนก็คือเซียนเก่าแก่ของวังเก้านิรย ปิดด่านฝึกตนมานาน พลังอำนาจลึกล้ำยากที่จะหยั่ง
“หอควันสมุทร เดิมก็ไม่ได้เป็นของวังเก้านิรยอยู่แล้ว!”
แววตาของปี้ชิงเยวี่ยฉายแววเด็ดเดี่ยว
ในยามนี้หอควันสมุทรพัฒนาไปจนถึงขั้นสามดาวแล้ว รากฐานมั่นคงกว่าสำนักศักดิ์สิทธิ์สามดาวทั่วไปด้วยซ้ำ อีกทั้งยังขยายพื้นที่ไปได้กว้างกว่า
มิหนำซ้ำพวกเขาในตอนนี้ยังมีเซียนอีกสอง ใช่ว่าจะไม่มีพลังในการต่อต้าน
ขอเพียงแค่เข้าไปในเมืองของวังหลวง เชื่อว่าเซียนโม๋ยวนไม่กล้าลงมืออย่างแน่นอน
ปี้ชิงเยวี่ยยังเชื่อมั่นอีกว่า องค์ชายที่นายท่านช่วยเหลือจะต้องชิงตำแหน่งรัชทายาทมาได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น หากวังเก้านิรยคิดจะลงมือกับหอควันสมุทร ก็ต้องคิดทบทวนให้ดีก่อนเป็นแน่
“เหอะ ข้าว่าใช่ เช่นนั้นก็ใช่!”
เซียนโม๋ยวนแค่นเสียงเย็น ในตาเฉียบขาดจ้องมองข้างหน้า พลังกดดันมหาศาลพลันเพิ่มขึ้นทันใด เป็นแค่จักพรรดิ กลับกล้ากระด้างกระเดื่องกับเขา!
คำพูดของปี้ชิงเยวี่ย เซียนโม๋ยวนไม่สบอารมณ์นัก
“พวกเจ้าถอยไปก่อน!”
ใบหน้าเฒ่าประหลาดสวีจริงจัง เซียนโม๋ยวนนี่แข็งแกร่งกว่าที่คิดเอาไว้
การต่อสู้ของขั้นเซียน แค่เพียงควันหลงการโจมตีแบบส่งๆ ก็สามารถฆ่าราชันระดับธรรมดาได้ในชั่วพริบตา
แม้กระทั่งพลังจักรพรรดิชั้นยอดอย่างปี้ชิงเยวี่ยก็ทำได้เพียงถอยไป
“มดปลวกฝูงหนึ่ง!” เซียนโม๋ยวนมองท่าทีของพวกหอควันสมุทร ยิ้มเย้ยหยันออกมา
“เซียนเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มสองคน คิดจะต่อต้านข้างั้นรึ!”
แสงทมิฬที่หุ้มล้อมทั่วร่างเซียนโม๋ยวนพลันแผ่ยืดออกมา เหมือนรยางค์สีดำสองเส้นโบกสะบัดไปมาใกลางอากาศ กลิ่นอายสายมารอันเหี้ยมโหดพุ่งตรงไปยังเทพราตรีทมิฬและเฒ่าประหลาดสวี ชวนให้ทั้งสองใจสั่นสะท้าน
ในตอนที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะลงมือ
ฟุ่บ!
กลิ่นอายพลังมหาศาลพุ่งมาจากที่ไกล พลานุภาพยิ่งใหญ่ไร้รูปร่าง แฝงไว้ด้วยแสงพร่างพรายลายมังกรขนาดใหญ่ ทุกที่ที่ผ่านไปสรรพสิ่งนับไม่ถ้วนล้วนศิโรราบจากก้นบึ้งจิตใจ
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
เสียงทรงอำนาจของบุรุษดังขึ้น
“หนานเฟิงอ๋อง นี่เจ้าหมายความว่ายังไงกัน? เรื่องของข้า เจ้าคิดจะยื่นมือเข้ามายุ่งงั้นรึ?”
ใบหน้าของเซียนโม๋ยวนบึ้งตึง มองไปยังหนานเฟิงอ๋องที่รีบร้อนมาแต่ไกล
“หนานเฟิงอ๋อง!” ฝั่งหอควันสมุทรเผยสีหน้ายินดี
จ้าวเฟิงและหนานเฟิงอ๋องมีมิตรภาพแน่นแฟ้นเป็นอย่างมาก เชื่อว่าหนานเฟิงอ๋องจะต้องไม่นิ่งดูดายเป็นแน่
เทพราตรีทมิฬและเฒ่าประหลาดสวีแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อครู่กลิ่นอายที่ปะทุออกของเซียนโม๋ยวน ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ยามนี้หากมีหนานเฟิงอ๋องเพิ่มมาแล้ว ในใจของพวกเขาจึงจะมั่นใจขึ้นมาได้อีกส่วน
“ยังดีที่….”
สายตาของหนานเฟิงอ๋องมายังหอควันสมุทรทุกคน เมื่อเห็นไม่มีใครตายหรือได้รับบาดเจ็บ จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ดีที่เขาจัดกำลังคนเอาไว้ เมื่อหอควันสมุทรมาถึงมณฑลเฉียน เขาก็ได้รับรายงานข่าวแล้วจึงรีบตามมา
เขาสัญญากับจ้าวเฟิงเอาไว้ หากทำเสียเรื่องก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็คิดไม่ถึงว่าวังเก้านิรยจะส่งเซียนโม๋ยวนมาเฝ้าที่นี่ไว้
“ตอนนี้จ้าวเฟิงเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของหอควันสมุทร จ้าวเฟิงเป็นสหายของข้า เจ้าทำเช่นนี้ จะให้ข้านิ่งเฉยดูดายได้อย่างไร!”
เมื่อเผชิญหน้ากับการซักไซ้ไล่เรียงของเซียนโม๋ยวน หนานเฟิงอ๋องไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย ทั่วทั้งร่างปะทุพลังแห่งชะตาราชวงศ์ที่ไร้รูปร่าง ในอากาศปรากฏแสงลายมังกรเลือนรางหลายตัว วนล้อมอยู่รอบตัวเขา
หลังจากที่หนานเฟิงอ๋องบรรลุขั้นเซียนแล้ว ก็ได้รับการปูนบำเหน็จเพิ่มบรรดาศักดิ์ ได้รับพลังชะตาราชวงศ์เพิ่มมากขึ้น เมื่อรวมกับพลังบำเพ็ญเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มของเขา พลังที่แท้จริงก็พุ่งถึงเทวาเร้นลับชั้นต้น
เซียนโม๋ยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ในด้านหลักเหตุผล การกระทำของหนานเฟิงอ๋องไม่มีอะไรผิดพลาด
“หอควันสมุทรเคยเป็นอำนาจของวังเก้านิรย การแย่งชิงของจ้าวเฟิง ทำให้ผู้นำระดับสูงของวังเก้านิรยโกรธแค้นยิ่งนัก หากไม่ใช่ว่ามันหลบอยู่ในวังหลวง ใครกันจะปกป้องมันได้!”
เมื่อเผชิญหน้ากับหนานเฟิงอ๋อง เซียนโม๋ยวนใช้เหตุผล หากแต่พลังมารไม่ลดลง รัศมีอำนาจแผ่กระจาย ที่จริงแล้ว การทำลายหอควันสมุทรและฆ่าจ้าวเฟิงยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง
เจ้าลัทธิมารเก้านิรยและจักรพรรดิทั้งสี่ที่ส่งไปรอบที่สองล้วนโดนจ้าวเฟิงสังหารสิ้น
หากวังเก้านิรยยังปล่อยจ้าวเฟิงไป ในวันหน้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“วังเก้านิรยยืนอยู่ข้างองค์ชายสิบสาม แต่กลับลงมือกับอำนาจอิทธิพลข้างองค์ชายเก้า เรื่องนี้องค์ชายสิบสามยังไม่รู้เรื่องละสิ!”
หนานเฟิงอ๋องเอ่ยขึ้นอีก ใช้กฎของศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทมาผูกมัดเซียนโม๋ยวน
ศึกชิงรัชทายาท ไม่อนุญาตให้ลงมือกระทำการใดที่ทำลายพลังอำนาจทุกส่วนขององค์ชาย
หอควันสมุทรตกตะลึงทันที
จ้าวเฟิงไม่ใช่ว่าตามผู้อาวุโสตวนมู่ชิงไปรึ ทำไมจึงเข้าร่วมกับองค์ชายเก้า?
อีกทั้งในศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทครั้งนี้ องค์ชายเก้าคือผู้ที่ถูกจัดอันดับความแข็งแกร่งทุกส่วนอยู่ค่อนข้างต่ำ ความหวังในการชิงตำแหน่งรัชทายาทได้มีเพียงน้อยนิดเท่านั้น
“ฮ่าๆ จ้าวเฟิงแค่ช่วยเหลือองค์ชายเก้าส่วนตัวเท่านั้น หอควันสมุทรอยากจะเข้าฝักฝ่ายด้วย คงยังไม่ได้รับการเห็นด้วยจากองค์ชายเก้ากระมัง!”
เซียนโม๋ยวนหัวเราะขึ้นทันใด เรื่องแบบนี้ ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ก็คิดจนละเอียดดีแล้ว
หนานเฟิงอ๋องชะงักสีหน้า เรื่องนี้เป็นเช่นนี้จริงๆ กลุ่มอำนาจใดก็แล้วแต่ที่อยากเข้าร่วมฝั่งขององค์ชาย จะต้องได้รับการเห็นด้วยเสียก่อน แต่เหล่าองค์ชายจะปฏิเสธกลุ่มอำนาจที่ต้องการมาเข้าร่วมกับตนเองได้อย่างไร
ดังนั้นตรงจุดนี้จึงโดนหลายคนละเลยไป
“หนานเฟิงอ๋อง ขอเตือนว่าเจ้าอย่าสอดมือจะดีกว่า!”
เซียนโม๋ยวนแค่นหัวเราะเสียงเย็น ก่อนลงมือทันที ต่อให้หนานเฟิงอ๋องขัดขวาง เขาก็จะทำลายหอควันสมุทรทั้งหมดให้จงได้
ฟุ่บ ฟู่ ฟู่!
แสงมารทั่วร่างเซียนโม๋ยวนแผ่กระจายออก รยางค์ลำแสงมารนับไม่ถ้วนราวกับปีศาจจากยุคโบราณ พลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวของเซียนสายมารปะทุออกทั้งหมด
อากาศรอบทิศเหมือนบิดเบี้ยว กลิ่นอายพลังกดดันมหาศาล ทำเอาเซียนที่อยู่ตรงนั้นเกรงกลัวจนใจสั่น
“เทวาเร้นลับ…ชั้นสูง!”
หนานเฟิงอ๋องเอ่ยคำสะดุด