บทที่ 992 ศึกชี้ขาด
ถึงแม้เขาวงกตเคลื่อนที่จะดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว แต่การต่อสู้ของจ้าวเฟิงและหยูเทียนฮ่าวยังคงดึงดูดสายตาจากผู้คนจำนวนมากได้ นั่นเป็นการปะทะของสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทานและสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบเชียว
ในยามที่หยูเทียนฮ่าวปะทุกำลังรบไร้เทียมทาน กลับพ่ายแพ้อย่างน่าประหลาด
ยอดฝีมือในสุสานราชวงศ์สามารถมองภาพเหตุการณ์จากลูกทรงกลมมายาได้เท่านั้น แต่สัมผัสถึงกลิ่นอายอะไรไม่ได้
สถานการณ์การต่อสู้นั้นก็ถูกกลบไปจนสิ้นเพราะพายุทราย
“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์กลับโจมตีจนสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทานพ่ายไปได้!”
ปฐมเซียนคนหนึ่งจิตใจสั่นสะท้าน
ในลำดับสายเลือดวิถีราชา ลำดับของสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทานสูงกว่าสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบอยู่ขั้นหนึ่ง และดูจากการสำแดงในขณะนั้น พลังของหยูเทียนฮ่าวก็แข็งแกร่งกว่าเช่นกัน
ความคลุมเครือทั้งหมดล้วนถูกพายุทรายมืดฟ้ามัวดินกลบไป
ในวังหลวงราชวงศ์ต้าเฉียน ภาพเงาบนม่านแสงมหึมายิ่งดูเลือนราง มองเห็นเหตุการณ์ได้ไม่ชัดเจน
“หยูเทียนฮ่าวแพ้ได้อย่างไร!”
หยูเหลิ่งหวาแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยคุณสมบัติพิเศษของสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทาน จะยิ่งสู้ยิ่งแกร่งกล้า พลังยิ่งแข็งแกร่ง
มีเพียงแค่กลอุบายต้องห้ามจำนวนน้อยนิด จึงจะสามารถสร้างผลกระทบต่อมันได้
ไม่นานเท่าไร หยูเทียนฮ่าวได้ชัยชนะครบสิบครั้ง ชนะสิบแพ้สิบ เป็นเงื่อนไขที่ต้องออกจากเขาวงกต หยูเทียนฮ่าวเลือกถอนตัวออกทันที แต่เดิมเขาก็ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว รวมกับผลข้างเคียงของการกระตุ้นสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทาน ทำให้เขาไม่สามารถสู้ต่อไปได้
อีกทั้งการต่อสู้กับจ้าวเฟิงก็สิ้นสุดลง ความปรารถนาของเขาสมบูรณ์แล้ว
“เทียนฮ่าว เกิดอะไรขึ้น?”
หยูเหลิ่งหวารีบถามขึ้นโดยพลัน
“วิชาดวงตา!” หยูเทียนฮ่าวตอบง่ายๆ สองสามคำ
เขาก็รู้เช่นกัน สิ่งที่จ้าวเฟิงเชี่ยวชาญจริงๆ คือวิชาดวงตา
แต่คิดไม่ถึงว่า วิชาดวงตาของจ้าวเฟิงจะมาถึงขั้นที่สามารถยับยั้งคุณสมบัติพิเศษจากสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทานได้แล้ว
“ตอนนี้จำนวนชัยชนะเป็นเช่นไรบ้าง?” หยูเทียนฮ่าวถาม
“องค์ชายสี่หกสิบเอ็ดครั้ง องค์ชายสิบสามและองค์ายเก้าห้าสิบสองครั้ง!”
หยูเหลิ่งหวาบอกจำนวนชัยชนะในยามนี้
การสิ้นสุดของเขาวงกตเคลื่อนที่ เหลือเพียงช่วงเวลาสุดท้ายเท่านั้น
ในเขาวงกตเคลื่อนที่ยามนี้ เหลือไม่ถึงสิบห้าคน หนึ่งในนั้น องค์ชายสี่สามารถมั่นใจได้แล้วว่าชนะในรอบนี้แน่นอน ดังนั้น เขาเหลือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดไว้สามคน ก็เพื่อชิงพลังชะตามังกรเท่านั้น
ในกลุ่มขององค์ชายเก้า จิงข่ายก็ถอนตัวออกไปแล้วเช่นกัน
จะช่วยจิงข่าย จ้าวเฟิงต้องแยกจิตไป นอกจากนั้นแต่ละด้านของจิงข่ายเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งมาก
องค์ชายสิบสามก็เช่นเดียวกัน เหลือไว้สี่คนเดินไปมาในเขาวงกต และให้คนที่พลังค่อนข้างอ่อนแอทั้งหมดถอนตัวออกจากเขาวงกต
องค์ชายเก้าและองค์ชายสิบสามสบตากันจากที่ไกลๆ แรงกระตุ้นท้ารบอันไร้รูปร่างแผ่ซ่านออก
จำนวนของทั้งสองผลัดกันขึ้นนำมาโดยตลอด สุดท้ายแล้วใครแพ้ใครชนะ ยากที่จะคาดเดาได้
กลุ่มขององค์ชายเก้า เหลือเพียงจ้าวเฟิงและตาเฒ่าอิงที่อยู่ในเขาวงกต ส่วนฝั่งองค์ชายสิบสามมีสี่คน ดังนั้นต่อให้องค์ชายเก้ามีความช่วยเหลือจากจ้าวเฟิง ก็ไม่แน่ว่าจะชนะได้อย่างแน่นอน
“ดูสิ จำนวนชัยชนะขององค์ชายสิบสามเพิ่มขึ้นแล้ว!”
“หึ ศึกนี้ของจ้าวเฟิงใกล้จะจบลงแล้ว!”
“สุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ชนะกันแน่!”
ในชั่วขณะนั้น ใจของทุกคนลุ้นระทึก ให้ความสนใจกับจำนวนชัยชนะขององค์ชายเก้าและองค์ชายสิบสาม ถึงแม้ในใจของคนส่วนมาก ผู้ชนะสุดท้ายน่าจะเป็นองค์ชายสี่ แต่องค์ชายที่สามารถเข้าสู่รอบสุดท้ายไปช่วงชิงตำแหน่งกับองค์ชายสี่ได้ แน่นอนว่าจะเป็นองค์ชายที่มีชื่อเสียงและบารมีสูงที่สุดรองจากรัชทายาท
การจัดอันดับในท้ายที่สุดของการทดสอบรัชทายาทครั้งนี้ จะกำหนดชื่อเสียงและสถานะขององค์ชายในราชสำนักภายภาคหน้า
“ชนะห้าสิบสามครั้งกันหมดแล้ว!”
จำนวนชัยชนะขององค์ชายทั้งสองยังคงเท่ากัน
“เวลาไม่พอแล้ว!”
แววตาของจ้าวเฟิงกวาดไปทั่วทุกทิศ คนที่ใกล้ที่สุดมีเพียงเซียนมารทมิฬเท่านั้น
เช่นนั้นก็เป็นเจ้า! จ้าวเฟิงทะยานไปยังเซียนมารทมิฬทันที
“การทดสอบรัชทายาทสิ้นสุด สมาชิกที่ไม่ได้พบ ‘ฉากประลอง’ จงออกมา!”
กลางท้องฟ้า เสียงของผู้อาวุโสมายาดังก้อง
ทันใดนั้น เขาวงกตข้างใต้มีเสียงกระทบกันของโลหะจำนวนมากดังลอยออกมา เขาวงกตค่อยๆ หดเล็กลง
สมาชิกทั้งหมดในนั้นก็ล้วนออกมาหมดแล้ว
แต่เหนือเขาวงกต ทันใดนั้นก็มีลูกกลมว่างเปล่าสองลูกปรากฏขึ้น
นี่คือศึกที่เพิ่งเริ่มขึ้นก่อนการทดสอบรัชทายาทจะจบสิ้นลง
หนึ่งในลูกกลมนั้นคือจีเติงเทียนและปฐมเซียนที่เป็นผู้ติดตามขององค์ชายสี่
ส่วนในลูกกลมอีกลูกหนึ่งคือจ้าวเฟิงกับเซียนมารทมิฬ!
“ช่วงสุดท้าย จำนวนชัยชนะขององค์ชายเก้าและองค์ชายสิบสามยังคงเสมอกัน!”
“แต่ว่าระหว่างเซียนมารทมิฬและจ้าวเฟิงยังมีการประลองกันอีกหนึ่งยก!”
“นี่คือศึกชี้ขาดขององค์ชายทั้งสองแล้ว!”
มือทั้งสองขององค์ชายสิบสามสั่นเทาเล็กน้อย “เซียนมารทมิฬ อยู่ที่เจ้าแล้ว!”
ถึงแม้ในคราแรกเซียนมารทมิฬจะแพ้ให้กับจ้าวเฟิง แต่องค์ชายสิบสามรู้ดีว่านั่นเป็นเพราะในตอนแรก เซียนมารทมิฬยังไม่ค่อยเข้าใจกฎเกณฑ์ของเขาวงกตเคลื่อนที่
จำนวนชัยชนะของเซียนมารทมิฬสูงสุดที่สุดในกลุ่มองค์ชายสิบสาม องค์ชายสิบสามยังคงเชื่อมั่นเซียนมารทมิฬอยู่มาก
แต่คู่ต่อสู้ของเขาคือจ้าวเฟิง นี่คือจุดที่องค์ชายสิบสามกังวล
จำนวนชัยชนะของจ้าวเฟิงสูงที่สุดจากคนทั้งหมด อีกทั้งจนถึงในตอนนี้ยังแพ้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
“จ้าวเฟิง เอาชนะเขาเสีย!”
แววตาขององค์ชายเก้าแน่วแน่ เขาเชื่อมั่นในจ้าวเฟิงเป็นอย่างยิ่ง
แต่ว่าทุกสรรพสิ่งล้วนไม่แน่นอน ความเหน็ดเหนื่อยของจ้าวเฟิง เป็นสิ่งไม่มีใครจะเทียบได้ จำนวนครั้งการต่อสู้ของจ้าวเฟิงแทบจะสูงกว่าทุกคน อีกทั้งเขายังใช้เคล็ดวิชาพิเศษบัญชาการจิงข่าย ช่วยแบ่งเบาความกดดันขององค์ชายเก้า
แกร๊ง เคร้ง! เขาวงกตไพศาลสีดำ สุดท้ายหดลงกลายเป็นเหล็กก้อนเล็ก ลอยมายังมือของผู้อาวุโสสูงสุด จากนั้นก็หายไป
“อันดับที่หนึ่งคือองค์ชายสี่ จำนวนชัยชนะหกสิบสองครั้ง อันดับที่สองรอผลตัดสินสุดท้าย….”
ผู้อาวุโสมายาพูดขึ้น
ในเสี้ยววินาทีนั้น สายตาของทุกคนมองไปยังลูกกลมเลือนรางที่จ้าวเฟิงและเซียนมารทมิฬอยู่เป็นตาเดียว
นั่นคือที่ราบผืนหนึ่ง บนที่ราบมีต้นไม้ประหลาดสูงถึงพันจั้งมากมาย
เซียนมารทมิฬและจ้าวเฟิงปรากฏขึ้นที่นี่พร้อมกัน
ทั้งสองไม่ได้แสดงจิตต่อสู้อาฆาต แต่กลับสงบเป็นอย่างมาก มองไปรอบๆ อย่างรอบคอบ
พวกเขาล้วนรู้ดี นี่คือศึกชี้ขาด จะประมาทไม่ได้
“ท่านอา ท่านอา ว่าวของข้าติดอยู่บนต้นไม้นั่น ช่วยข้าเอาลงมาหน่อยได้รึไม่?”
ข้างๆ จ้าวเฟิงและเซียนมารทมิฬ เด็กน้อยคนหนึ่งกระโดดโลดเต้น
“ทำไมถึงเป็น ‘ฉากประลอง’ นี้อีกเล่า!”
สีหน้าของเซียนมรทมิฬพรึงเพริด
ศึกแรกของเขาและจ้าวเฟิงคือเหตุการณ์ฉากนี้ เด็กคนนี้ก็พูดแบบนี้ และศึกชี้ขาดตาสุดท้ายเหมือนจะกลับมายังจุดเริ่มต้น กลับมายังเหตุการณ์นี้ ทว่าเนื้อหาของเหตุการณ์เหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลง เห็นเพียงรอบด้านของทั้งสองมีต้นไม้ประหลาดสูงถึงพันจั้งนับไม่ถ้วน บนยอดของทุกต้นแทบจะมีว่าวอยู่สี่ถึงห้าตัว
“สหายน้อย ว่าวของเจ้าเป็นเช่นไรรึ?”
เซียนมารทมิฬพยายามฝืนแสดงรอยยิ้มอบอุ่นออกมา
เหตุการณ์ในตอนนี้ มีว่าวอย่างน้อยๆ นับพันนับหมื่นตัว
ดังนั้นแน่นอนว่าจะต้องถามถึงลักษณะว่าวของเด็กคนนี้ให้ได้ก่อน จึงจะสามารถไปหยิบมา
“บนนั้นมีตา มีเส้น น่ารักเป็นอย่างมาก….”
เด็กน้อยคนนี้ใช้วิธีของเขาอธิบาย
“นี่….” เซียนมารทิมฬมืดแปดด้าน เขาอยากจะซัดเจ้าเด็กนี่ให้ตายในฝ่ามือเดียวนัก แต่เขาจะบุ่มบ่ามไม่ได้ นี่คือศึกชี้ขาดสุดท้าย เขาจะต้องชนะ ไม่เพียงแต่เพื่อให้องค์ชายสิบสามชนะองค์ชายเก้า ยิ่งไปกว่านั้นคือเพื่อตัวเขาเอง เขาต้องชนะจ้าวเฟิง ทว่าจากการบรรยายของเด็กคนนี้ เซียนมารทมิฬสามารถตัดว่าวบางส่วนทิ้งไปได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน
ฟุ่บ ฟู่ ฟู่! ปีกที่หลังของจ้าวเฟิงปะทุแสงอัสนีแวววาวออก ทะยานไปที่ไกล
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? จ้าวเฟิงรู้แล้วรึว่าว่าวของเด็กนี่เป็นเช่นไร?”
เซียนมารทมิฬตกใจทันใด ในใจสับสนวุ่นวาย
“นั่นคือว่าวสีแดง!”
เซียนมารทมิฬพลันตื่นตกใจ รู้แจ้งกระจ่างชัด ในการดวลครั้งแรกของเขาและจ้าวเฟิง มีเพียงว่าวสีแดงตัวเดียว เซียนมารทมิฬเพียงคิดย้อนไปนิดเดียว ก็สามารถนึกถึงลักษณะของว่าวตัวนี้ได้ หรือก็หมายความว่า ว่าวสีแดงตัวนี้มีโอกาสสูงที่จะเป็นว่าวของเด็กคนนี้
“มารทมิฬหลบหลีก!”
เซียนมารทมิฬสำแดงเคล็ดวิชาความเร็วทันใด ที่ขาทั้งสองปรากฏแสงสีดำนับไม่ถ้วนวาดออก ไล่ตามจ้าวเฟิงไปอย่างเร็วรี่ ถึงแม้จะถูกจ้าวเฟิงชิงลงมือไปก่อน แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่มีโอกาส
ครั้งนี้ทั้งสองเตรียมตัวรับมือกับแรงดึงดูดยามขึ้นไป ประสิทธิภาพจึงเร็วยิ่งขึ้น
ฟุ่บ! จ้าวเฟิงมาถึงยังยอดไม้ของต้นไม้ต้นหนึ่ง มือจับว่าวตัวหนึ่งเอาไว้
“จ้าวเฟิง ส่งว่าวมาเดี๋ยวนี้!”
เห็นเพียงเซียนมารทมิฬปลดปล่อยพลังเงาโลกมิติส่วนตัวเข้าปกคลุมไปทั่วทุกด้าน อีกทั้งตัวเขาก็สำแดงเคล็ดวิชาความเร็วพุ่งไปยังจ้าวเฟิง
ฟิ้ว ฟุ่บ ฟุ่บ! จ้าวเฟิงหมุนตัว ร่อนลงมายังเบื้องล่าง
ในขณะเดียวกัน โลกมิติส่วนตัววายุอัสนีของเขาก็สำแดงออกมา
บึ้ม ฉัวะ ฉัวะ! จ้าวเฟิงและเซียนมารทมิฬพร้อมด้วยพลังโลกมิติส่วนตัวของแต่ละคนปะทะเข้าหากัน
ครั้งนี้เซียนมารทมิฬไล่ตามจ้าวเฟิงได้ค่อนข้างทันเวลา ระยะทางที่จ้าวเฟิงดิ่งลงจึงค่อนข้างสั้น การระเบิดพลังไม่รุนแรง
บึ้ม! เงาของทั้งสองต่างถอยหลังไปนับสิบจั้ง
เซียนมารทมิฬมีของล้ำค่าที่สามารถทำให้คุ้นชินกับมิตินี้ได้ เงาโลกมิติส่วนตัวของเขาจึงสามารถหลอมรวมเข้าไปในอากาศได้ ภายใต้การปะทะกันของพลังโลกมิติส่วนตัว จ้าวเฟิงไม่ได้เปรียบอะไร แต่นี่ก็ทำให้ยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยด้านนอกตกตะลึงได้แล้ว
โลกมิติส่วนตัวของจักรพรรดิ สามารถต้านทานเงาโลกมิติของเซียนได้
“มิติส่วนตัวของเขา!”
เซียนมารทมิฬใบหน้าเคร่งเครียด ถึงแม้เขาจะเคยเห็นโลกมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิง
แต่คิดไม่ถึงว่าโลกมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิงจะมีอานุภาพมากถึงเพียงนี้
บึ้ม! จ้าวเฟิงดิ่งลงมาอีกครั้ง พลังของโลกมิติส่วนตัวทั้งสองกลุ่มระเบิดปะทะเข้าด้วยกัน
“เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า!”
จ้าวเฟิงโคจรดวงตาซ้ายทันใด เพลิงอัสนีม่วงทองโปร่งแสงกลุ่มหนึ่งฟาดโจมตีไปยังร่างของเซียนมารทมิฬ
ฟิ้ว ฟุ่บ ฟุ่บ!
ถือโอกาสในยามที่เซียนมารทมิฬโดนโจมตี จ้าวเฟิงบินเฉียดผ่านอีกฝ่าย มุ่งไปยังเด็กน้อยคนนั้น
“อย่าหนี!” เซียนมารทมิฬดิ้นรนพักหนึ่งก็หลุดออกจากวิชาดวงตาของจ้าวเฟิง
อันดับแรก พลังวิญญาณของตัวเขาอยู่เหนือเซียนทั่วไป รวมกับเขามีของล้ำค่าศาสตร์วิญญาณ ต่อให้ในวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงมีพลังอัสนีเทวะ ก็ทำให้เขาบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ฟุ่บ!
มือของจ้าวเฟิงเพียงสะบัด ก็พลันปล่อยฝูงสัตว์อสูรและวานรทองสะท้านฟ้าออกมา ป้องกันข้างหลังเอาไว้
ฟิ้ว ฟุ่บ ฟุ่บ!
จ้าวเฟิงมายังข้างกายของเด็กน้อย
“ว่าวนี่….” เด็กน้อยมองมายังจ้าวเฟิง สีหน้าคล้ายมีแววลังเลอยู่บ้าง
แววตาของจ้าวเฟิงเคร่งเครียด แอบร้องในใจว่าแย่แล้ว
ว่าวตัวนี้ใช้วัสดุพิเศษเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีพลังกฎเกณฑ์อันพิสดาร ไม่มีทางเก็บไว้ในมิติเก็บของได้
การต่อสู้เมื่อครู่ ส่งผลให้รูปร่างของว่าวตัวนี้บิดเบี้ยวเล็กน้อย
ยิ่งเมื่อรวมกับเเววตารังเกียจของเด็กน้อยที่มองมายังจ้าวเฟิง นี่คือการเหยียดหยามจากตัวละครที่ไม่ใช่ผู้แข่ง! ต่อให้ว่าวนี่เป็นของเด็กคนนี้ ยามนี้ผลลัพธ์ก็ไม่เหมือนเก่าแล้ว