Skip to content

Library Of Heaven’s Path 173

ตอนที่ 173 หยางชวน ไปตายซะ

คนทั่วไปจะใช้กระสอบป่านกับไม้กระบองก็ต่อเมื่อจะจับหมูเท่านั้น เมื่อได้ยินว่าสิ่งของดังกล่าวจะถูกนำมาใช้เพื่อช่วยเขาให้ก้าวไปยังวรยุทธขั้นสูงขึ้น จวงเชียนรู้สึกถึงเลือดที่พุ่งขึ้นมาคั่งในอก ใบหน้าของเขากระตุกอย่างหยุดไม่ได้

ถ้าไม่ใช่เพราะฝึกควบคุมตัวเองมาหลายต่อหลายปีในฐานะปรมาจารย์ เขาคงระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว

มีอยู่ไม่กี่วิธีเท่านั้นที่ปรมาจารย์ใช้ในการชี้แนะวรยุทธ นั่นคือ จัดระเบียบการฝึกวรยุทธของคนผู้นั้นเสียใหม่ ชี้ให้เห็นข้อบกพร่องในการฝึก และให้กินยาเท่าที่พิจารณาแล้วว่าเหมาะสม แต่หมอนี่ใช้กระสอบป่านกับไม้กระบอง…

จะบ้ารึ!

กระสอบป่านจะช่วยยกระดับวรยุทธได้อย่างไร?

คนอื่นเขากินยาเพื่อช่วยยกระดับวรวยุทธ ตกลงเราจะต้องเคี้ยวไอ้กระสอบป่านนี่หรือ?

แถมยังเรียกองครักษ์พร้อมไม้กระบองครบมือมาด้วย…

การดวลนั้นสามารถกระตุ้นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในของคนๆหนึ่งออกมาได้ และมันก็เป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้ในการฝ่าด่านวรยุทธ แต่…องครักษ์ในคฤหาสน์ของแกก็ล้วนแต่เหยาะแหยะเกินไปทั้งนั้น!

ฉันเป็นนักรบทงฉวนขั้นสูงสุด! ต่อให้เจ้าพวกนี้มีทั้งโล่ทั้งดาบ ก็ไม่ระคายผิวฉันหรอก

“นี่…” ฟังคำสั่งแล้ว ซุนฉางเดินเกาศีรษะออกไปอย่างงงงวย หลังจากอยู่กับปรมาจารย์มาระยะหนึ่ง เขารู้แล้วว่าทุกสิ่งที่ปรมาจารย์ทำล้วนแต่อยู่เหนือจินตนาการ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่าครั้งนี้ปรมาจารย์จะทำอะไร

แต่ถึงอย่างไร ในเมื่อออกคำสั่งเช่นนั้นแล้ว ก็แปลว่าปรมาจารย์คงมีเหตุผลส่วนตัว ในฐานะพ่อบ้าน แค่ทำตามคำสั่งก็พอ ดังนั้นซุนฉางจึงรวบรวมองครักษ์มา 7-8 คน โดยทุกคนมีไม้กระบอง พวกนั้นยังนำกระสอบป่านมาสี่ใบด้วย

“นายท่าน!” เมื่อเข้ามาในห้อง เหล่าองครักษ์คำนับอย่างพร้อมเพียงกัน

“ปรมาจารย์จวงปรารถนาจะยกระดับวรยุทธ เขาหวังว่าพวกเธอจะช่วยได้” จางเซวียนพยักหน้า

“เป็นเกียรติของพวกเราที่ได้รับใช้ท่านปรมาจารย์…” องครักษ์สองสามคนชะงัก ก่อนจะมีสีหน้ายินดีปรีดา

ตอนซุนฉางนำพวกเขาเข้ามา ได้บอกก่อนแล้วว่าผู้อาวุโสสามคนที่อยู่ในห้องคือปรมาจารย์ ด้วยขีดความสามารถของพวกเขาในตอนนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้พบปรมาจารย์สักคนหนึ่ง การที่จะได้มีปฏิสัมพันธ์ด้วยนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ตอนนี้ พวกเขาได้รับโอกาสให้รับใช้ปรมาจารย์ จึงต้องปลื้มปริ่มเป็นธรรมดา

ถ้าปรมาจารย์จวงฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จและไม่ลืมความช่วยเหลือของพวกเขา ความมั่งคั่งและอำนาจก็จะไม่เป็นแค่ความฝัน

นี่คือการได้รับใช้ปรมาจารย์…

ช่างเป็นโอกาสที่หายากยิ่ง

“ต้องขอบคุณที่พวกเธอเต็มใจช่วยเขา!” จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจ เขาหันไปหาหลิวหลิง “ผมขอรบกวนปรมาจารย์หลิวให้ช่วยสกัดจุดชีพจรของปรมาจารย์จวงได้หรือไม่? เขาจะได้เคลื่อนไหวไม่ได้”

“สกัดจุดชีพจรหรือ?” จวงเชียนขมวดคิ้ว “ทำทำไม?”

ถ้าจุดชีพจรถูกสกัด นั่นหมายความว่าเขาจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ได้เลย

แกกำลังช่วยฉันฝ่าด่านวรยุทธไม่ใช่หรือ? ถ้าสกัดจุดพวกนั้น พลังปราณของฉันก็จะไหลเวียนไปทั่วร่างไม่ได้ และหากเป็นเช่นนั้นแล้ว จะยกระดับวรยุทธได้อย่างไร?

คนอื่นๆก็งุนงงกับคำพูดของจางเซวียน

“ถ้าคุณอยากฝ่าด่านวรยุทธให้ได้ ทำตามที่ผมบอก” จางเซวียนมองเขาด้วยสายตามุ่งมั่น

เห็นสีหน้าของปรมาจารย์ ซุนฉางสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว

สีหน้าแบบนั้น…ก่อนหน้านี้ ตอนที่ปรมาจารย์สั่งให้เขาทำลายราชสีห์ของ

หลิงเทียนหยู่ เจ้านายก็มีสีหน้าแบบนี้เหมือนกัน…เขาเชื่อคำพูดของเจ้านาย แม้ว่าหลังจากนั้นจะถูกซ้อมปางตายก็เหอะ

ไม่ต้องสงสัยเลย ถ้าปรมาจารย์จวงเชื่อคำพูดของเจ้านายจะต้องโชคร้ายแน่ เจ้านายของเขาชอบหาเรื่องให้คนอื่นบาดเจ็บ ส่วนตัวเองก็ลอยนวล…

“ผม…” จวงเชียนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อเห็นจางเซวียนมองมาอย่างเฉยเมย

“ถ้าคุณไม่อยากฝ่าด่านให้สำเร็จ ก็ลืมที่ผมพูดซะ ผมจะได้ไม่ต้องเสียแรง” จากนั้นเขายกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างสุขุม ท่วงท่าสงบเยือกเย็นราวกับเทพก็ไม่ปาน

“ได้ ผมจะทำตามที่คุณบอกทุกอย่าง” ทีท่าของเจ้าของบ้านบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าเขาจะเต็มใจทำตามหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร จวงเชียนกัดฟันและหันไปทางหลิวหลิง “พี่หลิว ผมขอรบกวนด้วย”

แกต้องการให้ฉันยอมแพ้รึ? ฝันไปเถอะ?

ฉันจะดูว่าแกทำได้ตามที่พูดหรือไม่ ถ้าไม่สำเร็จอย่างปากว่าล่ะก็ เดี๋ยวได้เห็นกัน…

“ตกลง!”

แม้ว่าจะยังเคลือบแคลงกับคำพูดของ ‘คนจอมปลอม’ แต่หลิวหลิงก็พยักหน้าและก้าวออกมา เขาวางฝ่ามือลงบนร่างของจวงเชียน พลังปราณจากปลายนิ้วของเขาไหลเข้าสู่ร่างนั้น และสกัดจุดชีพจรหลักไว้ทั้งหมด

“เรียบร้อย” หลังจากถูกสกัดจุดชีพจรแล้ว จวงเชียนก็เคลื่อนไหวไม่ได้อีกต่อไป หลิวหลิงหันไปทางจางเซวียน

จางเซวียนเข้ามาตรวจสอบร่างของจวงเชียนอีกครั้งก่อนจะพยักหน้า

ปรมาจารย์หลิวผู้นี้ก็มิได้หละหลวม เขาสกัดจุดชีพจรไว้ได้ครบถ้วน

“เอาล่ะ หลังจากนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมหวังว่าปรมาจารย์ทั้งสองท่านจะไม่เข้ามาก้าวก่าย” จางเซวียนหันไปพูดกับหลิวหลิงและเจิงเฟย

“ได้!” แม้ทั้งคู่จะยังไม่แน่ใจในเจตนาของอีกฝ่าย แต่ก็พยักหน้าแสดงว่าตกลง

“เริ่มเลย!” จางเซวียนหัวเราะหึๆ รับกระสอบป่านจากมือซุนฉาง เขาเดินไปหาจวงเชียนแล้วเอากระสอบป่านคลุมศีรษะฝ่ายนั้น

“คุณคิดจะทำอะไร?” จวงเชียนกำลังคิดอยู่ว่าอีกฝ่ายจะช่วยเขาฝ่าด่านวรยุทธได้อย่างไร แต่เมื่อโดนกระสอบป่านคลุมศีรษะก็แทบจะกระอักเลือด

ฉันคือปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติ ไอ้การเอากระสอบป่านมาครอบหัวนี่หมายความว่าอย่างไร?

จางเซวียนไม่ใส่ใจเรื่องชวนอึ้งที่ตัวเองเป็นต้นเหตุ เขาหันไปทางองครักษ์และเอ่ย “คราวนี้ถึงตาพวกเธอแล้ว อยากช่วยปรมาจารย์จวงฝ่าด่านวรยุทธไม่ใช่หรือ? เริ่มได้เลย เอาไม้กระบองฟาดเขาให้หนักที่สุดเท่าที่พวกเธอจะทำได้!”

“ฮะ!” บรรดาองครักษ์กำลังสงสัยว่าปรมาจารย์ต้องการให้พวกเขาทำสิ่งใด แต่เมื่อได้ยินคำสั่ง ต่างก็แทบจะปล่อยโฮ

ปรมาจารย์หยาง ท่านเอาจริงหรือ?

ให้พวกเราฟาดคนที่เป็นปรมาจารย์ระดับหนึ่งดาวเนี่ยนะ?

ท่านบอกว่าท่านกำลังช่วยเขาฝ่าด่านวรยุทธไม่ใช่หรือ? หากทำเช่นนี้แล้วเขาจะซาบซึ้งในความช่วยเหลือของพวกเราได้อย่างไร?

ชีวิตของพวกเรายังสวยงาม ยังไม่อยากตาย…

“ทำไมล่ะ? รีบฟาดเขาเร็วๆเข้า! ไม่ต้องห่วง มีกระสอบป่านคลุมอยู่ เขาไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนฟาด” จางเซวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ถ้ายังกังวลล่ะก็ ทำไมพวกเธอไม่เอากระสอบป่านอีกสัก 2-3 ใบคลุมศีรษะของเขาล่ะ? ถ้าทำแบบนั้น ก็ไม่มีทางเลยที่เขาจะจำพวกเธอได้…”

“…”

คงจะดีกว่าถ้าจางเซวียนไม่พูดอะไรออกมา เพราะบรรดาองครักษ์ปล่อยโฮหนักกว่าเดิมเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็อีกฝ่ายเห็นหน้าพวกเขาอย่างชัดเจนแล้วตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามา เอากระสอบป่านคลุมหน้าตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร? แล้วฝ่ายนั้นก็ไม่ได้หูหนวก ต้องได้ยินทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว จะมีกระสอบป่านกี่ใบคลุมศีรษะอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้

เห็นภาพเช่นนั้นอยู่ตรงหน้า มุมปากของหลิวหลิงกับเจิงเฟยกระตุก ทั้งคู่สบตากันอย่างอึ้งตะลึง

นี่คุณกำลังช่วยเขาฝ่าด่านวรยุทธ…หรือคุณโมโหที่เขาสงสัย เลยอยากแก้แค้นเขากันแน่?

เราไม่เคยได้ยินว่ามีการฝ่าด่านวรยุทธด้วยวิธีเอากระสอบป่านมาคลุมศีรษะแล้วให้คนกลุ่มหนึ่งเอาไม้กระบองฟาด

แต่ในเมื่อพวกเขาได้ตกลงแล้วว่าจะไม่เข้าไปก้าวก่าย ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาจะมาพูดอะไร ต่างทำได้แค่นั่งหน้าชาและมองอย่างเงียบๆ

“ให้ไวหน่อย! นี่เป็นสิ่งที่ปรมาจารย์จวงตกลงใจแล้วนะ! พวกเธอแน่ใจหรือว่าจะรับผิดชอบไหวหากทำให้การฝ่าด่านวรยุทธของเขาต้องล่าช้าออกไป?”

จางเซวียนขมวดคิ้ว

ในเมื่อพูดดีๆแล้วองครักษ์ไม่ฟัง ก็จำเป็นต้องโมโหใส่

“ขอรับ…” บรรดาองครักษ์ต่างมีสีหน้าขมขื่น

พวกเขาคิดว่าการได้รับใช้ปรมาจารย์นั้นเป็นเกียรติอย่างไม่คาดฝัน แต่ก็ไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่าจะต้องทำเรื่องเช่นนี้…และในเมื่อนายท่านก็เป็นปรมาจารย์เช่นกัน พวกเขาก็มิบังอาจขัดคำสั่ง ทำได้แค่กัดฟันและลุยตามนั้น

“จัดการ!” ในเมื่อไม่มีทางเลือก ก็ไม่มีอะไรจะต้องกังวลแล้ว

เหล่าองครักษ์เดินเข้าหาปรมาจารย์จวงที่อยู่ใต้กระสอบป่าน ต่างเงื้อไม้กระบองฟาดเขาอย่างหนักหน่วง

ปึ้ก! ปั้ก! ปึ้ก! ปั้ก!

แม้จุดชีพจรของจวงเชียนจะถูกสกัดไว้ แต่ประสาทหูยังใช้การได้ดี เขาจึงได้ยินบทสนทนาทั้งหมด เมื่อรู้สึกถึงแรงหวดของไม้กระบองที่พุ่งเข้าใส่ร่างของเขาราวกับห่าฝน จวงเชียนหัวหมุน ฟางเส้นสุดท้ายของความรู้สึกผิดชอบชั่วดีแทบจะขาด

หยางชวน ไอ้เชี่ย!

แกช่วยฉันฝ่าด่านวรยุทธไม่ได้อยู่แล้ว! แกแกล้งฉัน…

ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ความโกรธพลุ่งพล่านไปทั่วร่างจนแทบจะทำให้ตัวเขาลุกเป็นไฟ

เขาเป็นปรมาจารย์มาหลายทศวรรษ ไม่เคยต้องเผชิญกับความอยุติธรรมเยี่ยงนี้ ถูกคลุมศีรษะด้วยกระสอบป่านและถูกฟาดด้วยไม้กระบอง

นี่คือการหยามเกียรติกันอย่างสุดจะบรรยาย!

หากคนที่ฟาดเขาเป็นผู้ทรงภูมิ นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เจ้าพวกองครักษ์ในคฤหาสน์นี้เป็นแค่นักรบขั้น 3 ขั้น 4 เท่านั้น…

ยิ่งไปกว่านั้นคือจุดชีพจรของเขาถูกสกัดไว้ พลังปราณจึงไม่อาจไหลเวียนไปทั่วร่างได้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่อาจเยียวยาอาการบาดเจ็บจากการถูกตี ทำได้แค่อดทนกับความเจ็บปวดจนสุดจะบรรยายที่แผ่ซ่านไปทั่วทุกส่วนในร่างกาย

กำลังโมโหจนแทบจะระเบิดอยู่ใต้กระสอบป่าน ก็ได้ยินเสียงของ ‘หยางชวน’ ดังขึ้น

“จุดที่เธอฟาดน่ะมันไม่ถูก ใช่ นั่นแหละ ตรงนั้นแหละ…”

ก่อนที่จวงเชียนจะทันได้คิดอะไร เขารู้สึกว่าถูกฟาดอย่างสุดแรงครั้งหนึ่งที่โหนกแก้ม ทิ้งความเจ็บปวดแสนสาหัสไว้ให้ จากนั้นอีกสองสามผัวะก็ตามมา

ตอนแรกเจ็บแค่ตัว ตอนนี้แม้แต่ใบหน้าก็ไม่เว้น

“ไอ้เวรตะไล…” จวงเชียนปากสั่น แทบปล่อยโฮ

นี่เรากำลังทำอะไร? ก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นคนหลอกลวง ยังไปขอให้มันช่วยฝ่าด่านวรยุทธให้ เราต้องตายแน่…

ใกล้จะเสียสติเต็มที ก็ได้ยินเสียงพูดจากด้านนอก “นายท่าน เราจะต้องฟาดเขานานแค่ไหน?”

องครักษ์คนหนึ่งอดถามไม่ได้

พวกเขาทำแบบนี้ตลอดไปไม่ได้แน่ มันจะต้องมีกำหนดเวลา

“นานแค่ไหนรึ? ขอคิดก่อน…เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน!” เสียงของหยางชวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ฟาดจนกว่าจะกระอักเลือดตายก็แล้วกัน…”

“ให้ฟาดจนกว่าฉันจะตาย? นี่แก…” จวงเชียนเดือดหนัก

ฉันมาที่นี่เพื่อฝ่าด่านวรยุทธ ไม่ได้มาฆ่าตัวตาย แกสั่งให้องครักษ์ฟาดฉันจนกว่าฉันจะตาย…หยางชวน นับจากนี้แกกับฉันเป็นอริกันตลอดชีวิต ถ้าฉันไม่ได้ฆ่าแก อย่ามาเรียกฉันว่าคนแซ่จวง…

จวงเชียนไม่อาจประณามอีกฝ่ายออกมาตรงๆได้ เขาอดกลั้นกับความเจ็บปวดแล้วรวบรวมพลังปราณทั่วร่างให้พุ่งไปยังจุดชีพจรที่ถูกสกัดไว้อย่างสุดแรง

หากทะลวงจุดชีพจรพวกนี้ให้เป็นอิสระไม่ได้ วันนี้เราต้องเป็นศพอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน…

แกไม่ได้ช่วยฉันฝ่าด่านวรยุทธเลย นี่จงใจฆ่ากันชัดๆ…

ยิ่งคิดก็ยิ่งเดือดดาล ถ้าความแค้นเป็นทรายกองหนึ่ง ในตัวเขาก็มีภูเขาย่อมๆแล้ว

“แรงกว่านี้อีก! นี่ไม่ได้กินข้าวกันมาหรือไง?” เสียงหนึ่งดังขึ้น

เปลือกตาของจวงเชียนกระตุก ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสทั่วร่างบวกกับการถูกหยามเกียรติ เขาควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป

บึ้ม!

เวลาผ่านไปเท่าไรไม่ทราบได้ ด้วยความพยายามอย่างแรงกล้าของจวงเชียน ในที่สุดจุดชีพจรที่ถูกสกัดไว้ก็ระเบิดออก ด้วยการกระชากเพียงครั้งเดียว กระสอบป่านที่คลุมศีรษะของเขาอยู่ถูกแรงระเบิดฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

บึ้ม!

ไม้กระบองในมือของเหล่าองครักษ์ก็แหลกเป็นชิ้นๆเช่นกัน

“หยางชวน ไปตายซะ…”

ด้วยเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว จวงเชียนดูเหมือนจอมเผด็จการ เขาเห็น ‘ ไอ้ปรมาจารย์จอมปลอม’ นั่งอยู่บนบัลลังก์อันสูงส่งและจิบชาอย่างสงบ

หมอนั่นมองเขาด้วยสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวและเอ่ยอย่างมีเมตตา “ปรมาจารย์จวง ระลึกถึงสถานภาพของคุณไว้หน่อย ในฐานะปรมาจารย์ คุณจะว่าร้ายผู้อื่นต่อหน้าธารกำนัลไม่ได้”

“ว่าร้ายห่าเหวอะไร? ฉันจะฆ่าแก…” จวงเชียนบ้าคลั่งหนักกว่าเดิม เขาตวาดก้องและเตรียมพุ่งเข้าใส่

แกลองมามีกระสอบป่านครอบหัว แล้วถูกฟาดด้วยไม้กระบองจนน่วมบ้างสิ

สถานภาพ? ไปลงนรกเถอะกับไอ้สถานภาพงี่เง่านี่!

ถ้าฉันไม่ได้ฆ่าแกด้วยมือตัวเอง อย่ามาเรียกฉันว่าปรมาจารย์อีก…

“ตรวจสอบระดับวรยุทธของคุณก่อนเถิด แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะฆ่าผมหรือไม่…” จางเซวียนไม่สนใจอาการโกรธเกรี้ยวของฝ่ายนั้น เขาค่อยๆหลับตาลง

“วรยุทธรึ?” จวงเชียนอึ้งไปชั่วขณะ เขาสำรวจวรยุทธของตัวเอง แค่รำลึกปราดเดียว นัยน์ตาของเขาก็หรี่ลง “มัน…มันเป็นไปได้อย่างไร?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version