ตอนที่ 96 ขอลองสอบดูบ้าง
“เป็นหญ้าเกล็ดมังกรจริงๆ ด้วย พวกเรามองผิดไปจริงๆ” เวลาผ่านไปสักพัก โอวหยางเฉิงจึงกล่าวออกมาแบบอายๆ
ในฐานะนักปรุงยาที่มีชื่อเสียงของอาณาจักรเทียนเซวียน ที่ผ่านมามีแต่เขาเป็นคนคอยถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้อื่น คิดไม่ถึงว่าวันนี้กลับถูกสั่งสอนเสียเอง
“ในเมื่อคำตอบคือหญ้าเกล็ดมังกรจริงๆ เช่นนั้นผลสอบของการสอบส่วนที่สองก็มีแต่คุณเท่านั้นที่สอบผ่าน ขอเพียงคุณมีพลังปราณของนักรบขั้นสาม คุณก็สามารถจะเป็นศิษย์ของนักปรุงยาได้”
ซุนเทาได้ยินคำพูดของโอวหยางเฉิงก็แทบจะเป็นลมล้มลงกับที่
เขาอาจจะเป็นผู้เข้าสอบที่ดวงซวยที่สุดก็เป็นได้ พวกบ้านี่เพิ่งจะประกาศว่าเขาสอบผ่านไปไม่ถึงสิบนาที อีกหนึ่งนาทีต่อมาก็มาบอกว่าเขาสอบตก คนอื่นเป็นฝ่ายสอบผ่านแทน
อย่ามาแกล้งกันแบบนี้จะได้ไหม อย่ามาแหกหน้ากันแบบนี้สิ
แต่เมื่อเห็นความสามารถในการจดจำที่น่าสะพรึงกลัวของจางเซวียน เขาเองก็ทำอะไรไม่ถูก ที่ทำได้ก็มีแต่เก็บความเศร้านี้ไว้ตรงก้นบึ้งของหัวใจ
ตอบสอบแข่งขันกับสัตว์ประหลาด ชนะมันได้ก็บ้าแล้ว
“รอจนสอบเสร็จก่อนเถอะ ข้าจะแอบหาที่เหมาะๆ ซัดมันให้เละไปเลย… ข้าอายุจะสามสิบอยู่แล้วนะโว้ย อายุมากกว่าแกนับสิบปี พลังปราณของข้าต้องแข็งแกร่งกว่าแกแน่นอน ข้าเป็นถึงนักรบขั้นสี่ระดับสูงสุด ไม่ว่าหน้าไหนก็ไม่กลัวทั้งนั้น”
ซุนเทารู้สึกเคียดแค้นจนตาพอง แต่ขณะที่เขากำลังคิดหาวิธีที่จะเล่นงานจางเซวียนอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงของจางเซวียนดังขึ้นอีกครั้ง
“อ๋อ ไม่ต้องห่วงครับ ผมเป็นนักรบขั้นห้าระดับสูงสุด” เมื่อจางเซวียนพูดจบก็แสดงพลังออกมาให้เห็น
ตูม!
ซุนเทาถึงกับผงะรัวๆ
ทำไมสวรรค์ถึงต้องโหดเหี้ยมขนาดนี้ด้วย ความจำเป็นเลิศยังพอว่า แต่พลังปราณยังสูงส่งเกินไปอีก ดีนะที่เมื่อกี้ข้ายังไม่ได้ลงมือซัดมัน ไม่งั้นคงถูกมันกระทืบจนเละเป็นปลาร้าแน่นอน
“เอาล่ะ ยินดีด้วย คุณได้กลายเป็นศิษย์ของนักปรุงยาแล้ว”
โอวหยางเฉิงเห็นว่าจางเซวียนผ่านเกณฑ์การสอบทุกอย่าง เขาจึงไม่รอช้ารีบหยิบแผ่นป้ายแผ่นหนึ่งออกมาจากเสื้อพร้อมกับส่งให้กับจางเซวียน “นี่คือแผ่นป้ายการเป็นศิษย์ของนักปรุงยา มีของสิ่งนี้ คุณก็จะสามารถเข้าออกหอสมุดชั้นล่างของสมาพันธ์นักปรุงยา เพื่อไปศึกษาหาความรู้ได้อย่างอิสระ หากต้องการซื้อยาที่สมาพันธ์ก็จะซื้อได้ราคาถูก และไม่ต้องเข้าแถวรอ”
ยาที่ทางสมาพันธ์นักปรุงยาขายให้กับคนภายนอกล้วนมีราคาสูง ถ้าคนภายในต้องการจะซื้อไว้ใช้เองก็จะได้ราคาที่ถูกกว่าด้านนอกมาก
แม้จะเป็นเพียงศิษย์ของนักปรุงยา แต่ก็ถือว่าเป็นคนภายในสมาพันธ์แล้ว
“ครับ” จางเซวียนรับแผ่นป้ายมาด้วยความยินดี
อุตส่าห์เสียเวลาตั้งนาน ทั้งหมดก็เพื่อที่จะได้เข้าไปอ่านหนังสือในหอสมุดนี่แหละ ในที่สุดก็บรรลุเป้าหมายจนได้
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ในฐานะการเป็นศิษย์ของนักปรุงยา คุณสามารถเลือกที่จะติดตามนักปรุงยาคนใดคนหนึ่งได้
การติดตามนักปรุงยาจะทำให้คุณได้มีโอกาสสัมผัสกับการปรุงยาและตัวยาชนิดต่างๆ ด้วยพรสวรรค์ที่คุณมี ผมเชื่อว่าอีกไม่กี่ปี คุณต้องได้เป็นนักปรุงยาตัวจริงอย่างแน่นอน”
โอวหยางเฉิงพูดไปก็มองหน้าจางเซวียนไป สายตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เลือกฉันสิ… เลือกฉัน
แววตาออดอ้อนนี้ชัดเจนมาก แน่ล่ะเขาต้องการจะให้จางเซวียนคอยติดตามเขา
ความสามารถในการจดจำของจางเซวียนสูงส่งจนน่ากลัว แถมยังมีพรสวรรค์อีก ถ้าได้รับการอบรมอย่างดี ไม่นานก็จะต้องกลายเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคมแน่ ถ้าจางเซวียนเป็นศิษย์ของเขา เขาเองก็จะพลอยได้รับการยกย่องตามไปด้วย
ตู้หม่านที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็มีความคิดแบบนี้เหมือนกัน เขามองจางเซวียนตาไม่กะพริบ
จางเซวียนเห็นท่าทางของทั้งสองดูคุกคามน่ากลัวก็รีบส่ายหัวทันที “ขอโทษนะครับ ผมยังไม่ได้คิดจะติดตามนักปรุงยาคนไหนเลย”
ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้เขาก็ยังเป็นอาจารย์ของโรงเรียนหงเทียนอยู่ แถมยังเป็นคนที่มาจากอีกโลกหนึ่ง ลำพังแก้ไขปัญหาส่วนตัวของตัวเองก็ลำบากมากแล้ว จะคอยไปรองมือรองเท้าคนอื่นให้ปวดหัวเพิ่มอีกทำไม
ล้อเล่นแบบนี้ไม่ตลกเลย
การเป็นศิษย์ของนักปรุงยา คนคนนั้นสามารถเลือกได้ว่าจะติดตามนักปรุงยาคนไหนหรือจะไม่ติดตามใครเลยก็ได้ ทั้งหมดเป็นสิทธิ์ของคนผู้นั้นล้วนๆ
“เป็นเพราะผมรีบร้อนเอง คุณเพิ่งจะกลายมาเป็นศิษย์ของนักปรุงยาได้ไม่นาน เอาไว้คิดดีแล้ว ค่อยมาหาผมก็ได้นะ” โอวหยางเฉิงเห็นจางเซวียนตอบปฏิเสธก็รู้ทันทีว่าตนรีบร้อนเผยไต๋จนเกินไป เขาจึงพูดแก้เขิน
“ถูกต้อง คุณลองกลับไปคิดดูให้ดีๆ ก่อนก็แล้วกัน การติดตามนักปรุงยาจะทำให้คุณเรียนรู้อะไรได้มากขึ้น จะสามารถกลายเป็นนักปรุงยาตัวจริงได้เร็วขึ้น” ตู้หม่านพยักหน้า
“ครับ” จางเซวียนรู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร เขาจึงตอบกลับรับคำไปอย่างนั้น สักพักเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้จึงถามออกไป “สมาพันธ์ของเรามียาที่สามารถเปิดจุดบนร่างกายมนุษย์ได้ไหมครับ”
ก่อนหน้านี้เคยถามคำถามนี้กับพนักงานคนหนึ่งแต่เธอตอบไม่ได้ ตอนนี้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นนักปรุงยาตัวจริงเสียงจริง ซ้ำยังเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดในสมาพันธ์อีกด้วย เขาต้องสามารถตอบคำถามนี้ได้แน่
“ยาเปิดจุดต่างๆ บนร่างกายมนุษย์งั้นหรือ” โอวหยางเฉิงกับตู้หม่านมองหน้ากัน “มันก็มีอยู่หรอกนะ แต่ว่าร่างกายมนุษย์แต่ละคนนั้นต่างกัน การใช้ยาก็จะต่างกันด้วย ถ้าใช้ยาผิดไปเพียงนิดเดียว ไม่เพียงแต่จะเปิดจุดไม่ได้ มิหนำซ้ำยังจะส่งผลกลับด้านอีกต่างหาก
จางเซวียนเคยอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้ว เขารู้ถึงปัญหานี้ดีแต่ก็ยังถามต่อ “ถ้างั้น… พอมีหนังสือเกี่ยวกับการปรุงยา สำหรับใช้เปิดจุดต่างๆ บนร่างกายมนุษย์ไหมครับ จะให้ผมยืมอ่านหน่อยได้ไหม?”
จุดพิเศษของสายเลือดมังกรบรรพกาลในตัวของหยวนเทายังไม่ถูกเปิดออก ดังนั้น คนที่รู้เรื่องนี้ยิ่งน้อยก็ยิ่งดี
แม้ว่านักปรุงยาทั้งสองจะดูท่าทางเป็นคนดี แต่ใจมนุษย์เป็นสิ่งที่ล่วงรู้ได้ยาก ไม่แน่ว่าเขาทั้งสองจะสามารถเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้ ดังนั้น เรื่องสายเลือดมังกรบรรพกาลให้คนรู้ยิ่งน้อยก็ยิ่งดี บอกแค่ว่าเป็นจุดพิเศษบนร่างกายก็พอ ไม่ต้องบอกว่าร่างกายของใคร ให้พวกเขาไปสงสัยกันเอง หากพวกเขาสงสัยว่าจางเซวียนอยากจะใช้ยาชนิดนี้เองก็ไม่เป็นไร
“หนังสือประเภทนั้นมีอยู่มากมาย แต่ถูกเก็บไว้ในหอสมุดชั้นสูง ตามกฎมีเพียงนักปรุงยาตัวจริงจึงจะสามารถเข้าไปหาข้อมูลได้ แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปหยิบออกมาให้คุณ” โอวหยางเฉิงส่ายหัว
“ถูกต้อง เทคนิคการปรุงยา และจุดต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ล้วนเป็นสิ่งที่มีเฉพาะนักปรุงยาตัวจริงเท่านั้นที่จะศึกษาและวิจัย เพราะฉะนั้น หนังสือที่เกี่ยวข้องจึงถูกเก็บไว้ในหอสมุดชั้นสูง ถ้าอยากจะดูจริงๆ คุณสามารถเลือกเป็นผู้ติดตามพวกเราทั้งสอง อาศัยพรสวรรค์ของคุณ ภายในเวลาหนึ่งปีคุณจะต้องได้เป็นนักปรุงยาระดับต้นแน่ๆ ถ้าเป็นแบบนั้น คุณอยากจะอ่านหนังสืออะไรก็อ่านได้ตามใจชอบ”
ตู้หม่านถือโอกาสช่วยออกความคิดเห็นให้กับจางเซวียน “นอกจากนี้ เมื่อเป็นนักปรุงยาตัวจริงแล้วเข้ามาอยู่ในสมาพันธ์นักปรุงยา คุณก็จะได้รับผลตอบแทนอย่างงามเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นซื้อยาหรือค้นหาสมุนไพรอะไร คุณก็จะได้รับสิทธิพิเศษ… เรื่องนี้คุณต้องคิดให้ดีๆ ล่ะ ถ้าอาศัยเพียงตัวคุณเองคนเดียว คิดจะเป็นนักปรุงยาก็จะต้องอาศัยเวลานานพอสมควร ถึงจะมีพรสวรรค์ดีเลิศก็ต้องใช้เวลาหลายปีเหมือนกันแหละ”
“ยืมก็ไม่ได้หรือครับ” จางเซวียนทำหน้าเซ็ง
ถ้าเป็นแบบนี้จริงก็หมายความว่า ความพยายามที่ผ่านมาก็สูญเปล่าน่ะสิ
การมาสอบเป็นศิษย์ของนักปรุงยา เรื่องนี้เขาต้องเสียเวลาและพลังงานไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ถ้าซุนเทา เหวินเซวี่ย และลุงหลี่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของจางเซวียน ทุกคนมีหวังต้องกระอักเลือดต่อหน้าจางเซวียนแน่ พวกเขาอุตส่าห์ตั้งใจนั่งอ่านนั่งท่องหนังสือมาเป็นเวลานาน น้อยที่สุดก็เสียเวลาไปราวหกเจ็ดปียังสอบไม่ผ่าน
แต่แกกลับใช้เวลาอย่างเก่งก็แค่สี่ชั่วโมง… ก่อนหน้านี้ ศิษย์ของนักปรุงยาคืออะไรแกยังไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำ
นี่เรียกว่าความพยายามอย่างนั้นหรือ
ถ้าของแกเรียกว่าความพยายาม แล้วของพวกเราจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ
“ถูกต้อง จะอ่านหนังสือในหอสมุดชั้นสูง อย่างน้อยผู้อ่านคนนั้นจะต้องเป็นนักปรุงยาตัวจริง นี่คือกฎของสมาพันธ์กลาง ถ้าคุณอยากจะเรียนรู้วิธีการปรุงยาเพื่อเปิดจุดต่างๆ ในร่างกายจริงๆ ล่ะก็ คุณจงคิดหาวิธีทำให้ตัวเองกลายเป็นนักปรุงยาซะ” โอวหยางเฉิงพูด
สำหรับโอวหยางเฉิง วิธีที่จะเป็นนักปรุงยาตัวจริงให้ได้ไวที่สุดก็คือการติดตามนักปรุงยาตัวจริง ส่วนตัวเขาเองเป็นนักปรุงยาที่เก่งที่สุดในอาณาจักรเทียนเซวียน แล้วแบบนี้ไม่เลือกติดตามเขาแล้วจะไปติดตามใคร
ขณะที่โอวหยางเฉิงคิดหาคำพูดที่จะตอบรับจางเซวียน เพราะคาดว่าจางเซวียนคงตัดสินใจเลือกที่จะติดตามตัวเขาอยู่นั้น เขาก็ได้ยินคำพูดของจางเซวียนดังขึ้น
“ในเมื่อ… จะต้องเป็นนักปรุงยาตัวจริงถึงจะสามารถอ่านหนังสือในหอสมุดชั้นสูงได้ งั้น… จะสอบเป็นนักปรุงยาต้องทำอย่างไรบ้างหรือครับ” จางเซวียนคิดไปคิดมาก็พูดขึ้น “ถ้าไม่มีทางเลือกอื่นอีก ผมจะขอลองสอบดูบ้าง”
“ถูกต้อง เป็นการเลือกที่ถูกต้อง ขอเพียงคุณติดตามผม ผมก็จะพยายามถ่ายทอดความรู้ให้กับคุณอย่างเต็มที่… เหวอ… คุณว่าอะไรนะ” โอวหยางเฉิงพูดได้สักพักก็เรียกสติกลับมาได้ เขาถึงกับอ้าปากค้างแล้วมองไปที่จางเซวียนแบบตาไม่กะพริบ
“พูดอีกทีซิ”