Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 171

Lord of the Mysteries 171

ตอนที่ 171 : เลื่อนขั้นเพิ่มค่าแรง

หลังออกจากบ้านอะซิก ไคลน์ขึ้นรถม้าสาธารณะกลับไปยังถนนดารารัตน์

ขณะเปิดประตูบ้าน ชายหนุ่มเหลือบเห็นใครบางคนกำลังนั่งในห้องทานอาหาร

ด้วยสัญชาตญาณ มันบีบไม้ค้ำในมือซ้ายทะมัดทะแมงพร้อมเพ่งสายตาจ้องมองอีกฝ่ายไม่กะพริบ

…แต่เพียงไม่นานก็ตระหนักได้ว่าเป็นความกังวลเกินเหตุ เธอคือเบลล่า สาวใช้คนใหม่ของครอบครัว

เบลล่าซึ่งกำลังจดจ่อสมาธิอยู่กับหนังสือพิมพ์ตรงหน้า พลันสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนเปิดประตู เบลล่ารีบหันมากล่าวด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

“ฉ…ฉันเพิ่งทำงานช่วงเช้าเสร็จ ก…กำลังรอให้น้ำเดือดจะได้ทานขนมปังเจ้าค่ะ”

…ไม่ชินกับการมีแม่บ้านสักที ไคลน์รำพันกับตัวเองก่อนถอดหมวกพยักหน้า

“การอ่านหนังสือเป็นเรื่องดี แม้จะมีงานหนักต้องทำ แต่ก็ยังหมั่นศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ ท่านเทพธิดาต้องพึงพอใจแน่”

มันหยิบยกพระนามเทพธิดามากล่าวอ้าง ในกรณีเผื่อเบลล่าเข้าใจผิดว่าตนกำลังประชดประชัน

แต่ในความเป็นจริง เทพแห่งการอ่านคือเทพปัญญาความรู้

อย่างไรก็ตาม ทุกโบสถ์ล้วนสนับสนุนการอ่านเพื่อพัฒนาศักยภาพของสาวก

ปัจจุบัน เบลล่าน่าจะอายุราวสิบแปด จากธรรมชาติของผู้ศรัทธาโบสถ์รัตติกาล พ่อและแม่ของเธอคงคอยสอนหนังสือตั้งแต่ยังเล็ก

ผู้ปกครองสาวกโบสถ์รัตติกาลมีแน้วโน้มจะสนับสนุนการเรียนของบุตรหลานหากกำลังทรัพย์เอื้ออำนวย ถึงจะเข้าโรงเรียนรัฐหรือเอกชนไม่ได้ แต่ก็ยังมีโรงเรียนกุศลวันอาทิตย์ของโบสถ์

อาจได้รับการศึกษาช้ากว่าเด็กชนชั้นกลางทั่วไป แต่อย่างน้อยเบลล่าก็พออ่านออกเขียนได้ เธอเข้าใจศัพท์หนังสือพิมพ์

ไคลน์ครุ่นคิดขณะวางพิงไม้ค้ำ มันค่อนข้างประทับใจในตัวเบลล่า แม้ว่าเธอจะแสดงความซุ่มซ่ามเล็กๆ ให้เห็นบ่อยครั้ง และยังห่างไกลกับการเป็นแม่ครัว แต่ความมุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาตัวเองเป็นของจริง

เบลล่ากล่าวขณะนำมือสองข้างประสานกันตรงช่วงท้อง

“ฉันไม่ค่อยได้มีโอกาสอ่านหนังสือพิมพ์มากนัก เจ้านายคนก่อนไม่อนุญาตให้ใช้หนังสือพิมพ์เก่าในการทำความสะอาดผนัง …เมื่อครู่ฉันแอบเห็นหนังสือพิมพ์ของท่านวางบนโต๊ะกาแฟ คิดว่าพาดหัวข่าวน่าสนใจดี ก็เลยถือวิสาสะหยิบมาอ่านเจ้าค่ะ”

…ช่างเป็นหญิงสาวน่าสงสาร หากเป็นโลกเก่าของตน สื่อประเภทหนังสือพิมพ์จะมีความน่าสนใจเป็นลำดับท้ายๆ จากบรรดาทั้งหมด

ชายหนุ่มอมยิ้มพลางหยิบนาฬิกาพกสีเงินออกจากกระเป๋า และกล่าวหลังจากตรวจสอบเวลาเสร็จ

“ไม่ต้องกังวล หากคุณสามารถทำงานได้เรียบร้อยและมีคุณภาพ ผมอนุญาตให้มีอิสระได้ในเวลาว่าง …แน่นอน หากผม เบ็นสัน และเมลิสซ่ากลับถึงบ้านพร้อมหน้า คุณต้องกลับเข้าไปในห้อง ผมอนุญาตให้ใช้ตะเกียงแก๊สด้านในได้ รวมถึงหนังสือพิมพ์เก่าสองสามฉบับ …จริงสิ รบกวนเคาะประตูห้องผมตอนบ่ายโมงตรงด้วย พร้อมกับเตรียมชาซิบป์หนึ่งถ้วย ขนมปังข้าวโอ๊ตนุ่มสองชิ้น ขนมปังข้าวสาลีหนึ่งชิ้น และเนยก้อนเล็ก”

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองหลังจากได้เลื่อนลำดับพลังพิเศษ ไคลน์ตัดสินใจจัดหนักมื้อกลางวัน มันเตรียมเขมือบขนมปังข้าวโอ๊ตซึ่งเบ็นสันชอบเก็บไว้กินในช่วงสุดสัปดาห์

ไม่ต้องห่วง ตนจะซื้อขนมปังชุดใหญ่คืนให้แน่นอน ในอนาคต อาหารมื้อประจำของบ้านโมเร็ตติจะเปลี่ยนจากขนมปังข้าวสาลีเป็นขนมปังข้าวโอ๊ต

ในฐานะผู้วิเศษลำดับ 8 ไคลน์เชื่อว่าค่าแรงของมันต้องเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกเล็กน้อย

…แต่ทำไมหัวหน้าไม่ได้พูดถึงเลย

เขาต้องลืมแน่! พรุ่งนี้ต้องไปเตือนความจำ

“เจ้าค่ะ” เบลล่าตอบกลับอย่างมีความสุข

จากนั้นก็ซักถามด้วยสีหน้าลังเล

“ท่านไคลน์หมายถึงชาดำซิบป์สำหรับแขกใช่ไหมคะ?”

เธอเรียกชายหนุ่มด้วยชื่อต้นเพราะว่า หากเรียกมิสเตอร์ ‘โมเร็ตติ’ ภายในบ้านหลังนี้จะเป็นการสร้างความสับสนเกินไป

“ถูกต้อง และในอนาคตมันจะกลายเป็นชาประจำตัวของฉัน”

ไคลน์โบกไม้โบกมือขณะเดินขึ้นบันได

ขณะเดียวกัน มันเริ่มตระหนักว่า หลังจากกลายเป็นตัวตลก สภาพคล่องทางการเงินภายในบ้านไหลลื่นกว่าเดิมมาก

ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีค่าใช้จ่ายหนักเข้ามาในช่วงหลัง รายจ่ายประจำเหลือเพียง 2 ซูลสำหรับเช่ารถม้าสำรวจปล่องไฟแดง รวมถึงการซื้อวัตถุดิบวิเศษเพื่อประกอบพิธีกรรม แต่อย่างหลังจากสามารถเบิกคืนได้เกือบทั้งหมด

นอกจากนี้ ไคลน์ยังมีเงินในบัญชีลับอีกสามร้อยปอนด์

ทวนความจำกันสักนิดว่า อาณาเขตกว้างหนึ่งอาร์ในเขตชนบทจะมีมูลค่าห้าถึงหกซูลครึ่ง หรือก็คือ ไคลน์สามารถเป็นเจ้าของดินแดนกว้างใหญ่ขนาดเก้าร้อยยี่สิบถึงหนึ่งพันสองร้อยอาร์ได้ด้วยเงินสามร้อยปอนด์ก้อนนี้

หากเทียบกับโลกเก่า หนึ่งพันสองร้อยอาร์จะเท่ากับหนึ่งแสนสองหมื่นตารางเมตรเลยทีเดียว

ขณะเดียวกัน เงินก้อนนี้ยังสามารถนำไปซื้อบ้านสักหลังบนถนนดารารัตน์ด้วยสัญญาเช่าระยะยาวสิบห้าปี

หรือก็คือ ถ้าไคลน์แปลงสามร้อยปอนด์ให้เป็นทรัพย์สิน มันจะมีค่าเช่าบ้านเป็นรายรับราวยี่สิบสามถึงสามสิบเอ็ดปอนด์ต่อปี

…ฟังดูไม่เลว

แต่ปัจจุบันไม่ควรรีบร้อนด่วนตัดสินใจ เหตุการณ์รอบตัวยังไม่สงบ มันควรเก็บเงินสามร้อยปอนด์ไว้ในกรณีฉุกเฉิน

ต้องหาโอกาสบอกเบ็นสันและเมลิสซ่าถึงค่าแรงประจำสัปดาห์แท้จริงให้ได้ …ไคลน์ปล่อยความคิดไหลไปตามธรรมชาติขณะเดินเข้าห้องนอน

หลังจากล็อกประตูมิดชิด มันเดินไปนั่งตรงขอบเตียงพร้อมกับเริ่มเข้าฌาน ช่วงแรกของการดื่มโอสถถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ พลังจากโอสถใหม่จะไหลซึมออกมาทีละนิด หากไม่คอยเพ่งสติควบคุมมัน ปลายทางสุดท้ายคือภาวะคลุ้มคลั่งอย่างแน่นอน

แต่ไหนแต่ไร ไคลน์ไม่เคยหวาดกลัวกับภาวะคลุ้มคลั่งมาก่อน แม้จะได้เห็นผู้คลุ้มคลั่งจากหน่วยทูตพิพากษาเต็มสองตาก็ตาม

สาเหตุอาจเป็นเพราะชายหนุ่มไม่รู้จักอีกฝ่ายเป็นการส่วนตัว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ่อเกิดอาการคลุ้มคลั่งมาจากสิ่งใด จิตใต้สำนึกไคลน์เข้าใจไปเองว่า เหตุการณ์ตรงหน้าเป็นกรณีพิเศษและพบเห็นได้ยาก

คล้ายกับเมื่อคนทั่วไปได้อ่านข่าวฆาตกรรมบนหนังสือพิมพ์แล้วคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว อีกไม่กี่นาทีหลังจากนั้นก็ลืมสนิท

กระทั่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับนีลล์ ชายหนุ่มถูกโยกคลอนจิตใจอย่างหนัก มันเพิ่งตระหนักถ่องแท้ว่าหายนะชื่อ ‘คลุ้มคลั่ง’ อยู่รอบตัวผู้วิเศษตลอดเวลา ไม่แปลกเลยหากสักวันจะเวียนมาถึงตน

…มนุษย์มักเรียนรู้ความจริงของโลกในรูปแบบเจ็บปวดเสมอ

ไคลน์เสร็จสิ้นการเข้าฌานพื้นฐานเพื่อควบคุมพลังตัวตลก มันพึมพำเล็กน้อยพร้อมกับลืมตาขึ้น

ตลอดสองสามคืนผ่านมา ชายหนุ่มเอาแต่ฝันถึงฉากดังกล่าวเสมอ ทุกวันต้องสะดุ้งตื่นพร้อมกับร่างกายเปียกชุ่มด้วยเหงื่อเย็นเฉียบ

นอกจากการย่อยโอสถ มันต้องพยายามควบคุมอารมณ์และกิเลสให้สงบนิ่ง ต้องหมั่นรักษาระดับสติมิให้เป็นฝ่ายถูกย่อยเสียเอง

…ไคลน์พ่นลมหายใจแผ่วเบาก่อนจะทิ้งตัวนอนหลับสนิท

ในวันลุงนีลล์เสียชีวิต ชายหนุ่มประทับใจคำพูดและการกระทำของดันน์·สมิทมาก มุมมองเกี่ยวกับเหยี่ยวราตรีเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

ไคลน์ต้องการแบ่งเบาภาระหัวหน้า รวมถึงช่วยเหลือพวกพ้องใกล้ตัวอย่างสุดความสามารถ

ด้วยเหตุนี้ มันจะไม่ยกเลิกคาบเรียบศิลปะการต่อสู้ช่วงบ่าย

บ่ายสามโมงตรง ณ ลานฝึกซ้อม

กาเวนผมสั้นเกรียนสีทองคล้ายลูกเรือ มันเอาแต่ยืนขมวดคิ้วเมื่อเห็นไคลน์เลียนแบบท่วงท่าการเคลื่อนไหวตนได้เหมือนจนน่าอัศจรรย์

โดยทั่วไปแล้ว การพัฒนาจากนักสู้มือใหม่ไปถึงฝีมือระดับอัศวินเริ่มต้นต้องใช้เวลาอย่างต่ำหกเดือน

…แต่ไคลน์ทำสำเร็จภายในสี่สิบนาที!

กาเวนเรียกให้ไคลน์หยุดพร้อมกับสำรวจหัวจรดเท้า มันอดสงสัยไม่ได้จนต้องถามออกมาตามตรง

“…เกิดอะไรขึ้น?”

ไคลน์เตรียมข้อแก้ต่างไว้แล้ว มันคาดเดาว่ากาเวนจะต้องประหลาดใจกับสมรรถภาพร่างกายใหม่ จึงคิดหาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์รองรับ

ทันใดนั้น กาเวนเสริม

“ถ้าไม่สะดวกใจ จะไม่ตอบก็ได้”

ดูเหมือนกรมตำรวจจะแบ่งปันความลับกับเหยี่ยวราตรีอยู่สิ่งสองสิ่ง …ไม่สิ แบบนี้คงสมเหตุสมผลมากกว่า ตนไม่ใช่ลูกศิษย์ผู้วิเศษคนแรกของกาเวนสักหน่อย

ไคลน์ถอนหายใจโล่งอกพลางยิ้ม

“ครูครับ อีกนานแค่ไหนกว่าผมจะนำความรู้ไปใช้ในการต่อสู้จริงได้”

กาเวนยืนกอดอกพร้อมกับมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าขึงขัง

“…สองหรือสามวัน แต่การต่อสู้จริงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น!”

มันเสริม

“สามารถเข้าร่วมต่อสู้จริง …ไม่เหมือนกับการต่อสู้ได้ดีและเอาชนะศัตรูง่ายดาย อย่างหลังต้องใช้เวลาเพิ่มอีกสองถึงสามสัปดาห์ นอกจากนี้ยังต้องฝึกใช้งานอาวุธประชิดตัวให้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นไม้ค้ำ แส้ มีดสั้น หรือดาบปลายปืน”

…ต้องเรียนรู้อีกเยอะขนาดนั้นเชียว?

ไคลน์แสดงสีหน้าตกตะลึงโดยไม่ปิดบัง

กาเวนจ้องมองกลับด้วยดวงตาเปี่ยมประสบการณ์นักรบ

“…จงจำให้ขึ้นใจว่า เสียเหงื่อในสนามฝึกซ้อม ดีกว่าต้องหลั่งเลือดในสนามรบจริง”

“ครับครู!” ไคลน์ตอบกลับอย่างฉะฉาน

ช่วงเช้าวันอาทิตย์ ชายหนุ่มเข้าบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬพร้อมกับเคาะห้องทำงานดันน์·สมิท

หัวหน้าเหยี่ยวราตรีเงยหน้าขึ้นคล้ายกับคาดหวังเหตุการณ์นี้ไว้แล้ว

“ผมลืมแจ้งเมื่อวาน ตำแหน่งทางตำรวจของคุณได้เลื่อนเป็นสารวัตรเต็มตัวแล้ว ทางกรมบอกว่าจะเตรียมเอกสารและอินทรธนูอันใหม่ให้โดยเร็ว ค่าจ้างประจำสัปดาห์เพิ่มจากหกปอนด์เป็นสิบปอนด์ ทางโบสถ์และกรมตำรวจจะแบ่งความรับผิดชอบอย่างละครึ่ง …นี่เป็นเงินเดือนมาตรฐานของเหยี่ยวราตรีชำนาญการ ผมหมายถึงลำดับ 9 ชำนาญการ”

…หัวหน้า คุณท่องบทผิดรึเปล่า?

ไคลน์ยืนจ้องหน้าดันน์·สมิทด้วยสายตาตกตะลึงโดยไม่ปิดบัง จากนั้นผ่อนลมหายใจแผ่วเบาพร้อมกับอมยิ้ม

“…เกินกว่าจินตนาการของผมมาก”

มันเคยเดาว่าค่าจ้างรายสัปดาห์ของตนจะเพิ่มได้ไม่เกินแปดปอนด์

ดันน์ยกแก้วกาแฟจิบ

“ค่าจ้างเหยี่ยวราตรีจะขึ้นอยู่กับสามปัจจัย ประกอบด้วย หนึ่ง จำนวนปีประสบการณ์ สอง คะแนนคุณงามความดี และสาม ภาระงานรับผิดชอบ โดยส่วนใหญ่ ข้อสามจะสัมพันธ์กับข้อสองอย่างมีนัยยะ”

…นั่นสินะ หากปราศจากคะแนนคุณงามความดี ต่อให้ย่อยโอสถสมบูรณ์ก็จะไม่ได้เลื่อนลำดับ เนื่องจากไม่ได้รับสูตรและวัตถุดิบวิเศษสำหรับปรุงโอสถ

ไคลน์พยักหน้าเห็นด้วย

ค่าจ้างประจำสัปดาห์สิบปอนด์รวมโบนัสอีกเล็กน้อย จะหมายถึงปีละห้าร้อยสี่สิบปอนด์ และเนื่องจากเหยี่ยวราตรีไม่ต้องจ่ายภาษี ค่าจ้างระดับไคลน์จึงนับว่าสูงมากในเกณฑ์ของชนชั้นกลางค่อนไปทางสูง รายได้ต่ำกว่าอาชีพในฝันอย่างทนายมือฉมัง สถาปนิกโด่งดัง นายแพทย์มากฝีมือ และพนักงานรัฐเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แม้แต่รองประธานคลังสมบัติแห่งชาติของอาณาจักรโลเอ็นก็ยังมีรายได้ต่อปีเพียงเจ็ดร้อยปอนด์ก่อนหักภาษี ถ้าหักแล้วจะอยู่ราวหกร้อยสี่สิบปอนด์หรือต่ำกว่านั้น

จากข้อมูลในหนังสือพิมพ์ บ้านเดี่ยวน่าพักอาศัยภายในกรุงเบ็คลันด์เขตฮิลสตันจะมีราคาซื้อขาดราวสองพันห้าร้อยปอนด์ หากร่วมแรงร่วมใจกันระหว่างเบ็นสัน เมลิสซ่า และตน อาจซื้อสำเร็จได้ภายในเจ็ดถึงแปดปี

…สามารถซื้อบ้านเดี่ยวย่านใจกลางเมืองหลวงได้ในแปดปีด้วยลำแข้งตัวเอง ไคลน์ปลื้มใจกับค่าแรงอัตราใหม่ของตนมาก

มันเดินออกจากห้องดันน์และตรงไปยังประตูยานิสชั้นล่างอย่างมีความสุข

ยังไม่ทันสี่ทุ่ม ไคลน์เห็นนิมิตว่ามีใครบางคนกำลังเดินตรงเข้ามาใกล้

ถัดจากนั้นไม่นาน ดันน์·สมิทปรากฏตัวขึ้นหน้าประตูห้องผู้คุม

“มีภารกิจด่วน …ต้องการความช่วยเหลือจากคุณโดยเฉพาะ”

“คดีผู้วิเศษหรือครับ?”

ไคลน์ถามโดยไม่ได้คิดซับซ้อน

“…ไม่เชิง ส.ส.เมย์นาร์ด สมาชิกรัฐสภาของเมืองทิงเก็นถูกฆ่าตายในบ้านพักส่วนตัว กรมตำรวจทิงเก็นถูกกดดันอย่างหนักให้สืบหาคนร้ายตัวจริง พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากพึ่งพาพลังพิเศษสายแกะรอยจากเหยี่ยวราตรี จากสถานการณ์เหยี่ยวราตรีในปัจจุบัน เหลือเพียงคุณเท่านั้นที่สามารถรับภารกิจนี้”

ดันน์เว้นวรรคเล็กน้อยก่อนเสริม

“ทางวิหารศักดิ์สิทธิ์จะส่งผู้ส่องความลับมาสนับสนุนในสัปดาห์หน้า …กล่าวกันตามตรง เรื่องนี้ควรเกิดขึ้นนานแล้ว แต่ถูกยกเลิกเพราะคุณตัดสินใจเข้าร่วมหน่วยเราและเลือกเส้นทางนักทำนาย”

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version