Skip to content

Outside Of Time 1032


บทที่ 1032 สวี่ชิง เอ้อร์หนิว ก้าวเข้าสู่ดินแดนเผ่าปีกมาร

สวี่ชิงเงยหน้า จ้องมองเอ้อร์หนิวที่อยู่ข้างหน้า

ตอนนี้ลมพัดที่ราบน้ำแข็ง พัดหอบเกล็ดหิมะมา

หญิงสาวในหิมะขาวยิ่งเปล่งประกายความงดงามน่าหลงใหล แต่ในสายตาของสวี่ชิง ทุกอย่างล้วนเป็นดอกไม้ในกระจก ดวงจันทร์กลางสายน้ำ…

“ศิษย์พี่ใหญ่ แผนการก่อนหน้านี้ของท่านมีช่องโหว่”

มือสวี่ชิงกำแผ่นหยกบันทึกภาพเคลื่อนไหวเอาไว้ ไม่คลายลงเลยแม้แต่น้อย เอ่ยราบเรียบ

สายตาของเอ้อร์หนิวกวาดผ่านไปยังมือที่ถือแผ่นหยกบันทึกภาพเคลื่อนไหวของสวี่ชิงเอาไว้ ในใจบ่นพึมพำสามสี่ประโยค

ต้องพูดเลยว่าวิธีนี้ของสวี่ชิง สำหรับเอ้อร์หนิวที่รักหน้ามาโดยตลอดแล้ว ยังคงมีพลังทำลายล้างอยู่ในระดับหนึ่ง อย่างในตอนนี้เอ้อร์หนิวหมดสิทธิ์ที่จะวางท่าอย่างเมื่อก่อนหน้านี้ได้แล้ว

เอ้อร์หนิวกระแอมออกมาทีหนึ่ง “ช่องโหว่อะไร ฐานะที่ถูกประกาศจับของเฟิงหลินเทาน่ะหรือ”

สวี่ชิงพยักหน้า

“ข้าคิดได้ตั้งนานแล้ว เฟิงหลินเทาถูกประกาศจับย่อมไม่เหมาะ แต่ว่าหุ่นเชิดของเยวี่ยตงก็ไม่ได้มีแค่ตัวเดียวสักหน่อย”

ระหว่างพูด เอ้อร์หนิวยกมือสะบัด ทันใดนั้นโลงศพใบหนึ่งก็ลอยออกมาจากในถุงเก็บของของเขา เสียงตึงดังขึ้นก็ร่วงมาบนที่ราบน้ำแข็ง

โลงน้ำแข็งในนี้เป็นสีดำ บนนั้นมีตราประทับมากมาย ยิ่งมีตะปูหลายดอกตอกฝาโลงเอาไว้อย่างแน่นหนา

จากการประสานปางมือของเอ้อร์หนิว โลงใบนี้สั่นสะเทือนเล็กน้อย ตะปูบนนั้นสั่นไหว หลุดออกมาเอง อักขระตราประทับบนนั้นก็กะพริบอย่างรวดเร็ว ทำให้ฝาโลงพุ่งเปิดออกอย่างรุนแรง

เผยให้เห็นศพเด็กอายุประมาณ 7-8 ขวบร่างหนึ่งในโลง

ศพนี้ดำมะเมื่อมไปทั้งร่าง รอยจ้ำเลือดเต็มไปหมด ทั่วทั้งร่างแผ่ระลอกคลื่นพลังบำเพ็ญระดับหวนสู่อนัตตาบริบูรณ์

“พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องไปใช้อำนาจ 6 รากราคะตัณหาไปสร้างหุ่นเชิดเพิ่ม ในถุงเก็บของของเยวี่ยตง ข้าพบหุ่นตัวนี้”

“สายของเยวี่ยตงสายนั้น อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารมีชื่อเสียงมาก อาจารย์ของนางตอนมีชีวิตอยู่เป็นถึงมหาปรมาจารย์เซียน ภายหลังเยวี่ยตงกับศิษย์น้องของนางต่อสู้กันนานหลายปี สุดท้ายเยวี่ยตงสังหารตาย หลอมเป็นหุ่นเชิดศพ”

เอ้อร์หนิวพูดถึงตรงนี้ก็ทำเสียงจิ๊ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ คำพูดแฝงไว้ด้วยการหยอกล้อ

“แม้เยวี่ยตงภายหลังจะทะลวงพลังบำเพ็ญ ไม่จำเป็นต้องให้หุ่นเชิดตัวนี้ลงมืออีก แต่เพราะความสัมพันธ์ในอดีต ดังนั้นนางจึงเก็บเอาไว้มาโดยตลอด ประเดี๋ยวๆ ก็เอาออกมาทรมานเล่นๆ สักหน่อย”

“เห็นได้ชัดว่านางเคียดแค้นศิษย์น้องคนนี้มากเพียงใด ดังนั้นอาชิงน้อย เจ้าดูสิ เมื่อเทียบกันแล้วศิษย์พี่ใหญ่ข้าคนนี้ดีกับเจ้าสุดๆ ไปเลยใช่หรือไม่!”

“เจ้าต้องรู้จักถนอมเอาไว้ให้ดี!”

สวี่ชิงพยักหน้า

เอ้อร์หนิวในใจพออกพอใจ สั่งสอนเสร็จก็ชี้ไปที่โลง

“อาชิงน้อย เจ้าเลือกจะเปลี่ยนเป็นเขาได้”

“ยาลูกกลอนข้าก็เติมให้เจ้าแล้ว”

เอ้อร์หนิวพูดพลางยกมือโยนยาลูกกลอนสีดำเม็ดหนึ่งออกไป เป็นลูกกลอนจันทราปีศาจฟ้าทมิฬของเผ่าอาภรณ์นั่นเอง

สวี่ชิงรับเอาไว้ มองศพข้างหน้า ในดวงตาเขาฉายแววครุ่นคิด “ศิษย์พี่ใหญ่ ลูกกลอนนี้ใช้ซ้ำได้กี่ครั้ง”

เอ้อร์หนิวหัวเราะฮี่ๆ “วางใจเถอะ ใช้ได้หลายครั้ง หากเจ้าไม่ชอบหุ่นเชิดตัวนี้ หลังจากที่พวกเรากลับแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว หาผู้บำเพ็ญหญิงที่งดงามชดช้อยเหมือนกับเยวี่ยตงมาให้เจ้าเปลี่ยนก็ได้แล้ว”

“ถึงตอนนั้น เจ้ากับข้า สวี่ชิงเอ้อร์หนิว 2 หญิงงามโฉมสคราญจะต้องสร้างความสะท้านสะเทือนไปในแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน”

เอ้อร์หนิวภาคภูมิใจ

สำหรับคำพูดองอาจห้าวหาญอย่างนี้ สวี่ชิงทำเป็นไม่ได้ยิน ตอนนี้กดยาลูกกลอนไปที่หว่างคิ้ว เสี้ยวขณะต่อมาร่างของเขาก็มีไอดำลอยขึ้น แปรเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดหนึ่ง ห่อหุ้มเขาไว้ในนั้นโดยสมบูรณ์

สุดท้าย ภายใต้สายตาของเอ้อร์หนิว ร่างของสวี่ชิงก็เริ่มเปลี่ยนแปลง เล็กลงเรื่อยๆ สีผิวก็เปลี่ยนมาดำเมี่ยม เกิดรอยจ้ำเลือดมากมาย

ยิ่งมีกลิ่นอายความตายเข้มข้นรายล้อมอยู่บนตัวเขา

ขั้นตอนทั้งหมดก็ใช้เวลาแค่ 1 ก้านธูปเท่านั้น ผู้ที่มาปรากฏหน้าเอ้อร์หนิวก็เป็นเงาร่างของศพเด็กคนนั้นโดยสมบูรณ์

จากนั้น สวี่ชิงลืมตาขึ้น

รูม่านตาสีขาว ดวงตาสีขาว เทียบกับผิวสีดำแล้วประดุจผีร้าย ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวเขย่าขวัญ

“ไม่เลวเลยนี่นา!” เอ้อร์หนิวเลียริมฝีปาก

สวี่ชิงหันไป มองศพที่อยู่ในโลงผาดหนึ่ง แล้วมองไปทางเอ้อร์หนิว พลันสะบัดมือ

ทันใดนั้น เข็มมหาจักรพรรดิเล่มนั้นก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ทำการทะลุไปในร่างของศพนั่น เชื่อมต่อชะตาและผลกรมเวรของมันกับสวี่ชิง

ทำเรื่องพวกนี้เสร็จ ภายใต้การควบคุมของสวี่ชอง เข็มนี้พุ่งไปทางเอ้อร์หนิว ทำการเย็บต่อไป ทำให้ด้านชะตาของเอ้อร์หนิวกับเยวี่ยตงติดเชื่อมกันราวต่อกิ่ง

เช่นนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผลกรรมเวร ชะตา กลิ่นอาย ล้วนผสานกันโดยสมบูรณ์

“สมบูรณ์แบบ!” เอ้อร์หนิวตาเป็นประกาย ก่อนจะสะบัดมืออย่างมั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยม

“ไปเถอะศิษย์น้อง พวกเรากลับบ้านกัน”

ระหว่างพูด ร่างอรชรของเอ้อร์หนิวก็ไหววูบ พุ่งตรงไปยังท้องฟ้า

เส้นไหมไร้รูปร่างมากมายพุ่งออกมาจากร่างของเด็กที่แปลงมาจากสวี่ชิง เชื่อมต่อกับเอ้อร์หนิว นี่คือการสำแดงอำนาจวิชาเซียน 6 รากราคะตัณหาของพวกเขา

มีวิชาเซียนนี้อยู่ ก็จะทำให้ช่องโหว่สุดท้ายถูกปกปิดลงไปทั้งหมด

ตอนนี้เอ้อร์หนิวลอยขึ้นท้องฟ้า ที่กลางอากาศเขาเงยหน้า มือทั้ง 2 ประสานปางมือสะบัดไปที่ม่านฟ้า

จากการสะบัดนี้ ทันใดนั้น รอยแยกมิติทางหนึ่งก็ก่อขึ้นอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้า

เหมือนบาดแผลแห่งฟ้า อีกทั้งไม่เสถียรรุนแรงนัก กำลังจะประสานกันอย่างรวดเร็ว

วิชานี้เป็นวิชาส่งข้ามกลับแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารที่เอ้อร์หนิวหาเจอจากในความทรงจำของเยวี่ยตง

ทันทีที่ปรากฏขึ้น ในดวงตาเอ้อร์หนิวมีความวาดหวังเข้มข้นปรากฏขึ้น แต่ไม่นานนักเขาก็เก็บมันลงไป สายตาเปลี่ยนมาเย็นชา ใบหน้าก็ประดุจน้ำค้างแข็งด้วยความเยือกเย็น เยื้องย่างก้าวออกไป ก้าวเข้าไปในรอยแยก

มืองามยิ่งคว้าออกไป คล้ายควบคุมชะตาของเด็กหุ่นเชิดศพข้างหลังเอาไว้ แล้ว…กระชากมันเข้าไปในรอยแยกด้วยกัน

เสี้ยวขณะต่อมา เงาร่างของคนทั้ง 2 ก็หายไป

รอยแยกปิดลงทันที

มีเพียงลมหิมะพัดผ่านที่นี่ ในขณะเดียวกับที่ท่วมจมที่นี่ ก็มีเกล็ดหิมะทางแดนเหนือของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์จำนวนหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับพวกสวี่ชิงทั้ง 2 คนไปตามรอยแยกก่อนหน้านี้

ระหว่างการส่งข้ามมีพลังลึกลับลงมาเยือน จับเป้าหมายทั้ง 2 คน แผ่พลังลึกล้ำมหาศาล ตรวจสอบฐานะตัวตนในระดับลึกซึ้ง

วิธีการตรวจสอบไม่ใช่กลิ่นอายและสายเลือดแต่เป็นชะตา

……

แดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร ทิศตะวันออก

ณ ที่ราบที่ห่างไปจากแท่นเต๋าจักรพรรดิตะวันออกไกลโพ้น ที่นี่ชื่อว่าสวรรค์ร่วง บนนั้นสายลมใบไม้ผลิพัดผ่าน นกขับขานกลิ่นหอมดอกไม้ลอยอวล

ไอพลังประหลาดที่นี่ไม่มีเลยแม้แต่น้อย

ความเข้มข้นของพลังวิญญาณ ก็อยู่ในระดับที่หายากยิ่งในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์

สถานที่ประดุจแดนเซียนเช่นนี้มีค่ายกลส่งข้ามแห่งหนึ่ง

ค่ายกลนี้เชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ เป็นหนึ่งในค่ายกลมากมายที่ผู้บำเพ็ญแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารเดินทางกลับจากแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์

ตอนนี้ รอบๆ ค่ายกลแห่งนี้ มีผู้บำเพ็ญเผ่าปีกมารร้อยกว่าคนนั่งสมาธิอยู่

พวกเขาสวมชุดคลุมยาวสีเงินกันหมด ประทับตราห้วงดารา ในขณะที่แผ่ระลอกคลื่นพลังไม่ธรรมดา ข้างหลังของทุกคนล้วนมีปีก

พลังบำเพ็ญแตกต่างกันไป แต่ผู้ที่พลังอ่อนแอที่สุดก็เป็นระดับปราณก่อกำเนิด ส่วนผู้ที่เป็นหัวหน้าพลังบำเพ็ญยิ่งถึงระดับเตรียมสู่เทวะ 5-6 โลก อีกทั้งไม่ได้มีแค่คนเดียว

พวกเขาคือกองกำลังที่คอยคุ้มกันค่ายกลนี้ในช่วงสงครามนี้ รับผิดชอบตรวจสอบฐานะตัวตนของผู้กลับมาจากค่ายกลนี้ทุกคน

แม้ค่ายกลของแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารจะสามารถตรวจสอบการแฝงตัวปะปนเข้ามาของผู้บำเพ็ญที่ไม่ใช่เผ่ามารได้ แต่ตอนนี้เป็นช่วงสงคราม เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ดังนั้นค่ายกลส่งข้ามทุกแห่งล้วนมีผู้บำเพ็ญเผ่าปีกมารตรวจสอบอีกครั้ง

สิ่งที่พวกเขาต้องตรวจเป็นหลักคืออีกฝ่ายมีบันทึกออกไปจากแดนศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ อีกทั้งหากต้องการก็สามารถบังคับตรวจค้นได้ รวมถึงถุงเก็บของด้วย

ตอนนี้ ค่ายกลส่งข้ามนี้พลันกะพริบวูบวาบ ประกายแสงและระลอกคลื่นดึงดูดสายตาของผู้บำเพ็ญที่อยู่รอบๆ ทั้งหมดทันที แต่ละคนยิ่งโคจรพลังบำเพ็ญ แผ่กลิ่นอายออกมา สายตาดุดันเฉียบขาด เตรียมตัวพร้อมรับมือกับศัตรู

ไม่นานนัก มีพายุหิมะพัดโปรยปรายออกมาจากในค่ายกล จากนั้นเงาร่าง 2 ร่างที่หนึ่งร่างสูง หนึ่งร่างเตี้ย หนึ่งหญิง หนึ่งชายก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วในประกายแสงค่ายกลแห่งนี้

จวบจนกระทั่งหลังจากนั้นหลายอึดใจ จากการสิ้นสุดลงของค่ายกลส่งข้าม สวี่ชิงที่แปลงเป็นศพและเอ้อร์หนิวที่แปลงเป็นเยวี่ยตงก็ปรากฏขึ้นในค่ายกล

ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น สวี่ชิงใบหน้าไร้อารมณ์ เขารู้ว่าตัวเองตอนนี้เป็นหุ่นเชิด เป็นศพ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น

ทุกอย่างให้พี่ใหญ่จัดการทั้งหมดก็ได้แล้ว

เอ้อร์หนิวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ตอนนี้เชิดหน้าขึ้น สีหน้าเย็นชา ก้าวเดินไปนอกค่ายกล

ผู้บำเพ็ญเผ่าปีกมารเหล่านั้นที่อยู่รอบๆ หลังจากที่เห็นเยวี่ยตง แต่ละคนสีหน้าล้วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย กระทั่งว่ามีบางคนที่เลือกจะก้มหน้าคารวะ

“คารวะท่านปรมาจารย์เซียน!”

คำพูดจากปากของพวกเขาดังขึ้นดังขึ้นในหูสวี่ชิง สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น ก้าวเท้าตามไป

ส่วนเยวี่ยตงสำหรับภาพเบื้องหน้าก็เมินไปเลย จะเดินออกมานอกค่ายกลอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้เอง เงาร่างหนึ่งก็ก้าวออกมาจากในกลุ่มคน มาปรากฏอยู่นอกค่ายกล ส่งเสียงคำรามต่ำทุ้มออกมา “ช้าก่อน!”

สายตาของเอ้อร์หนิว “เจ้าจะขวางข้าหรือ”

ผู้บำเพ็ญคนนั้นใบหน้าลังเล แต่ก็ยังคงสูดลมหายใจลึก เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม “ช่วงสงครามทุกอย่างต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และข้าแซ่หลี่ผู้นี้มีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ ขอโปรดเข้าใจด้วยขอรับ”

“ปรมาจารย์เซียนเยวี่ยตง ท่านมีบันทึกออกเดินทางไปข้างนอกจริงๆ สามารถกลับเข้ามาได้ แต่หุ่นเชิดศพข้างหลังท่านไม่ได้มีบันทึก พวกข้าต้องตรวจสอบมันตลอดจนฐานะของมันที่ท่านแจ้งจึงจะได้”

เยวี่ยตงใบหน้าไร้อารมณ์ ไม่พูดอะไร

ผู้บำเพ็ญคนนั้นกัดฟัน ประสานปางมือสำแดงวิชาเวท กระตุ้นพลังของค่ายกลที่นี่ ปกคลุมไปยังร่างของสวี่ชิง ขณะเดียวกันผู้บำเพ็ญเหล่านี้ก็เอาแผ่นหยกออกมาแผ่นหนึ่ง เริ่มทำการตรวจสอบว่าสวี่ชิงมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จากการเสร็จสิ้นของการตรวจสอบ ผู้บำเพ็ญคนนี้ก็ถอนหายใจในใจ

แต่ตัวตนของศพ เขากลับลังเลเล็กน้อย

ตอนนี้เยวี่ยตงเอ่ยราบเรียบขึ้นว่า

“เขาเป็นศิษย์น้องของข้า ตอนนั้นชิงฐานะปรมาจารย์เซียนกับข้า ถูกข้าหลอมเป็นหุ่นเชิดศพ”

คำพูดของเยวี่ยตงเพียงดังออกมา ผู้บำเพ็ญทั้งหลายรอบๆ ต่างจิตใจสะท้าน

พวกเขารู้ถึงฐานะของเยวี่ยตง อาจารย์ของอีกฝ่ายในยามที่มีชีวิตเป็นถึงมหาปรมาจารย์เซียนของแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารบูรพา ชื่อเสียงเลื่องลือ

ควบคุมตำหนักวิชาเซียนบูรพา

และวิชาเซียนอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ว่าใครจะเรียนก็ได้ ต่อให้ได้สัมผัสบ้าง ก็แค่ได้ศึกษาเพียงเปลือกเท่านั้น

วิชาเซียนน่ากลัวที่แท้จริงมีเพียงตำหนักวิชาเซียนเท่านั้นที่มี

และมีเพียงฐานะปรมจารย์เซียนเท่านั้นถึงจะเรียนได้

ส่วนศิษย์น้องที่เยวี่ยตงว่า พวกเขาก็เคยได้ยินเรื่องถูกหลอมมาเช่นกัน แต่วันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหุ่นเชิดศพตัวนี้

ส่วนคำพูดของเยวี่ยตงก็ทำให้ผู้บำเพ็ญที่เป็นผู้นำเคร่งขรึมลงไป

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาอาจจะตรวจสอบลึกลงไปอีก แต่สำหรับเยวี่ยตง เขาขยาด

“คนที่ฝึกวิชาเซียนล้วนเป็นคนบ้าทั้งนั้น…อีกทั้งเยวี่ยตงคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลหลัน ตอนนี้ตระกูลหลันประสบเคราะห์ ใต้เท้าท่านนั้นก็กลับมาแล้ว…ตอนนี้เป็นช่วงอ่อนไหว อย่าได้เข้าไปพัวพันเป็นการดี”

นึกถึงตรงนี้ ผู้บำเพ็ญคนนั้นถอยหลังไป หลีกทางให้ ปล่อยเยวี่ยตงและหุ่นเชิดศพของนางเดินออกมาจากค่ายกล เหาะไปยังที่ไกล

ผู้บำเพ็ญทั้งหลายรอบๆ ตอนนี้สายตาก็จับจ้องไปที่เงาของเยวี่ยตงบนท้องฟ้าเช่นกัน แต่ว่า 1 ในนั้นมี 3-4 คนที่แอบเอาแผ่นหยกถ่ายทอดเสียงออกมา ส่งข่าวที่เยวี่ยตงกลับมาแล้วอย่างรวดเร็ว

……

บนท้องฟ้า เอ้อร์หนิวหัวเราะเย็นชา “ศิษย์น้อง ตัวตนใหม่ของเจ้า น่าจะมาหาเองแล้ว”

สวี่ชิงได้ยินก็เอ่ยอย่างสงบนิ่ง “หวังว่าคนที่มาจะเหมาะสม”

……

ขณะเดียวกัน จากการที่ผู้บำเพ็ญที่รับผิดชอบค่ายกลส่งข้ามมี 2-3 คนนั้นที่ส่งข้อมูลที่เยวี่ยตงกลับมาแล้วออกไป ในถ้ำภูเขาหัวโล้นทางทิศตะวันออกแห่งหนึ่ง มีคนพลันลืมตาขึ้นมา เผยให้เห็นสีเลือด

“เยวี่ยตง ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ตอนนี้ข้าใช้ทรัพยากรที่แลกมาจากแต้มความชอบของสงครามกับเผ่ามนุษย์ ทำให้พลังบำเพ็ญเพิ่มอย่างมหาศาล และความสัมพันธ์ของเจ้ากับตระกูลหลัน จากเคราะห์ที่บังเกิดกับตระกูลหลันก็สูญเสียอำนาจไปแล้ว”

“เช่นนั้นก็ถึงเวลาที่ความแค้นระหว่างเราต้องจบลงเสียทีแล้ว!”

เสี้ยวขณะต่อมา ถ้ำระเบิดกึกก้อง เงาร่างหนึ่งขี่หมอกเลือดไปจากในนั้น พุ่งทะยานไปยังขอบฟ้า

……

ขณะเดียวกัน ทิศตะวันออกแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร ในบริเวณที่เข้าใกล้กับพื้นที่ใจกลาง บนท้องฟ้ามีรถศึกคันมหึมาคันหนึ่ง กำลังมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็วสะท้านสะเทือน

ข้างหน้าและข้างหลังรถศึกต่างมีองครักษ์ผู้บำเพ็ญ สีหน้าเคร่งขรึม

และรถศึกทั้งคันรถหรูหราเป็นอย่างยิ่ง แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา

ตอนนี้ในรถศึกพลันมีเสียงหัวเราะที่แฝงไว้ด้วยความปิติยินดีดังขึ้น “เปลี่ยนทิศ พวกเรายังไม่ไปสนามรบ มุ่งหน้าไปยังที่ราบสวรรค์ร่วง!”

รถศึกส่งเสียงคำรามลั่น เปลี่ยนสถานที่ปลายทางทันที พุ่งตรงไปยังที่ราบสวรรค์ร่วง

และในรถศึก มีชายหนุ่มหน้าตางดงามสวมอาภรณ์หรูหราคนหนึ่ง ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี กำแผ่นหยกในมือเอาไว้ ในมือเต็มไปด้วยความอ่อนโยนล้นเหลือ

“แม่นางตงเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว…เจ้ารู้จักความทุกข์ระทมจากความคิดถึงหรือไม่…ใน 529 วันที่เจ้าจากไป ข้าสวดภาวนาขอพรให้เจ้าทุกวัน”

“ตงตงน้อย เจ้าวางใจ ข้าไม่ใช่คนในตอนนั้นแล้ว นับจากวันนี้มีข้าอยู่ ไม่มีใครรังแกเจ้าได้”

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version