Skip to content

Outside Of Time 1043


บทที่ 1043 ข้างหลังมีเทียนแดง

สำหรับอำนาจเทพเจ้า ระดับความเข้าใจของสวี่ชิงจะมีขีดจำกัด แต่ไม่ว่าจะเป็นตัวเองหรือสัมผัสถึงเทพเจ้าองค์อื่น เขาเคยเห็นมาไม่น้อย และเคยศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

เขารู้ อำนาจเทพกับพลังรากฐานแตกต่างกัน มันเก่าแก่ยิ่งกว่า เป็นอำนาจสิทธิ์อันเป็นเฉพาะของเทพเจ้าสายนี้

องค์ท่านส่งอิทธิพลให้กับสรรพสิ่งได้ ส่งผลกระทบต่อสรรพชีวิตได้ ปกคลุมไปทั่วทั้งดวงดาวตลอดจนระบบดาวทั้ง 36 ได้

เพราะที่นี่คือศาลเจ้าของเทพเจ้า

ขณะเดียวกัน อำนาจเทพเองก็แบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือการมีสิทธิ์ใช้งาน และการครอบครองแต่เพียงผู้เดียว โดยระดับแรกนั้น หมายถึงการที่เทพหลายองค์มีสิทธิ์ในอำนาจเดียวกัน ต้องแข่งขันและแย่งชิงกัน

มีเพียงกลืนกิน แย่งชิงเทพเจ้าที่มีอำนาจเทพเหมือนกันองค์อื่นๆ ถึงจะไปถึงระดับที่ 2 ได้

กลายเป็นผู้เดียวที่ครอบครองอำนาจเทพสายหนึ่ง

ตามความเข้าใจของสวี่ชิง มาถึงระดับนี้อย่างน้อยก็เป็นเทพแท้จริง

ส่วนอำนาจเทพนั้น จากความเข้าใจของสวี่ชิงก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะไม่ได้แบ่งแยกความแข็งแกร่ง สิ่งที่แบ่งคือระดับของการควบคุม…และขอบเขต

ขอบเขตคือสิ่งสำคัญของอำนาจเทพ

แต่ในพริบตาเมื่อครู่นั่น ความเข้าใจนี้อยู่ในใจสวี่ชิงก็เกิดการสั่นคลอนขึ้น

เพราะในพริบตานั้น อำนาจเทพพิเศษที่เกิดจากการถักทอของเส้นไหมอำนาจเทพ 3 เส้น กลิ่นอายที่แผ่ออกมาในนั้นน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง เหนือซึ่งทุกสิ่ง น่าครั่นคร้ามจนถึงขีดสุด

มากพอจะทำให้เขาสัมผัสรรับรู้ได้ถึงการแบ่งระดับขั้นแข็งแกร่งอ่อนแอได้อย่างง่ายๆ

สวี่ชิงไม่รู้ว่าอำนาจเทพนี้คืออะไร เขาทำได้เพียงใช้ลักษณะพิเศษของอำนาจเทพแห่งชะตา เคราะห์หายนะ และคุณสมบัติพระจันทร์สีม่วง มาเป็นแนวทางในการคาดเดาในเบื้องต้นคร่าวๆ เท่านั้น

แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสำรวจ ภายใต้การปะทุของเปลวเทียนนั่น ในพริบตาที่กายเนื้อดำดิ่งไปบนไส้เทียน จะดับเทียนสีแดงนี้…

ไฟนี้จำต้องแผดเผาเส้นไหมแห่งอำนาจเทพทั้ง 3 เพราะสวี่ชิงได้นำเส้นไหมอำนาจเทพเจ้าอันแปลกประหลาดที่ถักทอมาจากเส้นไหมแห่งอำนาจเทพทั้ง 3 มาพันไว้นอกของวิญญาณตนเอง

ต้านทานเปลวเทียน

แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ความร้อนที่ยังหลงเหลือที่เผาไหม้วิญญาณของสวี่ชิงก็ยังคงอยู่เช่นเดิม

จำนวนของเส้นไหมวิญญาณน้อยลงเรื่อยๆ สุดท้ายในตอนที่เหลือไม่ถึงหนึ่งหมื่นเส้น…

โลกภายนอก เขาสูญเสียเสื้อผ้าทั้งหมดไปแล้ว กายเนื้อแดงก่ำ นั่งลงบนไส้เทียนโดยสมบูรณ์

บึ้ม!

จากการลอยต่ำลงมา เสียงระเบิดเลื่อนลั่นเบิกฟ้าเบิกปฐพี ดังสะท้อนก้องสะท้านฟ้าสะเทือนดินไปในแดนลับต้นกำเนิดโลกทั้งใบ

เปลวเทียน มอดดับ!

ในเสี้ยวขณะนี้ เปลวไฟในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิงก็ดับลงโดยพลัน บนกองดินพรุนไปเป็นรังผึ้ง อำนาจเทพแปลกประหลาดที่ถักทอจากเส้นไหมแห่งอำนาจเทพทั้ง 3 ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

องค์ท่านจากแต่เดิมที่อยู่ในสภาวะไม่อาจหลอมรวมกันได้ ภายใต้การแผดเผาของเปลวไฟก่อนหน้านั้น กลับดูเหมือนว่าสามารถหลอมรวมได้ราว 1 ส่วน

กลิ่นอายอำนาจเทพทรงพลังยิ่งใหญ่พลุ่งพล่านภายใน หอบม้วนไปทั่วทั้งทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง

ส่วนโลกภายนอก ในเสี้ยวขณะที่เปลวเทียนมอดดับเช่นกัน ก็เกิดการเปลี่ยนมหาศาล

แสงสุดท้ายเลือนหาย ดวงดาวทั้งปวงหายไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นดวงดาวที่แตกสลายเหล่านั้นที่เคยเห็นด้วยตาเปล่า หรือภาพฉากแต่ละฉากๆ นับไม่ถ้วนที่เปลี่ยนแปรอยู่ใต้เนตรเงา ล้วนถูกลบเลือนราวกับไม่เคยมีอยู่ในชั่วพริบตานั้น

สิ่งที่หายไปด้วยยังมีเงาพวกนั้น จากการมอดดับของเปลวเทียน ก็หายลับไป

เหมือนว่าภาพมายาทุกอย่าง เนื่องจากเปลวเทียนหายไปก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว

โลกทั้งใบตกอยู่ในความมืดมิด

เหมือนว่าแม้แต่แดนลับต้นกำเนิดโลกเอง ในเสี้ยวขณะนี้ก็หายลับไปเช่นกัน

ความอ่อนล้าของวิญญาณทำให้เขาเกิดความรู้สึกวิงเวียน

และสิ่งที่เห็นในดวงตาคือความมืดมิดทั้งผืน เขามองไม่เห็นที่ไกล และมองไม่เห็นที่ใกล้ โลกที่ไร้แสงใบนี้ ต่อให้ใช้เนตรเทพของเขามองก็เป็นความว่างเปล่า

แม้แต่เทียนไขข้างล่างกายก็ไม่เห็นร่องรอยเช่นกัน

มีเพียงความรู้สึกราวกับรอดตายจากหายนะเท่านั้น ผุดขึ้นมาในใจของสวี่ชิง

“เทียนมอดดับ เงาหายไป…” สวี่ชิงพึมพำ ยกมือคคลำแขนเสื้อ หลังจากคลำเจอหน้ากากอันนั้นแล้ว ในใจของเขาก็โล่งเล็กน้อย

วัตถุชิ้นนี้ยังอยู่

และที่นี่ สวี่ชิงก็ไม่อยากอยู่นานเกิน เขาไม่มั่นใจว่าอีกไม่นานเทียนจะปรากฏขึ้นมาใหม่หรือไม่ ทุกอย่างที่แดนลับนี้ในเสี้ยวขณะต่อไปจะฟื้นคืนสภาพกลับมาหรือไม่

ดังนั้นเขาเอาป้ายอาญาสิทธิ์แดนลับออกมาอย่างรวดเร็ว กำลังจะเปิดกลับไป

แต่ในตอนนี้เอง สวี่ชิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที พลันหันกลับไป

ข้างหลังเขาเป็นความว่างเปล่าทั้งแถบ นอกจากความมืดแล้วไม่มีวัตถุใดอีก

แต่ใจของสวี่ชิงกลับระแวดระวังเป็นอย่างมาก เสี้ยวพริบตาเมื่อครู่ เขารู้สึกเลาๆ ว่า…เทียนไขที่หายไปเหมือนจะปรากฏใหม่อีกครั้ง

“ไม่ถูก!”

มือขวาสวี่ชิงยกขึ้นอย่างรวดเร็ว กดไปที่หลังแดงก่ำของตัวเอง จากการลูบนี้ ความรู้สึกแตกต่างที่ส่งมาจากปลายนิ้วทำให้ทำให้จิตใจสวี่ชิงเกิดระลอกคลื่นขึ้นมาทันที

เทียนสีแดงยังไม่หายไปจริงๆ!

มันไม่รู้ว่าทำไมจึงประทับไปที่หลังของสวี่ชิง ในความรู้สึกของสวี่ชิง เหมือนกับรอยสักกินพื้นที่เต็มหลัง

แต่ดีที่ภายใต้การสำรวจของเขา พบว่าเทียนที่ปรากฏอยู่ข้างหลังของตัวเองอยู่ในสภาวะมอดดับ

สวี่ชิงขมวดคิ้ว ในใจเกิดการคาดเดามากมาย ขณะเดียวกันก็บีบป้าย

แต่…ป้ายก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้ป้ายยังมีปฏิกิริยา เพียงแต่ถูกรบกวนโดยแสงเปลวไฟจากเทียนแดง

แต่ตอนนี้เหมือนว่าจะสูญเสียการเชื่อมโยงกับแดนลับต้นกำเนิดโลกแล้วจริงๆ กลายเป็นวัตถุที่ไร้ประโยชน์ไปโดยสมบูรณ์

“แดนลับต้นกำเนิดโลก…”

สวี่ชิงในใจคร่ำเครียด บีบอีกครั้ง ลองต่อไป

ขณะเดียวกัน นอกแดนลับต้นกำเนิดโลกแห่งนี้ ในเสี้ยวพริบตาที่เทียนดับลง ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าหวาดหวั่นกำลังปะทุขึ้น

สิ่งแรกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงคือแผ่นหยกมหึมาที่แดนลับต้นกำเนิดตั้งอยู่ แผ่นหยกนี้แต่เดิมส่องประกายแสงเจิดจ้า ดูแล้วเต็มไปด้วยแสงอัญมณี แต่ตอนนี้กลับในเสี้ยวพริบตานี้หมองหม่นลงไป

จากการที่แสงหมองหม่นลงไป บริเวณที่มันตั้งอยู่บริเวณนั้น แผ่นดินราวกับสูญเสียความชุ่มชื้น กลายเป็นแห้งแตกระแหง

กวาดตามองไป รอยแยกเป็นทางๆ ลามไปทั่วพื้นที่แอ่งกระทะ แม้แต่เทือกเขาบางแห่งที่อยู่ในละแวกนั้น ก็ถล่มลงอย่างแปลกประหลาด เศษหินกลิ้งร่วงลงมา

ราวกับว่าพลังวิญญาณถูกสูบไปจนหมดสิ้น

ทำให้ผนึกที่แผ่นหยกอยู่ล้วนแต่แตกสลายเพราะเหตุนี้ ทำให้ผู้บำเพ็ญโลกภายนอกแม้จะไม่ได้ถือครองป้ายอาญาสิทธิ์ สายตาก็ล้วนมองทะลุ มองเห็นตำแหน่งที่แผ่นหยกตั้งอยู่อย่างชัดเจน

ดังนั้นความตื่นตระหนกแผ่ปกคลุมไปละแวกใกล้เคียง ผู้บำเพ็ญเผ่าปีกมารที่อาศัยพลังวิญญาณที่นี่ฝึกบำเพ็ญ แต่ละคนจิตใจสั่นไหว ต่างเบิกตามองไป ในใจเกิดความตกใจสงสัยและหวาดหวั่น

“พลังวิญญาณที่นี่หายไปแล้ว…”

เปลวเทียนในเงา

“ผนึกของแดนลับต้นกำเนิดโลกก็กำลังหายไปเช่นกัน!”

“เกิดอะไรขึ้น!”

ท่ามกลางจิตใจที่สั่นสะท้านของคนทั้งหลาย บนเขาเจ้าเหนือหัวลูกที่ 10 หลี่ว์หลิงจื่อที่นั่งสมาธิในตำหนักบนยอดเขา ดวงตาทั้ง 2 ในเสี้ยวขณะนี้พลันลืมตื่นขึ้น คิ้วขมวดทันที

ท่ามกลางความเงียบงัน จิตเทพแผ่ลามมาแล้ว ปกคลุมไปยังพื้นที่ที่แดนลับต้นกำเนิดโลกตั้งอยู่ สะกดลงไปข้างล่าง

ทันใดนั้นรอบๆ แดนลับต้นกำเนิดโลก ฟ้าดินแข็งค้าง ผนึกทุกสิ่ง

จากนั้น จิตเทพของเขาผสานไปในแผ่นหยกอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ผสานเข้าไป แข็งแกร่งเช่นจักรพรรดินีจิตใจก็ยังเกิดการสั่นสะเทือนเบาๆ

แดนลับต้นกำเนิดโลก องค์ท่านย่อมเคยไป และรู้ถึงเงื่อนงำในนั้น

แต่ตอนนี้จิตเทพสำรวจมองไป ที่นี่ดำมืดไปหมด

เทียนสีแดงหายไป ดวงดาวหายไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนกลายเป็นความว่างเปล่า

มีเพียงตรงข้ามกับเทียนไขสีแดงที่เคยตั้งอยู่แต่เดิม สวี่ชิงนั่งขัดสมาธิตรงนั้น กำลังถือป้ายอาญาสิทธิ์ที่ตนให้ไป ลองวิธีต่างๆ กระตุ้นมัน..

ภาพนี้ทำให้จักรพรรดินีเงียบนิ่ง

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เสียงขององค์ท่านก็ดังก้องในมิตินี้ “เจ้ากำลังทำอะไร”

การเคลื่อนไหวของสวี่ชิงหยุดชะงัก ในใจเกิดความตกใจยินดี เงยหน้ามองไปยังความว่างเปล่าที่ไกล

“คารวะฝ่าบาท!”

“ที่นี่ก่อนหน้านี้เกิดการเปลี่ยนแปลง ข้าเดิมคิดจะใช้แผ่นหยกนี้ออกไปจากที่นี่ แต่แผ่นหยกนี้…ใช้การไม่ได้”

สวี่ชิงลุกขึ้นประสานหมัด เขารู้ จักรพรรดินีในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นก็หมายถึงว่าตัวเองหลุดพ้นปัญหาแล้ว

แต่จักรพรรดินีทางนั้นหลังจากได้ยินคำพูดของสวี่ชิง ไม่ได้ตอบกลับ จนกระทั่งในยามที่ในใจสวี่ชิงเกิดความคิดขึ้นมา เขาเหมือนได้ยินเสียงถอนหายใจรางๆ

จากนั้น จักรพรรดินีก็เอ่ยปากขึ้น

“คำพูดของข้า เจ้าไม่ฟังเลยสักนิดจริงๆ…”

“หลังจากออกไปแล้วรีบมาให้ข้าให้เร็วที่สุดเลย!”

ทันทีที่ 2 ประโยคนี้ดังออกมา พลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งหอบม้วนมาจากความว่างเปล่า รวมที่ร่างสวี่ชิง ส่งเสียงดังครั่นคร้ามเลื่อนลั่นออกมา ก่อเป็นคลื่นวนขนาดมหึมา

ภายใต้แรงดูดนี้ ดูดสวี่ชิงเข้าไปข้างใน ส่วนคลื่นวนก็หายตามไปด้วย

ส่งสวี่ชิงออกไปแล้ว ในความว่างเปล่า เงาร่างของจักรพรรดินีปรากฏขึ้น

ร่างที่มาปรากฏที่นี่เป็นเพียงร่างที่แปลงมาจากมาจากจิตเทพขององค์ท่านเท่านั้น ตอนนี้จ้องมองรอบๆ สุดท้ายก็ส่ายหน้า

“เดิมคิดว่ามีแค่ศิษย์พี่ใหญ่ของเขาเท่านั้นที่หาเรื่องให้ปวดหัวได้ตลอด คิดไม่ถึงว่าสวี่ชิงก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน”

จักรพรรดินีเพียงก้าวเดียวก็หายไปในความว่างเปล่า ในตอนที่มาปรากฏเหนือแผ่นหยกที่โลกภายนอก มือขวายกขึ้นกดลงไป ทันใดนั้นแผ่นหยกมหึมาแผ่นนี้ก็กลับมาส่องประกายใหม่อีกครั้ง

ผนึกรอบๆ ก่อขึ้นอีกครั้ง

ทุกอย่างดูแล้ว ไม่ต่างอะไรกับก่อนหน้านี้เลย

แต่หากมีคนเข้ามาในแผ่นหยกก็จะพบว่า…แดนลับต้นกำเนิดโลกหายไปแล้วจริงๆ

แต่ว่าจักรพรรดินีย่อมไม่มีทางปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ดังนั้นไม่นานนัก ก็มีโองการฉบับหนึ่ง ส่งออกมาจากภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 10

แดนลับต้นกำเนิดโลกพลังวิญญาณขาดพร่อง ต้องฟื้นฟูร้อยปี ระหว่างนี้ไม่เปิดให้กับโลกภายนอก

แดนลับต้นกำเนิดโลกนี้ ดูจากสิทธิ์การครอบครองตอนนี้เป็นของเจ้าเหนือหัวที่ 10 ดังนั้นโองการจากหลี่ว์หลิงจื่อจึงมีผลบังคับใช้

ต่อให้ในตอนนี้เป็นช่วงสงคราม แดนลับต้นกำเนิดโลกถูกรวมเป็นทรัพยากรยุทธศาสตร์ แต่ติดที่หลี่ว์หลิงจื่อเพิ่งยกระดับ ด้วยเหตุนี้เรื่องนี้จึงไม่มีผู้ใดคิดจะเอาจริงเอาจังจริงๆ

ในฐานะที่เป็นเจ้าเหนือหัว อำนาจพิเศษเหล่านี้ย่อมพึงมี

แน่นอน เรื่องที่แดนลับต้นกำเนิดโลก หากอยากจะปกปิด จักรพรรดินีจำต้องจัดการรายละเอียดอะไรบางอย่าง

ส่วนสวี่ชิงในตอนนี้ ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ที่ราบแห่งหนึ่งที่ห่างจากแดนลับต้นกำเนิดโลกไปร้อยลี้ด้วยใจที่กระวนกระวาย

ทันทีที่ปรากฏขึ้น เขาก็แปลงร่างเป็นเสี่ยเฉินจื่อทันที จากนั้นก็หันกลับไปทอดสายตามองแดนลับต้นกำเนิดโลกที่ถูกผนึกใหม่อีกครั้ง

ตอนนี้เขาก็ไม่แน่ใจว่าผลเก็บเกี่ยวเป็นอย่างไร ดูเหมือนได้หน้ากากมา แต่เทียนไขแปลกประหลาดนั่นกลับประทับอยู่ที่หลัง

ขณะเดียวกันก็สร้างความเดือดร้อนให้จักรพรรดินี สวี่ชิงในใจก็รู้สึกผิด นิสัยของเขาก็เป็นแบบนี้ บุญคุณความแค้นแบ่งแยกชัดเจน ไม่คิดติดค้างใคร

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาสูดลมหายใจลึก

“เช่นนั้นก็ไปช่วยจักรพรรดินี ข้าจะทุ่มสุดกำลังเพื่อทำให้ความปรารถนาของนางเป็นจริง”

สวี่ชิงร่างเพียงไหววูบ พุ่งตรงไปยังภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 10

ระหว่างทาง ความคิดของเขาเน้นให้ความสำคัญอยู่ที่อำนาจเทพแปลกประหลาดนั่น

โชค ได้ยินชื่อก็เข้าใจความหมาย

เคราะห์หายนะก็เช่นกัน

ส่วนอำนาจเทพพระจันทร์สีม่วงมีต้นกำเนิดจากแสงพระจันทร์สีม่วง สาดส่องทุกสรรพสิ่ง ค้นหาร่องรอยในชีวิต ทันทีที่หาเจอก็จะถูกพิษต้องห้ามโจมตี

“ควบคุมชะตา ทั้งยังควบคุมร่องรอยในชีวิต”

“เหล่าองค์ท่านหลอมรวมอยู่ด้วยกัน อำนาจเทพที่เกิดขึ้น…”

ในฟ้าดิน สวี่ชิงที่ทะยานอย่างรวดเร็ว ร่างพลันหยุดชะงัก ท่ามกลางท้องฟ้า ลมหายใจของเขาหอบถี่เล็กน้อย ในดวงตาฉายประกายแปลกประหลาด มีคำหนึ่ง ผุดขึ้นมาในสมองของเขา “หรือจะเป็น…ชะตาอย่างนั้นหรือ”

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version