Skip to content

Outside Of Time 904



HH

บทที่ 904 นี่สิถึงจะเป็นการใหญ่สุดยอด

เพียงพริบตา ดวงตานับไม่ถ้วน จิตเทพนับไม่ถ้วนก็จับจ้องไปยังเทพทั้ง 3 จับจ้องไปยังผู้บำเพ็ญที่ขัดขวางมือยักษ์สีดำที่อาศัยพลังระดับครึ่งก้าวสู่เจ้าเหนือหัวขั้นสุดยอด

การปรากฏตัวขึ้นของผู้บำเพ็ญคนนี้ประจวบเหมาะพอดีเป็นอย่างมาก เป็นในเสี้ยวพริบตาที่เทพทั้ง 3 กำลังจะสำเร็จ

กระทั่งพูดได้ว่าหากไม่มีผู้บำเพ็ญคนนี้ เทพทั้ง 3 หลังจากที่ใช้พลังรากฐานทั้งหมดจนสมบูรณ์ครั้งนี้ มีโอกาสเป็นอย่างมากว่าจะล้มเหลว คว้าได้ไปเพียงภาพเงามายาเท่านั้น

ต่อให้เหล่าองค์ท่านยังมีวิธีที่ซ่อนเอาไว้อีกจำนวนหนึ่ง แต่น่ากลัวว่าคงไม่สำเร็จ เทพทั้ง 3 ไม่มีทางสมปรารถนาทุกองค์อย่างแน่นอน

จะต้องมี 1 หรือ 2 องค์ที่จะต้องยอมปล่อยวาสนาครั้งใหญ่นี้ไป!

และเห็นได้ชัดว่าการปรากฏตัวขึ้นของผู้บำเพ็ญลึกลับ ก็เป็นการเตรียมตัวของเทพทั้ง 3 !

แต่ผู้บำเพ็ญ ก็มาที่นี่ช่วยเทพเจ้าก็ชวนให้ขบคิดไม่น้อย

หากเป็นผู้บำเพ็ญระดับต่ำยังดี แต่ถึงระดับขั้นนี้ ลงมือเช่นนี้ จะต้องมีผลกรรมเวรเหตุผลที่ลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่งแน่นอน

ดังนั้น ฐานะของผู้บำเพ็ญคนนี้ ตอนนี้สำหรับขั้วอำนาจฝ่ายต่างๆ และเทพเจ้าแล้วลึกลับเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะชุดคลุมยาวบนร่างของเขา มีพลังยิ่งใหญ่ ปิดกั้นการตรวจสอบทุกอย่าง ทำให้ทุกฝ่ายล้วนไม่อาจมองร่องรอยอะไรออก

ดังนั้น ในใจของฝ่ายต่างๆ จึงทำได้เพียงใช้คำนิยามผู้บำเพ็ญโบราณมาอธิบายเรื่องนี้

และการปรากฏตัวขึ้นของผู้บำเพ็ญคนนี้ สุดท้ายก็มอบเวลาในช่วงสุดท้ายให้แก่เทพทั้ง 3

เสี้ยวขณะต่อมา กลิ่นอายบนร่างเทพทั้ง 3 เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เพลิงเคราะห์ของแต่ละองค์ในเสี้ยวขณะนี้กำลังเพิ่มขึ้นไปในระดับสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

สำเร็จแน่แล้ว!

ขณะเดียวกัน ในคลื่นวนแผ่นดินเทวะ รอยเต๋าของสวี่ชิงหลังจากที่บ่มเพาะมาจนถึงตอนนี้ ในที่สุดก็มาถึงขั้นสลักลงไปแล้ว

การสลักลงไปนี้จะต้องคิดวิเคราะห์รอยเต๋าของตน จะขีดลงไปง่ายๆ ไม่ได้

นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมสวี่ชิงหลังจากที่ก่อกองดินแห่งเทพเจ้าได้แล้ว ก็ยังต้องใช้เวลาอีกช่วงหนึ่ง สุดท้ายแล้วถึงจะลงมือ

เขาจะต้องกระจ่างแจ้งในเต๋าของตัวเอง ถึงเข้าเข้าใจรอยของตัวเอง ถึงจะสร้างเส้นทางของตัวเองได้

แต่การสลักลงไปจริงๆ จะต้องอาศัยการผลักดันของพลังยกระดับแผ่นดินเทวะ

ใช้พลังแผ่นดินเทวะยกระดับอาณาจักรเทพ มาสร้างกองดินของตัวเอง สลักร่องรอยของตัวเอง ถึงจะสำเร็จ!

และสวี่ชิงรู้เป็นอย่างดี สำหรับผู้บำเพ็ญทั่วไปแล้ว ขั้นที่ 1 ระดับหวนสู่อันตตาขั้นนี้มีชื่อว่าพันสายทลายฟ้า

ผู้บำเพ็ญหลังจากทะลวงระดับสมบัติวิญญาณ เมื่อก้าวเข้าสู่ระดับหวนสู่อนัตตาแล้ว เคล็ดวิชาทั้งหมดที่เคยฝึกบำเพ็ญในอดีต วิถีเต๋าที่ออกแบบล้วนแต่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็วในตอนนี้ แปรเปลี่ยนเป็นรอยเต๋าเป็นทางๆ ทิ้งไว้บนกองดิน

ปรากฏให้เห็นจากข้างนอก ก็จะทำให้มีดาวตกเป็นทางๆ มากมายปรากฏในสายตา

ผู้บำเพ็ญระดับหวนสู่อนัตตาขั้น 1 ทุกคนที่เขาเคยเห็นก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นแบบนี้ทั้งนั้น ไม่มีข้อยกเว้น

ส่วนการทะลวงขั้นจากหวนสู่อนัตตาขั้น 1 ต้องใช้กฎเกณฑ์พันกฎ เช่นนี้ถึงจะสมบูรณ์

นี่ก็คือที่มาของคำว่าพันสายทลายฟ้า 4 ตัวอักษรนี้

ทุกอย่างนี้ ผุดขึ้นในใจสวี่ชิง ในใจของเขากระจ่างชัดแจ้ง ในดวงตาสงบนิ่ง

เขารู้ดี เส้นทางผู้บำเพ็ญสายนี้เป็นวิถีของตน แต่ก็ไม่ใช่วิถีของตน

บอกว่าเส้นทางหวนสู่อนัตตาปกติเป็นวิถีของตนเป็นเพราะรอยแรก ในเสี้ยวความคิดของสวี่ชิงกำลังเกิดขึ้นที่กองดิน

กองดินที่แปรเปลี่ยนจากทะเลความรู้สึกของเขา ตอนนี้ส่งเสียงสะท้านสะเทือนเลื่อนลั่น รอยยาวทางหนึ่งเกิดขึ้นในนั้น

รอยนี้เกิดขึ้นจากวิถีผู้ใช้วิญญาณ วิถีจักรพรรดิ และเคล็ดวิชาผู้บำเพ็ญทุกอย่างที่สวี่ชิงฝึกบำเพ็ญ ในนั้นสามารถหาร่องรอยทุกอย่างเจอ โดยมีสายเซียนต่างวิถีเป็นหลัก

มันสลักลงไปไม่หยุด แผ่ลามออกไปไม่หยุด สุดท้ายก็วนล้อมรอบชายขอบกองดินทั้งกอง หัวท้ายเชื่อมต่อกัน เปลี่ยนเป็นวงแหวนที่มีขนาดน่าตื่นตะลึงวงหนึ่ง

นี่คือรอยเต๋าแรกของสวี่ชิง ซึ่งเป็นรอยแห่งแก่นวิญญาณด้วยเช่นกัน

ทันทีที่ปรากฏขึ้น ก็แปรเปลี่ยนกองดินเป็นขอบเขต เป็นรอยแห่งเซียนต่างวิถี!

ส่วนบอกว่าเส้นทางหวนสู่อนัตตาปกติไม่ใช่เส้นทางของสวี่ชิง เพราะรอยทางนี้ของสวี่ชิงรวมไว้ซึ่งทุกอย่าง

อีกทั้งเขายังไม่ได้คิดว่าจะให้รอยทางที่ 2 ของตัวเอง เดินไปในเส้นทางกฎเกณฑ์ของผู้บำเพ็ญทั่วไป

เส้นทางที่เขาจะเดินคืออำนาจเทพเจ้า!

เพียงพริบตา กองดินส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น แสงสีม่วงในนั้นกะพริบ เปล่งประกายเจิดจ้าเป็นอย่างยิ่ง เสี้ยวขณะต่อมาแสงสีม่วงทั้งหมดก็ฝังไปในกองดิน เกิดเป็นรอยจันทร์

แผ่ระลอกคลื่นพลังน่ากลัวออกมา!

นั่นคือจันทร์สีม่วง คืออำนาจเทพเจ้าของสวี่ชิง คือรอยอำนาจเทพเจ้าจันทร์สีม่วงของเขา!

“ต่อไป…” สวี่ชิงพึมพำ ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น กองดินทะเลความรู้สึกของเขาเดือดพล่านอีกครั้ง

หลังจากดวงจันทร์ม่วง พิษต้องห้ามก็ปะทุขึ้นมาในกองดิน ก่อเป็นหมอกพิษท่วมฟ้า กลืนกินทั่วทุกสารทิศ สำแดงพลานุภาพที่น่าหวาดกลัวออกมา

สุดท้าย หมอกพิษทั้งหมดก็รวมเข้าด้วยกัน ฝังไปในกองดิน แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าเหี้ยมเกรียมดวงหนึ่ง

นั่นคือรอยที่ 3 ของสวี่ชิง รอยแห่งอำนาจเทพเจ้าคำสาปเทพเจ้า!

จากนั้นพลังเคราะห์หายนะแผ่ลาม ทิ้งรอยไว้ในกองดิน ผสานนิ้วเทพเจ้าที่แยกชิ้นส่วนที่นี่ กลายเป็นรอยที่ 4 ของสวี่ชิง

รอยแห่งอำนาจเทพเจ้าเคราะห์หายนะ!

รอยทางแรกคือแก่นชีวิต 3 รอยหลังคืออำนาจเทพเจ้า

นับแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ไม่มีผู้บำเพ็ญคนไหนสามารถสร้างอำนาจเทพเจ้าในกองดินของตัวเองได้

เพราะกองดินของพวกเขาแบกรับไม่ไหว เพราะวิถีของพวกเขายากที่จะค้ำจุน

แต่นับจากนี้ สวี่ชิงไม่อยู่ในนั้น

ตอนนี้ทันทีที่รอยเทพเจ้าทางที่ 4 ปรากฏขึ้น ดวงตาทั้ง 2 ของสวี่ชิงก็พลันลืมตื่นขึ้นมา จะเห็นได้ว่ารอยเทพเจ้าทั้ง 4 ราวกับมีดาวตกพุ่งผ่าน แผ่พลังอำนาจสะท้านสะเทือนฟ้าดิน

แม้จะมีเพียง 4 เส้นแต่ก็ไม่ใช่รอยเต๋าหวนสู่อนัตตาทั่วไปจะเปรียบเทียบได้

สวี่ชิงเพียงคิด เสี้ยวขณะต่อมารอยเต๋า 4 เส้นในกองดิน ก็ต่างระเบิดก้อง ไหมวิญญาณมหาศาลปะทุพวยพุ่งออกมาจากในรอยเทพเจ้าทั้ง 4

ทั้งหมด…40 ล้านเส้น!

ไหมวิญญาณเหล่านี้อยู่ในกองดินมากมายสุดลูกหูลูกตา กว้างใหญ่น่าตื่นตะลึง กลิ่นอายที่แผ่ออกมายิ่งน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

สวี่ชิงแม้จะมีการเตรียมใจไว้บ้าง แต่ก็ยังจิตใจหวั่นไหวอยู่ดี

“รอยเทพเจ้าทางหนึ่ง แปรเปลี่ยนเป็นไหมวิญญาณ 10 ล้านเส้น!”

“ไหมวิญญาณก่อนหน้านี้ของข้าก็แค่ไม่กี่ล้านเส้นเท่านั้น อีกทั้งยิ่งฝึกไปก็ยิ่งยากที่จะก่อขึ้น เหมือนว่ามีขีดจำกัด แต่ตอนนี้ทำลายขีดจำกัดแล้ว!”

สวี่ชิงลมหายใจหอบถี่ เขาสัมผัสได้ว่าตัวเองในเสี้ยวขนาดนี้แข็งแกร่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

เพราะไหมวิญญาณสามารถแปรเปลี่ยนได้เป็นทุกสรรพสิ่ง ดังนั้นประสาทสัมผัสเทพของเขา กายเนื้อของเขา วิชาเทพของเขา ตลอดจนซึ่งทุกสิ่ง ล้วนยกระดับขึ้นทุกด้าน

“เช่นนี้แล้ว สภาวะเทพเจ้าของข้า…ก็จะไม่มีขีดจำกัดอีกต่อไป”

ในดวงตาของสวี่ชิงฉายประกายคมปลาบ ในใจยิ่งฮึกเหิม กำลังจะมองไปที่กองดินของตัวเองต่อ แต่ในตอนนี้ ความหิวที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นปะทุขึ้นมาภายในร่างของเขา

สวี่ชิงร่างสะท้านเฮือก ความรู้สึกนี้รุนแรงขึ้นมาในเสี้ยวพริบตา เหมือนว่าร่างกายว่างเปล่า ความบ้าคลั่งกลุ่มหนึ่งก็เกิดขึ้นตามมา

ดวงตาของเขาเกิดเส้นเลือดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ลมหายใจยิ่งหอบถี่ มองไปรอบๆ ตามสัญชาตญาณ

เขาคิดอยากกลืนพลังต้นกำเนิดเทพ อยากกลืนกินเทพเจ้า อยากกลืนกินทุกสิ่ง!

ตอนนี้หากมีผู้บำเพ็ญระดับหวนสู่อนัตตาทั่วไปจ้องมองดวงตาทั้ง 2 ของเขา ในใจจะต้องมีสายฟ้าฟาดผ่าอย่างแน่นอน พลังบำเพ็ญไม่เสถียร น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าประมือกับเขาเลย

กระทั่งว่าต่อให้เป็นระดับหวนสู่อนัตตาบริบูรณ์ เผชิญหน้ากับสวี่ชิงในตอนนี้ก็ต้องสั่นสะท้านสุดขีดไปเช่นกัน

เหมือนอย่างเหยียนเสวียนจื่อ ใช้กำลังรบน่ากลัวของเขาก่อนหน้านี้ สวี่ชิงกับนายกองร่วมมือกัน ก็ยังยากที่จะต่อกรกับเขาในระยะยาว

แต่หากตอนนี้ได้เจออีกครั้ง สวี่ชิงก็จะกลืนกินเขาลงไปเลย ต่อให้อีกฝ่ายสำเร็จระดับเตรียมสู่เทวะก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน

และต้นกำเนิดของความหิวนี้คือกองดินในร่างเขา

กองดินแห่งเทพที่ถมจนเต็มทะเลความรู้สึก ตอนนี้กำลังขยับเคลื่อนไหว กำลังเดือดพล่าน แผ่ความปรารถนาที่ไม่อาจบรรยายได้ออกมา

หิว!

หิว!!!

หิว!!!

ความรู้สึกนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ดีที่สวี่ชิงในตอนเด็กผ่านประสบการณ์ความหิวโหยมามากมาย ความรู้สึกที่เห็นอะไรก็อยากจะกลืนลงไปทั้งหมด กระทั่งว่าหิวจนอยากจะกินดิน เขาคุ้นเคยกับมันดี

และก็เป็นเพราะประสบการณ์ในวัยเด็กทำให้สวี่ชิงตอนนี้พอที่จะฝืนสะกดความรู้สึกหิวโหยในร่างลงไปได้

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาสูดลมหายใจลึก ให้ตัวเองพยายามไปคุ้นชินกับความหิวเช่นนี้ และก็เพราะการเกิดขึ้นมาของความหิวนี้ ทำให้สวี่ชิงยิ่งกระจ่างชัดในเส้นทางของตัวเอง

“กองดินเทพเจ้าของข้า ใช้เทพเจ้าเป็นอาหาร ใช้พลังต้นกำเนิดเทพหล่อเลี้ยง พลังอำนาจเทพเป็นรอย ในอนาคตต้องใช้อำนาจเทพเจ้าเท่าไร…”

สวี่ชิงไม่รู้

แต่ความหิวในร่างทำให้เขารู้ นี่จะต้องเป็น…เส้นทางสังหารเทพอย่างแน่นอน!

“นี่ก็คือวิถีของข้า”

เสียงของสวี่ชิงแหบแห้ง แผ่การสังหารฆ่าล้างออกมา

และข้อดีที่แผ่นดินเทวะยกระดับนำมาให้แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องเหล่านี้ ตอนนี้บนกองดินเดือดพล่านของสวี่ชิง อักขระเทพที่แฝงไว้ด้วยพลังยกระดับอันน่าครั่นคร้ามกำลังก่อตัวขึ้น!

นั่นเกิดจากการรวมพลังบางส่วนที่ไม่ได้ถูกสวี่ชิงดูดซับจากในพลังยกระดับแผ่นดินเทวะ เหมือนกับหลังจากที่อุปราชไอศวรรย์เมื่อตายแล้วแปรเปลี่ยนเป็นอักขระเทพแบบนั้น แม้จะไม่เจิดจ้าเหมือนกับอักขระตัวนั้น แต่สำหรับเทพทั้งหลายในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ นี่ก็เป็นสมบัติล้ำค่าเช่นกัน!

ขอเพียงขอบเขตถึงหลอมผสานวัตถุนี้ ก็จะเหมือนทั้ง 3 เทพที่จะได้วาสนาก้าวข้ามเพลิงเคราะห์ไปยังขั้นสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก จิตเทพพุ่งไปที่อักขระเทพ ในยามที่สังเกตสำรวจ ในสมองเขาก็พลันมีเสียงของนายกองดังมา

“อาชิงน้อยหิวหรือไม่”

“มีของอร่อยกินหรือไม่”

สวี่ชิงพลันเงยหน้า ความหิวที่ถูกเขาพอจะฝืนสะกดลงไปได้ ตอนนี้จากคำพูดในกองที่ดังมา ก็มีสัญญาณว่าจะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

เขาหิวจริงๆ หิวเป็นที่สุด

“ฮี่ๆ ท่าทางของเจ้าตอนนี้ เหมือนข้าขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ความหิวเช่นนี้…ข้าเคยผ่านมาก่อน”

“ศิษย์น้องเล็กไม่ต้องกังวล ศิษย์พี่ใหญ่จะพาเจ้าไปกินอาหารมื้อใหญ่!”

นายกองพูดถึงตรงนี้ก็เหมือนว่ากลืนน้ำลายลงไป

“เจ้ายังจำเรื่องที่ข้าบอกกับเจ้าก่อนหน้านี้ว่าจะไปทำการใหญ่สุดยอดได้หรือไม่”

“เข้าไปในแผ่นดินเทวะ ได้อำนาจแห่งแผ่นดินเทวะ แบ่งพลังยกระดับเทวะจากปากเสือ เรื่องพวกนี้แม้จะเป็นเรื่องใหญ่ แต่พูดไม่ได้ว่าเป็นใหญ่สุดยอด”

“เจ้ารู้ว่าก่อนหน้านี้ทำไมข้าต้องยืมพลังชะตาหลอมไร้อักษรและขนนกไหม กระทั่งว่าก่อนหน้านี้ถ้ายังไม่เสียดายพลังยกระดับก็หลอมไร้อักษรและขนนกอีก ขณะเดียวกันข้ายังเพิ่มเนื้อชุ่มเลือดของชื่อหมู่ไปจำนวนมหาศาลอีกด้วย!”

“ทั้งหมดนี้ล้วนเพื่อการใหญ่สุดยอดทั้งสิ้น!”

“ไร้อักษรเพื่อซ่อนอำพราง ขนนกเพื่อหนี!”

น้ำเสียงของนายกองหยุดชะงัก สวี่ชิงลมหายใจถี่กระชั้น ในใจของเขาเดาคำตอบนี้ได้เลาๆ แล้ว แต่คำตอบนี้บ้าระห่ำเกินไป

“อาชิงน้อย ครั้งนี้ แผนของพวกเรา…คือของล้ำค่าของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์!”

“ซึ่งก็คือ…เสี้ยวหน้าเทพเจ้าลูกสุนัขนั่น!”

พูดถึงตรงนี้ แม้แต่นายกองที่ขึ้นชื่อเรื่องความบ้าระห่ำก็ยังหอบหายใจหนักขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าต่อให้เป็นเขา ตอนนี้ก็กังวลเล็กน้อยเช่นกัน

“ข้าจะบอกเจ้าให้ ชาติที่แล้วข้าได้สังเกตว่า เสี้ยวหน้าเทพเจ้าครึ่งดวงนั่น รอบๆ บาดแผลขององค์ท่านมีเลือดเนื้อที่แบ่งแยกออกมา! แล้วก็ยังมีขน มีผมที่ร่วงมากมาย…ดังนั้น ครั้งนี้เป้าหมายของพวกเราคือเลือด เนื้อ และเส้นขน เส้นผมของเทพเจ้า!”

“นั่นเป็นครึ่งก้าวสู่เทวะเชียวนะ เนื้อชุ่มเลือดขององค์ท่าน นั่นไม่ใช่เนื้อชุ่มเลือดแล้ว นั่นเป็นของล้ำค่าในของล้ำค่า ในนั้นแฝงไว้ซึ่งพลังต้นกำเนิดขององค์ท่าน!

จะต้องอร่อยอย่างแน่นอน!”

“นี่ก็คือเรื่องที่ข้าบอกกับเจ้า การใหญ่สุดยอด!”

“ทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น นกกระจอกบ้านข้างนอกฝูงนั้น ข้าดูถูกมาจากก้นบึ้งหัวใจเลย ก้าวเดียวสู่ขั้นสมบูรณ์แบบไร้ที่ตินับเป็นอะไรกัน!”

“สิ่งที่ข้าต้องการก็คือเนื้อของเทพเจ้า!”

“ศิษย์น้องเล็กเอาด้วยไหม!”

ฟังคำพูดองอาจบ้าระห่ำของนายกอง ในใจสวี่ชิงเกิดระลอกคลื่นหมื่นจั้งตั้งนานแล้ว แต่เทียบกับความบ้าคลั่ง ความหิวของเขาในตอนนี้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น

“เอาด้วย!”

สวี่ชิงกัดฟัน ดวงตาทั้ง 2 แดงก่ำ

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version