บทที่ 903 ผู้บำเพ็ญลึกลับ
เพื่อให้ครั้งนี้สำเร็จ เทพทั้ง 3 พูดได้ว่าพลังรากฐานสำแดงออกมาทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลสังหารเทพ หรือจะเป็นหอกปลายขอที่รวบรวมมาหลายหมื่นปี หรือจะเป็นสมบัติแดนสงคราม 108 เผ่าและพลังชะตาของทุกเผ่า สุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นเอกภพห้วงดารา
ไม่ว่าสิ่งใดก็ล้วนเรียกได้ว่าเป็นของวิเศษสมบัติล้ำค่า
โดยเฉพาะเอกภพห้วงดาราในลำดับสุดท้ายนั่นยิ่งน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งกว่าระดับขั้นสมบัติแดนสงคราม ถึงระดับที่ไม่สูญสลาย
เช่นนี้ จะเห็นได้ว่าการข้ามขั้นของเทพทั้ง 3 ครั้งนี้ตั้งมั่นแน่วแน่ว่าจะคว้ามาให้ได้
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ เหมือนว่าก็ยังไม่พอ พลังขัดขวาง…ช่างน่าครั่นคร้ามนัก
เหมือนอย่างเช่นตอนนี้ ตุ๊กตากระดาษสีแดงที่มีที่มาที่ไปลึกลับ ทำให้เอ้อร์หนิวหวาดหวั่น การปรากฏตัวขององค์ท่าน สั่นคลอนจิตใจของทุกคนที่อยู่ที่นี่
แต่ว่า เทพทั้ง 3 ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีต่อกร เพลิงแห่งชะตาเทพเจ้าที่เกิดขึ้นจากการที่ต่างเผาพลังต้นกำเนิดเทพของตัวเอง ภายใต้การหลอมนี้ เผาไหม้อดีตและปัจจุบัน ทะลุผ่านห้วงกาลเวลา เหนี่ยวนำพาอดีตชาติ
จากในวิญญาณของเหล่าองค์ท่าน จากในความทรงจำของเหล่าองค์ท่าน จากในเปลวเพลิงที่เหมือนวัฏสงสารนั่น ปรากฏออกมา
เงาร่างนั้นสูงส่งสูงสุด ในพริบตาที่เดินมา ฟ้าดินเปลี่ยนสี ทั่วทุกสารทิศระเบิดก้อง
จากการปรากฏตัวขึ้นมา จะเห็นผู้มาสวมชุดจักรพรรดิ ศีรษะสวมมงกุฏจักรพรรดิ ใบหน้ามองเห็นไม่ชัด แต่ความเป็นราชันผู้ปกครองทั่วร่าง พลังแผ่ปกคลุมฟ้าดิน รัศมีอำนาจสยบฟ้าดิน
เป็น…จักรพรรดิเหนือ!
เขาเดินออกมาจากเปลงเพลิงในก้าวเดียว มือขวายกขึ้น ซัดไปยังตุ๊กตากระดาษสีแดงที่มาเยือนเบาๆ
ทันทีที่สัมผัสกับตุ๊กตากระดาษตัวนั้น ไม่มีเสียงใดๆ ดังออกมาทั้งสิ้น ทั้งยังไม่เกิดลมพายุพัดหอบ มีเพียงจุดที่นิ้วสัมผัสกับตุ๊กตากระดาษเกิดเป็นรูสีขาวรูหนึ่ง!
รูนี้ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ในพริบตาที่ปรากฏ ความรู้สึกที่ทำให้ทุกคนหวาดหวั่นขนลุกก็ผุดขึ้นมา
รูสีขาวรูนี้ไม่อยู่ในกฎเกณฑ์กฎระเบียบทุกอย่าง ไม่อยู่ในความรอบรู้ของเทพเจ้า วิถีใดๆ วิชาใดๆ ล้วนไม่อยู่ในขอบเขตของมันทั้งสิ้น
มันเหมือนเป็นสิ่งที่ไม่ควรปรากฏออกมา สำแดงมาจากวัฏสงสาร ออกมาจากห้วงกาลเวลา ปะทุมาในโลกแห่งนี้แล้วหายไปจากความทรงจำของผู้ที่จ้องมองทุกคน
สิ่งที่หายตามไปด้วยยังมีตุ๊กตากระดาษสีแดงตัวนั้น!
หายลับไม่หลงเหลือ
นอกแผ่นดินเทวะ เทพทั้งหลายที่อำพรางไปต่างจิตใจสั่นสะท้าน จ้องมองเงาร่างที่เดินออกมาจากเปลวเพลิง ประดุจศัตรูตัวฉกาจมาเยือน
ใบหน้าของจักรพรรดิเหนือต่อให้ตอนนี้ยังคงรางเลือน มองไม่ชัด เห็นเพียงเขายืนอยู่กลางอากาศ ก้มหน้าลงคล้ายมองมายังเทพทั้ง 3 จากนั้นก็ถอนหายใจเสียงเบา
เสี้ยวพริบตาต่อมา เขาก็เงื้อมือขึ้นแล้วฟัน!
ไม่ได้ฟันผืนฟ้า แต่ฟันความเชื่อมโยงกับเทพทั้ง 3 ที่อยู่ในเปลวเพลิง
เพียงพริบตา ร่างของเทพทั้ง 3 ต่างสะท้านเฮือก เปลวเพลิงจากที่สอดประสานก็เปลี่ยนเป็น 3 สีอีกครั้ง ต่างกลับคืนไป องค์ท่านทั้ง 3 ดวงตาทั้ง 3 ลืมขึ้นมา มองไปทางจักรพรรดิเหนือ ต่างสีหน้าซับซ้อน
“นับจากนี้ตัดขาดซึ่งกรรมเวร”
จักรพรรดิเหนือเอ่ยเสียงแผ่วเบา จากนั้นก็เงยหน้าทอดสายตามองท้องฟ้า
“ข้ายังอยู่ได้อีก 3 อึดใจ ช่วยพวกเจ้าอีกสักหน่อยก็แล้วกัน”
เสียงกระซิบดังสะท้อน จักรพรรดิเหนือเดินมาถึงยังนอกแผ่นดินเทวะ ทันทีที่ฝีเท้าย่างก้าวลงมา ทั่วทั้ง 8 ทิศคำรามก้อง เกิดสายฟ้านับไม่ถ้วน
เทพเจ้าที่ซ่อนอำพรางลงไปทั้งหมดต่างถอยหลังไปในทันที สีหน้าต่างเปลี่ยนไป ต่างแค่นเสียงขึ้นจมูก จากไปอย่างรวดเร็ว
รอบๆ ว่างโล่ง!
กำจัดสิ้นพลังต้านทาน!
จากนั้นจักรพรรดิเหนือก็ก้าวไปอีกก้าว เหยียบย่างไปในมิติ ไล่ตามตุ๊กตากระดาษสีแดงไป
ผลลัพธ์ไม่ทราบ แต่จากการจากไปของเขา กลิ่นอายข้ามขั้นบนร่างเทพทั้ง 3 ก็ยิ่งเข้มข้น การขัดขวางครั้งนี้แทบจะหมดสิ้นแล้ว แต่สภาวะของเหล่าองค์ท่านกลับไม่ได้ดีนัก
ตอนนี้ต่างหน้าขาวซีด วิญญาณเทพแผ่กลิ่นอายอ่อนแอ
และในตอนนี้เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครั้ง
ท้องฟ้าเกิดไฟไหม้ขึ้น เปลวเพลิงลุกโชน ปกคลุมฟ้าดิน แล้วรวมมาอยู่ด้วยกันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นทวนยาวเปลวเพลิงเล่มหนึ่ง พุ่งตรงไปหาเทพทั้ง 3 อย่างรวดเร็ว!
ทวนนี้น่าตื่นตะลึงครั่นคร้าม ทรงพลังไม่อาจต้านทาน เหมือนว่าสามารถทำลายการขัดขวางทุกอย่าง เผาไหม้ทุกสิ่งได้
เสียงระเบิดดังอยู่เหนือศีรษะเทพทั้ง 3 พลังกดดันท่วมฟ้า คล้ายว่าทันทีที่พุ่งลงมา ก็จะทำลายซึ่งทุกสิ่ง
จะเห็นรางๆ ว่าข้างหลังทวนยาวมีเงามายาสูงเท่าฟ้าดินร่างหนึ่ง แผ่ระลอกสะท้านฟ้าสะท้านแผ่นดิน จ้องมองเทพทั้ง 3 ส่งเสียงเทพออกมา ราวคำบัญชา
“จากบัญชาคำตัดสินของกระดูกยมโลก ประกาศิตอุดร เอกภพแดนสีชาด ประกาศแจ้งแก่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว เผ่านภาคิมหันต์จะมีเทพองค์ที่ 4 ปรากฏตัวขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!”
ดวงตาเทพดวงจันทร์ทอประกายแสงวาววาบ ส่วนเทพดวงดาวเงียบนิ่ง ส่วนอุปราชไอศวรรย์ ทอดถอนในใจ
ในขณะเดียวกัน ในคลื่นวนศพจักรพรรดิ สวี่ชิงที่กำลังสลักรอยเต๋า ข้างหูก็มีเสียงนายกองดังมา
“เผ่ากระดูกต้นกำเนิดแห่งยมโลก เผ่าราชันประกาศิตอุดร เผ่าเอกภพแดนสีชาด นี่ล้วนเป็นชนเผ่าแข็งแกร่งที่อยู่ใน 5 อันดับแรกของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ในตอนนี้!”
แทบจะในทันทีที่เสียงของนายกองดังมา เทพดวงอาทิตย์ที่อยู่ข้างนอกก็เอ่ยเสียงราบเรียบ
“อุปราชไอศวรรย์ เรื่องที่ข้าสัญญากับเจ้าในตอนนั้น พวกข้าได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว เจ้าเองก็เห็นแล้วเช่นกัน”
“อีกทั้งเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ข้าบอกเจ้าในตอนนั้นก็ปรากฏขึ้นแล้วเช่นกัน”
“เหล่าองค์ท่านไม่อยากให้เผ่านภาคิมหันต์มีเทพองค์ที่ 4 ปรากฏขึ้น”
“ดังนั้น จะเลือกล้างเผ่าพันธุ์ เจ้าก็จะสำเร็จเทพได้เช่นเดิม รุ่งโรจน์ไปกับพวกข้า หรือเจ้าจะดับสูญ ตราบใดที่พวกข้ายังอยู่ รับรองว่าเผ่านภาคิมหันต์ไม่มีวันล่มสลาย”
“เลือกเผ่าพันธุ์หรือเลือกที่จะสำเร็จเทพต่อไป เจ้าตัดสินใจเลือกได้เพียงแค่เสี้ยวความคิด”
อุปราชไอศวรรย์ได้ยินก็หลับตา เขาไม่ประหลาดใจ เหมือนกับที่เทพดวงอาทิตย์กล่าว ทุกอย่างนี้ตอนนั้นอีกฝ่ายก็ได้บอกเขาแล้ว บอกว่ามีความเป็นไปได้ในระดับหนึ่งที่จะเกิดเรื่องนี้ขึ้น
ตอนนี้มองไป ก็เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
เผ่าแข็งแกร่งทั้ง 3 นั่น ไม่ใช่ไม่อนุญาตให้เขาเป็นเทพ แต่ไม่อนุญาตให้เผ่านภาคิมหันต์มีเทพเจ้าองค์ที่ 4 ปรากฏขึ้น
หากเขาไม่ใช่อุปราชไอสวรรย์ เช่นนั้นก็ยังจะบอกว่าตัดความสัมพันธ์กับเผ่านภาคิมหันต์ สำเร็จเทพด้วยเหตุผลนี้
แต่ฐานะของเขาตัดไม่ขาด
และการตัดสินใจ…เขาในตอนนั้นก็มีคำตอบแล้วในใจ และไม่ว่าปากจะพูดอย่างไร แต่เขารู้ดี การหักหลังของเขาในตอนนั้น ทั้งทำไปเพื่อเผ่าพันธุ์ แต่มากกว่านั้นคือเพื่อตัวเอง
เพียงแต่วันนี้ไม่รู้ทำไมกลับยากที่จะตัดสินใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
ส่วนทุกอย่างนี้ จะเป็นเทพทั้ง 3 ตอนนั้นคำนวณมาดีแล้วหรือไม่ ในใจเขารู้ดี แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้นแล้ว
ใช่ก็ดี ไม่ใช่ก็ดี เทพทั้ง 3 ความจริงก็มอบอำนาจการตัดสินใจให้เขาตลอด
“ช่างเถอะ…”
อุปราชไอศวรรย์ถอนหายใจ ข้างหน้าสายตาของเขามีแววตาของจิ่วหลีในตอนที่สิ้นชีพจับจ้องมองมา
แววตานั้นแฝงด้วยความเจ็บปวดเคียดแค้น แฝงด้วยความขมขื่น แฝงด้วยความเสียดายนิดๆ
และมีคำพูดที่ตนเองพูดต่อหน้าจิ่วหลี
“สายของเจ้าตาย เพื่อทิ้งความหวังให้แก่เผ่าพันธุ์”
ภาพแต่ละฉากๆ ในตอนนั้น ตอนนี้ผุดขึ้นมาในสมองของเขา
เขาเหมือนมองเห็นยุคบรรพกาลในตอนนั้น ในค่ายกลสังหารเทพ ตัวเองเดินมาทีละก้าวๆ สำเร็จเป็นอุปราชไอศวรรย์ ปกครองเผ่าพันธุ์ ทำให้เผ่าพันธุ์จากความตกต่ำซบเซาค่อยๆ ผงาดขึ้น
จนกระทั่ง เขาเหมือนเห็นจิ่วหลีอีกครั้ง
และครั้งนี้ คำพูดที่เขาพูดในตอนนั้นเหมือนพูดออกมาจากปากของจิ่วหลีในความทรงจำ
“เหมือนกงกรรม…” อุปราชไอศวรรย์สายตาซับซ้อน
หลังจากนั้นหลายอึดใจเขาก็ส่ายหน้า หัวเราะเบาๆ เยาะเย้ยตัวเอง
“คำพูดบางอย่าง พูดมากๆ เข้า ตัวเองยังเชื่อเสียแล้ว”
อุปราชไอศวรรย์หลับตา เพลิงเทวะที่ใกล้จะสำเร็จแล้วในร่างปะทุขึ้นทันที เพียงพริบตาก็แผ่ไปทั่วทั้งร่าง เลือดของเขาลุกไหม้ วิญญาณลุกไหม้ ทุกอย่างล้วนกำลังลุกไหม้
ขณะเดียวกัน ในเผ่านภาคิมหันต์ สามชิกเผ่าทุกคน ต้นกำเนิดสายเลือดที่สืบย้อนบรรพกาล ร่างก็เกิดสัญญาณการลุกไหม้เช่นกัน ความตายกำลังมาเยือน
แต่เสี้ยวขณะต่อมา เปลวเผลิงบนร่างของเผ่านภาคิมหหันต์ทุกคนก็หายไป
ส่วนไฟบนร่างอุปราชไอศวรรย์กลับยิ่งรุนแรง ท่วมจมเงาร่างเขาจนมิด จนกระทั่ง…กลายเป็นเถ้าธุลี
ทุกอย่างไม่หลงเหลือ
ไม่ว่าตอนนั้นเขาจะคิดอย่างไร ในเสี้ยวพริบตาเมื่อครู่จะตัดสินใจอย่างยากลำบากเช่นไร ทว่าคำตอบในตอนสุดท้าย…
เขาละทิ้งการสำเร็จเทพ!
มีเพียงอักขระเทพ พร่างพรายที่รวมอำนาจแผ่นดินเทวะตัวหนึ่ง หลังจากที่กะพริบแสงสามสี่ทีก็พุ่งตรงไปยังเทพดวงอาทิตย์
อักขระเทพตัวนี้เป็นสิ่งที่เหนือยิ่งกว่าสมบัติแดนสงคราม เพราะในนั้นแฝงไว้ซึ่งพลังคุณสมบัติเทพแผ่นดินเทวะ!
นอกจากนี้ก็มีคำสั่งเสียดังก้องไปทั่วทุกสารทิศ
“ขอจง…รักษาคำสัญญา”
“พวกข้ารักษาสัญญามาโดยตลอด นี่คือรากฐานของการตั้งตนเป็นเทพเจ้า” เทพดวงอาทิตย์ตอบอย่างสงบนิ่ง
ภาพนี้ปรากฏขึ้นในประสาทสัมผัสรับรู้ของสวี่ชิง ในใจของเขาเกิดความซับซ้อน แต่ตอนนี้เขากำลังไปสัมผัสรับรู้ขั้นสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ตอนนี้กองดินในร่างกำลังเดือดพล่าน มาถึงช่วงสำคัญที่จะเกิดรอยเต๋า
และรอยเต๋าสำเร็จ เขาถึงจะนับว่าเป็นระดับหวนสู่อนัตตาที่แท้จริง
ขณะเดียวกัน ที่โลกภายนอก จากการสลายเป็นเถ้าธุลีของอุปราชไอศวรรย์ ทวนเปลวเพลิงที่อยู่เหนือเทพทั้ง 3 ก็พลันหายไป เงาเทพข้างหลังทวนยาวก็เช่นกัน
ฟ้าดินฟื้นกลับคืน เหมือนทุกอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
เทพทั้ง 3 หลับตา เพลิงกรรมในร่างกำลังข้ามขั้น ก้าวเข้าสู่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ และดวงตาเสี้ยวหน้าก็หลับลงจนเหลือเพียงแค่รอยแยกทางหนึ่งเท่านั้นแล้ว
แต่เสี้ยวขณะต่อมา…ท้องฟ้าก็พลันมืดมิด!
มือยักษ์สีดำข้างหนึ่งฉวยโอกาสนี้ บดบังท้องฟ้าดวงอาทิตย์ คว้ามาทางเทพทั้ง 3 เต็มแรง
จะชิงวาสนาของเทพทั้ง 3 ช่วงชิงผลกรรมแห่งเทวะของเหล่าองค์ท่าน!
การปรากฏขึ้นของมือข้างนี้ทำให้เทพทั้ง 3 สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล
เพราะเวลาที่มือข้างนี้มาช่างประจวบเหมาะเป็นอย่างยิ่ง เป็นในเสี้ยวขณะที่เทพทั้ง 3 กำลังจะสำเร็จพอดี
และผ่านการขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนหน้านี้ เทพทั้ง 3 ในตอนนี้พลังรากฐานหมดสิ้นแล้ว
เห็นมือยักษ์จะมาถึงแล้วเต็มที แต่ในตอนนี้ ก็พลันมีเงาร่างลึกลับร่างหนึ่งเหยียบมิติแหลกละเอียด แล้วพลันปรากฏมายังใต้มือยักษ์สีดำข้างนั้น
ทั่วทั้งร่างของเงาร่างนี้ กลิ่นอายที่แผ่ออกมาไม่ใช่กลิ่นอายเทพเจ้าแต่เป็นกลิ่นอายผู้บำเพ็ญ!
แต่กลับมองไม่ออกว่าเป็นเผ่าพันธุ์ไหน มองเห็นเพียงผู้บำเพ็ญคนนี้ขณะยกมือก็มีโลกใบใหญ่ทรงพลังน่าตื่นตะลึง 9 ใบ ปรากฏขึ้นในฟ้าดิน
จากนั้นโลกทั้ง 9 ใบก็แปรเปลี่ยนเป็นดวงดาว 9 ดวง ก่อเป็นระบบดาวพร่างพรายระยิบระยับ!
กระทั่งว่าในระบบดาวยังมีดวงดาวมากมาย มองเห็นรางๆ ว่าเหมือนจะก่อเป็นดาราจักร
เป็นระดับเจ้าเหนือหัวหลังจากระดับเตรียมสู่เทวะโลก 9 ใบนั่นเอง!
นี่เป็นระดับขั้นที่สูงที่สุดในระบบการฝึกบำเพ็ญของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ในตอนนั้น เทียบได้กระทั่งเทพเจ้า หากสำเร็จถึงสูงสุดของเจ้าเหนือหัว ก็สามารถสู้กับระดับเพลิงกรรมได้
การปรากฏตัวขึ้นของผู้บำเพ็ญคนนี้ ขั้วอำนาจฝ่ายต่างๆ ที่จับจ้องที่นี่อยู่ทั้งหมดต่างจิตใจสั่นสะท้าน
เพราะจากการสังเกตและขอบเขตความรู้ความเข้าใจของแต่ละเผ่า แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ในตอนนี้ เจ้าเหนือหัวมีจำนวนแทบจะนับนิ้วได้ อีกทั้งล้วนเป็นแค่ขั้นต้นเท่านั้น!
ในระบบฝึกบำเพ็ญ หลังจากเป็นระดับเตรียมสู่เทวะโลก 9 ใบแล้ว เส้นทางก็ถูกตัด ตอนนี้สามารถสำเร็จเป็นเจ้าเหนือหัวได้ มีเพียงอาศัยสายเลือดที่สืบทอดมาของตัวเอง หรือไม่ก็มีโอกาสฝืนลิขิตอื่นๆ ตลอดจนพลังชะตา ถึงจะมีโอกาสบางๆ
และผู้บำเพ็ญลึกลับที่ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ดาราจักรของเขามีเค้าโครงแล้ว ไม่ใช่ระดับเจ้าเหนือหัวขั้นต้น แต่ก้าวสู่ระดับสูงสุดของระดับเจ้าเหนือหัวครึ่งก้าวแล้ว!
ผู้บำเพ็ญที่อยู่ในระดับนี้ ในตอนยุคโบราณก็นับว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแถบหนึ่งแล้ว และจากในบันทึกของทุกเผ่าในปัจจุบัน ตอนนี้นั้นไม่มี!
นอกเสียจาก…ตัวประหลาดแก่ที่แกล้งตายบางคนในตอนนั้น ปรากฏตัวออกมาจากการซ่อนอำพราง
ส่วนฐานะของผู้บำเพ็ญคนนี้…คำถามนี้ก็ผุดขึ้นมาในใจของขั้วอำนาจทุกขั้วทันที
และการปรากฏตัวขึ้นของผู้บำเพ็ญคนนี้ จากดาราจักรที่ระเบิดคำรามลั่น มือยักษ์ที่มาถึงข้างนั้นสะท้าน อาศัยจังหวะนี้ กลิ่นอายในตัวเทพทั้ง 3 สุดท้ายก็ปะทุเพิ่มขึ้นมา
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
