Skip to content

Outside Of Time 1046


บทที่ 1046 คนชั่วช้าชื่อเสียงเลื่องลือ

สวี่ชิงก็จนปัญญาเช่นกัน

ตามใจจริงของเขา เขาไม่มีทางลงมือและพูดจาแบบนี้เด็ดขาด

แต่ว่า…จะอย่างไรนี่ก็เป็นคำสั่งของจักรพรรดินี

คำพูดของจักรพรรดินีบอกเป็นนัยให้เขาโอ้อวด สวี่ชิงภายใต้สถานการณ์ที่ตัวเองได้รับบุญคุณของนาง ไม่อาจไม่ปฏิบัติตาม

ดังนั้นเขาทำได้เพียงนึกย้อนถึงวิธีการลงมือและน้ำเสียงเวลาพูดจาของศิษย์พี่ใหญ่ ดังนั้นถึงได้มีคำพูดอย่างเมื่อครู่ และท่าทีหยิ่งยโสอย่างในตอนนี้

ส่วนเงาร่างของเขาในสายตาของคนทั้งหลาย ใช่แค่หยิ่งยโสที่ไหน

นี่มันกำเริบเสิบสานอวดดี!

เสี้ยวขณะนี้ ยืนอยู่ที่เชิงเขาเจ้าเหนือหัว สวี่ชิงที่มือทั้ง 2 ไพล่ไปข้างหลัง ทำให้คนที่อยู่ที่ภูเขาลูกนี้ทุกคนรู้สึกว่ากำแหงอวดดีเป็นที่สุด

เผชิญหน้ากับผู้ยิ่งใหญ่ระดับสูงอย่างผู้บำเพ็ญเตรียมสู่เทวะ 9 โลกเช่นนี้ เขากลับพูดแบบนี้

ดังนั้นเสี้ยวขณะต่อมา ความโกรธจากผู้บำเพ็ญทั้งหลายในภูเขาลูกนี้ต่างผุดพลุ่งพล่านขึ้นมา เงาร่างแต่ละทางๆ ลอยขึ้นฟ้า สายตายิ่งหลอมรวมจ้องมา จับเป้าหมายมาที่สวี่ชิงทั้งหมด

เผชิญหน้ากับความกดดันเช่นนี้ สวี่ชิงในใจระแวดระวังจนถึงขีดสุด แต่ภายนอกกลับไม่แสดงออกมาแม้แต่น้อย กระทั่งว่าหลับตาลง

ทุกอย่างนี้ทำให้ชายชราระดับเตรียมสู่เทวะ 9 โลกที่เดินออกมาคนนั้น โมโหจนหัวเราะออกมา “ดี ดี ดี!”

คำพูดและท่าทางกำแหงอวดดีของสวี่ชิงทำให้ในดวงตาชายชราประกายแสงแวววาวฉาบวูบ เขาต่อสู้มาตลอดทั้งชีวิต คนที่กำเริบเสิบสานอย่างข้างหน้านี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นมาก่อน

เพียงแต่แทบจะทุกคนล้วนกลายเป็นศพหมดแล้ว

ตอนนี้เห็นสวี่ชิงกระทั่งว่าหลับตาทั้ง 2 ข้างลง ชายชราระดับเตรียมสู่เทวะเก้าโลกที่อยู่กลางอากาศคนนี้ มือขวาของเขาพลันยกขึ้น เสี้ยวขณะต่อมา ท้องฟ้าเปลี่ยนสี แผ่นดินคำรามเลื่อนลั่น มีลมพายุพัดไปมารอบๆ

ยิ่งกว่านั้นในเสี้ยวขณะที่มือขวาของชายชราซัดลงมา ตราประทับฝ่ามือขนาดมหึมาตราหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา เหมือนว่าจะเข้าแทนที่ม่านฟ้าที่นี่ ทะลุร่างของของเขา พร้อมกับฝ่ามือของเขา…ซัดไปหาสวี่ชิง

ฝ่ามือนี้สำแดงพลังเตรียมสู่เทวะโลก 9 ใบออกมาทั้งหมด ก่อเป็นพลังทำลายฟ้าบดขยี้ผืนดิน กระทั่งว่ากฎเกณฑ์และกฎระเบียบอยู่ใต้ฝ่ามือนี้ต่างถูกฉีกกระชากทำลาย

มิติยิ่งเกิดรอยแยกขึ้นมา

พุ่งตรงมาหาสวี่ชิง

ประดุจพายุคลั่งพัดกวาด พัดผมยาวและเสื้อผ้าอาภรณ์ของสวี่ชิง แต่สวี่ชิงก็ยังคงหลับตา นิ่งไม่ขยับ

จวบจนตราประทับฝ่ามือมหึมานั่นมาพร้อมด้วยพลังทำลายล้าง ระเบิดซัดลงมา ฟ้าดินสั่นสะเทือน

ในสายตาของทุกคน ร่างของสวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้กลับเกิดเปลวเพลิงสีดำขึ้นมา เปลวเพลิงพวกนี้แผ่ลามออกมาจากใต้เท้าของเขา ก่อเป็นดอกบัวสีดำที่พร่างพรายเจิดจรัสดอกหนึ่ง!

ดอกบัวนี้แย้มบาน กลีบดอกไม้เปลวเพลิงนับไม่ถ้วนวนล้อม และตำแหน่งที่สวี่ชิงอยู่ก็คือใจกลางของดอกบัว

ดอกบัวเปลวเพลิงดำที่พวยพุ่งอยู่รอบๆ เขาคล้ายว่าจะสร้างเป็นการป้องกันที่สมบูรณ์แบบให้เขา

ปะทะเข้ากับตราประทับฝ่ามือที่ซัดลงมาจากท้องฟ้า

เสียงระเบิดตูมๆ ดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหว ดังไปทั่วผืนฟ้า

ดอกบัวดำยังเป็นปกติ ยังคงแผดเผาต่อไป กลีบดอกไม้วนล้อม คล้ายเริงระบำ

สวี่ชิงที่อยู่ในนั้นไม่ได้รับผลกระทบแม้เพียงปลายเส้นผม กระทั่งว่าดวงตาทั้ง 2 ก็ยังคงไม่ลืมขึ้นมา เพียงแค่ส่งเสียงราบเรียบออกมา “ยังเหลืออีก 2 กระบวนท่า”

เสียงดังก้อง ดวงตาทั้ง 2 ของชายชราที่อยู่บนท้องฟ้าจับจ้อง ผู้บำเพ็ญทั้งหลายที่อยู่บนภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 17 ก็ต่างสีหน้าเปลี่ยนไป

ไม่ใช่ใครก็จะต่อต้านการโจมตีอย่างสุดกำลังของผู้บำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะ 9 โลกได้ทั้งนั้น

ทำได้ถึงจุดนี้เดิมก็แสดงถึงความแข็งแกร่งแล้ว

โดยเฉพาะ…ในบรรดาพวกเขามีผู้ที่มีความรู้กว้างขวางจ้องดอกบัวเพลิงสีดำที่อยู่รอบๆ สวี่ชิงตาไม่กะพริบ รู้สึกคุ้นอยู่เลาๆ คล้ายว่าเคยเห็นในบันทึกอะไรบางอย่างมาก่อน

ไม่นานนักก็มีคนจำได้ ร้องตกใจเสียงหลงออกมา

“นี่มันปทุมมานรกานต์!”

“ในเผ่าปีกมารฝั่งบูรพาเป็นเคล็ดวิชาลับป้องกันตัวของมหาจักรพรรดิหมิงเหยียน!!”

จากเสียงสะท้อนของคำพูด คนจำนวนมากยิ่งขึ้นก็นึกขึ้นได้ว่าในตำราได้บันทึกถึงเรื่องเล่าและบันทึกต่างๆ ที่เกี่ยวกับมหาจักรพรรดิหมิงเหยียนคนนั้น

“เสี่ยเฉินจื่อคนนี้ถือครองวิชาลับนี้อย่างนั้นหรือ!”

“มิน่าเล่าเจ้าเหนือหัวหลี่ว์หลิงจื่อมาเผ่าปีกมารฝั่งประจิมเราครั้งนี้ถึงได้พาคนคนนี้มาด้วย!”

“นี่ก็เป็นเหตุผลที่เสี่ยเฉินจื่อกำเริบอวดดี!”

เสียงฮือฮาดังก้องไปทั่วทุกสารทิศ สวี่ชิงยังคงเหมือนเดิม หลับตายืนอยู่ตรงนั้น ส่วนชายชราพลังบำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะ 9 โลกคนนั้นตอนนี้คิ้วขมวดแน่น

เขาเคยได้ยินปทุมมานรกานต์มาก่อน ว่ากันว่าวิชานี้ในด้านการป้องกันน่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้นเขา หรี่ตาทั้ง 2 ลง มือทั้ง 2 ข้างพลันยกขึ้น ประสานปางมืออย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น โลกใบใหญ่ 9 ใบข้างหลังเขาต่างกะพริบวูบวาบ แต่ละโลกต่างมีภูเขาที่สูงสุดภายในนั้นพุ่งทะยานขึ้นมา

ภูเขาทั้ง 9 นี้ จากภาพมายาแปรเปลี่ยนเป็นวัตถุจริง จากในโลกของตัวเองมาปรากฏขึ้นที่ท้องฟ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ต่างเชื่อมต่อกันเป็นสาย ทันทีที่ปรากฏขึ้นก็เหนี่ยวนำกฎเกณฑ์ฟ้าดินรอบๆ ทำให้สายฟ้าแลบแปลบปลาบฟาดผ่าไม่หยุด

จากนั้น ภายใต้การชี้จากมือทั้ง 2 ของชายชรา ภูเขาทั้ง 9 ก็พุ่งไปหาสวี่ชิงทางนั้นอย่างรวดเร็ว

ยังไม่จบแค่นั้น หลังจากที่สำแดงวิชาที่ 2 ชายชราคนนี้ก็ยกมือขวาขึ้นกดไปที่หว่างคิ้ว ทันใดนั้น โลกใบใหญ่ทั้ง 9 ใบข้างหลังเขาก็ส่งเสียงระเบิดเลื่อนลั่นอีกครั้ง

กฎเกณฑ์และกฎระเบียบนับไม่ถ้วนที่แผ่ออกมาจากในนั้นล้วนแต่เป็นวิถีการสัมผัสรับรู้ของชายชราตลอดทั้งชีวิตมานี้

เมื่อปรากฏขึ้น

“ใช้วิถีแปรเปลี่ยนเป็นปลายแหลมคม!”

วิถีของเขารวมอยู่ข้างหน้าก่อเป็นปลายทวนขนาดมหึมาอันหนึ่ง!

จากนั้น เสียงต่ำทุ้มของชายชราก็ดังก้องขึ้นอีกครั้ง “ใช้โลกเป็นกายา!”

โลกใบใหญ่ทั้ง 9 ต่างเรียงตัว ต่างเชื่อมต่อกัน มองไปไกลๆ เหมือนเป็นทวนจริงๆ !

“ใช้การเผาไหม้ของวิชาเป็นพู่ทวน!” ชายชราคำรามเสียงต่ำ วิชานับไม่ถ้วนปะทุจากร่างของเขา แสงสีพร่างพรายวนล้อมอยู่รอบทวนอย่างสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน

สุดท้าย ในดวงตาชายชราจิตสังหารฉายวาบขึ้น ผลักออกไปอย่างเต็มกำลัง

ทวนยาวมหึมาสะท้านสะเทือนจิตใจเล่มนี้ พุ่งตรงจากท้องฟ้าไปหาสวี่ชิง

แผนของชายชราคือจะใช้วิชาเวทที่ 2 และพลังวิเศษที่ 3 สำแดงออกมาพร้อมกัน

ใช้วิชาเช่นนี้ลองไปทำลายปทุมมานรกานต์ในตำนาน

ตอนนี้ฟ้าดินเปลี่ยนสี สายตานับไม่ถ้วนจับจ้อง จะเห็นว่าสิ่งที่โจมตีไปหาสวี่ชิงก่อนเป็นอันดับแรกคือภูเขาทั้ง 9 นั่น

และภูเขาทั้ง 9 ดูเหมือนยิ่งใหญ่มหึมา แต่ขณะที่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วกลับหดเล็กลง สุดท้ายก็เหมือนกระบี่ 9 เล่ม ต่างซัดไปยังดอกบัวเพลิงนรกพวยพุ่งอยู่รอบกายสวี่ชิงที่ทุกคนจับจ้องมาอย่างสุดกำลัง

พลังดุจถล่มภูเขา พลานุภาพดุจล่มมหาสมุทร

สวี่ชิงร่างสะท้านเฮือก ปทุมมานรกานต์ในสายตาของคนทั้งหลายกะพริบวูบวาบอย่างรุนแรง ภายใต้เปลวเพลิงที่พลุ่งพล่าน แม้กระบี่ที่แปรเปลี่ยนมาจากภูเขาทั้ง 9 จะแหลมคมเพียงใด ก็ยังไม่อาจสั่นคลอนสวี่ชิงได้แม้เพียงน้อยนิด

ไม่นานนัก จากการปะทุขึ้นของเปลวเพลิงปทุมมานรกานต์ กระบี่จากภูเขาทั้ง 9 ก็ต่างแปรเปลี่ยนจากวัตถุจริงกลับคืนสู่ภาพมายา จวบจนเลือนหายไป

แต่ในพริบตาที่พวกมันรางเลือนไป ทวนยาวที่น่าหวาดหวั่นเล่มนั้นก็ทะลุภาพมายาทุกสิ่ง พุ่งลงมาเหนือศีรษะของสวี่ชิง

ปลายทวนแหลมคมส่องแสงวาววับ ก่อเป็นพลังสูงสุด ปะทุอย่างรุนแรง

เสียงระเบิดเลื่อนลั่นดังขึ้น มาพร้อมการโจมตีที่น่าครั่นคร้าม

ร่างของสวี่ชิงภายใต้การโจมตีนี้ ไม่อาจคงอยู่ที่ตำแหน่งเดิมได้ ถอยร่นไป

และจากการถอยหลังของสวี่ชิง ทวนยาวน่าหวาดหวั่นก็ทรงพลังไร้เทียมทาน อยู่ข้างหน้าเขา ยังคงพุ่งมา

ดวงตาทั้ง 2 ของสวี่ชิงพลันลืมขึ้น จะยกมือต้านทาน แต่ทวนยาวเล่มนี้เร็วยิ่งนัก ยังไม่ทันที่แขนของสวี่ชิงจะยกขึ้น ก็แทงมาที่หน้าอกของเขาแล้ว

ปลายทวนสัมผัส ร่างสวี่ชิงสะท้านเฮือก ถอยไปข้างหลังอีกครั้ง

10 จั้ง 100 จั้ง 500 จั้ง

ถอยแล้วถอยอีก

ส่วนปลายทวน แม้พลังจะแข็งแกร่ง แต่กลับไม่อาจทำลายกายเนื้อของสวี่ชิงได้ ตอนนี้ทันทีที่ร่างของสวี่ชิงถอยไปที่ 1,000 จั้ง พลังของมันก็อ่อนลงเล็กน้อย ฝีเท้าของสวี่ชิงเหยียบไปข้างหลังก็หยุดนิ่งทันที

เพียงพริบตา ปลายทวนที่แทงมาที่หน้าอกเขา จากการสั่นสะเทือนก็ส่งเสียงเปรี๊ยะๆ ออกมา เกิดรอยร้าวอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า จากนั้นก็แตกสลาย

เริ่มจากปลายทวนลามไปไม่หยุด แตกร้าวไม่หยุด ไม่นานนักก็ถึงตัวทวน สุดท้ายท่ามกลางเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว ทวนเล่มนี้…ก็พลังทลาย

พลังของทวนเล่มนี้มาถึงระดับขั้นสูงสุดของระดับเตรียมสู่เทวะแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังไม่ถึงระดับเจ้าเหนือหัว

ดังนั้นสายลมพัดผ่านฟ้าดิน สวี่ชิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นเอ่ยราบเรียบ “จบแล้ว”

รอบๆ เงียบสงัด

กลางท้องฟ้า ชายชราระดับเตรียมสู่เทวะโลก 9 ใบคนนั้นมองสวี่ชิงด้วยสายตาซับซ้อน หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ส่ายหน้าอย่างเงียบๆ

หันหลังก้าวออกไปก้าวหนึ่ง กลับไปยังในภูเขา

สวี่ชิงก้าวออกมาข้างหน้า ข้ามระยะพันจั้ง กลับมาอยู่ที่เชิงเขาเจ้าเหนือหัวอีกครั้ง เพียงก้าวเดียวก็เดินมาบนบันไดข้างหน้า นั่งขัดสมาธิลงตรงนั้น เงยหน้ามองภูเขาลูกนี้

ในสมองนึกย้อนถึงท่าทีเวลาปกติของศิษย์พี่ใหญ่ เอ่ยเสียงราบเรียบ

“ข้าจะนั่งอยู่ตรงนี้ ระดับเจ้าเหนือหัวลงไป ไม่ใช้ของวิเศษเจ้าเหนือหัว ภายใน 3 วัน ขอเพียงมีใครทำลายการป้องกันของข้าได้ ก็นับว่าข้าแพ้!”

ภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 17 ผู้บำเพ็ญทั้งหลายต่างไม่พูดจา

แม้แต่ผู้บำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะ 9 โลกก็ยังไม่อาจทำลายเกราะป้องกันของสวี่ชิงได้ ผู้บำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะคนอื่นในใจต่างเกิดความรู้สึกไร้พลัง

ลงมือต่อไป ไม่มีความหมาย

และผู้บำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะ 9 โลกของภูเขาลูกนี้แม้จะไม่ได้มีแค่คนเดียว อีกทั้งจากการลงมือของสวี่ชิงก่อนหน้านี้ ในใจก็วิเคราะห์ออกมาได้แล้วว่าพลังสังหารทำลายล้างของสวี่ชิงเหมือนว่าจะไม่เพียงพอ เพียงแค่การป้องกันแข็งแกร่งสุดยอดร้ายกาจก็เท่านั้น

แต่ว่า นอกจากจะเลียนแบบอีกฝ่ายแบบนั้น นั่งอยู่ตรงนั้นให้คนมาสู้ ไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็ทำอะไรเสี่ยเฉินจื่อคนนี้ไม่ได้

แต่ผู้ที่พลังบำเพ็ญสูงส่งล้ำลึกกว่าเสี่ยเฉินจื่อก็ยังเลือกที่จะทำเช่นนี้อย่างจำใจ ก็เท่ากับยอมรับว่าตัวเองสู้ไม่ได้…

เพราะพลังบำเพ็ญของทั้งฝ่ายไม่อยู่ในระดับเดียวกัน ดังนั้นเสี่ยเฉินจื่อต่อให้ไม่อาจทำลายการป้องกันของพวกเขาได้ก็สมเหตุผล

แต่สำหรับพวกเขา อาศัยวิธีเช่นนี้ไปคว้าชัยชนะ…ก็ไม่ต่างอะไรกับแพ้

กระทั่งว่ามีความเป็นไปได้ว่าทางด้านศักดิ์ศรีหน้าตา ยังอับอายหนักยิ่งกว่าแพ้เสียอีก

ที่สำคัญที่สุดคือ นี่ดูเหมือนเป็นการต่อสู้ของผู้บำเพ็ญ แต่ความจริงแล้วเป็นการต่อสู้ของเจ้าเหนือหัว ยิ่งเป็นการต่อสู้ของเผ่าปีกมารฝั่งบูรพาและประจิม

ดังนั้น ภูเขาเจ้าเหนือหัวทั้งลูกต่างเงียบนิ่ง

เวลาล่วงเลย 3 วันผ่าน

เผ่าปีกมารฝั่งบูรพาเกิดระลอกคลื่นขึ้นแล้ว

สวี่ชิงลืมดวงตาทั้ง 2 ขึ้นมาอย่างตรงเวลา ลุกขึ้นยืน ท่ามกลางสายตาที่ซับซ้อนของผู้บำเพ็ญที่นี่ เขาไม่พูดอะไร หันหลังเดินไปทางขอบฟ้า มุ่งหน้าไปยังภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 16

หลังจากเข้าไปใกล้ ท่ามกลางความเป็นปฏิปักษ์ของผู้บำเพ็ญในเขาเจ้าเหนือหัวที่ 16 สวี่ชิงนั่งขัดสมาธิบนบันไดของภูเขาลูกนี้ เอ่ยเสียงราบเรียบ “กฎ พวกเจ้าน่าจะรู้แล้ว”

“ระดับเจ้าเหนือหัวลงไป ไม่ใช้ของวิเศษเจ้าเหนือหัว ภายใน 3 วัน ขอเพียงมีคนทำลายการป้องกันของข้าได้ ก็นับว่าข้าแพ้”

……

3 วันให้หลัง สวี่ชิงส่ายหน้าจากไป

ระหว่างนี้ มีผู้บำเพ็ญของภูเขานี้ลงมือหลายคน แต่ล้วนล้มเหลวทั้งสิ้น สุดท้ายก็เหมือนภูเขาที่ 17 เลือกที่จะเงียบนิ่ง

ดังนั้น สวี่ชิงจึงไปภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 15 นั่งต่อไป พูดประโยคเดียวกันต่อไป

เส้นทางภายหลังจากนั้น ภูเขาทุกลูกล้วนนั่งอยู่ 3 วัน จวบจนกระทั่งหลังจากนั้นครึ่งเดือน ในยามที่ร่างของเขามาปรากฏที่ภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 10 ชื่อของเสี่ยเฉินจื่อ อยู่ที่เผ่าปีกมารฝั่งประจิมก็โด่งดังเลื่องลือโดยสมบูรณ์

ไม่มีใครไม่รู้จัก ไม่มีใครไม่รู้ กลายเป็นจุดที่ผู้บำเพ็ญเผ่าปีกมารฝั่งประจิมนับไม่ถ้วนให้ความสำคัญ

ขณะเดียวกัน ร่องรอยของสวี่ชิงที่เผ่าปีกมารฝั่งประจิมก็เลื่องลือกลับไปยังเผ่าปีกมารฝั่งบูรพา

เพียงพริบตา ผู้บำเพ็ญเผ่าปีกมารฝั่งบูรพาต่างตื่นเต้น กระทั่งว่ามีหลายคนที่ข้ามเขตมายังเผ่าปีกมารฝั่งประจิม จะพิสูจน์ทุกอย่างกับตา

เวลาเดียวกันนี้ ในเผ่าปีกมารฝั่งบูรพา ในตำหนักวิชาเซียน

เยวี่ยตงนั่งขัดสมาธิในโถงตำหนักแห่งหนึ่ง โลกภายนอกมีกลิ่นคาวเลือดกำลังส่งกลิ่นเข้ามา

ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นที่นอกตำหนัก เยวี่ยตงลืมดวงเนตรงามขึ้น จ้องมองโลกภายนอก

เห็นเพียงชายหนุ่มสวมชุดหรูหราคนหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยห้วงอารมณ์ลึกซึ้ง เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในมือยังถือศีรษะหนึ่งเอาไว้ด้วย

หลังจากเข้าใกล้เยวี่ยตง ชายหนุ่มชุดหรูหราก็เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน

“ตงเอ๋อร์ ไอ้ชาติชั่วแก่นี่กล้ามาสงสัยในตัวตนของเจ้า ข้าช่วยเจ้ากำจัดมันแล้ว เจ้าวางใจ มีข้าอยู่ ในเผ่าปีกมารฝั่งบูรพาไม่มีใครกล้าทำร้ายเจ้า”

“เพียงแต่…มีเรื่องเกิดขึ้น”

“เจ้าจำเสี่ยเฉินจื่อคนนั้นได้ใช่ไหม โทษข้าเอง ครั้งที่แล้วทั้งๆ ที่เจ้าจะสังหารไอ้ชั่วนั่นได้แท้ๆ เป็นข้าที่ทำให้การลงมือของเจ้าวุ่นวาย เฮ้อ”

“คิดไม่ถึงว่าไอ้สุนัขชั่วนั่นจะมีวาสนา ได้เป็นผู้ติดตามของเจ้าเหนือหัวที่ 10 ตอนนี้ชื่อชั่วช้าของมันก็โด่งลังเลื่องลือไปทั่วเผ่าปีกมารฝั่งประจิมแล้ว สมควรตาย!”

“แต่เจ้าวางใจ ข้าจะต้องช่วยเจ้าฆ่าไอ้สุนัขชั่วนี่ เอาชีวิตสุนัขมันมาให้ได้แน่นอน!”

ชายหนุ่มชุดหรูหราสาบานอย่างจริงใจหนักแน่น

เยวี่ยตงกะพริบตาปริบๆ อึ้งไปเล็กน้อย ช่วงนี้มีคนช่วยนางจัดการเรื่องชิงอำนาจของตำหนักวิชาเซียน ดังนั้น นางจึงตั้งอกตั้งใจศึกษาค้นคว้าวิชาเซียนที่ได้มา

ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่เผ่าปีกมารฝั่งประจิม

ตอนนี้ได้ยินคำพูดพวกนี้ เยวี่ยตงใจหล่นวูบ

“อาชิงน้อยไปอยู่กับจักรพรรดินีหรือ ทั้งยังมีชื่อเสียงอีกด้วยอย่างนั้นหรือ”

คิดถึงว่าชื่อเสียงของศิษย์น้องเล็กแซงตนไป เอ้อร์หนิวสูดลมหายใจลึก รู้สึกความกดดันมหาศาลขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาอย่างน่าแปลกประหลาด

“ไหนบอกจะฮุบกินคนเดียว ทำไมตอนนี้พวกเขาไปรวมหัวอยู่ด้วยกัน ทิ้งข้าไว้คนเดียวเล่า”

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version