บทที่ 1063 ทวิกาล
บนดวงดาวที่รกร้าง เอ้อร์หนิวถอนหายใจ เขาเสียดายนิดๆ
เขาหาอาชิงน้อยในบรรดาหนอนพวกนั้นไม่เจอ…
ดังนั้น เขาจึงกวาดสายตาไปยังซากศพรอบๆ
ในยามที่เขาค้นหาอย่างไม่ยอมจำนน ในโลกเศษเสี้ยวอีกใบหนึ่งของความจำหมิงเหยียน สงครามฉากหนึ่งกำลังปะทุขึ้น
นั่นคือห้วงท้องฟ้าดารา
หมิงเหยียนที่สวมเกราะดำสนิททั้งร่างเหมือนคลานออกมาจากความตาย นำกองทัพมหาศาลข้างหลังออกฆ่าล้างสังหารอย่างบ้าคลั่งและโหดเหี้ยมต่อต่างเผ่าของห้วงท้องฟ้าดารานี้
เสียงวิชาเวท เสียงร้องน่าขนลุก ดังเป็นระลอกไม่ขาดสายอยู่ที่นี่
จนกระทั่งที่ไกลมีคนคนหนึ่งเดินมา แผ่พลังอำนาจเทพท่วมฟ้า เมินซึ่งทั้ง 2 ฝ่าย พัดกวาดทุกสิ่ง ประดุจดาบคมเล่มหนึ่ง พุ่งตรงมาหาหมิงเหยียน
หลังจากที่เข้ามาใกล้อย่างฉับพลัน ก็ซัดไปที่หว่างคิ้วของหมิงเหยียน ทำลายร่างเขาย่อยยับ ทำลายห้วงท้องฟ้าแหลกสลาย ทำลายโลกความทรงจำนี้แหลกละเอียด
ในเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนที่กระจัดกระจายอยู่ที่นี่ เงาร่างของคนคนนี้ก็ชัดเจนขึ้นมา
เป็นจักรพรรดินีนั่นเอง
ไม่เหมือนกับสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว ในโลกความทรงจำที่พวกเขาอยู่ หน้าตาที่ปรากฏออกมาให้เห็นคือหน้าตาของหมิงเหยียน ส่วนจักรพรรดินีทางนี้ องค์ท่านสำแดงร่างของตัวเองออกมา
“เป็นการแตกดับจริงๆ ความทรงจำกระจายกลายเป็นโลกทั้งหลาย หรือใช้ความทรงจำมากมายเป็นปรากการป้องกันชั้นแรก หมิงเหยียน เจ้าตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่กันแน่” จักรพรรดินีเอ่ยราบเรียบ เดินไปข้างหน้า
ขณะเดียวกัน ผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ต่างๆ สถานที่ปิดด่านของมหาจักรพรรดิหมิงเหยียนก็ต่างอยู่ในโลกแตกต่างกันไป บ้างสำรวจ บ้างเมินเฉย บ้างจมจ่อม
แต่ละคนล้วนด้วยเป้าหมายที่แตกต่างกันไป ใช้วิธีที่ไม่เหมือนกัน
อย่างเช่นที่ที่ราบมืดมิดแห่งหนึ่ง ชายชราที่อยู่ใน 5 คนจากเผ่าปีกมารฝั่งประจิม ตอนนี้กำลังเคลื่อนไปข้างหน้า
แผ่นดินอยู่ใต้เท้าเขาคล้ายว่ากำลังหดเล็ก ทำให้เขาดูเหมือนเดินได้ไม่เร็ว แต่ความจริงแล้ว ทุกก้าวที่ย่างก้าวลงไป ระยะทางความยิ่งใหญ่ของมันมากพอที่เมื่อได้ยินแล้วจะต้องตื่นตะลึง
และจากการเคลื่อนไปข้างหน้าของเขา มีเสียงเคร้งๆ ดังมาจากร่างของเขา เหมือนว่าใต้เสื้อคลุมดำของเขารัดเอาไว้ด้วยโซ่เหล็ก
จวบจนกระทั่งนานหลังจากนั้น ข้างหน้าเขาเกิดรอยแยก เผยให้เห็นหุบเหวขนาดมหึมา
ยืนอยู่ข้างหุบเหวลึก ชายชราก้มหน้าจ้องมอง ส่งเสียงหัวเราะแหบแห้งออกมา “อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย”
……
“มหาจักรพรรดิปีกมารเคยพูดไว้ว่า หากมีโลกที่เกิดจากความทรงจำ เช่นนั้นก็หมายความว่ามหาจักรพรรดิหมิงเหยียนแตกดับไปแล้วใช่ไหม”
ในตำหนักใหญ่ที่มีผู้หญิงนับไม่ถ้วน สวี่ชิงนั่งอยู่ข้างบน สายตากวาดมองภาพทุกอย่าง
เขาไม่ได้บุ่มบ่ามลงมือ แต่วิเคราะห์สถานการณ์ตอนนี้ในใจ
“แต่คำพูดของมหาจักรพรรดิปีกมารก็เชื่อมากไม่ค่อยได้”
“แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ที่นี่ก็มีความเป็นไปได้มากว่าเป็นโลกในความทรงจำของมหาจักรพรรดิหมิงเหยียน เช่นนั้น…ความหมายของโลกความทรงจำใบนี้อยู่ที่ใด เป็นมรดกสืบทอด หรือจะเป็นโลกทั้งหลายที่คล้ายๆ กันเหมือนม่านลวงตา ต้องฝ่าไปทีละใบๆ”
สวี่ชิงกำลังขบคิด ทันใดนั้นสายตาก็เย็นเยียบ ดึงกลับมาจากที่ไกล จ้องมองเยื้องไปทางขวา
เยื้องไปทางขวาของเขาตอนนี้กำลังมีผู้หญิงงดงามหยาดเยิ้มคนหนึ่ง สวมชุดกระโปรงผ้าโปร่งบางที่แทบจะเหมือนกับไม่ได้ใส่ไปแล้วครึ่งหนึ่ง แก้มทั้ง 2 ข้างแดงก่ำ เนตรงามเต็มไปด้วยเสน่ห์ คลานมาหาเขาราวกับสัตว์เลี้ยง
ท่าทางการคลานยิ่งขับเน้นให้ส่วนโค้งเว้าเย้ายวนขึ้นไปอีก
สวี่ชิงไม่พูดอะไร แต่สายตาเย็นชายิ่งกว่าเดิม
และสายตาเย็นยะเยือกเช่นนี้ทำให้ผู้หญิงที่คลานมาร่างสั่นสะท้าน สีหน้าฉายแววตกใจหวาดกลัว ขณะที่ตัวสั่นงันงกก็ไม่กล้าเคลื่อนไปข้างหน้า ค่อยๆ คลานถอยหลังไป
สวี่ชิงเห็นเช่นนี้แล้ว กำลังจะดึงสายตากลับมา แต่ตอนนี้เอง คิ้วของเขาก็ขมวด
ความรู้สึกเหมือนถูกฉีกทึ้ง พลันเกิดขึ้นในโลกใบนี้ ในตำหนักแห่งนี้ ในร่างของเขา
ความรู้สึกนี้เหมือนโลกใบนี้กำลังผลักไสเขา อีกทั้งมาพร้อมด้วยความอันตราย เหมือนว่าการกระทำของเขาดึงดูดความสนใจของโลกใบนี้
และสิ่งที่ทำให้จิตใจสวี่ชิงยิ่งเคร่งเครียดคือความกดดันที่ตามมา เหมือนว่าบนร่างมีภูเขาลูกหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
แต่ดีที่ความรู้สึกฉีกทึ้งนี้ยังนับว่าเบา ไม่รุนแรง เหมือนว่าแค่เตือนเฉยๆ
“น่าสนใจ…”
สวี่ชิงหรี่ตา ลุกขึ้นช้าๆ เดินไปทางบันไดสูง เดินอยู่ในตำหนัก เดินไปทางประตู
ระหว่างนั้น ผู้หญิงเหล่านั้นในตำหนักต่างสังเกตเห็นท่าทีการกระทำของสวี่ชิงที่นี่ สีหน้าล้วนฉายความตื่นกลัวที่มาพร้อมด้วยความสับสนงุนงงในการกระทำของสวี่ชิง
สวี่ชิงไม่สนใจ เขากำลังสำรวจและพิสูจน์สาเหตุของความรู้สึกถูกฉีกทึ้งนั่น
และจากการที่เขาเดินเข้าไปใกล้ประตูตำหนัก สีหน้าของผู้หญิงเหล่านั้นในตำหนักยิ่งฉายความหวาดหวั่น แม้แต่เสียงพูดคุยก็ยังแผ่วเบาลง จนเมื่อสุดท้าย ในตอนที่สวี่ชิงอีกเพียงก้าวเดียวก็จะเดินออกไปจากตำหนัก…
ในตำหนักพลันเงียบสงัด
เสียงดนตรีหายไป เสียงยั่วเย้าราคะหยุดลง แม้แต่เสียงหายใจก็ยังหยุดนิ่ง ทุกคนต่างหันมาพร้อมกัน สายตาแฝงด้วยความเย็นชา แผ่ความตาย ต่างจับจ้องสวี่ชิง
ความรู้สึกถูกฉีกทึ้งในเสี้ยวขณะนี้เกิดขึ้นอย่างรุนแรง
สวี่ชิงฝีเท้าหยุดชะงัก หันไปมองประสานสายตากับผู้หญิงทั้งหลายในตำหนัก ในใจในที่สุดก็ยืนยันถึงสาเหตุของความรู้สึกฉีกทึ้งนี้
“โลกใบนี้แปรเปลี่ยนมาจากเศษเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำมหาจักรพรรดิหมิงเหยียน แทนความทรงจำในอดีตของเขา และหน้าตาของข้าในตอนนี้คือเขา เช่นนั้นในด้านการกระทำก็ต้องเหมือนกับมหาจักรพรรดิหมิงเหยียนในตอนนั้น”
“หากไม่เหมือนกันก็จะถูกมองว่าเป็นผู้บุกรุก ก็จะเกิดความรู้สึกฉีกทึ้งแบบนี้ โลกทั้งใบจะมองเป็นปฏิปักษ์ จะกดดัน และเกิดเป็นความน่ากลัวอย่างมหันต์”
“ดังนั้น หากอยากจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น เช่นนั้นก็ต้องหาให้เจอว่ามหาจักรพรรดิหมิงเหยียนในตอนนั้นลงมือทำเรื่องราวอย่างไร”
สวี่ชิงหลังจากขบคิดแล้วก็ไม่ได้ฝืนจากไป แต่ก้าวเท้ากลับมา
จากการกลับมาของเขา เสียงดนตรีในตำหนักดังขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของผู้หญิงเหล่านั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ขณะเดียวกับที่เสียงยั่วยวนอารมณ์ดังขึ้นอีกทั้ง ก็มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาใกล้สวี่ชิง โน้มตัวลงอย่างยั่วเย้า ร่างกายบิดส่ายไปมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนา
แต่คิ้วของสวี่ชิงยังขมวดแน่น
เพราะเขาพบว่า ความรู้สึกถูกฉีกทึ้งยังคงอยู่ ไม่ได้ลดลงเพราะเขากลับมาแม้เพียงน้อยนิด
“ไปก็ไม่ถูก อยู่ก็ไม่ถูก”
“เช่นนั้นตอนนั้นมหาจักรพรรดิหมิงเหยียนทำอย่างไร”
ประกายวาววามในดวงตาสวี่ชิงฉายวูบ ในใจตัดสินใจแน่วแน่ ทันทีที่ผู้หญิงรอบๆ เหล่านั้นเข้ามาใกล้เขา มือขวาของเขาก็ยกขึ้น แล้วกำเป็นหมัดทันที
อำนาจแห่งเสียงพลันปะทุขึ้นที่นี่
และความรู้สึกถูกฉีกทึ้ง ในเสี้ยวขณะนี้ก็หายไป
สวี่ชิงเข้าใจทันที การตัดสินใจของมหาจักรพรรดิหมิงเหยียนในตอนนั้นคือลงมือ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ประตูตำหนักก็ค่อยๆ เปิดออก สวี่ชิงเดินออกมาจากในนั้น
ลมพัดมา พัดพาเอากลิ่นหอมของดอกไม้มาด้วย พัดผมยาวของสวี่ชิงปลิวพริ้ว และผลักประตูที่เปิดอยู่ให้กว้างยิ่งกว่าเดิม
มองไปตามร่างของสวี่ชิง จะเห็นได้ว่าตำหนักข้างหลังของเขา…ไม่มีซากศพ และไม่มีผู้หญิงที่มีชีวิตอยู่เช่นกัน มีเพียงเกสรดอกไม้ที่แห้งเหี่ยวเป็นกลุ่มๆ
อีกทั้งกำลังจะเปลี่ยนเป็นภาพมายา
และเมืองไร้บุรุษทั้งเมืองแห่งนี้ ในพริบตาที่สวี่ชิงเดินออกไปจากตำหนักก็พลันเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นอย่างฉับพลัน
แผ่นดินสั่นไหว ท้องฟ้าหมองหม่น ลมเมฆเปลี่ยนสี
สิ่งก่อสร้างแต่ละแห่งๆ พังถล่มลงทันที กิ่งไม้หนามากมายพลันพุ่งออกมา ขณะที่โบกไหวก็จะเห็นว่าทุกกิ่งที่ปลายกิ่งแตกออก แยกออกเป็นกิ่งอีกนับไม่ถ้วน มีดอกไม้ผลิบาน แผ่เกสรออกมา
และเกสร 1 เกสรก็จะเป็นผู้หญิง 1 คน
กวาดตามองไป จากการพังถล่มของเมืองไร้บุรุษทั้งเมือง กิ่งมหึมาเช่นนี้มีมากถึงหลายพันกิ่ง แผ่ลามไปทั่วทุกทิศ และเกสรที่แยกมาจากในนั้นมีจำนวนมากถึงหลายสิบเท่า
ตอนนี้เมื่อปรากฏออกมา ก็ต่างส่งเสียงยั่วยวนราคะ มองมายังสวี่ชิงจากทุกทิศ
สำหรับที่ใจกลางของเมืองไร้บุรุษ ตอนนี้จากการถล่มยุบของแผ่นดิน ดอกไม้มหึมาที่มีขนาดใหญ่ถึงหมื่นจั้งก็ผุดขึ้นมาจากในนั้น
นี่เป็นดอกหลัก ขณะที่กลีบดอกแย้มบาน เกสรดอกไม้เพียงเส้นเดียวในนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นราชินีออกมา
“บุปผาสราญใจ!” ดวงตาของสวี่ชิงฉายประกายวูบ
เขารู้จักดอกไม้ดอกนี้ ตอนนั้นที่มณฑลประกายอรุณ เขาเคยเห็นมัน อีกทั้งยังช่วยหนิงเหยียนที่ถูกดอกบุปผาสราญใจดูดซับไว้อีกด้วย
เพียงแต่ดอกนั้นเมื่อครั้งนั้นเล็กมาก แต่ดอกที่อยู่ข้างหน้านี้น่าหวาดกลัวยิ่งนัก
แทบจะในพริบตาที่สวี่ชิงจ้องมองไป ผู้หญิงจากเกสรดอกไม้นับไม่ถ้วนเหล่านั้นมองมาทางเขา เสียงหัวเราะดังสะท้อนก้อง ท่ามกลางเสียงกิ่งไม้หวีดหวิว พวกนางก็พุ่งตรงเข้าหาสวี่ชิงจากทุกทิศทาง
สวี่ชิงใบหน้าเรียบเฉย ร่างเพียงไหววูบ เพียงพริบตาก็ลอยขึ้นฟ้า ขณะที่หลบหลีกกิ่งไม้ที่ฟาดกวาดมา มือขวาของเขาก็ยกขึ้นแล้วกดลงไปข้างล่าง
ทันใดนั้น พลังพิษต้องห้ามก็แปรเปลี่ยนเป็นหมอกดำเข้มข้น พลันแผ่กระจายมา
พุ่งตรงไปที่กิ่งไม้เหล่านั้น
ทุกที่ที่ผ่าน เสียงหัวเราะของหญิงสาวเกสรดอกไม้ก็เปลี่ยนเป็นหวีดแหลมน่าเวทนา ร่างเน่าเปื่อย คล้ายว่าไม่อาจทนรับได้
แต่สวี่ชิงทางนี้ ความรู้สึกถูกฉีกทึ้งกลับปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ในใจของเขาเกิดความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
เหมือนว่า ตัวตนน่าหวาดกลัวที่เขาไม่อาจต่อกรได้ จากการลงมือก่อนหน้านี้ของเขา กำลังจะลงมาเยือน
ยิ่งลงมือ ความรู้สึกนี้ก็ยิ่งรุนแรง
“ไม่ถูก!”
สวี่ชิงเก็บพิษต้องห้ามลงไปทันที ร่างถอยหลังไป ในใจวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน กิ่งไม้แผดเสียงกรีดหวีด ราชินีเกสรดอกไม้ที่อยู่บนพื้น ยกมือขึ้นชี้
ทันใดนั้นความว่างเปล่ารอบๆ สวี่ชิงก็มีดอกไม้นับไม่ถ้วนเบ่งบานทันที กลีบดอกไม้ทั้งหมดพลันระเบิดพร้อมกัน พุ่งทะลวงออกไปทั่วทั้งบริเวณ
สวี่ชิงแม้จะถอยหลังหลบหลีก แต่ก็ยังมีกลีบดอกไม้กลีบหนึ่งตกกระทบมาบนร่างของเขา กรีดเป็นรอยแผลทางหนึ่ง
พูดให้ถูกต้องคือ ที่กรีดลงมาคือร่างของหมิงเหยียนที่เขาจำแลงอยู่ภายในโลกแห่งความทรงจำนี้
แต่ในความรู้ความเข้าใจของสวี่ชิง ตัวเองก็มีความรูสึกได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
“นี่คือการโจมตีขั้นความทรงจำ!”
หลังจากตระหนักได้ถึงจุดนี้ สวี่ชิงก็สัมผัสได้ว่าความรู้สึกเหมือนถูกฉีกกระชากค่อย ๆ จางลงตามบาดแผลที่ได้รับ ตัวตนน่าหวาดหวั่นที่จะลงมาเยือนก็เหมือนจะหยุดชะงัก และเริ่มหายไป
“ทุกอย่างนี้ล้วนกำลังชี้เส้นทาง”
“นั่นก็คือไม่อาจต้านทานได้ ถูกดอกไม้นี้สังหาร!”
“มหาจักรพรรดิหมิงเหยียนตอนนั้นถูกดอกไม้นี่สังหารหรือ”
สวี่ชิงไม่เชื่อ
แต่ความรู้สึกถูกฉีกทึ้งก็ทำให้เขารู้ว่า หากไม่ทำอะไรตามที่ชี้นำ ก็จะต้องมีเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่าเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“ยังมีอีกวิธีหนึ่ง บางทีอาจจะทำลายมันได้!”
แววตาวาววามในดวงตาสวี่ชิงฉายวูบ มีดสลักที่แปรเปลี่ยนมาจากอำนาจเทพแห่งชะตาวาสนา ในเสี้ยวขณะที่ลอยขึ้นในทะเลความรู้สึก ในตอนนี้เอง เสียงเปรี๊ยะๆ ก็ดังมาจากในถุงเก็บของของสวี่ชิง
สวี่ชิงถอยไปข้างหลัง จ้องมองอย่างตั้งใจ ก่อนจะเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา
ไข่หนูสีทองใบนั้นที่อยู่ในถุงเก็บของ ไม่รู้ว่าสัมผัสได้ถึงมีดสลักของสวี่ชิงหรืออย่างไร พลันแตกร้าวโดยสมบูรณ์ในเสี้ยวขณะนี้
แสงสีทองทางหนึ่งพุ่งออกมาจากในเปลือกไข่ที่แตกออก วนล้อมรอบเปลือกไข่สีทอง หลังจากกลืนกินอย่างบ้าคลั่งก็พุ่งออกมาจากในถุงเก็บของเอง
พุ่งมาอยู่บนมือของสวี่ชิง แปรเปลี่ยนเป็นหนูสีทองตัวเล็กตัวหนึ่ง
มันพยายามลืมตาขึ้น ส่งเสียงจี๊ดๆ ให้สวี่ชิงสองสามครั้ง ยิ่งเอาตัวถูนิ้วของสวี่ชิง ปล่อยระลอกคลื่นอารมณ์อันใกล้ชิดสนิทสนมออกมา
และในพริบตาที่มันปรากฏตัวขึ้นมา โลกที่แปรเปลี่ยนมาจากความทรงจำใบนี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เสียงหายไป
กลีบดอกไม้ทุกกลีบนิ่งไม่ไหวติง
แม้แต่ราชินีกลีบดอกไม้ก็นิ่งแข็งค้างไปเช่นกัน คงสีหน้าอย่างเมื่อครู่เอาไว้
เหมือนว่าทุกอย่างล้วนถูกหยุดนิ่ง
สวี่ชิงในใจเกิดระลอกคลื่นอารมณ์ นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่เขาคาดไม่ถึง
ก่อนหน้านี้เขารู้ว่าหนูสีทองไม่ธรรมดา ในเมื่อชายชราระบบดาวที่ 5 ก็มีตัวหนึ่งเหมือนกัน อีกทั้ง ตัวของเขาตัวนั้นมีสติปัญญา สามารถฉีกกาลเวลาหลบหนีได้
ดังนั้น เขาจึงมีความคาดหวังในหนูสีทองของตัวเองเหมือนกัน
แต่ไม่ว่าจะคาดหวังอย่างไร ตอนนี้เห็นหนูตัวนี้พอปรากฏขึ้นมา รอบๆ หยุดนิ่ง สวี่ชิงในใจก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรงไปเหมือนกัน
ในขณะเดียวกัน ณ สถานที่ปิดด่านของมหาจักรพรรดิหมิงเหยียน ในจุดที่ลึกที่สุดของชั้นโลกความทรงจำชั้นนี้ ตรงนั้นเป็นฟ้าดินที่ประหลาดพิสดารแห่งหนึ่ง
ฟ้าเกิดขึ้นจากเลือดเนื้อ มีขน มหาศาล
บนขนทุกเส้นล้วนมีโลกที่แปรเปลี่ยนมาจากเศษความทรงจำหลายใบ
ส่วนผืนดินเป็นมหาสมุทรโปร่งแสงโดยสมบูรณ์ผืนหนึ่ง
บนผิวน้ำมีเลือดเนื้อนับไม่ถ้วนกองอยู่ ก่อเป็นก้อนเนื้อขนาดมหึมา
ในก้อนเนื้อมีผู้บำเพ็ญกลางคนคนหนึ่งนั่งสมาธิอยู่
หน้าตาทรงพลังอำนาจแม้ไม่โกรธเกรี้ยว บนร่างแผ่พลังเก่าแก่ผ่านห้วงกาลเวลา มาพร้อมด้วยกลิ่นอายน่าหวาดกลัว
เขาเดิมนั้นหลับตาอยู่
แต่ในเสี้ยวขณะนี้ดวงตาทั้ง 2 ของเขาพลันลืมตื่นขึ้นมา สายตามองทะลุห้วงมิติ ทอดสายตามองไปในโลกเศษเสี้ยวความทรงจำแห่งหนึ่ง
“มีมหาอสูรทวิกาลปรากฏขึ้นมาอย่างนั้นด้วยหรือนี่!”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
