บทที่ 1090 ไปจากแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ก้าวสู่เมืองเซียน
การปรากฏขึ้นของคลื่นวนทำให้ท้องฟ้าของมหาสมุทรนอกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ แสงอัสนีแลบแปลบปลาบ
สายฟ้าสีแดงเหมือนงูสีแดงมากมาย แผ่ลามไปในท้องฟ้าทันที ปกคลุมขอบเขตทั้งหมดที่สายตามองไป
เหมือนท้องฟ้ามีรอยแยกสีแดงนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น เหมือนว่าเสี้ยวขณะต่อมาท้องฟ้าจะแตกแหลกสลาย
รอยแยกเหล่านี้เหมือนซ่อนผนึกเก่าแก่เอาไว้ เปลี่ยนแปลงไม่หยุด ก่อขึ้นไม่หยุด เหมือนมีตัวตนที่คาดไม่ถึงกำลังประสานปางมือ
และเสียงสายฟ้าเลื่อนลั่นที่ดังมาจากทั่วทุกสารทิศยิ่งสะท้านสะเทือนฟ้าดิน ทุกเสียงราวเปิดฟ้าเบิกปฐพี ก่อเป็นเสียงฟาดผ่าที่ดังสุดขีด
เปรี้ยง เปรี้ง เปรี้ยง!
ลมก็พัดมาในเสี้ยวขณะนี้ ไร้ขอบเขตสิ้นสุด บ้าคลั่งเป็นอย่างยิ่ง
พายุหอบม้วนทั่วทุกสารทิศ
นอกจากนี้ยังมีน้ำทะเลของห้วงสมุทรบรรพกาลแห่งนี้ ภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่น่าครั่นคร้ามนี้ ภายใต้สายฟ้า ในลมแรงนี้ ซัดโหมขึ้นมาอย่างรุนแรง
น้ำทะเลปั่นป่วน ยกขึ้นสูงเป็นชั้นๆ ไปรอบๆ คลื่นซัดกระหน่ำอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ละอองคลื่นกระทบผิวน้ำส่งเสียงดังกึกก้อง สะท้านสะเทือนฟ้าดินเช่นกัน ดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหว ราวกับมหาสมุทรกำลังคำรามใส่ท้องนภา
ขณะเดียวกัน เทพเจ้าทั้งหลายที่มหาสมุทรนอก ก็ต่างลืมตาขึ้นมาจากสถานที่ที่พำนักพักผ่อน
ต่างจับจ้อง
แต่กลับไม่ได้ขัดขวาง และไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น
ต่างเก็บกลิ่นอายทุกอย่างไปตามสัญชาตญาณ
เพราะสำหรับองค์ท่านทั้งหลาย ความกว้างใหญ่ไพศาลของมหาสมุทรนอกผืนนี้ เกินกว่าระดับขั้นของชีวิต และภาพนี้เดิมก็เป็นอำนาจเทพสูงสุดของห้วงสมุทรบรรพกาล
ผู้แทรกแซงคนใดก็ตามจะต้องแบกรับพลังแห่งระบบดาว
ตอนนี้มหาสมุทรในตลอดจนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ทั้งดินแดนต่างสั่นสะเทือนขึ้นมาทันที หากมีดวงตาคู่หนึ่งก้มลงมองแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ทั้งดินแดน เช่นนั้นก็จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน…
แผ่นดินใหญ่คำรามก้อง ขุนเขานับไม่ถ้วนสั่นคลอน แม่น้ำแต่ละสาย…แต่ละสาย ตลบม้วน สรรพชีวิตทั้งหลายต่างครั่นคร้าม
การเปิดเส้นทางห้วงสมุทรบรรพกาลไม่ได้เกิดขึ้นมาเนิ่นนานมากนัก
อีกทั้งเปิดด้วยวิธีแรกที่ตุ๊กตาจิ้งจอกบอก ก็ไม่มีทางเกิดภาพสะท้านสะเทือนเช่นนี้ ขอบเขตเล็กกว่ามาก
มีเพียงจุดหญ้าวงแหวนดารา ใช้วิธีที่ดั้งเดิมที่สุดวิธีนี้ถึงจะเหนี่ยวนำการปะทุขึ้นของพลังอำนาจเทพห้วงสมุทรบรรพกาล
และหญ้าวงแหวนดาราก็หายากเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ ภาพนี้จึงทำให้ตุ๊กตาจิ้งจอกทางนั้นเบิกตากว้าง อารมณ์แผ่ระลอกคลื่น
สวี่ชิงเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้
แต่ตอนนี้สมาธิของเขาไม่ได้อยู่ที่ระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นจากการเปิดของเส้นทาง แต่จ้องมองคลื่นวนมหึมาทั้ง 35 ลูกบนมหาสมุทรนอก
จิตใจเกิดระลอกคลื่นอารมณ์
คลื่นวนทุกลูกที่สายตาเขามองเห็นล้วนมีขนาดพอๆ กับเมือง อีกทั้งยังเหมือนกันทุกประการ
ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ หรือกลิ่นอาย กระทั่งความเร็วของการหมุนและความถี่ ก็ต่างเหมือนกันโดยสมบูรณ์
ทำให้คนยากจะแยกแยะได้ว่าลูกไหนคือระบบดาว
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ยิ่งกระตุ้นให้จิตใจสวี่ชิงพลุ่งพล่านคือคลื่นวน 35 ลูก ต่างแผ่เวลาและห้วงมิติออกมา
หากเปลี่ยนเป็นผู้บำเพ็ญคนอื่น บางทีอาจสัมผัสไม่ได้ถึงรายละเอียดนี้
แต่สวี่ชิงไม่เหมือนกัน
ร่างเซียนของเขาตอนนี้พลังบำเพ็ญเป็นระดับ 10 สุดยอดวิถี
5 สุดยอดแรกคือ 5 ธาตุ สุดยอดที่ 6 คือพลังแก่นแท้ช้อนจันทรากลางบ่อ นั่นคือมิติ
สุดยอดที่ 7 คือเวลาที่ผันแปรมาจากนาฬิกาแดด
เช่นนี้แล้ว สัมผัสรับรู้ต่อมิติและเวลาของเขาจึงเหนือกว่าคนอื่นอย่างมหาศาลนัก ดังนั้นในเสี้ยวขณะนี้ เขาสัมผัสได้ถึงมิติและเวลาที่พุ่งสูงขึ้นในคลื่นวนทั้ง 35 ลูกนี้
ท่ามกลางความรางเลือน สุดยอดที่ 6 และสุดยอดที่ 7 ของร่างก่อเป็นเสียงร้องประสานแผ่วเบา
เสียงร้องประสานเช่นนี้ทำให้เวลาและมิติในร่างสวี่ชิงเกิดความรู้สึกถูกเหนี่ยวนำ ระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นสะท้อนมาในร่างสวี่ชิง
ทุกอย่างนี้ทำให้สวี่ชิงลมหายใจหอบถี่เล็กน้อย
เขามีลางสังหรณ์ว่า คลื่นวนทั้ง 35 ลูกนี้แฝงไว้ด้วยความลับของเวลาและมิติ
ขณะที่คล้ายครุ่นคิดอยู่นั้น ตุ๊กตาจิ้งจอกที่อยู่ข้างๆ ก็สูดลมหายใจยาว มองสวี่ชิงผาดหนึ่ง พลันเอ่ยขึ้น “ไม่เลวเลยนี่เจ้าตัวน้อย แม้แต่หญ้าวงแหวนดาราก็มี ทำให้พี่สาวเหนือความคาดหมายไปนิดๆ”
“แต่ว่า หญ้าวงแหวนดาราเพียงแค่เปิดเส้นทางเท่านั้น ส่วนตราผ่านทางของเจ้า ก็ทำให้ในตอนที่เจ้าเดินทางได้รับการปกป้องและชี้นำในระดับหนึ่งเท่านั้น ทำให้เจ้าไม่หลงไปในนั้น”
“แต่ว่า หลังจากเข้าไปในเส้นทางแล้ว อันตรายที่อยู่ในเส้นทางไม่ใช่แค่หลง แต่ยังมีพลังฉีกทึ้งที่เกิดขึ้นในขณะท่องไปในระบบดาวอีกด้วย”
“ดังนั้นหากอยากเดินทางให้ปลอดภัยจริงๆ ต้องมีของวิเศษของห้วงดาราถึงจะได้ แม้เจ้าจะมีเถาวัลย์เทพ แต่…”
ยังไม่ทันที่ตุ๊กตาจิ้งจอกจะพูดจบ สวี่ชิงก็เอาเจดีย์วิเศษท้องฟ้าดาราของตัวเองออกมาเงียบๆ
เอามันออกมาไว้ในฟ้าดิน จากนั้นก็ยกนิ้วขึ้น
ทันใดนั้นเจดีย์วิเศษนี้สั่นสะเทือน บนนั้นแผ่กลิ่นอายห้วงดาราอย่างเข้มข้นออกมา
ภาพนี้ทำให้จิ้งจอกดินเหนียวเบิกดวงตากว้างอีกครั้ง
“เจดีย์ของเจ้าองค์นี้น่าสนใจอยู่นิดๆ ปิดกั้นสัมผัสรับรู้ของข้าได้ ทำให้ก่อนหน้านี้ข้าสัมผัสไม่ได้ถึงคุณสมบัติภายในของมัน…ที่มาที่ไปของมัน…ก็พอใช้ได้”
ตุ๊กตาจิ้งจอกจิตใจซัดโหม แต่ภายนอกกลับแค่กะพริบตาปริบๆ สายตากวาดไปบนเจดีย์วิเศษ ทำท่าสุขุมเยือกเย็น เอ่ยต่อไป “และสิ่งเหล่านั้นที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้ล้วนไม่ใช่สิ่งสำคัญ เจ้าตัวน้อย เจ้าใช้ห้วงสมุทรบรรพกาลมุ่งหน้าไปยังระบบดาวระบบอื่น ที่สำคัญคือการตัดสินใจเลือกอย่างแม่นยำ”
“ข้าว่าเจ้าเองก็ใช่ว่าจะไร้เป้าหมาย เตรียมการได้พร้อมเช่นนี้ ท่าทางคงจะมีระบบดาวที่กำหนดไว้แล้วว่าจะไป”
“แต่เส้นทางทั้ง 35 นี้ ต่างวุ่นวายปั่นป่วน ไม่ได้เรียงตามลำดับ ดังนั้นหากคิดอยากจะหาเจอได้อย่างแม่นยำ ต้องอาศัยเบาะแสมหาศาลไปทำการอนุมานอย่างละเอียด”
“นี่เป็นการผลาญความคิดจิตใจอย่างมหาศาล พี่สาวคนนี้ช่วยเจ้าได้ แต่ว่า…”
ตุ๊กตาจิ้งจอกพูดพลางเลียริมฝีปาก ความยั่วเย้าในดวงตายิ่งเข้มข้น
สวี่ชิงมองตุ๊กตาจิ้งจอกผาดหนึ่ง ล้วงเอาหนูสีทองออกมาจากถุงเก็บของอย่างเงียบงัน
“ข้ามีอสูรกลายพันธุ์ตัวหนึ่ง อสูรนี้หายากยิ่งนัก และสถานที่ที่ข้าจะไปมีเผ่าพันธุ์เดียวกับมัน”
ในพริบตาที่หนูสีทองปรากฏขึ้น ภายใต้จิตเทพของสวี่ชิง มันก็มองไปทางคลื่นวนทั้ง 35 ลูกข้างล่างทันที จมูกขยับฟุดฟิด ร่างแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีทองทางหนึ่ง พุ่งไปบนคลื่นวนทั้ง 35 ลูกนี้อย่างรวดเร็ว
ครั้งแรกกวาดไป หาร่องรอยอะไรไม่เจอ มันยืนอยู่ตรงนั้น มองมาทางสวี่ชิงอย่างสับสนทำตัวไม่ถูก
ตุ๊กตาจิ้งจอกหัวเราะ “เหมือนว่าจะไม่ได้ผลเท่าไรนะ”
สวี่ชิงเมื่อได้ยินก็ส่งจิตเทพออกไป
หนูสีทองขนสีทองทั่วทั้งตัวมันลุกชันทันที สายเลือดทั้งร่างปะทุ ท่ามกลางความรางเลือน รอบๆ ตัวมันเกิดความบิดเบี้ยวและรางเลือน เหมือนว่ามิติกำลังแผ่อวล เวลากำลังไหลไป
ภาพนี้ทำให้ตุ๊กตาจิ้งจอกเห็นแล้วดวงเนตรงามต้องจับจ้อง
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด ส่งพลังวิถีมิติสูงสุดและวิถีเวลาสูงสุดออกไปช่วยเล็กน้อย
เสี้ยวขณะต่อมา หนูสีทองสะท้านเฮือกทั้งร่าง ดวงตาทั้ง 2 ฉายประกายแสงสีทองพร่างพรายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จับจ้องคลื่นวนทั้งหมด
ไม่นานนัก ร่างของมันก็พุ่งออกไป
บนคลื่นวนลูกที่ 3 ลูกที่ 15 ลูกที่ 23 และลูกที่ 31 ต่างหยุดอยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้นก็ส่งเสียงจี๊ดๆ อวดผลงานกับสวี่ชิง
ต่อมาก็กลับมาในเสี้ยวพริบตา มาอยู่ในอ้อมแขนของสวี่ชิง เผยความเหนื่อยล้าและอ่อนแรงออกมา
สวี่ชิงครุ่นคิด ไม่นานนักก็เอ่ยขึ้น “ลูกไหนแข็งแกร่งที่สุด”
หนูสีทองขบคิด หลังจากมองไปทางคลื่นวนทั้ง 35 ลูก กรงเล็บก็ยกขึ้น ชี้ไปทางคลื่นวนลูกที่ 23 ส่งเสียงจี๊ดๆ อย่างมั่นใจ
ภาพนี้ทำให้ตุ๊กตาจิ้งจอกเห็นแล้วในดวงตาเกิดประกายแสงเย็นเยือก กวาดตามองหนูสีทองอย่างเย็นชา
หนูสีทองสั่นสะท้าน รีบมุดกลับเข้าไปในถุงเก็บของ
สวี่ชิงจ้องมองคลื่นวนลูกที่ 23 สายตาฉายแววเด็ดเดี่ยว
ตอนนี้เงื่อนไขทั้งหมดมีครบหมดแล้ว แม้เขาจะไม่มั่นใจอย่างเต็มที่ว่าคลื่นวนลูกที่ 23 จะต้องเป็นระบบดาวที่ 5 อย่างแน่นอน แต่อย่างน้อย…ที่นั่นมีความเป็นไปได้มากที่สุด
อย่างไรเสีย หนูสีทองข้างกายชายชราในตอนนั้นก็แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้น สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก กำลังจะเอ่ยลากับตุ๊กตาจิ้งจอก ตัวเองเหยียบไปบนเส้นทางที่จะจากไป
แต่ในตอนนี้เอง ตุ๊กตาจิ้งจอกทางนั้นก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “ไอ้หยา เจ้าปีศาจน้อยชวนหลงใหลคนนี้ ช่างเถิดๆ…”
องค์ท่านหัวเราะ ร่างกะพริบแสงสีทองวูบวาบพลางพ่นลมหายใจเบาๆ
ลมหายใจนี้เดือดพล่านไปในฟ้าดิน สุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นจิ้งจอกตัวเล็กขนาดเท่าฝ่ามือตัวหนึ่ง
นั่นคือร่างแยกของนาง
อีกทั้งไม่ให้โอกาสสวี่ชิงปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย ใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดเกาะมาบนไหล่สวี่ชิง แลบลิ้นเล็กๆ เลียคอสวี่ชิง ฉายสีหน้าเคลิบเคลิ้ม ส่งเสียงเย้ายวน “เด็กบ้า มัวอึ้งอะไรอยู่ พวกเราก็ไปกันสิ”
ไม่ว่าจะเป็นการมาถึงของตุ๊กตาจิ้งจอก หรือจะเป็นสัมผัสอ่อนนุ่มที่คอ ล้วนแต่ทำให้ร่างสวี่ชิงแข็งทื่อทั้งสิ้น
หลังจากนั้น เขาหันไปมองจิ้งจอกที่ไหล่ “ผู้อาวุโส…”
“เรียกผู้อาวุโสอะไรกัน เรียกพี่สาว” จิ้งจอกน้อยแก้ จากนั้นก็เลียคอสวี่ชิง หัวเราะคิกคักขี้เล่นออกมา
“เดิมไม่คิดจะไปด้วยกับเจ้า ใครใช้ให้เจ้าทำให้ข้าเสียแผนเล่า ดังนั้นข้าตัดสินใจแล้ว ทิ้งร่างจริงไว้ที่แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ส่วนร่างแยกไปกับเจ้าดีกว่า”
“เส้นทางนี้ น้องชายตัวน้อย ข้าไม่เชื่อว่าจะหาโอกาสให้เจ้ามอบปราณพลังหยางมาให้ข้าแต่โดยดีไม่ได้”
“ยังจะมัวอึ้งอะไรอยู่เล่า ไปสิ”
จิ้งจอกน้อยเร่ง
สวี่ชิงขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเบา “ผู้อาวุโส สถานที่ที่ข้าจะไป สำหรับเทพเจ้าแล้วอาจจะไม่เป็นมิตรสักเท่าไร”
จิ้งจอกน้อยได้ยินก็หัวเราะ “คำพูดนี้พูดเสียอย่างกับว่าหมื่นเผ่าในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เป็นมิตรกับเทพเจ้านักแหละ ข้าไม่สนใจ ขอเพียงเจ้าเป็นมิตรก็พอ อีกทั้งเป็นแค่ร่างแยกเท่านั้น ไม่เป็นไร”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง หลังจากนั้นหลายอึดใจ เขาถอนหายใจในใจ รู้ว่ายากที่จะปฏิเสธ สิ่งเดียวที่ต้องพิจารณาคือท่าทีที่ระบบดาวที่ 5 มีต่อเทพเจ้า
แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาขบคิด จึงตัดสินใจไม่ขบคิดเรื่องนี้เสียเลย
นอกจากนี้มีอีกฝ่ายตามไปด้วย คิดแล้วการเดินทางครั้งนี้ก็คงราบรื่นขึ้นเล็กน้อย
คิดถึงตรงนี้ ร่างของสวี่ชิงเพียงไหววูบก็เดินเข้าไปในเจดีย์ เถาวัลย์เทพศักดิ์สิทธิ์บนนั้นส่องแสงดาววูบวาบ เพิ่มพลังให้เจดีย์วิเศษ
เจดีย์องค์นี้ส่งเสียงเลื่อนลั่น ตรงดิ่งไปยังคลื่นวนที่ 23 อย่างเร็วรี่
เข้าใกล้ไปในพริบตา จมเข้าไปข้างใน
พลังมิติเข้มข้นปะทุทันที
ความรู้สึกฉีกทึ้งในคลื่นวนก็รุนแรงเช่นกัน
ยิ่งมีเวลาหลั่งไหล ใช้วิธีปั่นป่วนหมุนวนอยู่ในคลื่นวนลูกนี้
เหมือนมิติถูกลากยาว เวลาก็เช่นกัน…
ท่ามกลางความรางเลือน มีเสียงหนึ่ง มาจากโลกภายนอก เข้ามาในมิติ ไหลอยู่ในมิติ ใช้วิธีนี้ปิดกั้นสัมผัสรับรู้จากโลกภายนอก ดังมาในใจสวี่ชิงอย่างปราศจากร่องรอยใดๆ
“เจ้า ติดค้างค่าตอบแทนของการอธิษฐานกับข้า…”
“ค่าตอบแทนนี้…ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามอบด้วยสิ่งอื่นใด ข้าต้องการเพียงของชิ้นหนึ่ง”
“ข้าต้องการเพียงรูปสลักซ่างฮวงรูปนั้นที่อยู่ในเมืองหลวงที่รัชทายาทรัฐม่วงครามอยู่”
“ในอนาคต มอบรูปสลักนั้นให้ข้า ก็นับว่าสิ้นสุดผลกรรมเวรของเจ้ากับข้า”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
