Skip to content

Outside Of Time 1089


บทที่ 1089 เจ้ารู้ว่าจะตอบแทนพี่สาวอย่างไร ใช่หรือไม่

บนมหาสมุทรใน พื้นที่ที่ห่างไปจากเขตชายแดน

ในท้องฟ้า เจดีย์ที่ส่องประกายแสงดาววูบวาบพลันหยุดชะงัก

ผิวทะเลส่งเสียงครืนครั่นสนั่นหวั่นไหว คลื่นลูกใหญ่โถมซัด เหมือนคลื่นยักษ์เกิดขึ้น แผ่ซ่านไปทั่วทุกสารทิศเสียงดังสนั่นหวั่นไหว รูปสลักยักษ์ที่สูงราวเทียมฟ้ารูปหนึ่ง ผุดขึ้นมาจากใต้มหาสมุทร

รูปสลักแสงเทพส่องวูบวาบ สีทองเป็นซึ่งทุกสิ่ง

นั่นคือเทพเจ้า

องค์ท่านยืนตระหง่านบนมหาสมุทร อยู่ระหว่างฟ้าดิน เทียบกับองค์ท่านแล้ว เจดีย์ที่สวี่ชิงอยู่ราวของเล่นชิ้นเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง

ส่วนรูปร่างของรูปสลักเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง

แต่กลับไม่ใช่ดินอีกต่อไป ทว่าเป็นวัสดุจากหินแข็งแรง เป็นสีแดงเพลิงทั้งร่าง ทำให้จิ้งจอกตัวนี้สมจริงมีชีวิตชีวา

ในตัวองค์ท่าน พลังที่แผ่ออกมาไม่ใช่เพลิงเทวะสมบูรณ์แบบไร้ที่ติอย่างตอนนั้นอีกต่อไป แต่เป็น…แท่นเทวะ!!

หรือพูดให้ถูกว่ากายกว่าครึ่งก้าวสู่แท่นเทวะแล้ว ตอนนี้ฝืนนับว่าเป็นกำลังรบระดับแท่นเทวะก็ได้

และเมื่อแท่นเทวะปรากฏออกมา ฟ้าดินเปลี่ยนสี

พลังอำนาจเทพน่าหวาดหวั่นครั่นคร้ามทำให้ทะเลและผืนฟ้าต่างเกิดคลื่นวนยิ่งใหญ่ทรงพลัง

คลื่นวนบนท้องฟ้าหมุนวนตามเข็มนาฬิกา คลื่นวนในมหาสมุทรหมุนทวนเข็มนาฬิกา เช่นนี้แล้วก็ทำให้มิติระหว่างคลื่นวนทั้ง 2 บิดเบี้ยวไปทั้งแถบ

เสียงหัวเราะในเสี้ยวขณะนี้ก็ดังออกมาจากปากของรูปสลักจิ้งจอก

ในเจดีย์แสงดาวที่หยุดนิ่ง สวี่ชิงลืมตาขึ้นมา

ถอนหายใจในใจ

สำหรับเทพชั้นสูงซิงเหยียน ความรู้สึกทุกครั้งของเขาล้วนมีความอยากหลีกเลี่ยงเสมอ

คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ก่อนจะเดินทางจากไปก็ยังได้พบอีกฝ่าย

ตอนนี้ไม่มีทางอื่นแล้ว สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ลุกขึ้นเดินออกไปจากเจดีย์แสงดาวในก้าวเดียว ยืนอยู่กลางอากาศ มองไปยังรูปสลักยิ่งใหญ่เบื้องหน้ารูปนี้ โค้งคารวะ “คารวะเทพชั้นสูง”

สำหรับพลังบำเพ็ญของอีกฝ่ายก้าวเข้าสู่ระดับแท่นเทวะอย่างสมบูร์สวี่ชิงไม่แปลกใจ พิธีของเทพทั้ง 3 ตอนนั้นกำหนดให้ระดับแท่นเทวะเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว และหลังจากนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์มาเยือน ผ่านสงครามครั้งใหญ่หลายครั้ง

สุดท้าย แม้สรรพชีวิตทั้งหลายในแดนศักดิ์สิทธิ์จะถูกมหาจักรพรรดิครองกระบี่ดูดซับไปแล้ว แต่ภายใต้การกระตุ้นของปราณกระบี่ของเขา ทั้งยังมีพลังดวงดาวที่แฝงอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แตกสลาย ล้วนทำให้เทพทั้ง 3 พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ทำไม เจ้าตัวดีแล้งน้ำใจ ดูจากสีหน้าของเจ้าเหมือนจะไม่ต้อนรับพี่สาวคนนี้เลยนะ”

“พี่สาวช่วงนี้คิดถึงเจ้าทุกหัวจิตหัวใจ คิดถึงทุกวันคืน”

เสียงของซิงเหยียนแฝงด้วยความยั่วยวน ดังมาในหูสวี่ชิงก็เหมือนกลายเป็นเส้นผมลากผ่านใบหู วาดผ่านใบหน้า ลูบไล้ไปในจิตใจ

และขณะที่พูด รูปสลักขององค์ท่านก็ย่อเล็กลงอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่นานนักก็เปลี่ยนมามีขนาดเท่าคนทั่วไป ผิวสัมผัสก็เปลี่ยนเป็นกายเนื้ออย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นหญิงงามเต็มไปด้วยเสน่ห์ยั่วเย้า สกัดกั้นด้วยฟองอากาศของเจดีย์แสงดาว มองสวี่ชิงอย่างคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

สวี่ชิงไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของอีกฝ่ายอย่างไร ดังนั้นจึงเลือกที่จะเงียบนิ่งตามนิสัยของตัวเอง

เห็นสวี่ชิงเป็นเช่นนี้ เทพชั้นสูงซิงเหยียนเลียริมฝีปาก เหมือนว่ามองทะลุเสื้อผ้าอาภรณ์ได้ ประเมินร่างกายของสวี่ชิงครู่หนึ่ง ดวงตาทั้ง 2 ค่อยๆ ฉายแววทรงเสน่ห์เย้ายวน

สูดลมหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง

จิตวิญญาณปลุกเร้า เปล่งประกายมีชีวิตชีวา

เสียงยิ่งอ่อนหวานและนุ่มนวลกว่าเดิม

“ช่างเถิดๆ เจ้าเด็กแล้งน้ำใจ ใครใช้ให้ปราณพลังหยางของเจ้าหอมขนาดนั้นกันเล่า พี่สาวต่อให้โมโห แต่มองเจ้าแล้ว…ความโมโหก็หายไปเองแล้ว”

“เช่นนั้นเจ้าตอนนี้จะไปมหาสมุทรนอกอย่างนั้นหรือ”

ซิงเหยียนเอ่ยพลางหัวเราะเสียงเบา

สำหรับสายตาของซิงเหยียน สวี่ชิงชินชาเสียแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินก็พยักหน้า

“บังเอิญขนาดนี้เชียว” ซิงเหยียนกะพริบตาปริบๆ “พี่สาวก็กำลังจะไปมหาสมุทรนอกพอดี พวกเราไปด้วยกันก็แล้วกัน แต่ว่าทำไมเจ้าต้องทำท่าระแวดระวังด้วย แม้แต่ฟองอากาศข้างหน้าก็ยังไม่ยอมเปิด แล้วก็ไม่เดินออกมาด้วย”

“หรือกลัวพี่สาวจะกินเจ้าหรือไร เสียทีที่พี่สาวคนนี้หลายปีมานี้ช่วยเจ้าเอาไว้มากมายขนาดนั้น เจ้ากลับห่างเหินกับข้าปานนี้”

สีหน้าของซิงเหยียนฉายแววน้อยใจ

สวี่ชิงจนปัญญา ไม่อาจปฏิเสธได้ อีกทั้งอีกฝ่ายหลายปีมานี้ก็ช่วยเหลือเขาหลายครั้งจริงๆ โดยเฉพาะระหว่างเผ่ามนุษย์ตอนนี้ก็เป็นพันธมิตรกัน

ดังนั้นสวี่ชิงถอนหายใจในใจอีกครั้ง ยกมือสลายฟองอากาศ เก็บเจดีย์แสงดาวลงไป เดินไปข้างกายซิงเหยียน

“แบบนี้สิถึงจะถูก”

ซิงเหยียนยกมือ ใช้ความเร็วที่สวี่ชิงไม่อาจต้านทานได้ หยิกใบหน้าสวี่ชิง จากนั้นก็หัวเราะอย่างมีความสุข ลมเทพพัดหอบ พาสวี่ชิงพุ่งตรงไปยังชายแดนระหว่างมหาสมุทรในและมหาสมุทรนอก

ระยะห่างจากที่นี่เดิมก็ไม่ได้ไกลอยู่แล้ว

ดังนั้นเพียงพริบตา พวกเขาก็มาถึงยังบริเวณที่มหาสมุทรในและนอกบรรจบกัน

สีของมหาสมุทรแบ่งอย่างชัดเจนที่นี่

ด้านหนึ่งเป็นสีม่วง

ด้านหนึ่งเป็นสีดำ

และระหว่างสีม่วงกับสีดำมีเรือลำหนึ่ง ลอยอยู่ระหว่างนั้น

บนเรือ มีชายหนุ่มหน้าตางดงามหล่อเหลาแบบบัณฑิตคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ กำลังตกปลา

เป็นอวี้หลิวเฉินนั่นเอง

เผชิญหน้ากับการมาเยือนของสวี่ชิงและซิงเหยียน องค์ท่านไม่ได้เงยหน้าขึ้น แต่ว่าซิงเหยียนทางนั้น เห็นได้ชัดว่าสำหรับการปรากฏขึ้นของอวี้หลิวเฉิน สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย

เหล่าองค์ท่านล้วนเป็นเทพเจ้า แต่ระหว่างกันและกันแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

อวี้หลิวเฉินในตอนนี้กำลังเดินไปสู่เทพแท้จริง

จุดนี้ซิงเหยียนสังเกตได้ในทันที ในใจของนางเกิดระลอกคลื่นอารมณ์ ร่างก้าวไปก้าวหนึ่งมายืนอยู่ข้างหน้าสวี่ชิง โค้งคารวะอวี้หลิวเฉิน

อวี้หลิวเฉินสีหน้าสงบนิ่ง เอ่ยราบเรียบ “เจ้าบังสายตาข้าแล้ว”

ซิงเหยียนเงียบนิ่ง ถอยออกไป

อวี้หลิวเฉินถึงได้เงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องไปยังร่างของสวี่ชิง

สวี่ชิงก้าวขึ้นไปก้าวหนึ่ง โค้งคารวะอย่างเคารพนอบน้อม “คารวะผู้อาวุโส”

อวี้หลิวเฉินไม่ได้พูดขึ้นในทันที แต่มองสวี่ชิง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สายตาของเขาเบนจากสวี่ชิง มองไปทางท้องฟ้า เอ่ยเรียบนิ่ง “ตอนที่เขาจากไปหัวเราะหรือไม่”

‘เขา’ ที่พูดถึงคนนี้ สวี่ชิงย่อมรู้ดีว่าหมายถึงมหาจักรพรรดิครองกระบี่

สำหรับเรื่องราวในอดีตระหว่างมหาจักรพรรดิครองกระบี่และอวี้หลิวเฉิน สวี่ชิงรู้ไม่มาก แต่ตอนนั้น ในศึกเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ตอนนั้น ภาพที่อวี้หลิวเฉินให้ความร่วมมือกับมหาจักรพรรดิ และเป้าหมายสุดท้ายก็คือส่งกระบี่สุดท้ายที่ฝากไว้กับองค์ท่านกลับคืน

ทุกอย่างนี้บ่งบอกแล้วว่ามหาจักรพรรดิครองกระบี่กับอวี้หลิวเฉินมีมิตรภาพต่อกัน

มิตรภาพของเซียนกับเทพ ในความรู้ความเข้าใจของสวี่ชิงในอดีตเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ

แต่ว่า เห็นการกระทำของจักรพรรดินีหลังจากที่สำเร็จเทพ เห็นการที่เทพชั้นสูงซิงเหยียนมาขวางอยู่ข้างหน้าตนเมื่อครู่ สำหรับเทพเจ้า…สวี่ชิงมีความเข้าใจของตัวเอง

ดังนั้นเขาจึงเอ่ยเสียงเบา “หัวเราะขอรับ หัวเราะอย่างมีความสุข พึงพอใจเป็นอย่างมากขอรับ”

อวี้หลิวเฉินได้ยินก็เงียบนิ่ง

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สายตาขององค์ท่านที่มองไปยังท้องฟ้าก็จับจ้องมาที่ร่างสวี่ชิงอีกครั้ง แค่นเสียงขึ้นจมูกขึ้นมาทีหนึ่ง “เห็นแก่เจ้าคนชอบวางมาดคนนั้น…”

พูดแล้วอวี้หลิวเฉินก็ยกมือสะบัด เบ็ดตกปลาในมือยกขึ้น สายเบ็ดเกี่ยวปลาที่มี 3 หัว ทั้งตัวมี 9 สีขึ้นมาตัวหนึ่ง ระเบิดกลางอากาศ

ปลาประหลาด 3 หัว 9 สีตัวนั้นระเบิดทันที เลือดเนื้อผสานเข้าด้วยกัน กลายเป็นก้อนเนื้อก้อนหนึ่ง

“มีจอมวางมาดตัวน้อยชื่อว่าสวี่ชิงคนหนึ่ง ออกเดินทางไปฝึกฝนภายนอก หลังจากนั้นหลายปี จอมวางมาดตัวน้อยคนนี้กลับมาอย่างปลอดภัย”

นี่คือเรื่องของอวี้หลิวเฉิน

และเป็นการอวยพรจากองค์ท่านเช่นกัน

ตอนนี้พูดจบ เรื่องขององค์ท่านผสานไปในก้อนเนื้อ ก้อนเนื้อขยับขยุกขยิกทันที สี 9 สีในนั้นฉายวูบวาบ แล้วหายไปทีละสีๆ สุดท้ายกลายเป็นเนื้อเน่ากลุ่มหนึ่ง

แล้วเนื้อเน่าก็แยกชิ้นส่วนกลายเป็นเถ้าธุลี สลายไปในฟ้าดิน

สวี่ชิงสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในร่างมีกระแสอบอุ่นกลุ่มหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ในดวงตาเขาฉายแววซาบซึ้ง โค้งคารวะ

อวี้หลิวเฉินดึงสายตากลับมา ตกปลาต่อไป

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ภายใต้การส่งสัญญาณของเทพชั้นสูงซิงเหยียน สวี่ชิงบินผ่านข้างกายอวี้หลิวเฉิน เหยียบย่างไปในมหาสมุทรนอก

เหมือนเดินเข้าไปในฟ้าดินที่ถูกสกัดกั้น ความปั่นป่วนและคลุ้มคลั่งที่คุ้นเคยมาตามลมทะเลปะทะหน้ามา

มหาสมุทรนอกมาถึงแล้ว

“องค์ท่านในเมื่อให้คำอวยพรแก่เจ้า เจ้าหนู คำอวยพรลึกลับอัศจรรย์ ต้องรู้ว่าสภาวะขององค์ท่านในตอนนี้ก้าวสู่ระดับเทพแท้จริงเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น”

“และคำอวยพรนี้จะคอยอยู่กับเจ้าไปตลอด รอเมื่อทันทีที่องค์ท่านก้าวสู่เทพแท้จริง ในตัวเจ้าก็เท่ากับได้รับการคุ้มครองจากเทพแท้จริง”

ซิงเหยียนขมวดคิ้ว ในใจไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แต่ก็ยังบอกถึงความล้ำค่าของคำอวยพรนี้กับสวี่ชิง

และเหตุที่นางไม่สบอารมณ์เพราะหลังจากที่ได้รับการอวยพร นางไม่สามารถทำเหมือนเมื่อก่อนที่มองกายเนื้อสวี่ชิงทะลุในผาดเดียวได้

“เอาเถอะ สถานที่เป้าหมายของเจ้าอยู่ที่ไหน แม้ข้าจะไม่รู้ แต่ข้ารู้ว่าไม่มีทางหยุดอยู่แค่มหาสมุทรนอกแน่นอน”

ซิงเหยียนมองสวี่ชิงผาดหนึ่ง

“อีกทั้งในตัวเจ้า มีกลิ่นอายของตราผ่านทาง”

“เรื่องมหาสมุทรนอก สำหรับคนจำนวนมากแล้วไม่รู้ แต่สำหรับเทพเจ้า จะไม่รู้ได้อย่างไร”

“แต่ว่า อาศัยมหาสมุทรนอก มุ่งหน้าไปยังระบบดาวดวงอื่น เรื่องนี้มีความยากที่ไม่น้อยเลย”

“แม้เจ้าจะมีตราผ่านทาง สามารถละเว้นการจำกัดของพลังบำเพ็ญ แต่ว่า…”

“มีตราผ่านทาง ไม่ได้หมายถึงว่าจะสามารถเดินทางได้อย่างราบรื่นที่แท้จริง”

ซิงเหยียนมองสวี่ชิงอย่างมีความหมายล้ำลึก

สวี่ชิงเงียบนิ่ง คิดจะเอ่ยปากพูด

แต่ซิงเหยียนหัวเราะขึ้นมา เลียริมฝีปาก ไม่ให้โอกาสสวี่ชิงได้พูด

“แต่ว่าพี่สาวมาแล้ว ก็ต่างไปแล้ว”

“คิดจะอาศัยมหาสมุทรนอกมุ่งหน้าไประบบดาวอื่น ต้องทำให้เส้นทางปรากฏขึ้นก่อน”

“และวิธีที่ทำให้ปรากฏขึ้นมา 2 ทาง 1 คืออาศัยพิธี นี่ต้องใช้ผู้บำเพ็ญระดับแท่นเทวะอย่างน้อย 3 คนลงมือพร้อมกัน อีกทั้งยั้งต้องมีสิ่งมีชีวิตคุณสมบัติเทพอีกมหาศาลใช้เป็นสารหล่อเลี้ยงถึงจะสำเร็จ”

“ข้าช่วยเจ้าได้ ในเมื่อข้าเองตอนนี้ครึ่งหนึ่งก็ก้าวสู่ระดับแท่นเทวะแล้ว พี่สาว 2 คนยิ่งเป็นเช่นนี้ หากข้าช่วยเจ้า ก็พอกล้อมแกล้มเปิดเส้นทางเส้นหนึ่งให้เจ้าได้”

“แต่ว่านี่เป็นการใช้พลังไปอย่างมหาศาลเลยทีเดียว ดังนั้นเจ้ารู้ว่าจะตอบแทนข้าอย่างไรใช่หรือไม่”

ความทรงเสน่ห์ยั่วยวนในดวงตาทั้ง 2 ของซิงเหยียนยิ่งเข้มข้น

สวี่ชิงสีหน้าเป็นปกติ ถามขึ้นประโยคหนึ่ง “ไม่ใช่ว่ามีวิธีที่ 2 หรอกหรือขอรับ”

ซิงเหยียนเลิกคิ้ว “วิธีที่ 2 หรือ ต้องใช้หญ้าวงแหวนดาว จุดมัน เส้นทางก็จะเปิดออก เพราะหญ้าวงแหวนดาวเดิมก็เกิดมาเพื่อเปิดเส้นทางอยู่แล้ว”

“หญ้านี้ภายนอกดูเหมือนต้นข้าวทั่วไป แต่แฝงไว้ด้วยแสงดาวรางๆ ทว่า หญ้านี้แทบจะสูญพันธุ์หมดแล้ว แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ไม่มี ว่ากันว่ามีเพียงตามจุดบรรจบของมหาสมุทรนอกของแต่ละระบบดาวเท่านั้น ถึงจะมีต้นเล็กๆ แบบนั้นอยู่บ้าง”

“ดังนั้นเจ้าเลือกวิธีแรกจะเป็นการดี”

สวี่ชิงเอาต้นหญ้าต้นหนึ่งออกมาจากถุงเก็บของอย่างเงียบงัน

ซิงเหยียนดวงตาเบิกกว้าง มองหญ้าต้นนี้

ต้นหญ้านี้เป็นคือสิ่งที่ตกลงมาจากปากหนูทองคำที่ชายชราคนนั้นที่เขาพบเจอในมหาสมุทรนอกจับกุมไว้

ที่ ตำหนักเซียนคิมหันต์ เมื่อเขาแลกตราผ่านทางมาได้ เขาเคยสอบถามเกี่ยวกับวิธีเดินทางข้ามผ่าน ซึ่งก็ตรงกับที่ ซิงเหยียน กล่าวไว้ ดังนั้นตอนนั้นเขาจึงเอามันออกมา และพิสูจน์ได้ว่ามันคือหญ้าวงแหวนดาราจริงๆ

เมื่อครู่ เขาอยากบอก แต่ซิงเหยียนตัดบทเขา

เห็นซิงเหยียนมองต้นหญ้าเหม่อลอย สวี่ชิงจุดมันอย่างเงียบๆ เสี้ยวขณะต่อมา…หมอกลอยขึ้นท้องฟ้า

เพียงแต่จุดนิดเดียวควันก็หนาแน่นเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่ปกคลุมผืนฟ้าก็พลันลอยต่ำลง ร่วงไปยังผิวน้ำของมหาสมุทรนอก

เสี้ยวขณะต่อมา ผิวน้ำระเบิดลั่น

น้ำทะเลซัดโหม สิ่งที่สายตาเห็น คลื่นวนมหึมา 35 ลูกลอยปรากฏขึ้นบนมหาสมุทรแห่งนี้ส่งเสียงครืนครั่น ต่างหมุนวนไม่หยุด แผ่กลิ่นอายเก่าแก่โบราณเป็นระลอกๆ

กลิ่นอายนี้สะท้านสะเทือนฟ้าดิน

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version