บทที่ 1098 ไร้ซึ่งผลกรรมเวร
“ป้ายอนุมัตินี้ เท่าที่ข้าทราบมา เจ้าเหนือหัวหลิงตูได้ขายของวิเศษที่มีพลังน่าทึ่งไปหลายชิ้น และใช้บุญคุณมากมายถึงจะแลกกับผู้อื่นมาได้”
“จุดประสงค์ของเขา น่าจะเพื่อมอบให้เป็นของกำนัลกับผู้อื่น…ดังนั้นเขาจึงแค่เก็บไว้ ไม่ได้เปิดใช้งาน”
“ไม่เช่นนั้น หลังจากที่เขาตายไป ป้ายอนุมัติก็จะปรากฏตราประทับวิญญาณของเขาขึ้นมา”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างระมัดระวัง บอกทุกสิ่งที่ตนรู้ทั้งหมดออกไปหมด ไม่กล้าปกปิดแม้แต่น้อย และยังเก็บซ่อนความอาฆาตแค้นไว้ในใจทั้งหมด ไม่แสดงออกมาแม้แต่น้อย
เขารู้ดีว่าสำหรับตัวตนอย่างคนเบื้องหน้าเช่นนี้ ความอาฆาตแค้นและความคิดที่จะเปิดเผยความลับในใจของตนเอง ต่อให้จะเป็นแม้เพียงเล็กน้อย อีกฝ่ายรับก็สามารถรับรู้ได้ และจะนำพาตนเองไปสู่หายนะที่ไม่อาจกอบกู้ได้จากการนั้น
ดังนั้นจึงระมัดระวังอย่างยิ่ง
ส่วนสวี่ชิง เขายืนอยู่กลางอากาศ ฟังคำพูดของชายหนุ่ม ในขณะที่ครุ่นคิด สายตาก็จับจ้องไปยังป้ายที่อยู่ตรงหน้า
บนนั้นไม่มีตราประทับวิญญาณใดๆ ให้เห็นจริงๆ
ดังนั้นสวี่ชิงจึงมองชายหนุ่มผู้นั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “พูดต่อไป”
ชายหนุ่มใจสั่นสะท้าน เขามองสีหน้าของสวี่ชิงไม่ออกว่าอีกฝ่ายพอใจกับคำตอบของตนหรือไม่ ความรู้สึกเป็นตายยังคงรุนแรง ดังนั้นจึงพยายามคิดหาคำพูด ระดมความทรงจำทั้งหมด แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ผู้อาวุโส ป้ายอนุมัติเมืองเซียนประเภทนี้ เมื่อเทียบกับจำนวนผู้บำเพ็ญทั้งหมดในระบบดาวที่ 5 แล้ว ก็มีจำนวนน้อยนิดนัก แต่ว่ามีบางคนที่ได้รับแล้วคิดว่าโชคดี และบางคนได้รับแล้วคิดว่าเป็นไม่เป็นมงคลเช่นกัน”
“หากมีกำลังรบที่เหมาะสม ย่อมสามารถใช้โอกาสนี้ทะยานขึ้นฟ้า แต่หากกำลังรบไม่เพียงพอ การถือครองป้ายอนุมัตินี้…ก็เท่ากับขาข้างหนึ่งก้าวไปบนเส้นทางแห่งความตายแล้ว”
“เพราะการถือครองป้าย ไม่เพียงแต่จะต้องเผชิญหน้ากับความโลภของผู้ที่ไม่มีป้ายเท่านั้น แต่ยิ่งต้องเผชิญหน้ากับการช่วงชิงจากผู้ถือครองป้ายคนอื่นๆ ด้วย”
“ในเมื่อเงื่อนไขในการคัดเลือกของเมืองเซียน มักประกาศในภายหลังเสมอ ดังนั้นเว้นเสียแต่ว่าจะสามารถติดในร้อยอันดับแรก…ไม่เช่นนั้นแล้ว ไม่มีทางรู้สึกมั่นคงอย่างแน่นอน”
“เช่นนี้แล้ว…การสังหารและการช่วงชิงจึงรุนแรงไปโดยธรรมชาติ และลำดับของการจัดอันดับรายชื่อก็เป็นไปตามจำนวนป้ายที่ได้”
“การสังหารผู้ถือครองป้าย ก็จะได้ป้ายของอีกฝ่ายตลอดจนจำนวนตราประทับทั้งหมดที่อยู่บนนั้น”
ชายหนุ่มพูดมาถึงตรงนี้ก็หยุดไปพักหนึ่ง โดยพื้นฐานแล้วเขาก็ได้บอกทุกสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับป้ายอนุมัติเมืองเซียนออกมาทั้งหมดแล้ว
“มีเพียงวิธีนี้เท่านี้ที่จะเข้าสู่เมืองเซียนได้หรือ” สวี่ชิงพลันเอ่ยขึ้น
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น ก็รีบตอบอย่างนอบน้อม “ยังมีอีกวิธีหนึ่งขอรับ”
“นั่นคืออย่างน้อยต้องฝึกฝนไปจนถึงระดับมหาจักรพรรดิ ที่นอกเมืองเซียน เมื่อฝึกฝนถึงระดับมหาจักรพรรดิ จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการล่าสังหาร พวกเขาจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าชั่วคราว หากสามารถทะลวงขั้นไปถึงระดับเซียนคิมหันต์ ได้ภายใน 500 ปี ก็จะสามารถพำนักอยู่ในเมืองเซียนได้อย่างถาวร”
ดวงตาของสวี่ชิงนิ่งขรึม “เช่นนี้ก็หมายความว่าทุกพื้นที่นอกเมืองเซียนในระบบดาวที่ 5 ระดับพลังบำเพ็ญสูงสุดคือมหาจักรพรรดิอย่างนั้นหรือ?”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่เป็นเช่นนั้น ระบบดาวที่ 5 มีสำนักมากมาย ตระกูลนับไม่ถ้วน ภายในไม่ขาดแคลนผู้วิเศษเซียนระดับล่าง เพราะไม่ใช่เซียนระดับล่างทุกคน หลังจากทะยานขึ้นสู่เมืองเซียนแล้ว จะเลือกพำนักอยู่ที่นั่นตลอดไป”
“มีคนเมืองเซียนจำนวนไม่น้อย ที่เมืองเซียนส่งให้ไปตรวจตรานอกพิภพ”
“เซียนระดับล่างเหล่านี้ นอกจากผู้บำเพ็ญโดดเดี่ยวบางคนแล้ว ที่เหลือส่วนใหญ่ก็คือบรรพจารย์ของสำนักใหญ่และตระกูลต่างๆ”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง ในใจมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบดาวที่ 5 มากขึ้น
แม้เขาจะรู้มานานแล้วถึงความแข็งแกร่งของผู้บำเพ็ญในระบบดาวที่ 5 แต่ในตอนนี้จิตใจเขาก็ยังคงปั่นป่วน ครู่หนึ่งเขาก็วิเคราะห์คำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า แล้วพลันเอ่ยขึ้น “ซึ่งก็หมายความว่า การล่าสังหารและการแย่งชิงระหว่างผู้ถือครองป้ายอนุมัติ เหล่านี้…ไม่อนุญาตให้ผู้บำเพ็ญระดับมหาจักรพรรดิและเซียนระดับล่างเข้าไปแทรกแซงอย่างนั้นหรือ?”
ชายหนุ่มได้ยินคำพูดของสวี่ชิงแล้ว ก็รีบพยักหน้า “เมืองเซียนมีกฎ ดังนั้นจึงไม่สามารถช่วยเหลือโดยตรงได้ แต่สำหรับการช่วยเหลือทางอ้อม…ข้าได้ยินมาว่าในระดับหนึ่งแล้วก็ไม่มีการคัดค้านอะไร ส่วนรายละเอียดเฉพาะนั้นอยู่ในระดับที่สูงเกินไป ข้าจึงรู้ไม่มากนัก”
ชายหนุ่มตอบด้วยความกังวล
สวี่ชิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง สายตาจับจ้องไปยังชายหนุ่มคนนั้น
ชายหนุ่มร่างสะท้านเฮือก ความรู้สึกไม่ดีในใจก็ปะทุขึ้นมา กำลังจะร้องอ้อนวอน
สวี่ชิงก็ยกมือขึ้นแล้วดูดตัวชายหนุ่มผู้นั้นมาในทันที
ฝ่ามือกดลงบนศีรษะของอีกฝ่าย เริ่มต้นการค้นวิญญาณเพื่อพิสูจน์ความจริงในสิ่งที่เขาพูด
ชายหนุ่มประหม่าอย่างที่สุด ลมหายใจถี่กระชั้นอย่างหนักหน่วง เขารู้ดีว่าความเป็นความตายอยู่ในเสี้ยวพริบตานี้
ดังนั้น เพื่อไม่ให้ถูกทำลายวิญญาณในขณะที่ค้นวิญญาณ เขาจึงฝืนสะกดความกลัว พยายามละทิ้งการต่อสู้ทั้งหมด ปล่อยให้สวี่ชิงสำรวจความทรงจำของตนเอง
ครู่ต่อมา สวี่ชิงก็ครุ่นคิด
เนื่องจากความแตกต่างของพลังบำเพ็ญซึ่งกันและกันมีไม่น้อย อีกทั้งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ขัดขืนเลย ดังนั้นกระบวนการค้นวิญญาณจึงราบรื่นอย่างยิ่ง และอาการบาดเจ็บของชายหนุ่มคนนี้ก็อยู่ในขอบเขตที่อีกฝ่ายทนรับไหว
ดังนั้น หลังจากสิ้นสุดการค้นวิญญาณ สวี่ชิงก็คิดครู่หนึ่ง ไม่ได้สังหารชายคนนี้ แต่กลับผนึกสัมผัสรับรู้ของวิญญาณเขา ตัดขาดประสาทสัมผัสทั้ง 5 แล้วเก็บเข้าถุงเก็บของ
ชายคนนี้ยังมีประโยชน์บางอย่างสำหรับสวี่ชิง อีกทั้งตลอดการตอบคำถามก็นับว่า ว่าง่าย เป็นคนฉลาด
“รอเมื่อข้าไปจากระบบดาวที่ 5 แล้ว ก็จะคืนอิสระให้เจ้า ส่วนในช่วงนี้…เจ้าก็ทำหน้าที่เป็นผู้นำทางก็แล้วกัน”
สวี่ชิงส่งจิตเทพออกไป สิ้นสุดการสนทนา สายตาจับจ้องไปที่ป้ายที่อยู่ตรงหน้า
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ได้เลือกที่จะกระตุ้นป้ายในทันที แต่กลับเก็บมันลงไป เตรียมตัวหลังจากออกไปแล้ว ค่อยคิดว่าจะเข้าร่วมการแย่งชิงของเมืองเซียนนี้หรือไม่
“เช่นนั้น ก่อนอื่นก็ออกจากที่นี่ก่อน”
สวี่ชิงพึมพำในใจ จากนั้นจิตเทพก็กวาดไปยังโลกใบเล็กฟองอากาศแต่ละแห่งๆ ที่แตกสลายในเหมืองวิญญาณแห่งนี้
โลกใบเล็กฟองอากาศที่นี่พังทลายไปประมาณ 7 ส่วน ทำให้พลังวิญญาณในนั้นแผ่ซ่านออกมาปกคลุมไปทั่วบริเวณนี้ เข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง มองดูคล้ายหมอก
อีกทั้งกำลังถูกคลื่นวนบนฝาครอบที่ผนึกที่นี่อยู่ดูดซับไป
แต่สามารถคาดคิดได้ เนื่องจากโลกใบเล็กพังทลายไปกว่าครึ่ง ดังนั้นการดูดซับนี้จึงกลายเป็นการดูดซับเพียงครั้งเดียว ไม่สามารถมอบพลังวิญญาณได้อย่างต่อเนื่องยาวนานเหมือนแต่ก่อน
และบนหนองน้ำ หลังจากที่เส้นขอบฟ้าโลกใบเล็กแต่ละแห่งทลายลง สรรพชีวิตในนั้นทั้งหมดก็ไม่ถูกดูดซับพลังชีวิตอีกต่อไป ดังนั้นในระดับหนึ่งแล้ว ก็นับว่ามีอิสระแล้ว
เพียงแต่ในตอนนี้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังงุนงงทำอะไรไม่ถูก ยังคงสับสนอลม่านและกำลังปรับตัว อีกทั้งติดที่ข้อจำกัดด้านพลังบำเพ็ญ ภายใต้แรงดันภายในและภายนอก ทำให้ยากที่จะบินออกไปได้
ไม่รู้เรื่องราวภายนอกเลย
แต่กระบวนการนี้ก็คงไม่ยืดเยื้อนานเกินไป เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง ในโลกใบเล็กย่อมมีอัจฉริยะที่จะพยายามทะลวงโลกที่ตนอยู่ ออกมาสู่ภายนอก มองเห็นท้องฟ้าที่แท้จริง
สวี่ชิงไม่ได้เข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้
“ระหว่างกันไม่มีซึ่งผลกรรมเวร นั่นคือชะตากรรมของพวกเขา”
ขณะเดียวกัน ในขณะที่จิตเทพกวาดผ่านไป สวี่ชิงก็มั่นใจการวิเคราะห์ของตนเองอีกครั้งว่าที่นี่คือคุกเทพเจ้า เพราะในโลกฟองอากาศทุกแห่ง ล้วนผนึกและสะกดเทพเจ้าองค์หนึ่งเอาไว้
บางองค์ตายไปแล้ว บางองค์ยังมีลมหายใจ อีกทั้งต่างไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ
ทว่าเห็นได้ชัดว่า คุกเทพเจ้าแห่งนี้ หรือจะกล่าวว่าเหมืองวิญญาณแห่งนี้ คุณภาพไม่ได้สูงนัก
เพราะเทพเจ้าเหล่านั้นที่ถูกผนึกและสะกดไว้ที่นี่ ล้วนเป็นระดับเพลิงเทวะทั้งสิ้น
สวี่ชิงสัมผัสถึงการมีอยู่ของระดับแท่นเทวะไม่ได้
“แต่ก่อนจะจากไป พลังวิญญาณที่นี่ แทนที่จะถูกคลื่นวนนั่นดูดซับไป ไม่สู้ให้ข้าดูดซับเองดีกว่า”
สวี่ชิงหรี่ตา อ้าปาก ออกแรงสูด
ทันใดนั้น พลังวิญญาณเข้มข้นที่นี่ก็พลุ่งพล่านขึ้นทันที ทะลักโหมบ่ามายังสวี่ชิงทางนี้ เขาสูดเข้าไปในปาก ดูดซับมันไปทั่วทั้งร่าง ขณะที่หล่อเลี้ยงร่างกาย ก็หล่อเลี้ยง 7 วิถีสุดยอดของเขาด้วย
เพียงแต่ คลื่นวนบนฝาครอบที่ผนึกสถานที่แห่งนี้ ก็กำลังดูดซับอยู่เช่นกัน
สวี่ชิงเงยหน้ามองดู คิดครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ลงมือทำลาย
เพราะความเกรงกลัวที่แฝงอยู่ในสายตาของผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัววัยกลางคนยามมองไปคลื่นวนก่อนตายนั้น สวี่ชิงยังคงจดจำได้แม่นยำ
“เขากังวลว่าการพังทลายของเหมืองวิญญาณจะส่งผลกระทบต่อการดูดซับของคลื่นวน เช่นนั้นต้นกำเนิดของคลื่นวนนี้…”
สวี่ชิงหรี่ตา หลังจากครุ่นคิดก็นั่งลงขัดสมาธิ ธาตุทั้ง 5 ในร่างกายหมุนเวียน เวลาและมิติก็ปะทุขึ้นเช่นกัน ก่อให้เกิดแรงดึงดูดที่ยิ่งรุนแรงยิ่งกว่า
ทันใดนั้น พลังวิญญาณในที่แห่งนี้ก็แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งไหลเข้าสู่คลื่นวน อีกส่วนหนึ่งถูกดึงดูดและส่งผลกระทบ ไหลทะลักไปหาสวี่ชิงทางนั้น
เช่นนี้เอง เวลาผ่านไป
จากการค่อยๆ ลดน้อยลงของพลังวิญญาณในเหมืองวิญญาณ ขณะที่พลังบำเพ็ญของสวี่ชิงค่อยๆ เพิ่มขึ้น พลังวิญญาณที่คลื่นวนบนฝาครอบที่ผนึกสถานที่แห่งนี้ดูดซับก็เจือจางลงเรื่อยๆ
ผลกระทบของมัน ก็เริ่มปรากฏขึ้นในฟ้าดินแห่งหนึ่งในระบบดาวที่ 5
ฟ้าดินแห่งนั้น ท้องฟ้าสายฟ้าแลบแปลบปลาบ พื้นดินแดงก่ำท่วมฟ้า มีเงาร่าง 2 ร่างกลางอากาศกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
เงาร่างทั้ง 2 เป็นชายหนุ่ม คนหนึ่งผมแดง อีกคนผมขาว ในดวงตาต่างมีจิตสังหาร การลงมือโจมตีแต่ละครั้งล้วนแฝงไว้ซึ่งมหาวิถี แฝงไว้ซึ่งอำนาจ เสียงดังกึกก้องสะท้านฟ้า
ชายหนุ่มผมแดงคนนั้น บนร่างมีภาพสัญลักษณ์คลื่นวนหลายลูก ภาพคลื่นวนทุกภาพต่างแผ่พลังวิญญาณเข้มข้นออกมา เพิ่มพลังด้านพลังบำเพ็ญให้แก่เขาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
แต่ในตอนนี้ ภาพคลื่นวนหนึ่งในนั้นก็พลันหมองหม่น พลังวิญญาณที่มอบให้มาก็แทบจะเหือดแห้ง
หากเป็นเวลาอื่น การเหือดแห้งไปของคลื่นวนเหมืองวิญญาณของตระกูลหนึ่ง เขาคงไม่สนใจ
แต่ในตอนนี้เป็นการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตาย อีกฝ่ายเป็นอัจฉริยะ ตนเองจะต้องรับมืออย่างเต็มที่ เมื่อสังหารได้จำนวนตราประทับป้ายของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ดังนั้น จึงไม่ยอมให้มีความผิดพลาดใดๆ เด็ดขาด
แต่กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
“สมควรตาย เหมืองวิญญาณแห่งนั้นเกิดอะไรขึ้น ในช่วงเวลาสำคัญนี้…”
จิตใจของชายหนุ่มผมแดงเคร่งเครียดทันที
แต่ในตอนนี้กำลังต่อสู้อยู่ เขาไม่มีเวลาไปตรวจสอบ ทำได้เพียงระงับเรื่องนี้ไว้ แล้วใช้วิชาต้องห้ามอย่างไม่เสียดายค่าตอบแทนใดๆ ลงมือต่อสู้อย่างเต็มที่
ในเวลาเดียวกัน นอกเหมืองวิญญาณ ในฟ้าดินอันมืดมิด ตอนนี้มีเรือสีดำลำหนึ่ง แขวนธงสีขาว กำลังพุ่งเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว
ความเร็วน่าตื่นตะลึง
บนเรือมีเงาร่าง 8-9 ร่าง แต่ละคนสีหน้าสบายๆ หัวเราะพูดคุยกัน
ส่วนภาพบนเรือที่พวกเขาอยู่พิเศษนัก นั่นเป็นวงแหวนวงหนึ่ง คล้ายว่ามีความหมายบางอย่าง
ในขณะที่ธงปลิวไสว เสียงหัวเราะพูดคุยก็ลอยไปกับสายลม
“ข้างหน้าก็คือเหมืองวิญญาณของตระกูลที่ผู้อาวุโสหลิงตูดูแล ไปถึงที่นั่น เราก็จะได้พักฟื้นหล่อเลี้ยงกันแล้ว”
“ครั้งนี้พวกเราออกไปทำภารกิจของตระกูล ได้รับการเก็บเกี่ยวที่พอใช้ได้ อีกทั้งสืบสำรวจข้อมูลสำคัญมาได้มากพอที่จะกลับไปรายงานตระกูลได้แล้ว ต่อไปข้าจะไปเล่นสนุกในโลกใบเล็กของเหมืองวิญญาณให้เต็มที่ การเดินทางครั้งนี้ลำบากมาก เหนื่อยสายตัวแทบขาด”
เมื่อพูดถึงการไปเล่นสนุกในโลกใบเล็ก ทุกคนบนเรือก็หัวเราะออกมา แต่ละคนสีหน้าฉายความคาดหวังออกมา
สำหรับพวกเขายอดฝีมือของตระกูลเหล่านี้ โลกใบเล็กของเหมืองวิญญาณ คือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สามารถเล่นสนุกได้ตามใจชอบ
ตอนนี้ในเสียงพูดคุยหัวเราะ ผืนดินเบื้องหน้าพวกเขาก็มีฝาครอบขนาดมหึมาปรากฏขึ้น ที่นั่นคือจุดหมายปลายทางของพวกเขา
“ถึงแล้ว”
เรือหยุดอยู่กลางอากาศ ก่อนจะพุ่งตรงไปยังเหมืองวิญญาณบนพื้น
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
